ตอนเด็กๆ ฉันชอบดูการ์ตูนเรื่อง อาละดิน มาก ถึงขนาดเชื่อว่าพรมเหาะได้ และตะเกียงวิเศษนั้นมีอยู่จริง!

ส่วนดินแดนอาหรับราตรี อูฐกลางทะเลทราย เดินย่ำท่ามกลางดวงดาวนับพัน จะมีอยู่จริงรึเปล่า วันนี้ฉันมาถึงดินแดนแห่งนั้นแล้ว หนึ่งในประเทศแถบอาหรับ บาห์เรน…

บาห์เรน

เครื่องบินสายการบิน Gulf Air สายการบินแห่งชาติประเทศบาห์เรน เพิ่งพาเครื่องลงสักครู่ ฉันตื่นเต้นมากๆ ถึงมากที่สุด อยากเห็นทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในการ์ตูน จากที่มองลงมาจากเครื่องบิน ประเทศนี้ไม่ค่อยมีต้นไม้หรือสีสันมากนัก ตึกรามบ้านช่องเป็นสีเดียวกันหมด คือสีเดียวกับทราย

บาห์เรนดำเนินการเรื่องวีซ่าทำงานช้าเหลือเกิน เราสองคนนั่งรอกันเงกกว่าคนที่โรงแรมจะโผล่มาส่งเอกสารให้กับด่านตรวจคนเข้าเมือง แต่ในขณะที่นั่งรออยู่เกือบ 2 ชั่วโมงนั้น ฉันเห็นคนพื้นเมืองทั้งชายและหญิงแต่งชุดคลุมยาวมิดชิด ผู้ชายจะใส่สีขาวล้วนโพกผ้าที่หัว ส่วนผู้หญิงใส่ชุดสีดำล้วนเรียกว่า อาบายา บางคนเปิดส่วนดวงตาไว้ บางคนปิดหมด และบางคนมีแผ่นเหล็กครอบปิดเฉพาะที่ปาก

ฉันประหม่าจนเหงื่อแตกไปหมด เกิดอาการ culture shock ตั้งแต่สนามบินเลยทีเดียว คนจากโรงแรมพาเราออกจากสนามบินฝ่าอากาศที่ร้อนระอุดั่งเตาอบขนม เขาช่วยเราเข็นสัมภาระ (ที่เยอะมากเหมือนเคย) และพูดขึ้นว่า

“ที่นี่ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้วนะ พวกคุณมาได้จังหวะจริงๆ ตอนนี้ร้อนน้อยลงแล้ว วันนี้แค่ 50 องศาเท่านั้น”

วิวข้างทาง

บาห์เรน

มิน่าเราลิ้นห้อยเกือบถึงเอวเมื่อเดินตามไปที่รถ ขอให้หน้าหนาวมาพรุ่งนี้เลยจะได้มั้ยเนี่ย ฉันคิด

ในที่สุดฉันกระโดดลงเตียงนุ่มๆ เด้งๆ ของโรงแรมห้าดาวไปหลายรอบ คราวนี้ทุกอย่างเป็นไปตามข้อสัญญาเป๊ะ ทั้งเรื่องที่พักและอาหาร แค่นั้นยังไม่พอ เราได้ห้องพักคนละห้อง เพราะเป็นกฎต้องห้ามของประเทศบาห์เรนว่าชายและหญิงที่ยังไม่แต่งงานกันไม่สามารถเช็กอินนอนห้องเดียวกันได้ อื้อหือ เรียกว่าตัดไฟแต่ต้นลมจริงๆ!

สัญญาจ้างครั้งนี้ยาวถึง 4 เดือน มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือโรงแรมดันอยู่ในห้างสรรพสินค้า เพราะมีเจ้าของเดียวกัน นั่นหมายความว่าฉันกินอยู่ในห้างตลอดเวลา ตายแล้ว ฉันจะเก็บเงินได้มั้ยล่ะเนี่ย

โรงแรม

นักร้อง

กลุ่มลูกค้าที่นี้เป็นกลุ่มชาวซาอุดีอาระเบียและลูกค้าฝรั่งหลากหลายชาติที่เข้ามาทำธุรกิจน้ำมันที่ประเทศซาอุฯ ซึ่งอยู่ห่างจากบาห์เรนเพียงแค่ขับรถข้ามสะพานเท่านั้น ฉันเริ่มหนักใจกับเซ็ตลิสต์เพลงของเราตั้งแต่ค่ำคืนแรก เพราะร้องเพลงอะไรก็ไม่มีใครปรบมือให้เลย ฉันร้องจบแต่ละเพลงบาร์ทั้งบาร์เงียบสงัด ดีนะที่ยังมีเสียงเขย่าผสมค็อกเทลของบาร์เทนเดอร์อยู่ ไม่งั้นฉันนึกว่าอยู่ในป่า…

2 อาทิตย์ผ่านมาแล้ว ฉันเริ่มชินกับการร้องเพลงแบบไม่มีการตอบรับกลับมาจากคนฟัง แต่ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีเสียงปรบมือจากคนดู! ฉันรู้สึกดีมากๆ จนเข้าไปขอบคุณชายชาวอาหรับ 2 คนที่นั่งอยู่ที่บาร์ พวกเขาชื่อฮูเซนและไซฟาล ฮูเซนพูดภาษาอังกฤษดีมาก เขาบอกว่าเดินผ่านเห็นเราสองคนเล่นหลายครั้งแล้ว แต่มากับภรรยาเลยหยุดนั่งไม่ได้ เพราะผู้หญิงชาวซาอุฯ ที่แม้จะแต่งงานแล้วก็ไปนั่งในบาร์เหล้าไม่ได้เด็ดขาด เขาบอกเราอีกว่าไม่ต้องคิดมากนะถ้าคนดูไม่ปรบมือ ชาวซาอุฯ ก็เป็นกันแบบนี้แหละ เราพูดคุยกันถูกคอ แล้วฮูเซนกับไซฟาลก็กลายเป็นเพื่อนชาวจากประเทศซาอุดีอาระเบีย 2 คนแรกของเรา

ไนต์คลับ

ซอ The Sis

ในคืนเดียวกันนั้น ใต้โรงแรมที่เราร้องเพลงมีงานเปิดตัวคลับ exclusive แห่งแรกของบาห์เรน ในงานมีแต่สื่อและผู้บริหารโรงแรมแน่นขนัด ผู้หญิงร่างสูงชะลูดคนหนึ่งเดินเข้ามาจับมือทักทายเราสองคน เธอชื่อโมนิก้า ดีเจชาวบราซิลคนใหม่ที่จะมาทำงานที่นี้ เธอมาจากบริษัทเอเจนซี่เดียวกับเราและหมดสัญญาวันเดียวกันอีกต่างหาก ได้พูดคุยกับโมนิก้าเพียงเล็กน้อยเราก็ขอตัวกลับ เพราะเหลือบไปเห็นผู้จัดการฝ่าย F&B ที่จ้างพวกเรา ชื่อแซนเดอร์ เขาดูท่าทางไม่เป็นมิตรนักตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน

สัจธรรมชีวิตข้อที่ว่า ชีวิตเรานั้นไม่มีอะไรสมบูรณ์นั้นมันจริงซะเหลือเกิน ถึงแม้การกินอยู่ที่บาห์เรนนี้จะสุขสบาย แต่สิ้นเดือนที่ 2 ความไม่ชอบพามากลเริ่มส่อเค้า เพราะเงินเดืิอนเดือนที่ 2 ล่าช้าไปเกือบ 3 อาทิตย์ โมนิก้าเองก็ยังไม่ได้รับเงินเดือนจากเอเจนซี่เดียวกันเช่นกัน ฉันรีบวิ่งแจ้นกลับไปบอกข่าวนี้กับริคทันที

ริคไม่รีรอขอนัดคุยกับผู้จัดการแซนเดอร์อย่างด่วนที่สุด แต่นายแซนเดอร์คนนี้กลับไม่มีท่าทีตกใจ หรือเห็นอกเห็นใจใดๆ นอกจากพูดว่าเขาช่วยอะไรไม่ได้เพราะโรงแรมโอนเงินเดือนเราให้เอเจนต์ไปนานแล้ว แถมยังทิ้งท้ายว่าเอเจนต์คนนี้เป็นเพื่อนของเขาเอง เขาไม่อยากจะสร้างความขุ่นเคืองใจกับเพื่อน และบอกให้เรารอ

รอ? หมอนี้พูดอะไรไม่เป็นสับปะรดเลย ร้อนให้ฉันต้องลงมือขุดเจาะเบื้องลึก หลังสอบถามจากพนักงานและแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้หลายคน ก็มั่นใจได้ว่าหมอนี้น่าจะได้รับส่วนแบ่งค่าคอมมิชชันจากเพื่อนเอเจนต์ตัวแสบอย่างแน่นอน

อาหารบุฟเฟต์โรงแรมมากมายกองอยู่ตรงหน้าทุกมื้อ แต่ 2 เดือนมานี่ฉันและริคกลับทานกันไม่ลงเท่าไหร่ เพราะความเครียดจากการทำงานโดยไม่ได้ค่าจ้าง ตอนนี้เราเหลือสัญญาอีก 2 เดือน ถ้าเดือนที่ 2 กว่าจะได้เงินปาไป 3 อาทิตย์ เดือนที่ 3 และ 4 อาจจะไม่ได้เงินเดือนเลยก็เป็นได้ ฉัน ริค และโมนิก้า กังวลใจมาก

หลังจากนั้นไม่นานเงินเดือนเดือนที่ 2 ก็โอนเข้าบัญชีของเรา! เอเจนต์ตัวแสบทั้งโทรและส่งอีเมลมาขอโทษยกใหญ่สำหรับความล่าช้า ฉันกับริคแทบยกภูเขาออกจากอก โลกสดใสขึ้นมาทันตาเห็น! แต่ความโล่งอกก็อยู่ได้เพียงแวบเดียว เมื่อโมนิก้าโทรเข้ามาในห้องพักบอกว่าเธอไม่ได้รับเงินเดือนตามเคย

“นี่เรามัวแต่คิดหาทางออกเรื่องเงินกับเอเจนต์ตัวแสบ จนลืมวันลืมคืนไปแล้วหรือเนี่ย”

อูฐ

ซอ The Sis

บาห์เรน

ฉันจ้องมองต้นคริสต์มาสสูงลิบลิ่วตระหง่านที่โรงแรม  ใกล้วันเงินเดือนเดือนที่ 3 ออกเต็มทน  โรงแรมประดับไฟอย่างสวยงามเพื่อต้อนรับเทศกาล นายแซนเดอร์ส่งอีเมลมาบอกให้เราเตรียมเล่นเพลงคริสมาสต์ตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป ริคยื่นหมูยื่นแมวกลับทันทีว่าถ้าอยากจะให้เราร้องเพลงคริสต์มาสและงานคืนเคานต์ดาวน์ฉลองปีใหม่ ก็ต้องให้โรงแรมเปลี่ยนระบบโอนเงินมาเป็นโอนให้เราโดยตรง ไม่งั้นจะไม่ไปเล่นให้แน่นอน งานปีใหม่เป็นงานที่สำคัญที่สุดในรอบปีของธุรกิจโรงแรม เอนเตอร์เทนเมนต์คืนนั้นสำคัญมากๆ เห็นทีเราจะถือไพ่เหนือกว่าซะแล้ว

วันนี้ฉันลงไปร้องเพลงในห้องอาหารโรงแรมที่จัดเฉพาะวันเสาร์ตามปกติ (วันหยุดสุดสัปดาห์ของคนชาวตะวันออกกลางคือพฤหัสบดี-เสาร์) สำหรับฉันแล้ว ไม่ว่าในใจจะมีความทุกข์เพียงไรแต่เมื่อจับไมโครโฟนฉันก็จะลืมความทุกข์ไปได้บ้าง ระหว่างพักร้องจบในช่วงเซ็ตที่ 2 ผู้หญิงชาวเอเชียท่านหนึ่งที่ปรบมือให้ฉันแทบทุกเพลงตั้งแต่เริ่มร้องเพลงแรก เดินเข้ามาทักทายเป็นภาษาอังกฤษตรงเวที และถามว่าฉันเป็นคนไทยใช่รึเปล่า ฉันตอบไปว่า ‘ใช่ค่ะ’

ซอ The Sis

เธอก็เป็นคนไทยเช่นกัน สิ่งที่เธอหยิบออกมาจากกระเป๋าถือทำฉันอึ้งไปชั่วขณะ เธอเอาแผ่นซีดี The Sis ชุดแรกของฉันมาให้เซ็น! พี่สาวคนนี้ชื่อว่าพี่ติ๊ก แกเดาจากบทสัมภาษณ์ทางนิตยสารเล่มหนึ่งที่โรงแรมลงเพื่อโปรโมทวงว่าฉันน่าจะใช่ ซอ วงเดอะซิส

เราคุยกันอยู่นาน พี่ติ๊กและครอบครัวอาศัยอยู่ที่บาห์เรนมาเกือบ 5 ปีแล้ว ก่อนกลับแกออกปากชวนให้ไปเที่ยวที่บ้าน และถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็ขอให้บอก เป็นคนไทยคนแรกที่ฉันเจอตั้งแต่มาบาห์เรนและเป็นคนน่ารักเลย ฉันขอบคุณโชคชะตาที่มักทำให้ได้เจอแต่เพื่อนผู้ใหญ่ใจดีในต่างแดน

ตั้งแต่ได้เจอพี่ติ๊กฉันเหมือนมีโลกใบใหม่ที่ไม่ใช่แค่ห้องพัก หรือทำงาน พี่ติ๊กพาฉันไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา พาไปทานอาหารไทยอร่อยๆ ที่บ้านอยู่เสมอ ที่สำคัญคือ พาฉันกลับเข้าหาธรรมมะอีกครั้ง เพราะพี่ติ๊กมักเป็นเจ้าภาพเชิญพระสงฆ์พระอาจารย์จากเมืองไทยมาเยือนบาห์เรนบ่อยๆ เป็นความบังเอิญเสียจริงที่ฉันได้พบกับพี่ติ๊กในช่วงชีวิตที่เครียด ฉันได้สติกลับมาทุกครั้งและได้นำมาปรับใช้กับสถานการณ์ที่เผชิญ

เรื่องมาถึงจุดแตกหักเมื่อริคจับได้ว่าใบแจ้งโอนของเอเจนต์ตัวแสบเป็นของปลอม และโกหกอีกว่าโอนเงินเดือนมาให้เราแล้ว แต่จะได้รับอีกวันสองวัน แต่เมื่อล่วงเลยมาเป็นอาทิตย์กลับไม่เห็นเงินเข้า ริคปฏิเสธที่จะเล่นเพลงคริสต์มาสทั้งหมดเพราะนายแซนเดอร์ผิดคำพูดเรื่องโอนเงินให้เราโดยตรง อุปสรรคครั้งนี้ทั้งหนักและน่าเจ็บใจเสียจริงๆ เราถึงขั้นขู่โรงแรมว่าเราจะไม่มาทำงานอีกต่อไปและจะกลับมาทำก็ต่อเมื่อได้รับเงินเดือนเท่านั้น

นายแซนเดอร์โกรธจัดถึงขนาดขู่กลับว่าจะปรับเงินพวกเรา วันละ 2,000 BD หรือ 160,000 บาทไทย (1BD = 80 บาทไทย) หากเราไม่มาทำงาน แต่เราเช็กข้อสัญญาจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีการระบุว่าจะปรับเงินจำนวนมากขนาดนั้น ฉันและริคขนของทั้งหมดออกจากห้องพักในโรงแรมกลางดึกคืนนั้นทันที และไปอาศัยอยู่บ้านพี่ติ๊กชั่วคราว เพื่อไม่ให้นายแซนเดอร์มาเล่นงานเรื่องค่าห้องพักที่ราคาคืนละหมื่นกว่าบาทไทย เราไม่ไปร้องเพลงกว่า 1 อาทิตย์ และดีเจโมนิก้าก็ทำตามเราเช่นกัน

หลังจากรวบรวมข้อมูลของเอเจนซี่แห่งนี้จากทนายที่ริคควักเงินจ้างเอง ไม่น่าเชื่อว่าเราเป็นหนึ่งในเหยื่อที่เอเจนซี่รายนี้ติดค้างเงินนักดนตรี นักร้อง ดีเจ ในแถบประเทศตะวันออกกลางกว่า 180 คน! จำนวนเงินที่ติดค้างทั้งหมดคือ 38,000$ หรือ 1,300,000 บาท เพื่อเอาไปบริหารร้านเบอร์เกอร์ในห้างที่อาบูดาบีที่เอเจนต์ตัวแสบเป็นเจ้าของอยู่ ขโมยเงินนักดนตรีไปเปิดร้านเบอร์เกอร์! ฉันขำทั้งน้ำตาทุกทีที่พูดถึงเรื่องนี้

ผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมโทรตามเราสองคนกลับไปเจรจารับเงินเดือนโดยตรงที่ฝ่ายบัญชีเตรียมไว้พร้อมแล้ว และขอร้องให้เรากลับมาเล่นงานส่งท้ายปีเก่า อีกทั้งแจ้งข่าวดีว่าทางโรงแรมไล่แซนเดอร์ออกแล้ว เพราะนายแซนเดอร์ยอมรับเรื่องรับส่วนแบ่งจากเอเจนต์มาจริงๆ และโกงเงินโรงแรมอีกหลายโปรเจกต์ ฉันดูคนไม่ผิดจริงๆ GM ขอโทษที่เราต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ และเราได้เงินโบนัสชดเชยมาเป็นการขอโทษ

ทุกการทำงานย่อมมีอุปสรรค การได้มาร้องเพลงต่างประเทศคือจุดมุ่งหมายของฉันตั้งแต่แรก ฉันก็ได้รับโอกาสนั้นมา 2 ครั้ง และทุกครั้งก็ได้ไปไกลขึ้นเรื่อยๆ สัญญาจ้างครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ทุกรูปแบบที่จะมาพร้อมกับงานในอนาคต

ในเมื่อฉันเลือกเดินออกมาไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อทำตามความฝัน ฉันถือว่าตัวเองโชคดีมากแล้ว ฉันเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีความฝัน มีสิ่งที่รัก แต่หลายคนต้องทิ้งมันไปอย่างน่าเสียดายเพราะไม่มีโอกาส บวกกับภาระหน้าที่ต่างๆ ที่ไม่เอื้อให้ทำสิ่งที่ฝัน สำหรับคนที่ได้รับโอกาสได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักอยู่แล้ว หรือคนที่กำลังเริ่มหาลู่ทางตามความฝัน จงอย่ากลัวที่จะใช้ชีวิต จงอย่ากลัวกับปัญหาและอุปสรรค ความกลัวจะทำให้เราย่ำอยู่กับที่ แม้ฉันจะหวาดผวาจากการถูกโกง แต่มันก็ไม่ได้หยุดฉันให้เลิกรับงานต่างประเทศเลย กลับกันมันทำให้ฉันอยากผจญภัยมากขึ้น และระวังตัวมากขึ้นด้วย

ฉันและริคกลับไปรับงานร้องเพลงที่ประเทศบาห์เรนหลังจากนั้นถึง 3 ครั้ง แต่เป็นโรงแรมอื่นที่ดูแลเราดีมาก และที่สำคัญเราทำงานกับโรงแรมโดยตรง ไม่มีมือที่สามมาวุ่นวายคั่นกลางอีกต่อไป หลังจากบาห์เรน เราก็ได้สัญญาในประเทศใหม่ๆ เช่น มัลดีฟส์ เป็นต้น

ทั้งๆ ที่ฉันเดินทางร้องเพลงต่างประเทศก็ร่วม 3 ปีแล้ว แต่ยังรู้สึกเหมือนการเดินทางเพิ่งจะเริ่มต้น ฉันเชื่อว่าเสียงเพลงจะพาฉันล่องลอยไปได้ไกลกว่านี้อีก เพราะโลกนี้มันกว้างเหลือเกิน ฉันอยากไปร้องเพลงให้ได้ทั่วโลก แต่ก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่แน่ฉันอาจจะได้งานที่พาฉันร้องเพลงได้ทั่วโลกจริงๆ ก็ได้

 

ภาพ: รสริน พลับทอง สติกนีย์

Writer & Photographer

Avatar

รสริน พลับทอง สติกนีย์

ร้องเพลงเป็นอาชีพตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จนได้ออกอัลบั้มพร้อมพี่สาวอีก 2 คนชื่อวง The Sis ปัจจุบันร้องเพลงกับสามีชาวอเมริกัน ในชื่อ 'Rick & Zoe' Duo ทั้งบนบกและมหาสมุทร เดินทางร้องเพลงบนเรือมาแล้วกว่า 50 ประเทศ ขณะนี้ยังคงร้องเพลงอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา