สำหรับคนที่เคยไปประเทศเกาหลีหรือแม้แต่เคยชมซีรีส์เกาหลี ต่างต้องคุ้นเคยกับบรรยากาศอบอุ่นน่ารัก โรแมนติกเล็กๆ ของประเทศนี้ รวมถึงสไตล์การแต่งตัวแบบคุมโทนของคนที่นี่ คราวนี้เราได้มีโอกาสหลบหลีกความวุ่นวายในกรุงเทพฯ ไปปลอมตัวเป็นสาวเกาหลีถึง 6 วัน แน่นอนว่าทริปนี้ของเราจะได้ Hopping กันอย่างจุใจ
เกาหลีเป็นประเทศที่มีคาเฟ่เยอะและหลากหลายมาก เรียกว่ามีอยู่เกือบทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพที่พักในเกาหลีมีขนาดเล็ก ซึ่งไม่เอื้ออำนวยสำหรับการอ่านหนังสือหรือจะใช้พบปะกับใครได้ จึงทำให้คาเฟ่ในเกาหลีได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่น นักศึกษา หรือคนวัยทำงาน ทั้งเวลาเช้า พักกลางวัน หรือเวลาหลังเลิกงาน เรามักจะเห็นคนที่นี่ใช้เวลาอยู่ในคาเฟ่
สไตล์คาเฟ่ของเกาหลีจะมีกลิ่นอายของความมินิมอลและมีความน่ารักซ่อนอยู่ การมาเที่ยวเกาหลีในครั้งนี้นอกจากจะมาตามหาใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ยังได้ทัวร์คาเฟ่ตามเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดิน และน่าแปลกใจมากเมื่อได้พบกับความอร่อยของขนมมากมาย มันช่างเป็นความสุขที่เราอยากถ่ายทอดให้เพื่อนได้ตามมาสัมผัสค่ะ
BVBB Croissant Shop
ร้านแรกสำหรับครั้งนี้คือ BVBB Croissant Shop ร้านขนมอบในย่าน Hapjeong-dong โดยเราลงรถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Hapjeong (622) สายสีส้ม แล้วเดินตาม Google Maps ประมาณ 500 เมตรไม่นานนักก็เจอคาเฟ่ที่ชื่อ BVBB Croissant Shop ร้านนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร มี 2 ชั้น ตกแต่งง่ายๆ โทนสีน้ำตาล ครีม บรรยากาศในร้านคนเยอะตลอดทั้งวัน มีทั้งนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาแถวนี้ รวมถึงหนุ่มสาวชาวเกาหลี
เมนูขนมในร้านที่โด่งดังก็คือ ครัวซองต์อบร้อนๆ หน้าตาแปลกๆ ชวนทาน ในตู้จะโชว์ขนมจริงๆ ที่ร้านทำในแต่ละวัน บอกวัตถุดิบและราคาอย่างชัดเจน ขนมที่ขายดีที่สุดก็คือ ครัวต์ซองใส้ชีสกับถั่วแดงกวน แต่จริงๆ แล้วเราว่ามันน่าทานทุกอันเลยค่ะ
อากาศตอนนี้หนาวนิดๆ ประมาณ 10 องศาได้ เราเลือกเมนู California Croissant 1 ชิ้น กับเมนูอุ่นๆ อย่าง Flat White ไม่หวาน 1 แก้ว เอามานั่งทานที่ชั้น 2 โดยมีทั่งโซนห้องแอร์และโซนที่เป็น Outdoor เราเลือกนั่งทานด้านนอก ตอนสายๆ แดดอุ่นๆ คำแรกที่เราทานครัวซองต์เข้าไปมันทั้งกรอบและหนึบกำลังดี รสชาติหวานหน่อยๆ และความหอมของอัลมอนต์ที่เพิ่งอุ่นมาใหม่ๆ ร้านแรกของทริปนี้ทำให้ประทับใจมาก
BVBB Café
โทร 027470305
เวลาเปิด-ปิด 10.00 – 01.00 น.
IG @bam_voo
www.bamvoo.com
Four Basic
ถัดมาจากร้าน BVBB เพียง 500 เมตรเห็นจะได้ก็คือ ร้าน Four Basic ร้านนี้เป็น Coffee Shop และมีเบเกิ้ลพร้อมด้วยครีมชีสหลากหลายรสชาติให้เลือก ดูเหมือนว่าเบเกิ้ลของที่นี่จะได้รับความนิยมมาก เพราะเบเกิ้ลที่พนักงานกำลังยกลงจากเตาอบและที่วางเรียงรายให้ลูกค้าเลือกมันช่างเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว ร้านนี้ยังมีมากถึง 3 สาขาในเกาหลี ทั้งที่ Hapjung, Gwanghwamun และ Hoegi
เราไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับการกินเบเกิ้ลธรรมดาสักเท่าไหร่ เลยลองสั่งอะไรที่มันดูน่าตื่นเต้นกว่า Plain Bagel นั่นก็คือ รส Mugwort หรือรสจิงจูฉ่าย เราคิดว่ามันเป็นไอเดียที่ดีมากที่ผสมจิงจูฉ่ายลงในขนมปัง และพนักงานที่ร้านยังแนะนำ Cranberry Cream Cheese ให้ทานคู่กันด้วย ในแต่วันละที่ร้านจะจับคู่เมนูเบเกิ้ลไว้เป็นเซ็ตเมนูสุดคุ้มราคาพิเศษ ซึ่งวันนี้เป็นเมนู Coffee Today คือ Americano Coffee นั่นเอง
เราออกตัวเลยว่าเบเกิ้ลดีมากค่ะ ทำให้คนที่ไม่ชอบเบเกิ้ลอย่างเราสามารถทานหมดชิ้นได้อย่างรวดเร็ว และบรรยากาศร้านช่างดูสะอาดสงบ ร้านกว้างมาก มี 2 ชั้น รวมถึงโซนสวนเล็กๆ ด้านนอก สำหรับคนที่ต้องการสัมผัสอากาศหนาวๆ อย่างตอนนี้ ขณะที่เรานั่งทานเรามีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของร้าน เขาสงสัยว่าทำไมคนไทยถึงรู้จักคาเฟ่ในเกาหลีเยอะจัง และพยายามถามว่าเรารู้จักร้านของเขาได้ยังไง จากเว็บไซต์ไหนบ้าง ดูใส่ใจกับลูกค้าทุกๆ คน เราเลยบอกไปเพียงว่าประเทศไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีคนหลงใหลการดื่มด่ำกาแฟ และหลงใหลการใช้ชีวิตในคาเฟ่พอๆ กับคนเกาหลีนั่นล่ะ
Four basic
โทร 025663861
เวลาเปิด-ปิด 10.30 – 22.30 น.
IG @Fourb.hours
fourb.co.kr/
CUTE
พักจากร้านขนมปังมาเป็นร้านเค้กกันบ้างนะคะ คราวนี้มาที่สถานี Euljiro 3 (sam) ga (203) ทางออก 3 ยังร้านเค้กสุดลึกลับ ถึงแม้ว่าจะเดินไม่ถึง 500 เมตรจากทางออก 3 ก็ตาม แต่ก็ถึงกับงงทีเดียวเมื่อเดินมาเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกตามที่ Google Maps บอก เราจะเห็นเพียงตึกตระหง่านทั้งสี่มุม หลังจากนั้นเราจึงตัดสินใจเริ่มอ่านป้ายที่ติดตามมุมตึกทั้งสี่ จนพบป้ายร้านเล็กๆ น่ารักเป็นภาษาเกาหลีทำนองว่า ขึ้นมาค่ะ เราอยู่ที่ตึกนี้ (แปลเอาเองตามความรู้สึกนะคะ)
เราจึงไม่รอช้า รีบเดินขึ้นบันไดสีแดงบ้างขาวบ้างสลับกัน แล้วแต่ชั้นที่ตกแต่งเป็นร้านขายของ หรือแม้กระทั่งสำนักงานให้เช่า ระหว่างทางขึ้นบันไดก็แอบน่ากลัวเล็กน้อย เพราะค่อนข้างมืด ขึ้นมาประมาณสี่ถึงห้าชั้นได้ก็เจอแล้วค่ะ ห้องเล็กๆ ห้องเดียวนี่ล่ะ ช่างลึกลับสมที่เป็น A Hidden Korea Speakeasy Café จริงๆ
ตอนแรกก็สงสัยว่านี่จะเป็นคาเฟ่ที่เราตั้งใจจะมาจริงๆ รึนี่ ไหนลองเปิดประตูเข้าไปซิ ใช่จริงๆ ด้วยค่ะ แต่ห้องเล็กๆ ที่เห็นนี่ล่ะที่ข้างในตกแต่งเป็นคาเฟ่ได้อย่างน่ารัก พอเราไปถึงต้องรอคิวถึง 2 คิวและที่ร้านไม่มีที่สำหรับรอคิว ต้องยืนรอนอกห้อง หลังจากผ่านไปประมาณ 5 นาทีเห็นจะได้ พนักงานที่ร้านก็มาเรียก ถือว่ารอไม่นานค่ะ
ที่ร้านนี้มีเมนูขนมให้เลือกไม่กี่เมนู เราเลยแอบดูคนในร้านว่าเขาทานอะไรกันบ้าง เราสั่งแครอทเค้กกับช็อกโกแลตร้อนที่เป็นเมนูซิกเนเจอร์ตามที่พนักงานแนะนำ เค้กแครอทก้อนโตที่ทาน 2 คนกำลังพอดี เสริฟกับช็อกโกแลตร้อนที่ตกแต่งเป็นรูปการ์ตูน น่ารักมากๆ รสชาติก็ใช้ได้เลย แม้ร้านจะลึกลับขนาดนี้แต่เราก็เจอคนไทยที่ร้านนี้ด้วยนะคะ เริ่มจะเชื่อแล้วว่าคนไทยนี่ก็เป็นแฟนคลับคาเฟ่เกาหลีตัวยงเหมือนกัน
CETU Café
โทร 021093632597
เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 12.00 – 19.00 น.
IG @Room.cetu
Café Layered
ร้านเค้กอีกร้านที่เราชอบมาก ยกให้เป็นที่หนึ่งในทริปนี้เลย นั่นก็คือร้าน Café Layered เป็นร้านขนมที่ชื่อเสียงโด่งดังในย่าน Ankug ทีเดียว เราลงรถไฟฟ้าใต้ดิน Ankug (328) ทางออก 2 เดินย้อนหลังประตูทางออกมาแค่ 200 เมตรเท่านั้นก็จะเจอร้านสีเหลืองนวลตกแต่งง่ายๆ จากด้านนอกที่เป็นกระจกใสทำให้มองเห็นความหลากหลายของขนมในร้าน ซึ่งขนมในร้านนี้มีให้เลือกหลายแบบ หลายเมนูเป็นเมนูที่เราไม่ค่อยได้เห็นจากร้านอื่นๆ อย่าง Cream Scone, Cheddar Cheese Bacon Scone มีบราวนี่และเค้กหลากหลายรสชาติ
เราเดินเข้ามาในร้านแล้วยิ่งรู้สึกได้ถึงความอร่อย เมื่อได้กลิ่นขนมที่อบใหม่ๆ อยู่ในร้าน ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยจากจำนวนโต๊ะเกาอี้ที่วางจนหนาแน่น แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าในช่วงเที่ยงจะมีหนุ่นสาวออฟฟิศมานั่งทานขนมที่ร้านจนเต็ม เราชอบกลิ่นและบรรยากาศการอบขนมด้านหลังร้าน และชอบที่หลังคาร้านเป็นฝ้าโปร่งแสง ทำให้แสงแดดตอนกลางวันตกกระทบกับขนมที่วางโชว์อย่างสวยงาม เราสามารถหยิบขนมที่เราต้องการได้เลย และนำไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์พร้อมกับสั่งเครื่องดื่มได้ที่นั่น
เราสั่งเมนู Chocolate Cake, Banana & Figs Bread และเครื่องดื่มเป็น Iced Chocolate และ Cream Latte เครื่องดื่มร้อนๆ ที่มีครีมหอมนุ่มๆ ทานกับเค้กช็อกโกแลตหนึบๆ รสชาติเข้มข้น ส่วนเมนู Banana & Figs Bread เป็นเมนูขายดีของที่ร้าน ถ้าใครจะมาร้านนี้เราก็ขอแนะนำด้วยเช่นกัน มันไม่เหมือนเค้กกล้วยหอมทั่วไป เพราะด้านบนมีเกร็ดน้ำตาลหอมๆ เบิร์นกรอบๆ เข้ากันดีมากกับเนื้อเค้กที่ไม่หวานมาก
มาถึงตอนนี้เราคิดว่าอยากให้ท้องมีที่ว่างเพิ่มขึ้น เพราะยังมีอีกหลายเมนูที่เราอยากลองแต่ไม่สามารถทานต่อได้แล้วจริงๆ หรือถ้าใครอยากจะมาฝากท้องกับร้านนี้ก็แนะนำเลยค่ะ เพราะขนมที่นี้ชิ้นใหญ่ คุ้มค่ากับราคา คุณภาพและรสชาติก็ถือว่า Worth Every Calorie กันทีเดียว
Cafe Layered
โทร 027630604
เวล่เปิด-ปิด 08.00 – 22.00 น.
IG @Cafe_layered
BNHR Coffee
พอใจกับร้านเค้กทั้งสองร้านกันไปแล้ว ร้านถัดมาเรามากันที่ย่าน Itaewon ย่านที่ถือว่ามีร้านอาหารสไตล์ฟิวชันแปลกแตกต่างจากแหล่งอื่นในเกาหลี และมีร้านอาหารไทยอยู่เยอะกว่าย่านอื่น ๆด้วย เราจะไปร้านที่ชื่อว่า BNHR Coffee ลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Noksapyeong ทางออก 1 เดินตาม Google Maps ประมาณเกือบ 1 กิโลเมตร เราค่อยๆ แวะช้อปปิ้งไปตามทางบ้าง เพราะไกลเหลือเกินค่ะร้านนี้
แต่พอมาถึงแล้วต้องร้องว้าวให้กับเมนูเครื่องดื่มที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านที่ชื่อว่า BNHR Coffee Latte เราชอบมาก มันกลมกล่อม มีความหอมหวานของนมและครีมอย่างลงตัว นอกจากนั้น เราสั่งเค้กมีรามิสุ 1 ชิ้นและสายไม่ทานกาแฟอย่างเพื่อนอีกคนสั่งช็อกโกแลตเย็นอีกตามเคย เค้กมีรามิสุที่นี่ชิ้นใหญ่และทำใหม่ชิ้นต่อชิ้น ส่วนช็อกโกแลตก็เสิร์ฟมาในขวดทรงสี่เหลี่ยมที่มีโลโก้ร้านแบบง่ายๆ
ร้านนี้ตกแต่งแบบเรียบง่าย โทนสีเหลืองครีม ก็แต่ก็แอบมีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปอยู่หลายมุม เนื่องจากเราเดินกันมาไกลจากแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน แนะนำให้ค่อยๆ เดินมานะคะ เพราะที่นี่ไม่มีที่จอดรถ และคาเฟ่ในเกาหลีอีกหลายที่ก็ไม่มีบริการที่จอดรถ บรรยากาศภายในร้านนี้จึงดูเงียบสงบ เหมาะแก่การนั่งทำงานกันแบบยาวๆ
BNHR Coffee
โทร 027925110
เวลาเปิด-ปิด วันอังคาร-อาทิตย์ 12.30 – 21.00 น.
IG @bnhrcoffee
Café Skon
มาถึงคาเฟ่น่ารักๆในย่าน Hongik กันบ้าง ลงรถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Hongik (239) ทางออก 3 เดินตามเส้นทางแผนที่ประมาณ 700 เมตร ระหว่างทางนั้นไม่ต้องกลัวเลยนะคะว่าจะเหงา เพราะย่านนี้เป็นย่าน Hongik University จึงเต็มไปด้วยร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง รวมถึงคาเฟ่น่ารัก เต็มไปหมด เดินแบบเพลินๆ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ร้าน Café Skon เป็นคาเฟ่สีขาว 2 ชั้น ตกแต่งด้วยสีส้มบ้างแดงบ้าง เป็นคาเฟ่ที่น่ารักมากๆ ส่วนด้านล่างเป็นร้านทำเล็บ คาเฟ่จะอยู่ด้านบน
เมื่อขึ้นไปชั้นสองและเข้าไปด้านในจะพบการตกแต่งร้านที่แตกต่างจากด้านนอกอย่างสิ้นเชิง ภายในร้านเป็นโทนสีอ่อนๆ อย่างสีขาวครีมและมีการตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้ ด้วยความหิวของวันนี้ เราแทบไม่ได้สนใจเมนูซิกเนเจอร์ที่พนักงานแนะนำอย่าง Lemon Cake เพราะมันชิ้นเล็กไปแล้วสำหรับความหิวระดับนี้ของเรา
เราสั่งขนมชิ้นใหญ่ที่สุดในร้านอย่าง French Cloud ขนมปังอบแบบโทสต์ เสิร์ฟพร้อมครีมสดและผลไม้ ส่วนเครื่องดื่มเป็น Cream Latte กับ Flat White ขนมปังที่อบมาร้อนๆ พร้อมครีมสดที่หวานกำลังดีกินคู่กับ Cream Latte ที่เป็นเครื่องดื่มร้อนนุ่มๆ หวานละมุนลิ้น เรานั่งทานบริเวณที่ร้านจัดไว้เป็นระเบียง ใต้ต้นไม้ที่มีใบไม้เปลี่ยนสีปลิวลงมาพร้อมกับลมเย็นๆ เผลอแป๊บเดี๋ยวเท่านั้นขนมก็หมดแล้ว
Café Skon
โทร 023237074
เวลาเปิด-ปิด 11.00 – 22.00 น.
IG @Café_skon
Scoff Bakehouse
สุดท้ายก่อนจะออกจากโซลเรามาฝากท้องกันที่ร้าน Scoff Bakehouse ลงรถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Gyeongbukgung (327) ทางออก 2 เดินประมาณเกือบ 700 เมตรเราจะพบทางเข้าตรงซอยเล็กๆ พร้อมป้ายบอกทางไปคาเฟ่ที่ชื่อว่า Scoff Bakehouse เดินตามกลิ่นหอมๆ เข้าไปจะพบร้านเรียบง่ายที่แทบจะไม่ได้มีการตกแต่งอะไรเลย มีเพียงบริเวณที่เป็นครัวสำหรับไว้อบขนม ด้านข้างเป็นเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ส่วนด้านหลังเป็นบาร์เล็กๆ สำหรับชงเครื่องดื่ม นอกนั้นบริเวณอื่นๆ ในร้านเป็นที่สำหรับวางขนมอบรสชาติหลากหลายที่เพิ่งอบมาใหม่ๆ ให้เราได้เลือกบริการตัวเอง
ที่ร้านมีขายทั้งแบบเป็นชิ้นหรือจะสั่งเป็นถาดกลับบ้านไป แต่คงต้องกินกันหลายวันหน่อย เพราะนอกจากขนมร้านนี้จะชิ้นใหญ่แล้วยังถาดใหญ่อีก รวมถึงดูทันสมัยและมีการนำวัตถุดิบตามฤดูการมาใช้เป็นส่วนผสมอย่างลงตัว
อย่างแรกที่ทำเมื่อเข้ามาถึงที่ร้านคือกวาดสายตาไปรอบๆ เลือกขนมที่คิดว่าน่ากินที่สุด เราสั่ง Raspberry Almond Tart และ Hot Apple Cinnamon Tea ส่วนเพื่อนสายช็อกโกแลตก็ตามเคย เลือก Chocolate Brownie และ Lemonade นอกจากนั้น เรายังเลือกสโคนอีกหลายชิ้นกลับบ้านเพื่อจะเอามานั่งทานที่สนามบิน
ระหว่างที่รอให้ร้านอุ่นขนมให้เราขึ้นมานั่งที่ชั้นสอง เดินสำรวจร้านที่ตกแต่งด้านบนแบบง่ายๆ ตอนนี้คนยังไม่เยอะมากเพราะเรามาตั้งแต่ร้านเปิดใหม่ๆ ไม่นานก็ได้ขนมที่สั่งไว้ Hot Apple Cinnamon Tea เสิร์ฟมาแบบมีแอปเปิ้ลเป็นลูกๆ ลอยอยู่ในแก้ว มีเนื้อแอปเปิ้ลฝานบางๆ กับชาหอมๆ ส่วน Raspberry Almond Tart ก็อร่อยไม่แพ้กัน มีความเปรี้ยวหวานสลับกันไปในแต่ละคำ ได้แอบชิม Chocolate Brownie ของเพื่อน รสชาติก็กลมกล่อมเน้นไปทางเข้มข้น
หลังจากที่เรากินขนมไปจนหมด บอกเลยว่ารู้สึกตื่นเต้นกับขนมร้านนี้ เพราะที่นี่สามารถทำให้ขนมธรรมดาๆ ที่เราเคยทานทั่วไปมีความอร่อยและมีเอกลักษณ์เฉพาะอย่างบอกไม่ถูก เอาเป็นว่าใครมาเที่ยวโซลแล้วผ่านมาย่านนี้ เราแนะนำให้แวะมาเจอกับประสบการณ์แบบนี้กันนะคะ