กระเป๋านักเรียนสีดำหน้าตาดูดีมีสไตล์ใบข้างหน้าผมนี้ คุณอาจเคยเห็นผ่านๆ โดยบังเอิญในหนังสือรุ่นสมัยคุณพ่อหรือไม่ก็ในมือเด็กนักเรียนวัยรุ่นยุคสมัยปัจจุบัน
หากลองหยิบจับมาสังเกต จะสัมผัสได้ถึงกระเป๋าคุณภาพดีทนทาน ประทับตรารูปสิงห์ 2 ตัวร้อยด้ายลงบนเนกไท พร้อมชื่อแบรนด์แสดงความเป็นสากลประกอบ


หลายคนเข้าใจว่านำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ที่จริงแล้ว กระเป๋าหนังประทับอักษรคำว่า Jacob ผลิตจากฝีมือความสร้างสรรค์ของคนไทย วางขายและส่งออกสู่นานาประเทศเป็นเวลากว่า 80 ปี ด้วยความใส่ใจและมุ่งมั่นที่จะผลิตเครื่องหนังคุณภาพ
The Cloud มีนัดหมายกับ รัศมีวรรณ ชลาวานิช ทายาทรุ่นสองและกรรมการผู้จัดการปัจจุบัน และ โนร่า ชลาวานิช ทายาทรุ่นสามของ บริษัท ศรีภัณฑ์ยาค้อบ จำกัด หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘Jacob’ เพื่อพูดคุยเรื่องราวการบริหารธุรกิจเครื่องหนังและการส่งต่อกิจการจากรุ่นสู่รุ่น

ทันทีที่เราก้าวเท้าเข้ามาในโรงงาน พนักงานทุกท่านกำลังขยันขันแข็งประกอบร่างสร้างเครื่องหนังขึ้นมาจากวัตถุดิบชั้นดี เมื่อเดินตรงไปห้องประชุม กระเป๋าหลายขนาดหลากสีสันวางรายล้อมต้อนรับเรา ไม่ได้มีเพียงแค่กระเป๋านักเรียนที่หลายคนเคยคุ้น แต่ Jacob ผลิตสินค้าเครื่องหนังคุณภาพอีกหลากหลายรายการ ครอบคลุมตั้งแต่กระเป๋าธนบัตร กระเป๋าสะพาย ทั้งของชายหญิง ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

ไม่ใช่เรื่องง่ายในการยืนหยัดอยู่ในวงการธุรกิจแฟชั่นที่แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วตามกระแสโลก
อะไรเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของบริษัทเครื่องหนังรายนี้ แล้วตอนต่อไปในมือทายาทรุ่นสามจะเป็นอย่างไร
คำตอบอยู่กับทายาททั้งสองรุ่นที่พร้อมจะมาเล่าสู่กันฟัง
หากพร้อมแล้ว ขอเชิญรับชมหนังสื่อประวัติศาสตร์เรื่องนี้ไปด้วยกัน
บริษัท: บริษัท ศรีภัณฑ์ยาค้อบ จำกัด (พ.ศ. 2482)
ประเภทธุรกิจ: ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเครื่องหนัง
อายุ: 80 ปี
ผู้ก่อตั้ง: คุณสุทิน เทพชาตรี
ทายาทรุ่นสอง: คุณรัศมีวรรณ ชลาวานิช, คุณจามรี เบลนี เดวิดสัน, คุณสุวรรณา เทพชาตรี
ทายาทรุ่นสาม: คุณโนร่า ชลาวานิช
หนังต้นเรื่อง
ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว Jacob เป็นแบรนด์เครื่องหนังภายใต้การดูแลของ คุณสุทิน เทพชาตรี ผู้ริเริ่ม Jacob และได้รับการกล่าวขานเป็นปูชนียบุคคลของวงการเครื่องหนังไทย

ด้วยความพากเพียรพยายามและวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกล ตั้งแต่การใช้ชื่อแบรนด์เป็นอักษรโรมันในยุคที่บริษัทไทยยังไม่ค่อยใช้ การออกแบบแพ็กเกจจิ้งอย่างประณีตเหมือนต่างชาติ และสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่เข็มขัด เสื้อหนัง เสื้อหนาว รองเท้า กระเป๋านักเรียน กระเป๋าธนบัตร กระเป๋าเดินทางดูดีไม่แพ้ใครในสากล ส่งออกไปไกลทั้งมาเลเซีย ฮ่องกง เยอรมนี และนานาประเทศ หลายคนหลงรักคุณภาพ ความคงทนและสวยงามของการออกแบบจนซื้อกลับมามากมายจากต่างแดน โดยไม่รู้ว่าเป็นของคนไทย
ความสำเร็จของ Jacob ทำให้คุณสุทินสามารถดูแลครอบครัวและลูกทั้งแปดคนได้เป็นอย่างดี แต่ละคนได้ศึกษาต่อในระดับสูงทั้งในและต่างประเทศ

จนกระทั่ง พ.ศ. 2532 ภรรยาของคุณสุทินเสียชีวิตลง คุณสุทินจึงเรียกรัศมีวรรณที่ทำงานอยู่ธนาคารในประเทศสหรัฐอเมริกาให้มาช่วยเป็นกำลังเสริมของกิจการครอบครัวนี้
“ไม่ง่ายอยู่แล้ว เหมือนอยู่บนหลังเสือเลย” รัศมีวรรณหวนย้อนกลับไปถึงความรู้สึกในช่วงแรกของการเข้ามามีบทบาทบริหารกิจการ
หนังดีมีคุณภาพ
รัศมีวรรณกลับมารับบทบาทเป็นกรรมการผู้จัดการ บริหารภาพรวมขององค์กร และทำงานเป็นทีมตามความถนัดของแต่ละคน ร่วมกับพี่สาวทั้งสองคน (จามรีและสุวรรณา) ผู้ดูแลด้านการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งออก

ในสมัยนั้น เพึ่งเริ่มมีการใช้ระบบบาร์โค้ดและคอมพิวเตอร์อย่างเป็นรูปธรรมในธุรกิจ รัศมีวรรณเป็นผู้บุกเบิกและปรับเปลี่ยนระบบการทำงานภายในให้มีความทันสมัยขึ้นด้วยความมุ่งมั่นและสามัคคีของทั้ง 3 พี่น้อง Jacob ได้ขยายตลาดไปครอบคลุมกลุ่มลูกค้าหลากหลายทั่วประเทศ โดยเพิ่มผลิตภัณฑ์และขยายจุดขายไปตามการขยายตัวของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตลอดจนเพื่อการผลิตกระเป๋าหนังเทียมมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในวงกว้าง
“แฟชันไปเร็ว เราต้องตอบโจทย์คนแต่ละกลุ่มด้วย เช่น วัยรุ่นอาจอยากได้กระเป๋าที่ดูดี ในราคาที่ย่อมเยาว์ ส่วนกระเป๋านักเรียนเรามีทั้งหนังแท้และหนังเทียมด้วยรูปแบบที่ทันสมัย ทนทานและราคายุติธรรม” รัศมีวรรณเล่า


นอกจากนั้น Jacob ยังผลิตสินค้าส่งออกและเป็นผู้ผลิตให้กับแบรนด์ดังในฝรั่งเศสมากว่า 30 ปี
“ความนิยมของลูกค้าในแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน คนเอเชียชอบกระเป๋าแบบเบา ใบเล็กหน่อย ขณะที่คนยุโรปจะชอบกระเป๋าใบใหญ่และชอบหนังที่มีลวดลายตามธรรมชาติชัดเจน ตลอดจนการเลือกใช้สีตามฤดูกาลของปี” ทายาทรุ่นสองเล่าเสริม
Jacob จึงมีสินค้าหลากหลายประเภทและรูปแบบ เพราะต้องปรับตัวอยู่เสมอ
แม้มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา สินค้ามีเพิ่มลดปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม แต่รัศมีวรรณกำชับว่าเวลาคนนึกถึง Jacob ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด สิ่งแรกที่อยากให้เขานึกถึงคือเรื่องคุณภาพและรูปแบบที่ทันสมัย
“หนังแต่ละผืนมีความเป็นเอกลักษณ์และพิเศษ ถ้าเป็นหนังธรรมชาติก็จะมีความทนทานแต่อาจมีรอยธรรมชาติของหนัง (natural grain) ต่างๆ ได้ หนังที่ Jacob ใช้ต้องผ่านการฟอกอย่างดี ได้คุณภาพ ความหนาบางและสีสันสวยงามตามที่เราต้องการ ส่วนหนังเทียม แม้จะมีความคงทนน้อยกว่าหนังแท้ ใช้ได้ประมาณ 2-3 ปี แต่ปัจจุบันมีเทคนิคการผลิตหนังเทียมที่ดีมาก ไม่เพียงทำให้หนังเทียมดูคล้ายหนังแท้จนกระเป๋ามีราคาย่อมเยาว์ลง เป็น 1 ใน 3 ของราคากระเป๋าหนังแท้ เหมาะกับตลาดกลุ่มวัยทำงาน พอเป็นแบบนี้เราทำการคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีตั้งแต่ต้นทางและตรวจสอบอย่างละเอียดในทุกกระบวนการเพื่อให้ได้คุณภาพที่สุด อยากให้คนได้ใช้ของดี เป็นสิ่งที่เรายึดถือและพัฒนามาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ” รัศมีวรรณเล่าถึงสาเหตุที่ Jacob มีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มข้นและใส่ใจในกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้สินค้าที่คุณภาพดีที่สุด จนสามารถส่งต่อได้รุ่นสู่รุ่นและเหมาะกับผู้คน


เบื้องหลังหนังแผ่นนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
“ทำธุรกิจมีปัญหาอยู่แล้ว เช่นเราเคยผลิตสินค้าให้บริษัทเยอรมนีจากหนังที่ส่งมาจากโรงฟอกข้างนอกที่ยืนยันคุณภาพแล้ว แต่ปรากฏว่ามีปัญหา ผลคือหนังมีกลิ่น หรืออย่างบางทีหนังใช้ไปแล้วเกิดมีปัญหา เปรอะเปื้อน ตกสีจากกางเกงยีน หมึกติด ขึ้นรา สีจาง ต่างๆ นานา ลูกค้าก็จะร้องเรียนและเคลมเรื่อยๆ” รัศมีวรรณยกตัวอย่างปัญหาที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นภาระที่เธอต้องรับผิดชอบและแก้ไขในฐานะผู้บริหาร
ปัญหาที่ไม่คาดคิดเหล่าเหล่านี้ รัศมีวรรณรับมือด้วยการบริการที่จริงใจและรวดเร็ว
“สิ่งใดเป็นความผิดของเราก็ยอมรับ ง่ายแบบนั้นเลย อย่างกรณีบริษัทในเยอรมนี เราไม่ไปโทษใคร เรายอมรับผิดเองและรีบดำเนินการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ปรากฎว่าเขาเชื่อในความซื่อสัตย์สุจริตของเรา เขานับถือเราแล้วก็เป็นลูกค้าเราตลอดมา เราทำธุรกิจด้วยแนวคิดนี้ ทำให้อยู่กันได้นาน”
ความไว้ใจทำให้ Jacob มีคู่ค้าจำนวนมาก บางรายติดต่อค้าขายกันนานกว่า 30 ปี
ในแง่ของการบริการลูกค้า รัศมีวรรณใช้หลักการเดียวกันในการดูแลลูกค้าส่งออก นอกเหนือจากการผลิตสินค้าคุณภาพเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว คือบริการหลังการขายที่จริงใจ
“เพราะเป็นจุดที่ได้พูดคุยกับลูกค้าโดยตรง เกิดปัญหาอะไรจะได้แก้ไขได้ทันที” รัศมีวรรณกำชับกับพนักงาน Jacob อยู่เสมอให้ใส่ใจการบริการและช่วยลูกค้าแก้ไขปัญหา ในวันที่ Jacob มีช่องทางการขายออฟไลน์ตามจุดขายกว่า 150 จุดทั่วประเทศ และเสริมทัพการบริการด้วยช่องทางออนไลน์ที่ทายาทรุ่นที่ 3 บุกเบิกขึ้นมา
แม้ทุกวันนี้ยังมีปัญหาน้อยใหญ่เกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่การเรียนรู้ ยอมรับในข้อบกพร่องและพัฒนาตลอดเวลา ทำให้ทุกปัญหาคลี่คลายและ Jacob ยังได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจเสมอมา

หนังตอนต่อไป
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในธุรกิจ ก็ถึงเวลาที่ Jacob จะต้องปรับตัวให้ทันการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงของโลก
พอดีกับการกลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารธุรกิจในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 ของโนร่า ผู้ดูแลระบบปฏิบัติการและการตลาดออนไลน์ หลังจากเธอเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเรียนและทำงานบริษัทข้างนอกมามากพอ
“แม่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่าเราควรกลับมาช่วยธุรกิจ เราเรียนจบยังไม่อยากเข้ามาทำตำแหน่งสูงโดยที่ยังทำอะไรไม่เป็น เราเลยไปทำงานที่อื่นก่อน พร้อมก็กลับเข้ามา” โนร่ายิ้มเล่าความตั้งใจและสิ่งที่รัศมีวรรณได้ปลูกฝัง
การกลับเข้ามาบริหารของโนร่าทำให้กิจการพัฒนาขึ้น ด้วยระบบการทำงานและซอฟต์แวร์สมัยใหม่ ทำให้การผลิตมีขั้นตอนเป็นระบบ ทำงานง่ายขึ้น พร้อมเจาะตลาดออนไลน์อย่างทันสมัย

แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่สามารถทำได้ในข้ามคืน มีพนักงานหลายคนที่สูงวัยและมากประสบการณ์กว่าโนร่า หลายคนอยู่มานานกว่าสิบปี ซึ่งถือเป็นความท้าทายของทายาทในการทำให้คนอื่นเชื่อสิ่งที่คิดและไว้วางใจที่จะทำตาม
ถ้าหากไม่มีใครยอมปรับเปลี่ยน คงไม่สามารถแข่งขันกับธุรกิจอื่นได้ทัน ดังนั้น โนร่าจึงสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการมีส่วนร่วมตั้งแต่ส่วนที่เล็กที่สุด


“เราไม่เกี่ยงงาน เราต้องเข้าใจและทำเนื้องานของเขาได้บ้าง ให้เขาสอนเราและลองลงมือทำไปด้วยเลย คัดของ จัดคลัง ได้หมด พอเรารู้ปัญหา เราจะเข้าไปเปลี่ยนให้ดีขึ้นได้ พอเขาเห็นว่าดีขึ้นก็จะเชื่อใจเรา พอมีปัญหาครั้งต่อๆไป เขาจะกลับมาหาเรา” โนร่าอธิบายถึงวิธีการสร้างความเชื่อใจที่เริ่มมาจากการใส่ใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ วิธีการนี้ทำให้เธอสามารถพัฒนาระบบใหม่ๆ และกำหนดทิศทางการทำงานได้มากขึ้น
นับถึงวันนี้ โนร่าเข้ามาบริหารได้เป็นเวลา 4 ปี เธอได้ผ่านช่วงแรกที่รู้สึกหลงทางและไม่แน่ใจว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน จนมาวันนี้ เธอเห็นภาพตัวเองในบริษัทชัดเจนขึ้นและกำลังเรียนรู้อยู่ทุกวัน
“เราใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะหาตัวเองเจอว่าเราอยู่ตรงไหนในบริษัทและทำอะไรได้บ้าง แต่ว่ายังอีกไกล ต้องใจเย็นๆ ของแบบนี้ใช้เวลาอยู่แล้ว” โนร่าเล่าและได้ฝากข้อความถึงทายาทรุ่นเยาว์คนใดก็ตามที่กำลังเข้ามารับกิจการต่อ

หนังยังไม่จบ อย่าเพิ่งหยุดการเรียนรู้
อนาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึงและคาดเดาไม่ได้ แต่การทำธุรกิจต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนนี้เสมอ
รัศมีวรรณและโนร่าร่วมมือกันทำงานและอยู่รับมือกับความไม่แน่นอนนี้ด้วยใจที่พร้อมเรียนรู้และปรับตัว
“Jacob จะเป็นไปหรืออยู่ในลักษณะใดก็แล้วแต่ความเหมาะสม เมื่อก่อนรุ่นคุณพ่อเราผลิตทุกอย่าง ถึงจุดจุดหนึ่งเราเลือกผลิตแค่สิ่งที่เราถนัดที่สุดคือกระเป๋าหนัง แต่ต่อไปเป็นอย่างไรไม่รู้ เราอาจใช้มือถือแทนเงินสดและการใช้จ่ายต่างๆ กันหมด ถึงเวลานั้นเราอาจไม่ต้องมีกระเป๋ากันแล้วก็ได้ อะไรจะเกิดก็เกิด แต่เราพร้อมปรับตัว” รัศมีวรรณยิ้ม ไม่ว่าจะเกิดอะไรถ้าใจเราพร้อมจะเปลี่ยนแปลง เราย่อมหาหนทางของตัวเองได้



“เราตามข่าวสาร ดูเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าถึงช่องทางออนไลน์มากขึ้น ดูพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป เช่น คนซื้อทางออนไลน์จะซื้อเป็นของเล็กๆ ราคาไม่แพง เราปรับการขายให้เหมาะสม ส่วนเรื่องบริหารภาพรวมธุรกิจ เราไม่ได้มองว่าแค่ว่าพรุ่งนี้เราจะทำอะไร แต่มองว่าอีก 5 ปีข้างหน้าเราจะเป็นอย่างไร ค่อยๆ ใช้เวลาปรับไปในทิศทางนั้น มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะก็จริง แต่เราพร้อมเรียนรู้” โนร่าพูดในมุมมองของทายาทรุ่นต่อไปที่จะดำเนินกิจการต่อในความไม่แน่นอนนี้อย่างมั่นใจ
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อายุเท่าไหร่ จะเด็กจะเล็กอย่างไรก็ตาม หากเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เราจะมีวิชาที่พาเราผ่านพ้นทุกสถานการณ์ไปได้


หนังเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“คนเราถอยสักก้าว ขอบฟ้าจะกว้างขึ้น ยอมสักนิด ทะเลจะสงบ”
“ความรู้เหมือนพายเรือทวนน้ำ ไม่พายขึ้นก็ถอยลง”
ด้วยความที่คุณสุทินชื่นชอบสุภาษิตจีน ข้อคิดของครอบครัวนี้มักจะส่งต่อสู่กันและกันในรูปคำคมสั้นๆ ชวนขบคิด
“ถ้าคุณรู้จักถอยออกมาบ้าง คุณจะมองเห็นภาพใหญ่ เห็นเหตุการณ์ ทางเลือกและทางออกมากขึ้น ถ้าคุณรู้จักยอม หยุดการต่อล้อต่อเถียงบ้าง ปัญหาใหญ่ๆ จะสงบลงได้ ส่วนเรื่องความรู้ คุณพ่อสอนให้เรารักการเรียนเสมอ” รัศมีวรรณแปลความประโยคที่คุณพ่อสอนอยู่เสมอ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ายังสามารถประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิตรวมถึงทายาทกิจการต่างๆ การรับช่วงต่อกิจการของทายาทไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทำให้ดีได้ด้วยสติ อดทนและการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
ทางด้านโนร่า หลังจากก้าวเข้ามาเรียนรู้การบริหารธุรกิจ เธอค้นเจอจุดที่ตัวเองสามารถทำได้ดีและพร้อมกำหนดทิศทางที่อยากพา Jacob ไปต่อในอนาคต
“เราอยากทำให้แบรนด์ Jacob มีความชัดเจนมากขึ้น ปรับตัวให้ทันกับกระแสและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เราทำตรงนี้ได้ แน่นอนว่า Jacob เน้นเรื่องคุณภาพเป็นหลักอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดตอนนี้คือเรามีผลิตภัณฑ์หลากหลายมาก เราอยากให้คนรู้ว่าเราไม่ได้ทำแค่กระเป๋านักเรียนนะ แต่เราเป็นแบรนด์กระเป๋าหนังคุณภาพของคนไทย”

บริษัท ศรีภัณฑ์ยาค้อบ จำกัด (พ.ศ. ๒๔๘๒)
ก่อนหน้าที่จะพัฒนาเป็นแบรนด์ Jacob ได้อย่างทุกวันนี้ คุณพ่อของคุณสุทิน เทพชาตรี ค้าขายธุรกิจเครื่องเงินอยู่ที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี แต่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ต้องย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร และเริ่มทำเนคไทและกางเกงแพรโดยนำเข้าผ้าแพรจากประเทศญี่ปุ่น ขณะที่สุทินได้เรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญและอัสสัมชัญคอมเมิร์ส ทำให้คุณสุทินได้ศึกษาวิชาการด้านต่างๆ รวมถึงภาษาอังกฤษด้วย
จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ธุรกิจต้องหยุดดำเนินการติดต่อค้าขายกับประเทศญี่ปุ่นในทันทีเพื่อความปลอดภัยในช่วงสงคราม คุณพ่อของคุณสุทินตัดสินใจหันมาผลิตเครื่องหนังแทน โดยเริ่มต้นจากกระเป๋าใส่เอกสารและกระเป๋านักเรียน
เมื่อคุณแม่ของคุณสุทินเสียชีวิต คุณสุทินจำเป็นต้องหยุดเรียนและเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจ แม้ผ่านความยากลำบากในช่วงสงคราม แต่คุณสุทินสามารถฝ่าฟันแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างดี หลังจากครอบครัวจึงค่อยๆ ขยายการผลิตเป็นหมวก เสื้อหนัง เสื้อหนาว ถุงมือ รองเท้า เข็มขัด กระเป๋าเดินทางและเครื่องหนังอื่นๆ ก่อนทำการจดทะเบียนสินค้าภายใต้ชื่อ Jacob เมื่อ พ.ศ. 2499 ซึ่งเป็นชื่อนักบุญในคัมภีร์ไบเบิลที่คุณสุทินได้เรียนรู้มาจากการเรียนคำสอนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก นับเป็นธุรกิจรายแรกในวงการเครื่องหนังที่ใช้ชื่อแบรนด์เป็นภาษาอังกฤษ
แม้จะมีวิกฤตหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งจากสถานการณ์ภายนอกและความเห็นที่ไม่ตรงกันด้านการบริหารจัดการของคนในครอบครัว แต่เพราะความขยันหมั่นเพียร อดทน เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา จนธุรกิจเติบโต ส่งต่อกิจการและปรัชญาให้กับทายาทรุ่นต่อไปได้บริหารต่อจนถึงทุกวันนี้
คุณสุทินได้ให้สัมภาณ์ไว้ในนิตยสารเมื่อ พ.ศ 2542 ในนิตยสาร ดิฉัน หลังวางมือในการบริหารธุรกิจมาระยะเวลาหนึ่ง ความตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์นี้ คุณสุทินกล่าวไว้ว่า “ความสุขอันใดก็ไม่เท่าเทียบกับความสุขที่ได้มองเห็นลูกๆ เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และยิ่งเป็นการงานที่ผู้เป็นพ่อปูทางไว้ให้ ย่อมต้องนำความภาคภูมิใจมาสู่ผู้เป็นพ่อ เหมือนเป็นการยืนยันให้เห็นว่าความขยันหมั่นเพียรและการต่อสู้ของพ่อนั้นไม่สูญเปล่า”