27 กันยายน 2024
1 K

“ขายใบละเท่าไหร่คะ”

“ใบละ 3 บาทครับ”

“หืม จะได้กำไรไหมเนี่ย”

“ผมใช้แหนแดงให้แม่ไก่กินเป็นอาหาร แหนแดงมีโปรตีนแล้วต้นทุนก็ไม่แพงมาก

“ผมเลยขายราคานี้ได้ ปกติที่ตลาดขายใบละ 5 บาท นี่เป็นไข่เบอร์ 3 ด้วยนะครับ”

เด็กชายชาวปกาเกอะญอตอบลูกค้าด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ วันนี้เขาสวมบทเป็นพ่อค้าขายไข่ไก่ หน่อไม้ไร่ กล้วยน้ำว้า และพืชผักผลไม้นานาชนิดที่ใช้กาบกล้วยและใบตองบรรจงห่อเป็นบรรจุภัณฑ์ ข้างกันเป็นแผงจำหน่ายงานฝีมือของเด็กหญิงชาวกะยัน กับร้านขายอาหารพื้นถิ่นของเด็กหญิงชาวลีซูสวมหมวกทรงกลมประดับลูกปัดหลากสี ซึ่งมีคนรุมกรูอยู่เต็มหน้าร้าน ทั้งพ่อค้า แม่ค้า และลูกค้าที่ดูคล่องแคล่วและฉะฉานส่วนมากเป็นแค่เด็กวัยประถม

นี่คือภาพบรรยากาศกิจกรรมในหลักสูตรที่มีจุดเริ่มต้นจากการตั้งคำถามว่า ทำไมต้องรอให้เด็กโตก่อนจึงจะเรียนรู้การเป็นผู้ประกอบการ ทำไมต้องให้การเรียน 4 – 5 ปีมานิยามตัวตนของเราไปตลอดชีวิต กอปรกับคำถามที่วนเวียนในหัวถึงหน้าตา ‘การศึกษาเพื่ออนาคต’ ของ แพร-ดร.นรรธพร จันทร์เฉลี่ย เสริบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิ Starfish Education องค์กรสร้างสรรค์การเรียนรู้และพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา ผู้เชื่อว่าในเมื่อคนคนหนึ่งมีมิติและมุมมองที่แตกต่าง หลากหลาย การจัดการศึกษาที่มีความหมายสำหรับชีวิตของผู้เรียนก็ไม่จำเป็นต้องมีเพียงรูปแบบเดียวแนวคิดนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิด ‘Starfish Learning Hub’ หรือโครงการศูนย์การเรียนรู้นอกห้องเรียน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ อีกรูปแบบหนึ่งของการศึกษาทางเลือกที่เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ รวมทั้งคุณครูและผู้ปกครองได้เก็บเกี่ยวองค์ความรู้ตามความใฝ่ฝัน พร้อมพัฒนาทักษะสำคัญที่จะช่วยยกระดับศักยภาพ เพื่อตอบโจทย์ชีวิตและการทำงานในอุตสาหกรรมแห่งโลกอนาคต

โรงเรียนที่ดีที่สุด

Starfish Learning Hub ตั้งไข่ในยุคที่แพรคิดชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า Starfish 2.0 หรือหลังจากที่เธอกลับมานั่งเป็นหัวเรือใหญ่ รับช่วงต่อจาก ดร.ริชาร์ด พี ฮ็อกแลนด์ (Dr. Richard P. Haugland) นักธุรกิจและนักเคมีชาวอเมริกัน ผู้บุกเบิกองค์กรและสร้าง ‘โรงเรียนปลาดาว’ โรงเรียนเอกชนประเภทศึกษาสงเคราะห์ ซึ่งมุ่งมั่นมอบโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพแก่เด็กและครอบครัวเปราะบาง ยากไร้ 

ที่ต้องใช้คำว่า ‘กลับมา’ เพราะก่อนหน้าที่แพรจะย้ายไปรับตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายพัฒนาการศึกษาของ บริษัท แอปเปิล (Apple Inc.) ประจำประเทศไทยและสิงคโปร์ เธอเคยร่วมบริหารโรงเรียนปลาดาวมานานถึง 9 ปี และริเริ่มการเรียนการสอนแบบ Project-based Learning สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความสนใจของเด็ก ๆ ควบคู่การพัฒนาโครงการส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษาและองค์ประกอบต่าง ๆ ของโรงเรียน จนเติบโตจากโรงเรียนอนุบาลสู่โรงเรียนประถมศึกษาที่มีเด็กนักเรียนกว่า 200 ชีวิต 

โรงเรียนแห่งนี้เป็นตัวแทนโรงเรียนไทยที่ผ่านเข้ารอบ 1 ใน 3 รางวัลโรงเรียนยอดเยี่ยมของโลกปี 2024 (World’s Best School Prizes) ประเภทนวัตกรรม จากโรงเรียนกว่า 1,000 แห่งใน 80 ประเทศทั่วโลก 

“จริง ๆ ในระหว่างทำงานกับแอปเปิล เรายังช่วยดูกลยุทธ์และภาพรวมของโรงเรียนอยู่นะ จนกระทั่ง ดร.ริชาร์ด ไม่สบาย เขาเลยเอ่ยชวนเรากลับมาทำประจำที่นี่อีกครั้ง” 

เป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่ายนัก แพรยอมรับ ทว่าช่วงที่เธอต้องบินจากสิงคโปร์มาดูแล ดร.ริชาร์ด ก็มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันถึงวิสัยทัศน์และการจัดการศึกษาของโรงเรียนปลาดาวที่ต้องปรับตัวให้เท่าทันโลกและสร้างคุณประโยชน์สูงสุดแก่สังคมบนวิถีทางใหม่ ๆ ชายชราชาวอเมริกันผู้เรียบง่าย สมถะ รับฟังอย่างเปิดกว้างและไว้วางใจเหมือนเช่นวันแรกที่ได้พบกัน ก่อนฝากฝังกับแพรว่า แม้ตัวเขาจะไม่มีโอกาสได้เห็นวันนั้น แต่ก็จะยังคอยเฝ้ามองดู

“ดร.ริชาร์ด เคยพูดกับเราในวันแรก ๆ ว่า เราจะต้องทำให้โรงเรียนปลาดาวเป็นโรงเรียนดีที่สุดในภาคเหนือ ในตอนนั้นเราก็แอบคิดนะว่าจะทำได้ยังไง โรงเรียนในเชียงใหม่ก็เยอะแยะ แล้วเราก็เป็นแค่โรงเรียนเล็ก ๆ แต่พอได้มาย้อนคิดอีกที จริง ๆ แล้วคำว่า ดีที่สุด มันดีกับใคร แล้วใครเป็นคนบอกว่าดี สุดท้ายพอตกผลึกและตัดสินใจกลับมา เราจึงวางแผนพัฒนาโครงการด้วยวิธีคิดใหม่ว่า ต่อจากนี้ทุกงานของเราจะต้องเอื้อประโยชน์สูงสุดต่อสังคมในวงกว้างและสร้างผลกระทบเชิงบวกมากกว่ากับแค่เด็กไม่กี่ร้อยคนที่เราดูแล”

จากโจทย์ดังกล่าว กลายเป็นที่มาของโครงการนวัตกรรมทางการศึกษา อย่าง Starfish Labz แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้คุณครูเข้ามาศึกษาหาความรู้ โดยเลือกวัน เวลา และวิธีการเรียนรู้ได้เองหลากหลายรูปแบบ ที่สำคัญยังลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านแบบไม่มีค่าใช้จ่าย, Starfish Class แอปพลิเคชันที่ออกแบบให้เป็นผู้ช่วยของคุณครูในการประเมินทักษะและสมรรถนะของนักเรียน รวมถึงมีฟังก์ชันบริหารจัดการห้องเรียน ช่วยให้คุณครูใช้เวลากับงานเอกสารน้อยลงและวางแผนการจัดการเรียนรู้สำหรับนักเรียนรายบุคคลได้ และ Starfish Learning Hub โครงการใหม่หมาดที่ต่อยอดแนวคิด Learning Beyond School เพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอนาคตที่มีความยืดหยุ่น เหมาะสม และตอบโจทย์ผู้เรียนทุกวัย

การศึกษาเพื่ออนาคต

“เกือบทุกคนที่มาเยี่ยมโรงเรียนปลาดาว มักพูดว่าเสียดายที่ตอนเด็กไม่มีโอกาสได้เรียนแบบนี้ หรือบ้างก็อยากพาลูกมาเรียน แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่ใช่คนในพื้นที่และไม่ใช่ครอบครัวที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษตามเกณฑ์ของโรงเรียน เราเลยรู้สึกว่า จริง ๆ แล้วโอกาสนี้ทำให้เกิดขึ้นได้นะ ด้วยการสร้าง Starfish Learning Hub ขึ้นมา”

แพรเล่าอย่างเบิกบาน ก่อนเสริมต่อว่า นอกจากปัจจัยข้างต้น Starfish Learning Hub ยังจุดประกายมาจากการครุ่นคิดและจินตนาการถึงการศึกษาที่เหมาะสมกับโลกยุคอนาคตของเธอ

“ราวปีก่อน เราไปร่วมวงเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดนักการศึกษาจากทั่วโลกที่สนใจว่าการจัดการศึกษาเพื่ออนาคตควรจะมีหน้าตาจะเป็นอย่างไร ถึงแม้เราจะทำโรงเรียนในระบบก็จริง แต่เราพยายามหาช่องทางที่จะสร้างการเรียนรู้ที่เหมาะกับเด็กของเรามากกว่านี้ จึงเก็บคำถามมาคิดตลอดหลายเดือน ลองจินตนาการใหม่เลยว่า ถ้าคนคนหนึ่งจะมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างมีความสุข ดูแลตัวเอง ครอบครัว และมีทักษะการทำงานที่ดี เขาจะต้องรู้อะไรบ้าง พอคิดแบบนี้เลยทำให้เรารู้สึกว่า ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมานั่งเรียน 8 ชั่วโมงต่อวัน แล้วจำนวนชั่วโมงที่เยอะก็ไม่ได้การันตีด้วยว่าคุณจะประสบความสำเร็จ

“ประกอบกับช่วงโควิด ทำให้เราเห็นว่าจริง ๆ แล้วมนุษย์ขยับวิธีคิดทางการเรียนรู้ได้นะ เพียงแต่สิ่งที่ไม่อนุญาตให้ทำคือระบบ ดังนั้น เราจึงลองออกแบบโครงการโดยวางคอนเซปต์ให้เป็นการเรียนรู้ที่ไม่จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน สอนในสิ่งที่ผู้เรียนอยากเรียนและเหมาะสมกับศักยภาพ”

เพื่อให้จับต้องง่ายขึ้น แพรจึงหยิบจับองค์ความรู้และต้นทุนเดิมของ Starfish Education มาบูรณาการร่วมกับทักษะที่สอดรับกับแนวโน้มอุตสาหกรรมโลกตามการรายงานของ World Economic Forum จนได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นหลักสูตรสุดสร้างสรรค์จำนวน 5 หลักสูตร

หลักสูตรและทางเลือก

ต่อไปนี้คือหลักสูตรทั้ง 5 ที่บรรจุอยู่ในการเรียนรู้ฉบับ Starfish Learning Hub

หลักสูตรที่ 1 การเป็นผู้ประกอบการ เติบโตไปกับธุรกิจยั่งยืน (Sustainable Entrepreneurship) ที่ชวนมาเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้ประกอบการหัวใจสีเขียว ผ่านการลงมือผลิตอาหาร ทดสอบตลาด พร้อมเรียนรู้การทำฟาร์มแบบยั่งยืน

หลักสูตรที่ 2 สร้างสรรค์การออกแบบและผลิตนวัตกรรม (Innovative Design & Production) หลักสูตรกระตุกต่อมคิดเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ ซึ่งต่อยอดมาจากกระบวนการ Maker Education จากโครงการ Makerspace ของโรงเรียน ซึ่งเปิดทางให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยประสบการณ์แวดล้อมและการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง

หลักสูตรที่ 3 สำรวจโลกนิเวศและวิเคราะห์ข้อมูลสิ่งแวดล้อม (Eco-explorers & Environmental Data Analysts) ที่เด็ก ๆ จะได้เพลิดเพลินไปกับการสำรวจธรรมชาติควบคู่การวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อปลูกฝังการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

หลักสูตรที่ 4 ผู้นำนักสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคม (Social Innovators) เป็นหลักสูตรที่ไม่เพียงแบ่งปันไอเดียการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมโดยใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์ม หากยังต้องการเติมเต็มความเข้าใจในบทบาทงานมูลนิธิในฐานะนวัตกรรมเพื่อสังคม ซึ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีได้ยิ่งกว่าเดิม

หลักสูตรที่ 5 การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและดิจิทัล (Cultural & Digital Tourism) ถ่ายทอดความรู้ด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตของการท่องเที่ยวดิจิทัล 

โดยทุกหลักสูตรขับเคลื่อนด้วยกระบวนการเรียนรู้ ‘EDICRA’ (E – Explore สำรวจปัญหา, D – Define ระบุปัญหา, I – Investigate สืบสวนปัญหา, C – Create สร้างสรรค์ชิ้นงานจากปัญหา, R – Reflect สะท้อนการเรียนรู้ และ A – Act สร้างความแตกต่างจากชิ้นงานใหม่) ที่ส่งเสริมให้ขบคิดจากปัญหาจริงและลงมือแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งช่วยให้เราเห็นพัฒนาการของเด็ก ๆ ได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ แพรบอกว่าเธอยังตั้งใจให้ Starfish Learning Hub เป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น เปิดกว้าง ไม่ว่าจะต้องการปรับพื้นฐานหรือยกระดับความชำนาญ มาเรียนเองหรือมาเป็นครอบครัว มีเวลา 3 วันหรือแค่ 30 ชั่วโมง ทางทีมผู้นำกระบวนการเรียนรู้ของโครงการก็ออกแบบกิจกรรมให้ทุกคน พร้อมเลือกเรียนได้ตามความถนัดและความสนใจ

“เมื่อก่อนเคยมีคนบอกว่ารองเท้าเป็นสินค้าที่ขายออนไลน์ไม่ได้แน่นอน เพราะคนส่วนใหญ่ต้องลองสวมเดินดูก่อนถึงจะตัดสินใจ แต่ปัจจุบันทุกคนซื้อรองเท้าออนไลน์กันเป็นเรื่องปกติ ฉะนั้น อะไรที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้อาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะ เพียงแค่เราไม่กล้าฝัน พอจะคิดต่าง คิดแปลก ก็มักจะหยุดตัวเองว่าเป็นไปไม่ได้หรอก คนเขาเคยลองแล้วมันทำไม่ได้ 

“แต่ในฐานะผู้บริหาร ถ้าเราไม่กล้าฝัน ไม่กล้าคิดเลย มันก็คงไม่มีอะไรเกิด และต้องอยู่เหมือนเดิมกับระบบการศึกษาที่มีความท้าทายมากขึ้นทุกวันจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ส่วนตัวเราเชื่อว่าการจัดการการศึกษาที่มีความหมาย มีประโยชน์กับชีวิตผู้เรียน และเชื่อมโยงกับโลกความจริง ไม่จำเป็นต้องมีเพียงรูปแบบเดียว เพราะบางเรื่องเรียนรู้วันนี้ ใช้พรุ่งนี้ มะรืนก็เปลี่ยน ดังนั้นจะต้องมีทางเลือกให้คนเรียนรู้ได้เร็วและใช้ได้เลย”

ทักษะของวันพรุ่งนี้

ภายใต้การนำของผู้บริหารคิดต่างและมองหาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ หนึ่งในเป้าหมายของจัดการศึกษาที่แพรให้ความสำคัญ คือการพาเด็ก ๆ เติบโตไปสู่เส้นทางอาชีพที่ใฝ่ฝัน ในการออกแบบหลักสูตร Starfish Learning Hub จึงหลอมรวมการฝึกฝน ‘ทักษะแห่งอนาคต’ ที่เป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมโลก อย่างทักษะด้านอารมณ์และสังคม (Social Emotion Learning, SEL)

“ความต่างของ Starfish Learning Hub คือเราไม่ได้แค่พาเด็ก ๆ มาทำฟาร์มหรือทำการทดลองสนุกสนานแล้วจบ แต่เรายังสอดแทรกการพัฒนาทักษะด้านอารมณ์และสังคม โดยมี Starfish Class เป็นเครื่องมือประเมินทักษะที่เมื่อจบหลักสูตร เขาจะได้รับรายงานผลการประเมินทักษะและศักยภาพเป็นพอร์ตโฟลิโอดิจิทัล เพื่อให้เห็นว่าตัวเองบรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้มากน้อยแค่ไหน แล้วผู้ปกครองก็นำแบบประเมินตัวนี้กลับไปประเมินและติดตามดูพัฒนาการของลูกต่อที่บ้านได้ด้วย”

Starfish Class เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่ Starfish Education คิดค้นขึ้นมาให้ใช้งานกันได้ฟรี ผ่านทางเว็บไซต์ www.starfishclass.com หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Starfish Class ที่รองรับสมาร์ตโฟนทั้งระบบ Android และ iOS

“เราคุยกันในหลายเวทีว่า เทคโนโลยี AI จะมาแย่งงานบางอย่างที่ทำได้ดีกว่ามนุษย์ เหตุนี้มนุษย์จึงต้องพัฒนาตัวเองให้มีทักษะขั้นสูง นี่คือเรื่องของการ Reskill ซึ่งเป็นอีกหัวข้อท้าทายที่ทาง World Economic Forum จับตา ฉะนั้น สิ่งสำคัญที่มนุษย์ยุคใหม่จะต้องมีเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับไวให้ได้ คือการฝึกฝนทักษะ Resilience” 

แพรยกตัวอย่างทักษะแห่งอนาคตที่ Starfish Learning Hub ส่งเสริมให้ฟังเพิ่มเติมว่า

“การมี Resilience จะช่วยทำให้มนุษย์มีความสามารถในการล้มแล้วลุกเร็ว พร้อมเผชิญหน้ากับวิกฤตอย่างไม่ย่อท้อ ขณะที่เด็กบางคนพ่อแม่ไม่เคยปล่อยให้ล้มเหลว พยายามประคับประคองตลอดเวลา จึงเป็นสาเหตุให้เขาลุกเองไม่เป็น ความยากก็คือต้องปล่อยให้ล้มบ้าง ล้มแล้วก็ต้องมีวิธีบริหารจัดการกับความรู้สึกต่าง ๆ ให้ได้ ล้มครั้งแรกลุกยากหน่อย พอครั้งต่อไปก็ค่อย ๆ ง่ายขึ้น จนลุกเองเป็นเรื่องธรรมชาติ ภาษาธุรกิจเรียกว่ากล้าลอง กล้าล้ม เพื่อเรียนรู้วิธีลุกให้เร็ว ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ออกแบบไว้ในกระบวนการเรียนรู้ของ Starfish Learning Hub 

“นอกจากนี้ เรายังเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ขับเคลื่อนการเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เขาได้แสดงออกถึงพฤติกรรมความสนใจ จุดแข็ง หรือจุดที่ต้องการพัฒนา ซึ่งไม่เพียงช่วยสร้างการตระหนักรู้ตนเอง (Self-awareness) หากทำให้เห็นตัวตนของเด็กชัดเจนมากขึ้นด้วย” 

แม้จะบอกว่าเหล่านี้คือทักษะแห่งอนาคต แต่แพรกำชับว่าอนาคตที่เธอนิยามนั้นไม่ได้อยู่ไกล 10 – 20 ปี เพราะสำหรับเธอ ทักษะทั้งหมดที่ตั้งใจศึกษาและออกแบบไว้ในหลักสูตรล้วนคือต้นทุนอันจำเป็นยิ่งของวันพรุ่งนี้

เรียนเพื่อรู้ตัว

อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว ใครรู้สึกสนใจอยากเรียนรู้หลักสูตรทั้ง 5 ขอสรุปให้ฟังแบบกระชับฉับไวว่า Starfish Learning Hub มีรูปแบบการเรียนรู้ 2 แบบ ได้แก่ การเรียนตามหลักสูตร ซึ่งส่วนใหญ่เปิดทำการในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อให้สะดวกแก่บรรรดาเด็ก ๆ และผู้ปกครอง กับการเรียนตามหลักสูตรเฉพาะที่ผู้เรียนเลือกวัน เวลา เนื้อหา และความเข้มข้นตามความสนใจ เนื่องจากเป็นสิ่งที่แพรเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้เรียนได้ค้นพบตัวตนและกระตุ้นผู้คนให้เห็นความสำคัญของการสร้าง Skill Building

“ถ้าต้องเรียนรู้เป็นแบบแผน มีระยะเวลากำหนด เราจะรู้สึกว่าทั้งชีวิตคงมีโอกาสเรียนได้แค่หนเดียว คล้ายกับการเรียนปริญญาตรีที่ใครลงเรียนหลายใบก็อาจจะดูแปลก แต่สำหรับเรา การเรียนรู้คือ Lifelong Learning ที่ไม่จำเป็นว่าจะต้องเลือกเรียนอย่างใดอย่างหนึ่ง และไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เรียนมาจะกำหนดบทบาทตัวเราไปตลอดชีวิต ไม่จำเป็นว่าเรียนจบครูมาฉันจะต้องเป็นแค่ครู หรือถึงแม้จะเป็นครูในชีวิตของเขาก็ยังมีมิติอื่น ๆ อีกมากมาย ฉะนั้น การศึกษาที่ยืดหยุ่นจะทำให้คนเราเห็นตัวตนของตนเองจริง ๆ เราจึงเชื่อว่าทุกคนควรมีทางเลือกในการเรียนรู้มากกว่าหนึ่ง อีกอย่างเราอยากให้คนได้ตระหนักถึงเรื่อง Skill Building ว่าการเสริมสร้างทักษะใด ๆ ก็ตามจะมีประสิทธิภาพได้ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อนุญาตให้เรามีพฤติกรรมการเรียนรู้อย่างอิสระ” 

เธอทิ้งท้ายว่า ถ้าคนเข้าใจและเห็นความสำคัญของการเรียนรู้แบบเน้นทักษะ สิ่งนี้อาจเป็นบันไดสู่การขบคิดเพื่อร่วมกันพัฒนาการศึกษาที่เหมาะสมกับผู้เรียน ตอบโจทย์ยุคสมัย และมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต

Website : www.starfishedu.org/learning-hub

Writer

Avatar

คุณากร

เป็นคนอ่านช้าที่อาศัยครูพักลักจำ จับพลัดจับผลูจนกลายมาเป็นคนเขียนช้า ที่อยากแบ่งปันเรื่องราวบันดาลใจให้อ่านกันช้าๆ เวลาว่างชอบวิ่งแต่ไม่ชอบแข่งขัน มีเจ้านายเป็นแมวโกญจาที่ชอบคลุกทราย นอนหงาย และกินได้ทั้งวัน

Photographer

Avatar

ศรีภูมิ สาส่งเสริม

ช่างภาพเชียงใหม่ ชอบอยู่ในป่า มีเพื่อนเป็นช้าง และชาวเขาชาวดอย