เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้า พร้อมกับผมที่ลืมตาขึ้นมาโดยอัตโนมัติ หลังจากใช้นิ้วกดปิดเสียงบนหน้าจอ ผมรีบกดมือถือเข้าไปดูบรรยากาศหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) ทันทีพร้อมกับภาวนาในใจ ขอให้วันนี้หิมะตกสักที (หลังจากที่หิมะไม่ตกเลยในหลายวันก่อนหน้า) แต่แล้วความรู้สึกก็เหมือนคนกำลังอกหัก วันนี้ที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะหิมะไม่ตก
แม้จะพอรู้มาบ้างว่าปีนี้หิมะแล้ง อาจเจอน้อยกว่าปีก่อนๆ เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็คิดเอาไว้ว่าน่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นบ้าง ความหวังที่อยากไปดูหิมะที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะดูเลือนลางออกไป
“ไม่คาดหวังก็จะไม่ผิดหวัง” คำพูดนี้ลอยขึ้นมาในหัวผม
ผมเปลี่ยนแผนการเดินทางใหม่ หลังจากหาข้อมูลอยู่สักพักก็เจอเป้าหมายในการไปดูหิมะ โดยเดินทางไม่ไกลจากโรงแรม นั่นคือ ‘ชินโฮทากะโรปเวย์’ (Shinhotaka Ropeway) กับความตั้งใจอยากสัมผัสและยืนท่ามกลางหิมะที่ตกลงมาจากท้องฟ้าดูสักครั้งในชีวิต
หลังจากแปรงฟัน ล้างหน้า อาบน้ำเสร็จ ก็รีบแต่งตัวและเก็บของลงไปห้องอาหารเช้าของโรงแรม พอกินอิ่มเรียบร้อย ผมออกจากโรงแรมและตรงไปยังเคาน์เตอร์ขายตั๋วใน Takayama Nohi Bus Center
ผมได้ตั๋วมาในราคา 6,000 เยน เป็นราคารวมรถบัสไป-กลับ จากเมืองทาคายาม่า (Takayama) และตั๋วนั่งกระเช้า
เมืองทาคายาม่า เมืองที่ผมเลือกเดินทางมาพักตั้งแต่เมื่อวาน ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ (Gifu) บริเวณตอนกลางของหมู่เกาะญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวชมย่านเมืองเก่า บริเวณถนนซันมะจิ (Sanmachi) มีวัดฮิดะโคคุบุนจิ (Hida Kokubunji Temple) เป็นโบราณสถานและมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ ของดีประจำเมืองคือเนื้อวัวฮิดะ ต้องลองชิม!
เริ่มต้นการเดินทางตามหาหิมะ
หลังจากขึ้นรถบัส ผมเลือกนั่งริมหน้าต่าง พร้อมหยิบหูฟังออกมาฟังเพลงให้บรรยากาศผ่อนคลาย ผมหยิบตั๋วและตารางเส้นทางขึ้นมาดู คาดว่าการเดินทางออกจากเมืองทาคายาม่าจนถึงชินโฮทากะโรปเวย์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที
รถบัสออกเดินทางมาพักใหญ่ ผมมองเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติ ต้นไม้มีหิมะสีขาวปกคลุม รถขับผ่านแม่น้ำ ผมคาดคะเนว่า น้ำคงเย็นมากพอสมควร เพราะมีก้อนหิมะปนอยู่บ้างประปราย ผมนั่งมองวิวสองข้างทางด้วยความเพลิดเพลิน จนรถบัสจอดถึงป้ายที่เป็นเป้าหมายของการเดินทางในวันนี้ ชินโฮทากะโรปเวย์ นั่นเอง
“บางทีการเดินทางอาจไม่ได้สำคัญว่าเราไปที่ไหนมาบ้าง แต่สำคัญว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากแต่ละที่ต่างหาก” ผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเดินทางของนักเขียนคนหนึ่ง นั่นเป็นประโยคที่กลับมาอ่านกี่ครั้งก็ยังประทับใจ
“แล้วที่นี่ล่ะผมจะเรียนรู้หรือได้รับประสบการณ์อะไรบ้าง” ผมคิดในใจ
ผมเดินลงจากรถ ความรู้สึกแรกที่สัมผัสคืออากาศหนาว หิมะเริ่มตกลงมา ผมยืนท่ามกลางท้องฟ้าสีขาวหม่นสักพักก่อนจะหลบเข้าตัวอาคาร พร้อมส่งยิ้มเป็นมิตรและยื่นตัวให้เจ้าหน้าที่ ระหว่างผมเดินไปต่อแถวรอขึ้นกระเช้า จะมีพนักงานมาประทับตราบนตั๋วให้อีกที
การนั่งกระเช้าลอยฟ้าจะแบ่งการเดินทางออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกเป็นกระเช้าชั้นเดียวใช้เวลาประมาณ 4 นาที หยุดจอดที่สถานี Nabedaira Kogen จากนั้นเดินทางไปยังจุดขึ้นกระเช้าช่วงที่ 2 มีความพิเศษคือ เป็นกระเช้ากอนโดล่า 2 ชั้นแห่งแรกและแห่งเดียวในญี่ปุ่น แบ่งเป็นชั้นบนและชั้นล่าง นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่
กระเช้าลอยฟ้าพานักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาโฮทากะ (Hotaka) ที่มีระดับความสูงประมาณ 2,156 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งมองเห็นทัศนียภาพของเทือกเขาเจแปนแอลป์ (Japan Alps) ได้จากยอดเขา
เมื่อกระเช้ากอนโดล่าเคลื่อนตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ต้นไม้ปกคลุมด้วยสีขาวโพลนของหิมะ เป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมือนตอนดูหนังต่างประเทศ ปกติจะเห็นทิวทัศน์ปกคลุมด้วยหิมะแบบนี้ในช่วงเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนเมษายน
ตอนนี้ผมรู้สึกตื่นเต้น จนอยากจะออกไปสัมผัสหิมะแล้ว
ชมทิวทัศน์ที่ชินโฮทากะโรปเวย์
หลังจากใช้เวลาประมาณ 7 นาที ผมก็ถึงสถานี Nishihotakaguchi ตัวอาคารสถานีมีทั้งหมด 5 ชั้น ชั้นที่นักท่องเที่ยวสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้นชั้น 5 เป็นดาดฟ้าบนสุดของอาคารสถานี ตรงจุดนี้มองเห็นภูเขาที่เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาเจแปนแอลป์ (Japan Alps) ได้ เนื่องจากวันนี้หิมะตกหนัก หมอกก็ลงด้วย ผมจึงมองเห็นแค่เพียงหิมะและหมอกสีขาว
“อดเห็นเลย” ผมบ่นคนเดียวในใจ วันนี้เราอาจแค่โชคไม่ดีเท่านั้นเอง
จุดชมทิวทัศน์ชั้นดาดฟ้าถือเป็นไฮไลต์ของจุดชมวิวที่นี่ แต่ยังไม่ทันดื่มด่ำหรือชื่นชมความงามให้สมกับที่เดินทางมาไกล ผมก็เริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมาจับใจเพราะหิมะตกหนักขึ้น เลยตัดสินใจเดินกลับมาตั้งหลักในตัวอาคารก่อน
ผมเปิดกระเป๋าเป้ หยิบหมวกไหมพรมมาสวมศีรษะ ช่วยเพิ่มความอบอุ่น แล้วก็ใส่เสื้อกันหนาวอีกชั้น เมื่อเตรียมความพร้อมเสร็จสรรพก็เดินออกไปข้างนอกอีกครั้ง ครั้งนี้ผมได้ใช้เวลามองดูความงดงามของที่นี่เต็มอิ่มเลย
สำหรับชั้นดาดฟ้าแห่งนี้ นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว อีกหนึ่งจุดที่ได้รับความนิยมจนต้องเดินมาถ่ายรูปคือ ตุ๊กตาหิมะ ‘นิชิโฮะคุง’ ที่ยืนตัวกลมปุ๊กสวมหมวกสีแดง พร้อมส่งรอยยิ้มคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน
สัมผัสหิมะครั้งแรก
สำหรับชั้น 3 เป็นชั้นขายของที่ระลึก มีสินค้าน่ารักๆ แบบฉบับญี่ปุ่นเยอะแยะเลย ส่วนชั้น 4 มีความพิเศษเหมือนกัน เป็นร้านอาหารและเป็นจุดเชื่อมสำหรับออกไปด้านนอกอาคาร โดยออกไปเดินสัมผัสหิมะได้อย่างเต็มที่
ผมใช้เวลาเดินเล่นข้างนอกอยู่นาน เอาให้คุ้มค่าตั๋ว เดินชมหิมะสีขาว ก้มตัวลงไปและใช้มือสัมผัสหิมะที่พื้นพร้อมกับหยิบหิมะขึ้นมาโปรยเล่นในอากาศ แล้วก็ใช้มือปั้นหิมะเป็นทรงกลมและปาออกไป อยากเล่นแบบนี้มานานแล้ว
หลังจากถ่ายรูปเก็บบรรยากาศรอบตัวจนหนำใจ ผมทนความหนาวไม่ไหวจึงรีบเดินกลับเข้ามาในตัวอาคารเพื่อให้ร่างกายอุ่นขึ้น แถมในอาคารมีเตาผิงไฟให้คอยบริการความอุ่นด้วย พออุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ก็ถึงเวลาเติมพลัง ผมสั่งอาหารพร้อมเครื่องดื่มผ่านตู้หยอดเหรียญ กินราเมนท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บเพราะอยากซดน้ำซุปอุ่นๆ คีบราเมนพลางจิบเครื่องดื่มอุ่น นั่งมองบรรยากาศรอบตัวด้วยความเพลิดเพลิน ช่างดีต่อตาและดีต่อใจ
พอท้องอิ่มก็ได้เวลาออกไปลุยหิมะอีกรอบ ตอนนี้นักท่องเที่ยวเริ่มบางตา ผมจ้องมองไปยังเด็กๆ ที่ตอนนี้กำลังปั้นหิมะเป็นก้อนกลม แล้วปาใส่กันอย่างสนุกสนาน แค่เห็นภาพตรงหน้าผู้ใหญ่อย่างเราก็พลอยรู้สึกสนุกไปด้วย
เกล็ดหิมะ 6 แฉก
ลมเย็นเริ่มพัดอ่อนลง แต่หิมะยังตกไม่หยุด และแล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจเกิดขึ้น
เมื่อมีเกล็ดหิมะ (Snow Flake) สีขาวจากบนฟ้าลอยตกลงมาบนแขนเสื้อข้างซ้ายของผม วินาทีนั้นผมจ้องมองอย่างตกตะลึง นี่คือเกล็ดหิมะที่ผมเห็นครั้งแรกในชีวิต เกล็ดหิมะผลึก 6 แฉกสีขาว เหมือนในการ์ตูนเลย
สวยมาก! ผมอุทานในใจ รู้สึกโชคดีมากที่เห็นด้วยตาตัวเอง
ผมรีบหยิบกล้องออกมาด้วยความทุลักทุเล ต้องให้แขนข้างซ้ายอยู่นิ่งที่สุด เพราะกลัวเกล็ดหิมะจะปลิวตามแรงลมหรือตกลงพื้นซะก่อน ผมใช้มือข้างขวากดถ่ายรูปเก็บไว้และมองดูเกล็ดหิมะอยู่นาน พร้อมกับสังเกตรูปร่างของเกล็ดหิมะอีกครั้ง
“สวยที่สุดเลย ได้มาเห็นแค่นี้ก็คุ้มแล้ว” ผมพูดกับตัวเองในใจพร้อมกับยิ้มออกมา จะว่าไปวันนี้ก็เป็นวันที่ดีนะ
ผมใช้เวลาดื่มด่ำกับภาพตรงหน้าท่ามกลางบรรยากาศหนาวเย็น พร้อมกับหิมะที่ทยอยตกลงมาเรื่อยๆ
“บางครั้งจังหวะความสุขของชีวิตก็เกิดขึ้นในวินาทีที่ไม่คาดฝัน”
นี่คงเป็นบทเรียนที่ผมเรียนรู้จากการเดินทางครั้งนี้
บทส่งท้าย : สาระของเกล็ดหิมะ
ปกติแล้วเกล็ดหิมะมีรูปร่างเป็น 6 แฉก ซึ่งแต่ละเกล็ดจะมีรูปร่างและลวดลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขึ้นกับสภาพแวดล้อมที่หลากหลายทั้งอุณหภูมิ ความชื้น กระแสลม ซึ่งล้วนส่งผลต่อการก่อตัวของผลึกทั้งสิ้น
วิลสัน เบนต์ลีย์ (Wilson Bentley) เป็นบุคคลที่หลงใหลและพยายามวาดเกล็ดหิมะโดยมองผ่านกล้องจุลทรรศน์ เขาพบว่าหิมะมีรายละเอียดมากเกินกว่าจะวาดได้ทันก่อนที่จะละลาย จึงทดลองถ่ายภาพของเกล็ดหิมะแทน
นี่เป็นภาพถ่ายส่วนหนึ่งของรูปทรงเกล็ดหิมะที่นำมาฝากครับ
Write on The Cloud
Travelogue
ถ้าคุณมีประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งสมุดลิมิเต็ดอิดิชัน จาก ZEQUENZ แบรนด์สมุดสัญชาติไทย ทำมือ 100 % เปิดได้ 360 องศา ให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ