The Cloud X MILO
สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนฟุตซอล หนึ่งในสิ่งที่เราอยากบอกคือ ตอนนี้ฟุตซอลทีมชาติไทยอยู่ที่อันดับ 15 ของโลก และเป็นอันดับที่ 2 ของทวีปเอเชีย เป็นรองอิหร่านเพียงชาติเดียว และมีอันดับสูงกว่าทีมชาติญี่ปุ่นซึ่งเป็นมหาอำนาจกีฬาลูกหนังในทวีปเอเชียเสียอีก
ใช่, ฟุตซอลคือหนึ่งในกีฬาที่เราสามารถยืนหยัดต่อสู้กับชาติอื่นๆ ได้อย่างสมศักดิ์ศรี
ล่าสุดเมื่อปีที่แล้วทีมชาติไทยเพิ่งไปแข่งขันฟุตซอลโลกและสามารถทะลุเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ และในปีเดียวกันเรายังคว้าแชมป์อาเซียนมาครองได้
หนึ่งในดาวเด่นที่แจ้งเกิดในศึกชิงแชมป์อาเซียน คือ เตอร์-ปาณัสม์ กิตติภาณุวงศ์ นักฟุตซอลวัยเพียง 18
นอกจากหน้าตาอันหล่อเหลาที่ทำให้เขาครอบครองหัวใจแฟนบอลสาวๆ อย่างง่ายดาย สิ่งที่ทำให้ใครต่อใครต่างจับตาไปที่นักเตะดาวรุ่งผู้นี้คือ ฝีเท้าที่เกินวัย แม้จะเพิ่งติดทีมชาติไทยเป็นครั้งแรกแต่เขากลับเล่นได้นิ่ง เยือกเย็น ราวกับผู้ผ่านสนามมาอย่างเจนจัด
ทุกวันนี้เขาคือนักฟุตซอลของสโมสรชลบุรี บลูเวฟ ซึ่งเป็นสโมสรระดับหัวแถวของเอเชีย และคับคั่งไปด้วยซูเปอร์สตาร์ทีมชาติ ล่าสุดเขามีชื่อเป็นหนึ่งใน 31 นักเตะชุดเตรียมป้องกันแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ถึงตรงนี้สิ่งที่เราสงสัยคงไม่ใช่เรื่องของฝีเท้า-เพราะผลงานในสนามเป็นบททดสอบที่ดีที่สุดอยู่แล้ว หากแต่สิ่งที่เราสงสัยคือ เบื้องหลังความสำเร็จของเขาคืออะไร และบทเรียนสำคัญที่เขาเรียนรู้จากการเล่นฟุตซอลมาทั้งชีวิตคือสิ่งใด
บทเรียนที่ 1
กีฬาทำให้เรามีความฝัน
เรานั่งคุยกันบนอัฒจันทร์ บลูเวฟ อารีน่า ซึ่งเป็นสนามของสโมสรชลบุรี บลูเวฟ สโมสรฟุตซอลที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทยยามนี้ บรรยากาศในสนามยังเงียบสงบเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาแข่งขัน
บนที่นั่งซึ่งมองเห็นพื้นสนามสีน้ำเงินตรงหน้าชัดเจน เด็กหนุ่มเล่าเรื่องที่ใครหลายคนอาจหลงลืมเมื่อเราเติบโตขึ้น
เขาเล่าเรื่องความฝัน
ย้อนกลับไปก่อนที่ เตอร์-ปาณัสม์ กิตติภาณุวงศ์ จะก้าวมาอยู่ในจุดที่สื่อกีฬาต่างจับจ้องในฐานะนักฟุตซอลดาวรุ่งที่ฝีเท้าเกินอายุ เขาคล้ายเด็กผู้ชายทั่วไปที่หลงใหลกีฬามหาชนอย่างฟุตบอล เริ่มเตะฟุตบอลกับเพื่อนช่วงเรียนอยู่ชั้นประถม 5
“มันหาเล่นง่าย สนามฟุตบอลมีทุกโรงเรียนอยู่แล้ว เลิกเรียนก็เตะ พักกลางวันก็เตะ เราก็เลยชื่นชอบในกีฬาชนิดนี้ ตอนนั้นก็เตะเล่นๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่พอเริ่มโต เริ่มขึ้นมัธยมต้นผมก็เริ่มมีความฝัน” เด็กหนุ่มเว้นจังหวะการพูดเมื่อเล่าถึงตรงนี้ “ผมฝันว่าจะติดทีมชาติ สักวันต้องติดทีมชาติให้ได้”
แม้จะผ่านช่วงเวลาที่ความฝันก่อกำเนิดมาแล้วหลายปี แต่แววตาของเขาขณะเล่ายังคงเต็มไปด้วยประกายความมุ่งมั่นของคนหนุ่ม ที่เวลาฝันสิ่งใดแล้วอยากลงมือทำมันให้เป็นจริง
“การติดทีมชาติเป็นจุดสูงสุดของนักกีฬา แล้วมันได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศไทย” ปาณัสม์บอกเหตุผลที่ทำให้เขามีความฝันที่ดูเหมือนใหญ่เกินตัวในตอนนั้น
จากเด็กหนุ่มที่เล่นฟุตซอลเพียงเพื่อความสนุก ตระเวนเดินสายแข่งขัน ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อฝีเท้าของเขาไปเตะตา อาจารย์ไพฑูรย์ บุญศรี ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนอยู่ที่สโมสรราชนาวี จนได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางนักฟุตซอลอาชีพในวันเพียง 18 ปี
เมื่อได้รับโอกาสเขาก็ไม่ปล่อยให้มันหลุดมือ ที่สโมสรราชนาวีเขาโชว์ฟอร์มโดดเด่นเกินวัย แล้วความฝันที่ว่าอยากติดทีมชาติของเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งวันหนึ่ง
“ตอนนั้นผมซ้อมบอลอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีเพื่อนคนนึงเล่นโทรศัพท์อยู่ แล้วมีการประกาศรายชื่อนักฟุตซอลที่ติดทีมชาติไปแข่งขันชิงแชมป์อาเซียนลงเพจ ตอนแรกเพื่อนไม่ได้บอกว่าผมติด สักพักผมก็ไปดูแล้วเห็นว่ามีชื่อผมนี่ แต่เขาเขียนชื่อผมผิด เขียนชื่อเราตกสระอาไป เพื่อนเลยไม่ได้สังเกต ตอนนั้นผมรู้สึกดีใจมาก เหมือนเราไปถึงฝันแล้วก้าวนึง ตอนนั้นเขาเรียกไปคัดเฉยๆ ยังไม่ถึงกับติดไปแข่ง” นักฟุตซอลดาวรุ่งความหวังใหม่ของทีมชาติไทยย้อนเล่าถึงจุดสิ้นสุดของความฝันแรก และจุดเริ่มต้นที่ทำให้แฟนฟุตซอลรู้จักชื่อของเขา
“ฟุตซอลทำให้ผมมีความฝัน การมีความฝันมันเหมือนกับการตั้งเป้าให้กับชีวิตตัวเอง เวลาเราจะบอกว่าใครสักคนประสบความสำเร็จในชีวิต นั่นคือการที่เราตั้งเป้าไว้ยังไงแล้วเราก็ทำสิ่งนั้นให้ได้ เมื่อทำสำเร็จ นั่นถือว่าเราประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ถ้าไม่มีเป้า ไม่มีความฝัน มันก็เหมือนเราย่ำอยู่กับที่”
แล้วในที่สุด หลังจากวันคัดเลือกราว 2 เดือน เขาก็มีชื่อติดทีมชาติไปแข่งในศึกชิงแชมป์อาเซียน 2016
บทเรียนที่ 2
คนมีพรสวรรค์ถ้าไม่มีพรแสวงควบคู่ก็อยู่ได้ไม่นาน
เพียงทัวร์นาเมนต์แรกที่มีรายชื่อติดทีมชาติ ปาณัสม์ก็ฉายแววออกมาให้แฟนฟุตซอลได้เห็นว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข เขาก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในดาวเด่นประจำรายการเมื่อทำไปถึง 5 ประตู และเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ทีมชาติไทยคว้าแชมป์มาครองได้เป็นสมัยที่ 12
ปัจจุบันปาณัสม์ย้ายมาร่วม สโมสรชลบุรี บลูเวฟ สโมสรแถวหน้าระดับเอเชียซึ่งคับคั่งไปด้วยนักฟุตซอลทีมชาติรุ่นพี่ ถือเป็นอีกก้าวที่ท้าทายนักเตะดาวรุ่งอย่างเขา
“พอย้ายทีมเราก็มีช่วงเวลาที่เป็นตัวสำรอง ซึ่งเวลานั่งข้างสนามคนเป็นนักฟุตบอลก็อยากเล่น เราไม่ได้อยากมานั่งดู เพราะเป็นความสุขที่เราได้ลงไปในสนาม ผมยังจำสิ่งที่อาจารย์ไพฑูรย์บอกไว้ได้ เขาบอกว่าให้ตั้งใจซ้อม ต่อให้เราไม่ได้ลงก็อย่าไปท้อ ให้ตั้งใจซ้อมไปเรื่อยๆ นัดไหนเราไม่ได้ลงก็ไม่เป็นไร เพราะอายุเรายังน้อย เรายังมีโอกาส”
และเมื่อย้อนทบทวน นักเตะดาวรุ่งบอกว่าฟุตซอลปลูกฝังสิ่งสำคัญให้กับเขา นั่นคือระเบียบวินัยและความขยันหมั่นเพียร
“ตอนแรกที่เริ่มเป็นนักฟุตซอลอาชีพก็ยากขึ้น จากที่เราเคยอยู่บ้านเล่นฟุตซอลธรรมดา เราก็ต้องนั่งรถมาซ้อมที่สนามทุกวัน บางวันก็ต้องมานอนที่แคมป์นักกีฬา จากที่เราเคยว่าง จันทร์ถึงศุกร์เราไปเดินเล่นได้ แต่มาอยู่กับสโมสรเราต้องซ้อมทุกวัน”
นักเตะหนุ่มบอกว่าการซ้อมทำให้เขามีวันนี้ แม้ด้วยลีลากระชากลากเลื้อยและทำประตูของเขาจะทำให้ใครหลายคนเห็นตรงกันว่าเขาเป็นนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ แต่เขากลับบอกว่าสิ่งที่พาเขามายังจุดนี้คือพรแสวง
“ฟุตซอลทำให้ผมเห็นว่าคนมีพรสวรรค์ถ้าไม่มีพรแสวงควบคู่ไปด้วยก็ไปได้ไม่นาน แต่คนที่มีพรแสวงเขาพร้อมที่จะรับทุกอย่าง จะยืนระยะได้นานกว่า มีเพื่อนผมบางคนเล่นดีมากเลยตอนเด็กๆ แต่ขี้เกียจซ้อม สุดท้ายก็หลุดจากเส้นทาง”
บทเรียนที่ 3
ถ้าเราไม่ยอมแพ้ อะไรก็เกิดขึ้นได้
เวลาทุกวินาทีมีคุณค่า
เราต่างเคยได้ยินประโยคที่ว่ามาจนชินหู แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจประโยคนี้อย่างลึกซึ้ง เพราะในชีวิตไม่ได้มีใครมานั่งจับเวลาให้เรา เราจึงอาจไม่เห็นว่าแต่ละเวลานาทีที่ผ่านไปมันมีคุณค่าเพียงใด แต่ในสนามฟุตซอลคล้ายว่าประโยคที่ว่าได้ถูกทำให้เห็นรูปธรรม
ฟุตซอลยิงกันได้ทุกวินาที-ใครที่คุ้นเคยกับกีฬาลูกกลมๆ คงคุ้นเคยกับประโยคนี้
หรืออาจกล่าวได้ว่า เวลาเพียงวินาทีอาจเปลี่ยนจากผู้ชนะให้กลายเป็นผู้แพ้ และเปลี่ยนจากผู้แพ้ให้กลายเป็นผู้ชนะ
และช่วงที่ปาณัสม์ติดทีมชาติเขาก็ได้รับการปลูกฝังทัศนคติเรื่องนี้จาก มิเกล โรดริโก้ อดีตกุนซือทีมชาติไทยชาวสเปน “ผมได้เรียนรู้ทัศนคติและความคิดในการเล่น โค้ชจะบอกเสมอว่าต่อให้เราโดนคู่ต่อสู้นำเท่าไหร่ ต้องเล่นให้เหมือนเดิม อย่ายอมแพ้
“ตอนที่แข่งฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน มีอยู่นัดนึงที่เราเจอมาเลเซีย วันนั้นจบครึ่งแรกเราโดนนำไปก่อน 3-0 ตอนโดนนำพวกเราก็ใจเสีย แต่โค้ชเขาพยายามทำให้เราไม่เครียด เขาบอกว่าไม่เป็นไร เอาใหม่ ที่นี่ประเทศเรา เราทำได้อยู่แล้ว คนเขามาดูเราเยอะแยะ รุ่นพี่ในทีมก็บอก ตามได้อยู่แล้ว แค่ 3 ลูกเอง ลงไปก็ทำได้ แล้ววันนั้นเราก็กลับมาชนะ 5-3
“หรืออย่างตอนแข่งชิงแชมป์เอเชีย ชุดอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่ผ่านมา ทีมไทยเราโดนอิหร่านยิงนำนาทีสุดท้าย ตอนเราโดนยิงผมหันไปมองเวลา เหลืออีกแค่ 30 กว่าวินาที จะเอาอะไรไปยิงเขา แต่โค้ชก็บอกว่าอย่ายอมแพ้ เวลายังเหลือ พวกผมก็ลงไปสู้ต่อ และสามารถยิงตีเสมอตอน 8 วินาทีสุดท้าย” หลังเล่าจบผมเห็นรอยยิ้มภูมิใจปรากฏบนใบหน้า
“เหตุการณ์ 2 นัดนั้นสอนอะไรเราบ้าง” ผมถาม
“สอนเราเรื่องการไม่ยอมแพ้ ตราบใดที่ยังไม่สิ้นเสียงนกหวีด ถ้าเราไม่ยอมแพ้ อะไรก็เกิดขึ้นได้” นักฟุตซอลความหวังทีมชาติไทยบอกผม ซึ่งเขาย้ำว่าบทเรียนนี้ที่ฟุตซอลสอนเขาไม่ได้ใช้ได้เพียงในสนามเท่านั้น แต่ยังเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้ด้วย
“บางคนชีวิตอาจจะเหมือนไม่มีอะไร ถ้าเขายอมแพ้ชีวิตก็จบแค่นั้น แต่ถ้าไม่ยอมแพ้ เขาเลือกที่จะสู้ต่อ ชีวิตเขาอาจจะพลิกกลับมาก็ได้”
ร่วมส่งพลังเชียร์ นักกีฬาฟุตซอลตัวน้อยกับไมโล มาดูกันว่าใครจะได้เป็นตัวแทนเด็กไทย 4 คน ที่มีโอกาสได้เรียนรู้บทเรียนจากกีฬา พร้อมร่วมฝึกซ้อมกับโค้ชระดับโลกที่สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Facebook MILO Thailand