Welcome to OB OON Boutique Hotel

เมื่อมองโรงแรมอบอุ่นจากภายนอก ที่นี่น่าจะเป็นคาเฟ่ชิคย่านสุขุมวิทที่เดินเข้าไปแล้วมีคนสั่งเครื่องดื่มร้อนสีดำแน่ๆ แต่อาคารพาณิชย์ใจกลางสุขุมวิท 49 นี้เป็นออฟฟิศของ Terra Architects และบริษัทสถาปนิกแสนเก๋นี้เพิ่งปรับโฉมทั้งตึกให้กลายเป็นโรงแรมที่ผสมผสานความวินเทจกับบรรยากาศร่วมสมัย ตัวอาคารทาสีเขียวมะกอกโดดเด่น สะกดสายตาด้วยป้ายชื่อ ‘อบอุ่น’ สีทองที่ออกแบบจากลายมือของคุณอุ่นเรือน ชื่อคุณยายคนสำคัญที่เกือบจะได้ใช้เป็นชื่อโรงแรมในคราแรก

ฉันตัดสินใจเปิดประตูกระจกบานใหญ่เข้าไป มันเหมือนฉากในหนังสักเรื่อง ส่วนต้อนรับเบื้องหน้าทาสีขาวตัดกับกระเบื้องแวววับสีเขียว ทั้งล็อบบี้เต็มไปด้วยสารพัดขวดยาฝรั่งของคุณยายที่เคยเป็นเภสัชกรมาก่อน และดอกไม้ใบไม้เสริมความสดชื่น มีโต๊ะพร้อมกระดานหมากรุกสำหรับนั่งเล่น โต๊ะตัวยาวกลางห้องสำหรับทานอาหาร ที่แปลกตาและน่าประทับใจคือมุมห้องที่กั้นฉากเป็นมุมเอกเขนก เพียงขึ้นบันไดขนาดย่อมก็เข้าไปนอนพิงหมอนสามเหลี่ยมบนชานไม้เล็กๆ ได้เหมือนพักผ่อนในเรือนไทย

บาร์ยาวข้างชานมีขวดน้ำส้มคั้น น้ำยาอาทิตย์อุทัยสีชมพูเย็นชื่นใจ และขนมไทยสีเหลืองสดหลากชนิดในถ้วยลายครามพร้อมให้แขกลองชิม การต้อนรับอ่อนหวานทั้งหมดนี้เป็นผลงานของ ปลาหวาน-ศิรสา มังคละพฤกษ์ มัณฑนากรสาวผู้โหยหาความทรงจำในวัยเด็กที่บ้านของคุณยาย เธอจึงรวบรวมมวลความอบอุ่นที่เคยได้รับมาไว้ที่ OB OON Boutique Hotel

“เราออกแบบที่พักให้คนมามาก ก็เลยอยากทำที่พักตามใจตัวเองบ้าง คิดแล้วความอบอุ่นแบบบ้านคุณยายก็มาก่อนเลย มันต้องโทนสีแบบนี้ เขียวๆ หน่อย เพราะบ้านคุณยายใช้ม่านเขียวทั้งบ้าน ใช้สีไม้แบบนี้ หน้าต่างมีขุ่นกับใส มีทั้งความทึบและโปร่ง ออกทึมๆ หม่นๆ แต่รู้สึกว่าน่าอยู่ เราเลยไปยกเฟอร์นิเจอร์เก่ามาใช้ โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ บางส่วนก็มาจากห้องเก็บของของคุณยาย”

เจ้าบ้านสาวเล่าแนวคิดของที่พักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม บรรยากาศบ้านคุณยายที่เธอยกมาไว้นี่เองที่ทำให้ความสุขแผ่ซ่านจนฉันสัมผัสได้ตั้งแต่หน้าประตู

What kind of room do you want, sir?

“จากพื้นที่ที่เรามี เราแบ่งห้องเป็น 8 ห้อง คอนเซปต์แต่ละห้องก็คือเตียงต้องใหญ่ก่อน มีทั้งห้องที่เป็นเตียงเดี่ยว เตียงแยก และเตียงสองชั้น”

ปลาหวานเล่าการจัดสรรอาคาร 4 ชั้นขนาดเล็ก แต่ละห้องตกแต่งแตกต่างกัน แต่ยังคงถ่ายทอดคอนเซปต์อุ่นๆ ผ่านงานศิลปะในกรอบเหลี่ยม ปาล์มซานาดูใบเขียวในขวดแก้ว และสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่ชอบมาก คือหมายเลขห้องที่ใช้ศิลปะแบบคอลลาจ ผสานระหว่างกระดาษ แผ่นกระจกใสและตัวเลขไม้สีทอง เพื่อบอกเรื่องราวความทรงจำเก่าๆ อย่างลงตัว ความน่ารักนี้เป็นฝีมือของ พิม จงเจริญ และทีม Teaspoon Studio ที่มอบให้ อบอุ่น บูทีค โฮเทล

ชั้นหนึ่งเป็นพื้นที่ล็อบบี้และห้องพักหมายเลข 1 ที่มีเตียงสองชั้น เพดานสูงโปร่ง ซึ่งเป็นห้องที่ถูกที่สุด แขกชอบที่สุด แล้วก็มียอดจองเต็มที่สุด ด้วยราคาน่ารักและข้อดีที่ไม่ต้องขึ้นบันได

ส่วนชั้นสองจะมีออฟฟิศของเทอร์ร่า อาร์คิเทคส์ แฝงตัวอยู่ข้างๆ ห้องพักหมายเลข 2 หากสังเกตดีๆ จะเจอสติกเกอร์ใจความน่ารักน่าอมยิ้มติดอยู่ที่ประตูว่า ‘Please knock if the Architects are making too much noise’ ภายในห้องพักหมายเลข 2 มาพร้อมเตียงใหญ่และห้องน้ำส่วนตัว มีไม้ตีฝุ่น อุปกรณ์หวายแบบโบราณที่ห่างหายจากบ้านสมัยนี้แขวนไว้ พร้อมให้ใช้บริการ

ชั้นสามและชั้นสี่จะมีห้องชั้นละ 3 ห้อง แต่ละห้องต่างดีงามจนเลือกไม่ถูกว่าจะรักห้องไหนมากเป็นพิเศษ ห้องหมายเลข 4 บริเวณระเบียงจะมีต้นปีบที่แตกกิ่งก้านยื่นเข้ามาส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วยผ่อนคลายในวันที่เหนื่อยล้า ห้องพักหมายเลข 7 มีคานปูนเปลือยเก่าที่ยื่นเข้ามาในห้อง แปลก แต่ให้ความรู้สึกต่อเนื่องกันดีกับระเบียงด้านนอก แถมยังมีโต๊ะไม้สำหรับทำแหวนของปลาหวานที่เข้ามุมได้อย่างพอดีจนน่าประหลาดใจ

Would you like a room with a bath or a shower?

ด้วยพื้นที่จำกัด เธอพลิกวิกฤตเป็นโอกาส สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้หลายห้องด้วยห้องน้ำแบบไร้ประตู เพื่อให้ห้องน้ำกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของห้อง และเป็นเทคนิคที่ทำให้ห้องกว้างขึ้นอีกด้วย

“เราอยากให้ทุกห้องมีห้องน้ำ ไม่อยากให้เป็นแบบแบ็กแพ็กเกอร์ที่ใช้ห้องน้ำรวม ทุกคนจะได้สบายในพื้นที่ของตัวเอง”

ความตั้งใจและใส่ใจในรายละเอียดของเธอส่งผลให้การออกแบบน่ารักตามไปด้วย ห้องน้ำแต่ละห้องมีสไตล์ไม่ซ้ำกัน ทั้งห้องน้ำลายหินอ่อนสีขาวสะอาดตา ห้องน้ำปูกระเบื้องสีเขียวมะกอก และห้องน้ำที่ฉันชอบที่สุดในห้องพักหมายเลข 5 ซึ่งปูกระเบื้องโมเสสขาวเล็กๆ มีอ่างอาบน้ำ และล้อมด้วยกระจกใส เจ้าบ้านแนะนำพร้อมเสียงหัวเราะว่า

“ต้องมากับคนที่สนิทจริงๆ หรือแฟนกันนะ”

นี่แหละประสบการณ์แปลกใหม่ที่ฉันคิดว่าช่างเหมาะกับคู่รักสายโรแมนติกเหลือเกิน

อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ฉันคิดว่าปลาหวานเป็นคนใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ คือเครื่องทำน้ำอุ่นภายในห้องน้ำทุกห้อง หากมองเผินๆ เราจะไม่รู้เลยว่ามีมันอยู่ในนั้นด้วย เพราะเธอหลบมันไว้ในตู้ไม้คล้ายตู้ยา กลมกลืนไปกับการตกแต่งภายในห้องอย่างแยบยล

Your room number is 8

ห้องสุดท้ายที่ฉันขอเทใจให้คือห้องพักใต้หลังคาหมายเลข 8

ภายในห้องตกแต่งอย่างอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ของคุณยาย หมุดที่ยึดหนังให้ติดกับเก้าอี้บางตัวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เห็นแล้วก็ร้องอุทานในใจว่า นี่แหละ! เสน่ห์ของแอนทีกที่ของใหม่ก็เลียนแบบไม่ได้

แต่ความพิเศษไม่ได้มีแค่นั้น สาเหตุที่ฉันเลือกห้องนี้เพราะว่าเป็นห้องเดียวในโรงแรมที่มีดาดฟ้าส่วนตัว hidden place เล็กๆ ที่มองเห็นตึกสูงและบ้านน้อยใหญ่ใจกลางเมืองนี้เพิ่งมีคนมาจองจะเซอร์ไพรส์วันเกิดแฟน แถมบนดาดฟ้าไม่มีไฟฟ้าแต่จะมีตะเกียงให้แทน แค่จินตนาการบรรยากาศหวานแหววก็รู้สึกอบอุ่นแทนทั้งคู่แล้ว

จบการทัวร์โรงแรมสีเขียวเล็กๆ แสนน่ารัก ฉันเดินกลับออกมาด้วยความอบอุ่นเต็มหัวใจ ทุกรายละเอียดในที่พักดูราวกับจะบอกทุกคนที่มาเยือนว่า

“Thank you very much and have a nice stay.”

OB OON Boutique Hotel
ที่อยู่ 
: 12/13 ซอยสุขุมวิท 49/6 ถนนสุขุมวิท กรุงเทพมหานคร 10110
ราคา : 800 – 2,000 บาท
Facebook OB OON Boutique Hotel
เบอร์ติดต่อ : 087-929 -9469

Writer

สุทธิดา อุ่นจิต

สุทธิดา อุ่นจิต

กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ สู่ ลาดพร้าว - สุขุมวิท , พูดภาษาพม่าได้นิดหน่อย เป็นนักสะสมกระเป๋าผ้า ชอบหวานน้อยแต่มักได้หวานมาก

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล