The Cloud x Startup Thailand
คงเดาไม่ยากว่า หลายๆ คนน่าจะเคยเจอกับประสบการณ์เหล่านี้สักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นน้ำแอร์หยด ท่อน้ำแตก ต้องหากะละมังมารองแก้ปัญหาเฉพาะหน้าชั่วคราว หรืองานยุ่งจนบ้านรกไม่มีเวลามาปัดกวาดเช็ดถู จนต้องปิดตาข้างหนึ่งเพื่อมองข้ามความไม่เป็นระเบียบเหล่านั้นไป ครั้นจะหาผู้ช่วยตรงใจที่มาจัดการดูแลเรื่องจุกจิกเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ครั้งหนึ่ง ซาฮิบ อนันต์ทรงวิทย์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Seekster ก็เคยประสบปัญหาทำนองนี้ที่เข้าขั้นเร่งด่วน เมื่อแอร์ในโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวของเขาดันมีปัญหา ช่างประจำที่ใช้บริการสม่ำเสมอก็ไม่ว่างที่จะเข้ามาทันที ในขณะที่แขกก็กำลังจะมาเช็คอินเข้าพัก ในฐานะคนดูแลโรงแรม ซาฮิบจำเป็นต้องค้นหาช่างรายอื่นผ่านช่องทางต่างๆ ที่พอจะนึกได้ ท้ายที่สุดเขาก็เจอช่างที่ช่วยกอบกู้สถานการณ์ได้ทันเวลา แม้จะรู้สึกว่าค่าบริการสูงหน่อย แต่ด้วยความจำเป็นอย่างไม่ค่อยมีทางเลือกทำให้เขาต้องยอมจ่ายเงินตรงนั้นไป
แต่ซาฮิบไม่จบแค่ตรงนั้น ในเมื่อเราอยู่ในยุคที่อาหารจานร้อนจากร้านโปรดมาเสิร์ฟถึงรั้วบ้าน รถแท็กซี่มารับถึงปากประตูคอนโดได้โดยไม่ต้องเดินออกไปคอยเก้อ เราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีช่วยให้แทบทุกความเป็นไปได้เกิดขึ้นจริงเพื่อจะทำให้ความเป็นอยู่สะดวกสบายและง่ายขึ้นได้เพียงแค่ปลายนิ้ว Seekster แพลตฟอร์มสำหรับงานบริการเรื่องบ้านๆ จึงค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้น
“ที่ผ่านมาผมเห็นช่องว่างของอุตสาหกรรม คือเราไม่ไว้ใจช่าง พอมีปัญหาแอร์ ปัญหาไฟฟ้า เราอยากให้ช่างประจำมาดูให้ แต่บางครั้งช่างไม่ว่างมาตอนนี้” ซาฮิบเล่าต่อว่าที่จริงช่างและผู้ให้บริการมีอยู่มากมาย เห็นได้จากป้ายประกาศตามต้นไม้และเสาไฟฟ้าที่มีอยู่ทั่วไป แต่คุณภาพและความน่าเชื่อถือคือความท้าทายสำคัญ
แน่นอนว่าสตาร์ทอัพที่เป็นผลผลิตจากเขาและทีมจึงถูกออกแบบมาเพื่อปิดช่องว่างตรงนี้ Seekster คือตัวกลางที่เป็นแหล่งรวมผู้ให้บริการที่จับคู่กับลูกค้า โดยที่ผู้ให้บริการทุกรายจะต้องผ่านการเทรนนิ่ง รวมทั้งตรวจสอบประวัติอาชญากรรม เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่มีมาตรฐานทั้งด้านคุณภาพและราคา นอกจากนี้ยังมีระบบ rating ให้ผู้รับบริการประเมินผลการใช้งาน เพื่อที่จะเป็นแรงผลักดันให้ผู้ให้บริการทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด
ไม่เพียงแต่ผู้รับบริการเท่านั้นที่เป็นหัวใจสำคัญของ Seekster ซาฮิบบอกว่าเขาตั้งใจจะให้แพลตฟอร์มนี้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ให้บริการด้วย
“ระบบของเราให้ค่าตอบแทนผู้ให้บริการมากกว่ารายได้ที่เขาได้ปกติถึง 3 เท่า และพวกเขาสามารถทำงานแบบฟรีแลนซ์ เลือกวันหยุดได้ตามต้องการ”
คิดเล็กค่อยคิดใหญ่
พอคิดจะก่อร่างสร้างธุรกิจขึ้นกับมือร่วมกับเพื่อนๆ ซาฮิบวาดฝันไว้ไกลอยากให้ Seekster เป็นศูนย์รวมที่มีครบทุกบริการ
“เราสรุปไอเดียได้ว่าเราจะเป็นตลาดออนไลน์สำหรับทุกบริการ ถ้าจะหาช่างภาพ ช่างแต่งหน้า คนล้างรถ ติวเตอร์ กราฟิกดีไซน์ เราจะเป็นศูนย์รวมทุกอย่าง” แต่ภาพแห่งความเป็นจริงนั้น ผ่านไปได้เพียง 3 เดือน ซาฮิบและเพื่อนๆ ก็ต้องกลับมาทบทวนจุดยืนกันอีกครั้ง “เรารู้เลยว่าเราไม่มีพลังที่จะกินตลาดทุกอย่างเพราะเราไม่มีทรัพยากรต่างๆ ที่เพียงพอ เราเลยกลับมาดูว่ามีตลาดไหนที่พอทำได้และใหญ่ที่สุดเราก็ควรจะโฟกัส สุดท้ายเราตัดสินใจว่าเป็นตลาด Home Repair Maintenance”
ระหว่างทาง Seekster สำรวจตลาดผ่านการเซอร์เวย์ กว่า 80 เปอร์เซนต์จากกว่า 300 คนบอกว่าสนใจที่จะใช้บริการ Seekster จึงไม่รอช้าเริ่มทดลองแพลทตฟอร์มที่ออกแบบไว้ทันที
เริ่มแรก Seekster ใช้ระบบแมนวล เมื่อมีลูกค้าส่งใบขอรับบริการ Seekster จะโทรติดต่อช่าง และเมื่อช่างรับงาน Seekster ก็จะส่งคำตอบรับกลับไปให้ลูกค้าอีกทีหนึ่ง Seekster ผ่านการลองผิดลองถูกหลายครั้ง เปลี่ยนระบบ ปรับวิธีการคิดค่าบริการมาหลายๆ แบบ สตาร์ทอัพเพื่อบ้านแห่งนี้ค่อยๆ พัฒนาตัวขึ้น จนทุกวันนี้ผู้ใช้ Seekster สามารถจับคู่กับผู้ให้บริการได้ภายใน 2 – 5 นาที และคิดค่าบริการแบบอัตราคงที่เพราะเชื่อว่าลูกค้าต้องการความแน่นอน ต้องการรู้ชัดว่าอะไรคือสิ่งที่เขาจะได้รับ
“ผมเชื่อใน A/B testing ไม่ว่าจะทำอะไรเราจะทดลองเลยว่าอันไหนได้รับการตอบรับที่ดีกว่ากัน และเราจะเลือกใช้สิ่งนั้น” ซาฮิบกล่าว
แม้ที่สุด Seekster ลงเอยด้วยการเป็นผู้ให้บริการที่เจาะจงเรื่อง Home Repair Maintenance โดยมีบริการแม่บ้านและช่างแอร์เป็นบริการหลักตลอดระยะเวลาขวบครึ่งที่เปิดให้บริการ แต่ทุกวันนี้ Seekster ก็ยังไม่หยุดนิ่ง
“บริษัทของเรามีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เราปรับปรุงตัวเองตามคำแนะนำจากลูกค้า” ซาฮิบเล่าว่าทุกวันนี้ถ้ามองหาบริการทำความสะอาดโซฟา กำจัดเบดบั๊ก กำจัดแมลง ซ่อมประปา ไฟฟ้า หรือแม้แต่บริการแม่บ้านที่รีดผ้าโดยเฉพาะ ก็สามารถหาได้ครบจบที่ Seekster
“ผมพบว่าลูกค้าที่ใช้บริการกับเราครั้งแรก มักกลับมาใช้บริการเราในครั้งต่อๆ ไป รวมถึงลองใช้บริการอื่นๆ ภายใต้แบรนด์เราด้วย”
โลกอนาคตที่กำลังจะเป็นจริง
“ผมเชื่อว่าโลกอนาคตที่คุณตื่นมาพร้อมคำสั่งด้วยเสียง มีหุ่นยนต์มาจัดการเสิร์ฟกาแฟ และแสดงข้อมูลต่างๆ ที่คุณต้องการได้ในทันที เป็นความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น” ซาฮิบฉายภาพอนาคตอันใกล้ให้เราฟัง เขาเชื่อว่าสตาร์ทอัพสาย PropertyTech (เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์) กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เห็นได้จากการที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายๆ แห่งเริ่มนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเพิ่มคุณค่าให้แก่บริษัทและบริการของตัวเอง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อชีวิตที่ง่ายขึ้นของลูกบ้าน เหมือนกับที่ Seekster เองที่กำลังจับมือกับ Property Developer บางเจ้าเพื่อให้บริการกับลูกบ้าน โดยภายในปีหน้า Seekster ตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการอันดับหนึ่งในประเทศไทยที่มีจำนวนผู้ให้บริการมากที่สุด และกำลังหาโอกาสเข้าไปจับกลุ่มลูกค้าที่เป็น B to B มากขึ้น
“การทำงานในสาย PropertyTech เปิดโอกาสให้เราหลายมุม ทำให้เราเรียนรู้ว่าการใช้เทคโนโลยีมาเปลี่ยนแปลงอะไรแค่เล็กๆ น้อยๆ มันสร้างอิมแพ็คได้เยอะมากแค่ไหน”
อย่างไรก็ตามซาฮิบบอกว่าสิ่งที่สตาร์ทอัพสายนี้ โดยเฉพาะอันที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีราคาสูง ควรคำนึงถึงคือเรื่องที่ว่าผู้อยู่อาศัยจะยอมจ่ายเงินเพื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากน้อยแค่ไหน และอีกหนึ่งความเสี่ยงก็คือ อาจมีคู่แข่งเข้ามาจับตลาดในรูปแบบธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน
“ความท้าทายก็คือเราจะป้องกันตัวเองจากคู่แข่งได้อย่างไรบ้าง จะโดดเด่นทางใดได้บ้าง ซึ่งต้องรับฟีดแบ็กจากลูกค้าและพาร์ตเนอร์มาปรับปรุงและพัฒนา ไม่งั้นก็อาจจะเติบโตยาก” ซาฮิบแนะนำ
เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่สตาร์ทอัพสาย PropertyTech ไม่สามารถมองข้ามได้ก็คือ เรื่องความไว้วางใจ
“ขึ้นชื่อว่า PropertyTech มันคือการอนุญาตให้ผู้ให้บริการต้องเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของคุณ เพราะฉะนั้นเรื่องความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องจำเป็น”