ไก๊หยก = เนื้อไก่, จยี้หยก = เนื้อหมู

ฉันนั่งท่องภาษาจีนกวางตุ้งที่จำเป็นไว้สื่อสารในชีวิตประจำวันในรถของโรงแรมที่มารับเราสองคนที่สนามบินมาเก๊า ฉันและริคมาถึงมาเก๊าด้วยความเหนื่อยล้าสุดๆ เราตื่นกันตั้งแต่ไก่โห่ บินไฟลต์เช้าเพื่อมาถึงมาเก๊าไม่เกินเที่ยง เพราะวันนี้ช่วงบ่ายจะต้องเข้า orientation กับทางโรงแรมและเริ่มงานในวันพรุ่งนี้

ฉันทั้งเหนื่อย ทั้งง่วง แต่ก็ตื่นเต้นสุดๆ เพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงโรงแรมที่พัก ปากฉันท่องภาษาจีน แต่ในหัวนึกถึงแต่ที่นอนนุ่มๆ ในโรงแรม ริคดูเหนื่อยมากเมื่อคืนคงไม่ได้นอนเช่นกัน เพราะอุปกรณ์กีตาร์ของเขาเยอะเหลือเกิน

เขาขยิบเข้ามาใกล้แล้วถามว่า “ตื่นเต้นมั้ย”

ฉันตอบกลับเป็นภาษาจีนไปทันที “หยำปุย!!!” ซึ่งแปลว่า “ชนแก้ว!!!” เราหัวเราะกันพอให้คลายเหนื่อย

รถขับผ่านโรงแรมและคาสิโนที่ตั้งอยู่เรียงรายในตัวเมือง ไฟประดาประดาอลังการเป็นจุดเด่นที่หลอกล่านักพนันทั้งหลายจากทั่วเอเชียให้มาเสี่ยงโชคกันที่นี่ ‘ลาสเวกัสแห่งเอเชีย’

รถโรงแรมเลี้ยวเข้ามาในย่านที่ดูเหมือนที่พักอาศัยของคนท้องถิ่น มีคอนโดทั้งเก่าและใหม่อยู่แน่นขนัด ฉันได้แต่คิดในใจว่าถ้าโรงแรมที่จะไปร้องอยู่ในย่านนี้คงดีไม่น้อย แถวนี้มีซูเปอร์มาเก็ต บาร์ ร้านอาหารคนท้องถิ่น วัดจีน สวนสาธารณะ หลากหลายคึกคักดี คิดยังไม่ทันจบ…รถก็จอดทันทีเมื่อเลี้ยวเข้าสู่หัวมุมถนนสายหนึ่ง คนขับรถเดินกึ่งวิ่งเพื่อมาเปิดประตูให้ แล้วพูดภาษาจีนใส่เราสองคน

“÷ #×%=”

เราไม่เข้าใจเขาสักคำ ได้แต่ทำหน้าเอ๋อใส่ เขาดูหัวเสียทันทีและพูดดังขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ

“Here! go go!”  

เราทั้งคู่งงเป็นไก่ตาแตก มองซ้ายมองขวาก็ยังไม่เห็นโรงแรม เห็นแต่ตึกเก่าซอมซ่อที่ด้านหน้าดูเหมือนเป็นบ้านพักคนชรา เพราะเห็นมีแต่คนชรานั่งเล่นหน้าตึกเต็มไปหมด คนขับรถวิ่งลุกลี้ลุกลนไปขนสัมภาระของเราออกจากรถ ฉันเริ่มตื่นตระหนก ต้องมีการเข้าใจผิดแน่ๆ

ในที่สุดคนขับรถวิ่งกลับเข้ามาพูดประโยคสุดท้ายใส่เราแบบตะกุกตะกักแต่ได้ใจความว่า

“This is your place, you stay here!”

พร้อมกับชี้ไปที่ตึกเก่าซอมซ่อตรงหน้า หัวใจฉันตกไปอยู่ตาตุ่ม!

ริคก็ยังคงงงอยู่แต่เขามีสติมากกว่าฉันอยู่หลายขุมมาก เขารีบลงจากรถ แล้วพูดว่า

“ใจเย็นๆ นะโซอี้ เดี๋ยวจะขึ้นไปขึ้นไปดูที่พักให้ก่อน ถ้ามันแย่จริงๆ ไม่มีทางที่เราจะอยู่กันที่นี่หรอก กลับเมืองไทยตอนนี้ยังทัน!”

เสียงไฟฉุกเฉินที่คนขับเปิดทิ้งไว้ดังก้องรถไปหมด คงเพราะตอนนี้ในหัวฉันมันเบลอและว่างเปล่าจริงๆ ไม่นานนัก ริคกลับมาที่รถแล้วบอกฉันว่า “บนห้องพักของเรามันไม่แย่เท่ากับตัวตึกนะ ฉันว่าเราอยู่กันได้ รีบลงมาเถอะ” ฉันลงจากรถ น้ำตานองหน้า

ริคพยายามยัดสัมภาระทั้งหมดเข้ามาในลิฟต์เก่ากึ้กและเหม็นอับอย่างทุลักทุเล เมื่อประตูลิฟต์ปิดริคพูดด้วยน้ำเสียงปลอบขวัญว่า “ไม่ต้องตกใจนะ ทางเดินไปที่ห้องมันอาจจะแย่นิดหนึ่ง”

เราเดินลากสัมภาระตามทางเดินที่ดูเหมือนหนังสยองขวัญไม่ผิดเพี้ยน ฉันได้แต่หยีตา เดินฉับๆ เพื่อให้ถึงห้องให้เร็วที่สุด

จริงอย่างที่ริคว่า ห้องมันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ หน้าตาเหมือนเพิ่งจะปรับปรุงเสร็จเพราะกลิ่นสียังแรงอยู่ แต่ก็เล็กและอุดอู้มาก หน้าต่างมีอยู่บานเดียว คือในครัวที่ทำแยกไว้หลังห้อง ซึ่งอยู่ชิดติดกับอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ด้านหลังตึกของเรา วิวไม่ต้องพูดถึง ราวตากผ้า เสื้อใน กางเกงใน หม้อ ไห กะละมัง ห้อยกันพะรุงพะรัง

ฉันนั่งหมดแรงบนโซฟา หวังว่าเรื่องที่พักจะเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่ต้องเจอในสัญญาการทำงานนี้ หลังจากนี้ขอให้การทำงานราบรื่น ฉันไม่เคยรู้สึกท้อแท้ขนาดนี้มาก่อนเลย มองไปรอบๆ ห้อง ภาพฝันทั้งหมดในการเป็นนักร้องในต่างประเทศ ใช้ชีวิตกินนอนในโรงแรมคาสิโนห้าดาวยักษ์ใหญ่พังทลาย ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ก็ต้องให้กำลังใจตัวเองอย่างหนักว่านี่คือบทชีวิตบทใหม่ของฉัน ฉันได้โอกาสมาร้องที่ต่างประเทศอย่างที่ตั้งใจแล้ว จะยอมแพ้ทั้งๆ ที่ยังไม่เริ่มไม่ได้ พ่อฉันสอนเสมอว่าอุปสรรคมีไว้เพื่อข้ามและทดสอบความอดทน นี่สัญญาแค่ 3 เดือนเท่านั้น เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ที่สำคัญ ฉันไม่ได้เผชิญเรื่องนี้คนเดียว

ฉันปาดน้ำตา ก่อนตามริคลงไปขึ้นรถคันเดิมเพื่อไปร่วม orientation ที่สถานที่ทำงานใหม่ของเราสองคน

คุณพระคุณเจ้า! นี่โรงแรมเหรอเนี่ย! มันใหญ่ยักษ์อลังการมากๆ สวยตระการตาสุดๆ พนักงานชาวจีนคนหนึ่งพาเราสองคนไปทำบัตรคนละ 2 ใบ ใบแรกใช้เข้าออกประตูพนักงาน เพราะคนทำงานที่นี่ทุกตำแหน่งต้องเข้าออกประตูพนักงานด้านข้างโรงแรมเท่านั้น อีกใบหนึ่งคือบัตรเงินสดเหมือนเดบิตการ์ดเพื่อใช้ซื้อของกินในคาสิโน และเงินเดือนจะถูกโอนเข้าบัตรนี้โดยตรง ฉะนั้น จึงห้ามทำหายเด็ดขาด

เมื่อได้เข้าไปในคาสิโน/โรงแรมในส่วนชั้นใต้ดินซึ่งเป็นชั้นพนักงาน ฉันถึงกับกลั้นอุทานรอบสองแทบไม่ไหว อะไรมันจะวุ่นวายขนาดนี้ จนได้รู้ว่าที่นี่มีพนักงานสามพันกว่าคน มีหลายเชื้อชาติและภาษา ส่วนใหญ่คือชาวจีนแผ่นดินใหญ่ รองลงมาคือฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินเดีย และปากีสถาน มีคนไทยด้วย เพราะหนึ่งในร้านอาหารของโรงแรมมีร้านอาหารไทย แต่มีคนไทยไม่ถึง 10 คน

เราเดินผ่านพื้นที่ล่างสุดของโรงแรมซึ่งเป็นส่วนพนักงานทั้งหมด ทุกอย่างรวมอยู่ชั้นนี้ ทั้งโรงอาหาร ห้องพักผ่อนตามอัธยาศัย ล็อกเกอร์ ห้องแต่งตัวชายหญิงแยกกัน มีซอกซอยแยกไปส่วนออฟฟิศ มีบันไดและลิฟต์ทุกหัวระแหงขึ้นไปส่วนโรงแรม ฉันคิดว่าขนาดพื้นที่ทั้งหมดน่าจะกว่าร้อยไร่ เพราะพนักชาวจีนที่พาเราทัวร์นั้นบอกเพิ่มว่าคาสิโนแห่งนี้ประกอบไปด้วย 3 โรงแรมในที่เดียว! ถึงตอนนี้หน้าฉันมึนระดับ 10 คิดไม่ออกเลยว่าฉันจะจดจำถนนและซอกซอยต่างๆ ได้ยังไง

เราเดินผ่านจุดวุ่นวายที่สุดของชั้น ลัดเลาะมาจนถึงออฟฟิศที่ดูแลเรื่อง Entertainment โดยตรง มีกลุ่ม Management รอต้อนรับอยู่

“ริค โซอี้! ยินดีที่ได้พวกคุณมาร่วมงานด้วย”

พวกเขายิ้มและจับมือกันเป็นพิธี ริคไม่รีรอยิงคำถามเรื่องที่พักทันทีว่ามันเกินอะไรขึ้น พวกเขาดูไม่ตกใจเลย หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะมีกระดาษสัญญาข้อผูกมัดของเราอยู่ในมือแล้ว ชี้ข้อเรื่องที่พักให้เราดูว่า ที่พักคือที่พัก ‘ใกล้’ โรงแรม ไม่ใช่ ‘ใน’ โรงแรม

ฉันได้แต่กลืนน้ำลายตัวเองรู้สึกผิดเป็นที่สุดที่ไม่อ่านให้ละเอียด ริคก็ต้องมาซวยไปด้วย เพราะความไม่รอบคอบของฉันที่เป็นคนติดต่อเรื่องรับงานนี้โดยตรง

“โอเค ไม่ได้อยู่ในโรงแรมก็ไม่เป็นไร แต่เปลี่ยนที่พักได้รึเปล่าเพราะมันแย่จริงๆ พวกคุณเห็นรึยัง” ริคถาม แต่เมื่อได้รับคำตอบว่า อยากเปลี่ยนก็ได้ แต่เราต้องไปอยู่คอนโดรวมกับพนักงานคนอื่น ห้องละ 6 – 8 คน ตึกอาจจะดีกว่าของพวกคุณ แต่ข้างในห้องก็ไม่ต่างกันหรอก นี่ทางเราก็ได้ทำตามที่คุณขอมาแล้ว ว่าขอที่พักห้องส่วนตัว เราก็แยกคอนโดคุณสองคนให้เลย

ฉันและริคเงียบกริบ เป็นคำตอบว่าโอเค ถ้างั้นอยู่ที่นั่นแหละ ไม่ต้องย้ายหรอก

ใน orientation เราได้ทำความรู้จักกับโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ระบบจัดการ การทำงานของที่นี่ และกฎต่างๆ ของพนักงานค่อนข้างเคร่งครัด เพราะที่นี่คือคาสิโนที่มีเงินหมุนเวียนในโรงแรมมหาศาล ความเครียดของฉันคลายตัวลงนิดหน่อยช่วงดูวิดีโอ เพราะความตื่นเต้นกับงานใหม่ แต่อุปสรรคกลับโถมเข้าใส่อีครั้งเมื่อดูวิดีโอจบ หัวหน้า Management กล่าวเสริมกลางที่ประชุม

“ส่วนริคและโซอี้ เธอสองคนเล่นดนตรีคนละที่กัน”

หา…ไม่จริงใช่มั้ย! ริคกุมขมับ ฉันฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยความอ่อนแรง…

นี่ยังไม่ทันได้เริ่มทำงานเลยยังเจอกับอุปสรรคขนาดนี้ สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของฉันตอนนี้คือการกลับบ้าน ฉันจับมือริคแล้วถามเขาว่า

“กลับเมืองไทยกันมั้ย?”

ริคถอนหายใหญ่เฮือกใหญ่ มองฉันด้วยสายตาเหนื่อยล้า แล้วตอบว่า

“เราต้องผ่านมันไปได้ ไม่ต้องกังวล”

การเดินทางย่อมเจออุปสรรค และบทพิสูจน์การเดินทางนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว…

Writer & Photographer

Avatar

รสริน พลับทอง สติกนีย์

ร้องเพลงเป็นอาชีพตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จนได้ออกอัลบั้มพร้อมพี่สาวอีก 2 คนชื่อวง The Sis ปัจจุบันร้องเพลงกับสามีชาวอเมริกัน ในชื่อ 'Rick & Zoe' Duo ทั้งบนบกและมหาสมุทร เดินทางร้องเพลงบนเรือมาแล้วกว่า 50 ประเทศ ขณะนี้ยังคงร้องเพลงอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา