ขนาดของบ้านไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ความสุข ขนาดของความสุขในใจต่างหาก ที่บอกเราว่าที่ไหนสร้างความอุ่นในใจ และเราเห็นความสุขขนาดใหญ่ที่เบ่งบานในบ้านหลังนี้ บ้านจัดสรรในหมู่บ้านเก่าแก่ย่านบางบัวทอง ถูกปรับเปลี่ยนโฉมหน้าและการใช้งานใหม่ จนไม่เหลือเค้าดั้งเดิม ด้วยเหตุผลที่แสนสั้นและเรียบง่าย นั่นคือ ‘การได้อยู่ด้วยกัน’ 

วันนี้เราจะได้ทำความรู้จักบ้านของสถาปนิก แซ้พ-สุธาป์ เชิดรุ่งโรจน์ ซึ่งครอบครัวนี้มีสมาชิกทั้งหมด 5 คน ปะป๊าสันติ หม่าม้าศิรา ตัวแซ้พเอง น้องชาย น่าน-สาทร และภรรยา ฟู-พิมลภา สุขตลอดชีพ

บ้านทรงกล่องสีขาวที่ลูกชายรีโนเวตจากบ้านจัดสรรเก่า ให้คนทุกวัยได้ใช้ชีวิตที่ลงตัว
บ้านทรงกล่องสีขาวที่ลูกชายรีโนเวตจากบ้านจัดสรรเก่า ให้คนทุกวัยได้ใช้ชีวิตที่ลงตัว

แซ้พเรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาสถาปัตกรรมภายใน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำงานตรงสายอาชีพอยู่สักพัก จากนั้นจึงเดินทางไปเรียนต่อ Master of Science in Architecture ที่ Politecnico di Milano อิตาลี หลังจากกลับมาก็ก่อตั้ง Design Studio ของตัวเอง SML Design Studio ที่หลายคนอาจคิดว่ามาจาก Small-Medium-Large แต่แท้จริงแล้วย่อมาจากคำว่า สวนมะลิ (Suanmali Garage) ซึ่งเป็นชื่ออู่ซ่อมรถของที่บ้านนั่นเอง นอกจากงานออกแบบสถาปัตยกรรมและงานออกแบบตกแต่งภายในแล้ว สตูดิโอของแซ้พยังออกแบบเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ภายใต้ชื่อแบรนด์ Piece by peaze อีกด้วย 

ส่วนน้องชาย หลังจากน่านเรียนจบจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ สาขาวิชาดนตรีแจ๊ส มหาวิทยาลัยมหิดล ก็โลดแล่นในเส้นทางดนตรีเป็นนักดนตรีอาชีพ กับตำแหน่งมือกีตาร์ในนาม T-SiX ร่วมกับเพื่อน ๆ ปัจจุบันน่านสานต่ออู่ซ่อมและทำสีรถ สวนมะลิการาจแทนคุณพ่อ

บ้านทรงกล่องสีขาวที่ลูกชายรีโนเวตจากบ้านจัดสรรเก่า ให้คนทุกวัยได้ใช้ชีวิตที่ลงตัว
บ้านทรงกล่องสีขาวที่ลูกชายรีโนเวตจากบ้านจัดสรรเก่า ให้คนทุกวัยได้ใช้ชีวิตที่ลงตัว

สงบ สบาย รักสันติ

House of Peaze เป็นชื่อบ้านที่เล่นคำให้พ้องเสียงกับชื่อของคุณพ่อ คำว่า พีซ มาจากชื่อของคุณพ่อสันติ (Peace) กับชื่อแบรนด์ Piece by peaze ของแซ้พ เมื่อตัดสินใจว่าจะสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัว โดยออกแบบจากความชอบที่เหมือนกันคือการอยู่บ้าน นอกจากนี้ยังแฝงความรักต้นไม้ของน่าน ผู้มีงานอดิเรกเป็นการปลูกบอนไซ แต่ตอนนี้เริ่มขยับขยายไปลองปลูกแคคตัสดูบ้าง 

“พื้นที่ของผมมีโซนสำหรับปลูกบอนไซ แต่ละกิ่งรายละเอียดมันเยอะ ต้องใจเย็นและใช้เวลาค่อนข้างเยอะ แต่ตอนนี้ผมแต่งงาน มุมนี้ก็ถูกปรับเป็นห้องนั่งเล่น แล้วย้ายมุมบอนไซไปไว้ที่ระเบียงแทน” 

น่านบอกเพิ่มว่า “ไลฟ์สไตล์ของเราคืออยู่ที่บ้าน อย่างตอนนี้ผมก็ไปที่อู่บ่อยขึ้นหน่อย เพราะที่อู่มีปลูกแคคตัส อู่ก็คล้ายเป็นบ้านด้วย มีกิจกรรมที่ผมชอบ ทำให้มีความสุขที่ได้ไปทำงาน

แซ้พเล่าแนวคิดการรีโนเวตบ้านให้ฟังอย่างย่อ ๆ 

“พื้นฐานของผมกับน่านคล้ายกัน คือไม่ได้เป็นคนชอบปาร์ตี้ แต่ชอบออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ และเราก็ใช้เวลาอยู่กับบ้านกันเยอะที่สุด การอยู่ด้วยกันจึงต้องมีพื้นที่ว่างที่เป็นของตัวเอง มีความเป็นส่วนตัวด้วย อย่างเมื่อก่อน บ้านนี้ก็เป็นบ้านเดี่ยวเหมือนบ้านจัดสรรทั่วไป ห้องแต่ละคนก็เปิดประตูมาเจอกัน เหมือนจะใกล้ แต่เราขาดความเป็นส่วนตัว บ้านเก่าไม่ได้อำนวยความสะดวกทุกอย่าง ทำให้เราต้องออกจากบ้านไปใช้ชีวิตข้างนอก และแทบจะอยู่แต่ในห้อง 

“พอมาเป็นบ้านหลังนี้ แม้ขนาดจะเปลี่ยนไป แต่มีพื้นที่ส่วนกลาง หรือจะไปไหนก็ต้องเดินผ่านกันตลอด ได้มองเห็น ได้พูดคุย อย่างพื้นที่ห้องรับแขกตรงนี้ เรานอนเล่น ส่วนแม่ก็นั่งกินข้าวใกล้ ๆ กัน ยิ่งตอนนี้มีลูกของแม่บ้านเป็นเด็กน้อยตัวเล็กมาอยู่ด้วย บ้านก็ไม่เงียบเหงา เราก็ได้ใช้เวลาด้วยกันตรงนี้” 

และบริเวณนี้ก็นั่งสบายจริง ๆ ทั้งบรรยากาศของแสงจากภายนอก และโทนสีธรรมชาติจากเฟอร์นิเจอร์ที่แซ้พออกแบบเอง อยู่สบาย มองแล้วสบายตา จากมุมที่เรานั่งอยู่นี้จะได้เห็นมุมสีเขียวที่เปิดกว้าง มีต้นไม้เดิมอย่างต้นประดู่เป็นฉากหลังสีเขียวบังสายตาจากภายนอก ไม่ไกลกันก็มี เจ้ามีมี่ แมวในหมู่บ้านที่ครอบครัวเก็บมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่ยังเล็ก ๆ นอนสบายใจอยู่ใต้เก้าอี้สนามตัวสวย 

บ้านทรงกล่องสีขาวที่ลูกชายรีโนเวตจากบ้านจัดสรรเก่า ให้คนทุกวัยได้ใช้ชีวิตที่ลงตัว
บ้านทรงกล่องสีขาวที่ลูกชายรีโนเวตจากบ้านจัดสรรเก่า ให้คนทุกวัยได้ใช้ชีวิตที่ลงตัว

มินิมอลสีขาว

บ้านทรงกล่องสีขาวที่ลูกชายรีโนเวตจากบ้านจัดสรรเก่า ให้คนทุกวัยได้ใช้ชีวิตที่ลงตัว
บ้านทรงกล่องสีขาวที่ลูกชายรีโนเวตจากบ้านจัดสรรเก่า ให้คนทุกวัยได้ใช้ชีวิตที่ลงตัว
บ้านทรงกล่องสีขาวที่ลูกชายรีโนเวตจากบ้านจัดสรรเก่า ให้คนทุกวัยได้ใช้ชีวิตที่ลงตัว

บ้านคอนกรีตสองชั้น พื้นที่ใช้สอยภายในขนาด 400 ตารางเมตร ท่ามกลางกระแสการตกแต่งสไตล์มินิมอลลิสต์ที่ถาโถมอยู่ในตอนนี้ บ้านนี้ก็อาจเป็นผู้มาก่อนกาล ตอบโจทย์การใช้งานที่เรียบง่าย ไม่ยุ่งยากวุ่นวาย โทนสีธรรมชาติ มีส่วนที่เปิดรับแสงธรรมชาติ ต้นไม้ที่จัดสรรให้อยู่รายล้อม เป็นความไม่ธรรมดาที่เกิดจากความธรรมดาในธรรมชาติ 

พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเป็นสิ่งสำคัญที่แซ้พนึกถึงก่อนเสมอ บ้านนี้แบ่งเป็นสองปีกของอาคาร มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ใช้ร่วมกัน รวมถึงพื้นที่ที่เป็นโฮมออฟฟิศของแซ้พด้วย หากมองจากด้านนอกจะเห็นว่าบ้านนี้ไม่มีรั้วสูงมาบดบัง มีแค่ประตูรั้วหน้าบ้านกั้นสัดส่วนในมุมจอดรถ ซึ่งนักออกแบบอธิบายว่า เลือกใช้ต้นไม้แทนรั้วเพื่อเพิ่มบรรยากาศและกั้นความเป็นส่วนตัวไปด้วย

ออกแบบพื้นที่นั่งเล่นเอาต์ดอร์หน้าบ้าน จัดวางม้านั่งไม้ตัวยาวไว้ใช้งานแบบอเนกประสงค์ ทำให้น้อง ๆ ในทีมของสตูดิโอมีที่พักผ่อนหย่อนใจระหว่างวัน ส่วนสตูดิโอเล็ก ๆ ของแซ้พอยู่ถัดมาจากที่จอดรถหน้าบ้าน ด้านบนชั้นสองของส่วนนี้คือพื้นที่ของน่านและครอบครัวแยกเป็นสัดส่วน มีระเบียงเล็ก ๆ ไว้ปลูกต้นไม้ เราเดินผ่านทางเชื่อมเล็ก ๆ เพื่อเดินไปยังห้องนั่งเล่น ทางขวาแยกสัดส่วนไว้สำหรับเป็นห้องครัว ส่วนของแม่บ้าน และพื้นที่ซักล้าง 

ห้องนั่งเล่นเป็นโถงขนาดใหญ่เปิดโล่ง เชื่อมต่อกันกับส่วนครัวแพนทรี่และส่วนรับประทานอาหาร ยังใช้โทนสีขาวครีม สะอาดตาเป็นตัวชูโรง พื้นทางเดินกระเบื้องเซรามิกแผ่นใหญ่ อารมณ์วัสดุสีเรียบ ๆ ทุกอย่างดูโปร่ง โล่งตา ไม่มีตู้หนาหนักมารบกวนความสบาย ไม่ไกลกัน คือห้องของพ่อกับแม่ที่แยกออกไปเป็นส่วนตัว 

บ้านแสนสงบที่ แซ้พ-สุธา เชิญรุ่งโรจน์ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง SML Design Studio ออกแบบให้สมาชิกทุกคนในบ้านอยู่สบาย
บ้านแสนสงบที่ แซ้พ-สุธา เชิญรุ่งโรจน์ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง SML Design Studio ออกแบบให้สมาชิกทุกคนในบ้านอยู่สบาย

ขึ้นบันไดหินขัดรูปทรงโค้งมนของแม่บันไดและราวจับไม้ไปยังห้องชั้นสอง ห้องของแซ้พอยู่ทางปีกซ้าย เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เน้นอารมณ์ธรรมชาติจากสีของไม้ อย่างพื้นไม้สักทำสีธรรมชาติ มีระเบียงเล็ก ๆ ที่แซ้พใช้ออกกำลังกายยามเช้า เป็นมุมส่วนตัวของเจ้าของห้อง 

เมื่อเดินออกมาจากห้อง เลี้ยวขวากลับไปยังปีกขวาห้องของน่าน มีห้องพระที่น่าเข้าไปนั่งสงบจิตใจเป็นที่สุด ด้วยวัสดุไม้และดีไซน์ที่เรียบง่าย ถัดมาเป็นห้องดนตรีของน่านและฟู ซึ่งแซ้พบอกว่า บางครั้งเขาเองก็มาใช้ที่นี่นอนเล่นช่วงกลางวัน หรือซ้อมเปียโนด้วย

เท่าที่เราเห็น ในทุกมุมของบ้านมีการใช้งานจริง ตัดส่วนที่ไม่เกิดการใช้งานออกไป และเกิดเป็นพื้นที่ที่พอเหมาะและพอดีกับคนในบ้าน 

อย่างเป็นธรรมชาติ

บ้านแสนสงบที่ แซ้พ-สุธา เชิญรุ่งโรจน์ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง SML Design Studio ออกแบบให้สมาชิกทุกคนในบ้านอยู่สบาย
บ้านแสนสงบที่ แซ้พ-สุธา เชิญรุ่งโรจน์ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง SML Design Studio ออกแบบให้สมาชิกทุกคนในบ้านอยู่สบาย

จุดเด่นที่เห็นได้ชัดอีกอย่างของบ้านหลังนี้ คือการดึงธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้งาน เริ่มจากการเปิดรับแสงเข้าสู่ตัวบ้าน ด้วยพื้นที่แบบดับเบิ้ลสเปซ ต่อเนื่องกับทางเดินยาวเพื่อนำสายตาไปหาพื้นที่ที่กว้างและโปร่งตา การจัดวางเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็นและใช้งานจริง เหล่านี้เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้การใช้งานภายในบ้านกลมกลืน ไม่ขัดกับธรรมชาติและสีเขียวของต้นไม้ที่อยู่รายล้อม เห็นได้ชัดจากส่วนการใช้งานหลักของบ้านอย่างห้องนั่งเล่น 

ฝ้าเพดานสูงสร้างบรรยากาศให้ห้องดูโปร่ง สบายตา ผนังที่มีองค์ประกอบของกระจก เข้ามาช่วยกำหนดทิศทางของแสงธรรมชาติที่เข้ามาภายในบ้าน เช่น ผนังด้านที่ติดกับพื้นที่ใช้สอยภายนอกบ้าน ออกแบบประตูบานสูงจรดฝ้าเพดานเป็นบานเลื่อนขนาดใหญ่เชื่อมต่อไปยังสวน ช่วยให้เกิดการระบายอากาศได้อย่างดี หรือช่องแสงด้านบนผนังชั้นวางทีวีที่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามา โดยในแต่ละช่วงเวลาของวัน แสงที่เข้ามาก็ปรับเปลี่ยนไป คล้ายกับช่วยเปลี่ยนอารมณ์ของบ้านไปในตัว 

นอกจากนี้ ยังมีการสร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อความสบายตาในทุกจุดของบ้าน เราชอบทางเดินยาวในชั้นสองของบ้าน เวลาเดินผ่านให้ความรู้สึกเหมือนได้ถูกโอบล้อมไว้ด้วยสีเขียวของต้นไม้รอบตัว และยิ่งในมุมสูงของบ้านแบบนี้ ก็ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งดีมาก 

“พอโจทย์ของผมคือการตั้งใจให้ทุกคนอยู่ด้วยกัน มีพื้นที่เป็นของตัวเอง คอร์ทต่าง ๆ ที่มีภายในบ้านจึงถูกออกแบบมาเพื่อกั้นสัดส่วน ผมคิดแปลนของการใช้สอยภายในบ้านไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ให้ธรรมชาติเป็นตัวกลางในการแบ่งสเปซภายในของแต่ละคน ไม่ใช่แค่คนในครอบครัวเท่านั้น ยังรวมถึงคนที่อยู่ร่วมกับเราในแต่ละวัน อย่างน้อง ๆ ในทีม แม่บ้าน และครอบครัวของเขา อยากให้ทุกคนไม่เสียความเป็นส่วนตัว และมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน” แซ้พอธิบายอย่างเห็นภาพ

ถูกที่ถูกทาง

บ้านแสนสงบที่ แซ้พ-สุธา เชิญรุ่งโรจน์ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง SML Design Studio ออกแบบให้สมาชิกทุกคนในบ้านอยู่สบาย
บ้านแสนสงบที่ แซ้พ-สุธา เชิญรุ่งโรจน์ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง SML Design Studio ออกแบบให้สมาชิกทุกคนในบ้านอยู่สบาย

สิ่งสำคัญของบ้านสไตล์นี้คงหนีไม่พ้นการจัดเก็บ แซ้พออกแบบการใช้งาน ควบคู่กับการจัดเก็บไว้แล้วในทุกการใช้สอย เริ่มตั้งแต่ส่วนของสตูดิโอ แม้มีพื้นที่ไม่มากแต่ก็จัดสรรอย่างดี ด้วยการออกแบบตู้บิลด์อินไม้ธรรมชาติลายสวยสูงจรดฝ้า ออกแบบเป็นลิ้นชักเก็บของที่ไม่ได้ใช้บ่อย ส่วนชั้นวางไว้สำหรับวางหนังสือที่หยิบจับเป็นประจำ นั่นอาจเป็นเพราะการวางแผนมาตั้งแต่เริ่มต้น บ้านนี้ใช้การจัดเก็บด้วยตู้สูงบานปิดทึบเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงซ่อนการจัดเก็บไว้ข้างในเกือบทั้งหมด นอกจากนี้ การจัดวางเท่าที่จำเป็นก็ทำให้บ้านสไตล์มินิมอลดูไม่รกและพอดีกับการใช้งาน 

เห็นได้ชัดมากในห้องพระ ซึ่งจัดวางพระพุทธรูปให้เหมือนการจัดวางทางศิลปะ เลือกใช้สีแค่ 2 สี คือสีขาวจากหินอ่อนและสีธรรมชาติของไม้สัก ก็เป็นความพอดีที่สร้างความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ส่วนผนังส่วนอื่น ๆ ของบ้าน เราสังเกตเห็นว่ามีการใช้งานซ่อนอยู่ด้วย 

“ด้วยพื้นที่ภายในบ้านแต่ละส่วนอยู่แยกจากกัน ผมจึงออกแบบพื้นที่จัดเก็บไว้กับทางเดินที่เชื่อมในแต่ละส่วนของบ้าน เพื่อให้บ้านดูเป็นระเบียบและหยิบหาของใช้ได้ง่าย อย่างในห้องนอนผมเอง ออกแบบตู้เก็บของหน้าบานไม้จากพื้นถึงเพดาน เชื่อมทางเดินส่วนแต่งตัวไปยังส่วนพื้นที่นอน หน้าบานตู้เรียบเสมือนเป็นผนังไม้ที่สร้างบรรยากาศภายในห้องและใช้งานได้อย่างเต็มพื้นที่”

ลูกไม้ใต้ต้น 

ขณะที่กำลังคุยกันอย่างออกรส ปะป๊าหรือคุณพ่อสันติก็เปิดประตูเข้ามาทักทายทีมงาน ลูกชายคนโตเล่าให้ฟังว่า งานอดิเรกของคุณพ่อคือการเขียนเรื่องสั้น โดยถ่ายทอดประสบการณ์ตอนเข้าป่ามาเป็นตัวอักษร ด้วยนามปากกา ‘รณชิต แก้วกานต์’ 

คุยกันสักพัก ก็ทำให้รู้ว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตบางส่วนของหนุ่ม ๆ บ้านนี้มีความเชื่อมโยงมาจากคุณพ่อสันติ จากที่เห็นว่าสองหนุ่มบ้านนี้ชอบออกกำลังกาย ก็มาจากคุณพ่อที่ชอบออกกำลังกายตั้งแต่หนุ่ม ๆ ทั้งฟุตบอล แบดมินตัน และปิงปอง

“ลูกเคยบอกว่าอย่างไรก็จะกลับมาอยู่บ้าน ตั้งแต่แซ็พกลับมาจากอิตาลีก็เริ่มทำงานของเขา เราก็ช่วยเหลือเต็มที่ ทำที่ทางไว้ให้เขาได้ใช้ทำงาน แล้วก็ช่วยดูบ้าง ให้ช่างที่อู่ช่วยทำด้วย อย่างตอนนี้พ่อป่วยเป็นโรคไต ต้องฟอกไต ก็ได้ลูกทั้งสองช่วยกันดูแลอย่างดี สลับกันช่วยกัน แล้วก็โชคดีที่น่านแต่งงานแล้ว ก็ไม่ได้คิดจะแยกตัวไปอยู่ที่ไหนเลยได้อยู่ด้วยกัน” คุณพ่อเอ่ยถึงความสุขของการที่ทั้งครอบครัวได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า

บ้านแสนสงบที่ แซ้พ-สุธา เชิญรุ่งโรจน์ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง SML Design Studio ออกแบบให้สมาชิกทุกคนในบ้านอยู่สบาย

การจัดสมดุลให้สิ่งที่ชอบกับสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ แบ่งสัดส่วนของการใช้ชีวิตส่วนตัวและส่วนรวมอย่างพอดิบพอดี คือแนวคิดหลักที่ทำให้บ้านมินิมอลสีขาวนี้แสนน่าอยู่ โดยมีพลังของครอบครัวเป็นแรงผลักดันและสร้างความสุขให้ทุกวัน

Writer

Avatar

อัจฉรา จีนคร้าม

แม่ฟูลไทม์ของสองเด็กตัวป่วน บางคราวก็เป็นคอลัมน์นิสต์ ที่สนใจในงานออกแบบและความเป็นไปของโลกใบนี้

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล