MOVIN’ON by Michelin คืองานเกี่ยวกับการสัญจรที่ยั่งยืน (Sustainable Mobility) จัดที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา โดยมีมิชลินเป็นเจ้าภาพหลัก แต่ในงานเต็มไปด้วยเนื้อหาจากองค์กรทั้งภาคเอกชน รัฐบาล เมือง และ NGO จากทั่วโลก

งานปีนี้จัดระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน มีผู้เข้าร่วมกว่า 5,000 คน จาก 60 ประเทศ มีองค์กรมาร่วม 155 องค์กร ตัวแทนเมือง 25 เมืองจากทั่วโลก มีสื่อมวลชนเข้าร่วม 220 คน จาก 20 ประเทศ

สื่อมวลชนในจำนวนนั้นประกอบไปด้วย นิ้ว อรพิณ บรรณาธิการบริหาร The Momentum, แชมป์ ทีปกร บรรณาธิการบริหาร The Matter, ท็อป บรรณาธิการบริหาร Time Out, เล็ก มนต์ชัย บรรณาธิการธุรกิจ The Standard และผม

ถือเป็นการเดินทางที่สนุกมาก ทั้งความน่าสนใจของเนื้อหาภายในงาน ความสนุกสนานตามประสาการเดินทางร่วมกันของเพื่อนพ้อง และความเข้มข้นของบทสนทนาว่าด้วยเรื่องราวต่างๆ นานาในวงการสื่อออนไลน์

เสียดายที่เรื่องหลังเอามาเล่าสู่กันฟังไม่ได้

เมืองมอนทรีออล

พวกเราทั้งหมดไม่เคยมีใครมามอนทรีออล

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

เราเลยใช้เวลา 1 วันก่อนเริ่มงาน เดินสำรวจเมือง ผมใช้เวลาช่วงเช้าตรู่วิ่งบนทางเลียบแม่น้ำ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้เรียงรายไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว นอกจากบรรดาโกดังร้างทั้งหลาย จุดที่ผมว่าน่าสนใจที่สุดก็คือ Habitat 67 อาคารพักอาศัยที่เหมือนเอาลูกบาศก์มาเรียงต่อกัน ซึ่งสร้างขึ้นสำหรับงาน Expo เมื่อปี 1967 ถือเป็นอาคารระดับไอคอนของแคนาดาเลยทีเดียว

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

บาส อลงกรณ์ PR ของมิชลิน ไปวิ่งบนเขาที่ Mount Royal Park ซึ่งได้เห็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและเป็นทางวิ่งที่วิวสวยมาก จนพวกเราต้องไปตามรอยในวันต่อมา

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

แชมป์แนะนำโบสถ์ Notre-Dame Basilica of Montreal โบสถ์อายุ 400 กว่าปี ทุกเย็นจะมีโชว์ Digital Mapping ยิงแสงสีเสียงภายในตัวโบสถ์ ถือเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

พี่สาวของนิ้วฝากข้อมูลมาว่า ควรไปเยือนโบสถ์ Saint Joseph’s Oratory of Mount Royal คำโฆษณามีสั้นๆ แค่ ‘ในโบสถ์มีภูเขา’ ซึ่งหมายความตามนั้น เพราะโบสถ์แห่งนี้สร้างติดภูเขา โถงชั้นล่างของโบสถ์เลยมีผนังด้านหนึ่งเป็นภูเขา

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

สถานที่อีกแห่งที่หลายคนหาข้อมูลมาตรงกันก็คือ Gay Village ถนนสายกินดื่มเที่ยวที่ตกแต่งด้วยลูกบอลสีรุ้งความยาวเกือบ 1 กิโลเมตร

เสียดายที่มิชลินไกด์ยังมาไม่ถึงมอนทรีออล ท็อปเลยรับหน้าที่คัดสรรร้านอาหารให้ เรื่องอาหารนี่ได้ Time Out มาแนะนำให้ พวกเราก็หายห่วง

MOVIN’ON

เราอาจจะรู้สึกว่ามิชลินเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์ แต่มิชลินมองว่าพวกเขากำลังทำธุรกิจเกี่ยวกับการสัญจร เพราะพวกเขาทำมากกว่ายางรถยนต์ ยังมีกิจการในเครืออีกจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการสัญจร สิ่งที่คนทั้งโลกรู้จักกันดีที่สุดก็คือ คู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวมิชลินไกด์

มิชลินพยายามส่งเสริมการสัญจรที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย เข้าถึงได้ และมีประสิทธิภาพ

การสัญจรในปัจจุบันยังไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่ายั่งยืน เพราะก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยในโลกเรา 15 เปอร์เซ็นต์มาจากการคมนาคมขนส่ง ในแต่ละปีมีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์มากถึง 1.3 ล้านคน และคนจำนวนมากก็ยังเข้าไม่ถึงระบบคมนาคมขนส่ง

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

มิชลินเลยชวนคนที่คิดเหมือนกันมารวมตัวกันเพื่อทำฝันให้เป็นจริงครั้งแรกเมื่อปี 1998 แล้วจัดอย่างต่อเนื่องทุก 2 – 3 ปี จนกระทั่งปีที่แล้ว ได้เปลี่ยนชื่องานมาเป็น MOVIN’ON by Michelin เพื่อยกระดับจากงานของมิชลิน ให้เป็นงานของทุกแบรนด์ ทุกหน่วยงาน และทุกเมือง ที่อยากสร้างการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน

ห้อยป้ายเข้างาน

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

ความพิเศษของบัตรเข้างานคือ เมื่อเราอยากแลกช่องทางติดต่อสื่อสารกับคนในงาน ก็แค่เอาบัตรมาจ่อใกล้ๆ กันแล้วกดพร้อมกัน เมื่อไฟกะพริบก็แสดงว่าข้อมูลของคนนั้นได้เข้าไปสู่แอคเคานต์ของเราเรียบร้อย

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

นอกจากนี้บัตรเข้างานสุดล้ำยังมีระบบเติมเงิน เพื่อใช้แตะจ่ายค่าอาหารในงานได้ด้วย ซึ่งภายในงานมีระบบแยกขยะแบบจริงจัง และมีขวดน้ำแจกผู้เข้าร่วมทุกคน พร้อมกับมีจุดให้เติมน้ำเปล่าและโซดาเย็นเจี๊ยบฟรีตลอดงานด้วย

เวทีเสวนา

ในงานนี้มีเวทีเสวนาทั้งหมด 7 เวที เวทีที่น่าสนใจที่สุดก็คือ เวทีหลักซึ่งเป็นเวทีแบบ 360 องศาอยู่ในเต็นท์ขนาดใหญ่ แชมป์บอกว่า ตอนที่เขาหาข้อมูลเกี่ยวกับงานนี้ ข้อมูลแรกที่มีคนรีวิวไว้ก็คือเวทีเสวนาของงานนี้มีระบบแสงสีเสียงที่ล้ำมาก ซึ่งงานในปีนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น ก่อนการสนทนาแต่ละช่วงจะเริ่มต้นขึ้น ดีเจในชุดเสื้อเชิ้ต ผูกไท และห้อยป้ายผู้ร่วมงาน จะเปิดเพลงสร้างความคึกคักกันก่อน และเมื่อบรรยายจบ จะมีนักแสดงออกมาเก็บแก้วน้ำและจัดที่นั่งใหม่ด้วยลีลาแบบ Physical Theater

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

ซึ่งไม่น่าประหลาดใจนัก เพราะท็อปให้ข้อมูลว่า มอนทรีออลนั้นขึ้นชื่อเรื่องการแสดงประเภทนี้อยู่แล้ว Cirque Du Soleil คณะกายกรรมระดับต้นๆ ของโลก ก็อยู่ที่นี่

เนื่องจากมิชลินเป็นบริษัทฝรั่งเศส และแคนาดาเองก็ใช้ภาษาฝรั่งเศสค่อนข้างมาก การบรรยายบนเวทีนี้เลยมีทั้งฝรั่งเศสล้วน อังกฤษล้วน และบรรยายแบบสองภาษาสลับกันไปมา ถ้าใครฟังแล้วไม่เข้าใจก็แค่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ต่อไวไฟ เข้าไปที่เว็บไซต์ แล้วก็เสียบหูฟัง จะได้ยินอีกภาษาทันที

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

เวทีย่อย

เนื้อหาการพูดคุยในเวทีเล็กหลากหลายและน่าสนใจกว่าเวทีใหญ่เล็กน้อย บางช่วงก็เป็นการบรรยาย บางช่วงเป็นเสวนา และบางช่วงก็เป็นเวิร์กช็อประดมความเห็น หัวข้อที่พูดคุยกันก็มีทั้งเรื่องเมือง การขนส่ง การออกแบบ ปัญญาประดิษฐ์ นวัตกรรม พลังงาน การจัดการข้อมูล และอีกมากมาย โดยที่หัวข้อ Opportunities and Obstacles of the Belt and Road Initiative (BRI) From the Perspective of Sustainable Mobility มี ดร.สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับเชิญมาร่วมเล่าเรื่องเครือข่ายถนนในเมืองไทยที่เชื่อมต่อกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคด้วย

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

เป้าหมายของมิชลิน

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

ภายในงานมีองค์กรต่างๆ มาออกบูทแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการสัญจรที่ยั่งยืนเยอะมาก แต่องค์กรที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดก็คือ มิชลินนั่นเอง

นิโกลา โบมงต์ (Nicolas Beaumont) ผู้อำนวยการของงานนี้ และรองประธานด้านการพัฒนาและการสัญจรที่ยั่งยืนของมิชลิน อธิบายเรื่องเป้าหมายของมิชลินในปี 2048 ให้พวกเราฟังว่ามิชลินตั้งเป้าไว้ 2 เรื่อง ซึ่งผมขอเรียกว่า เรื่องที่มา และเรื่องที่ไป

เรื่องที่มา ปัจจุบันวัตถุดิบที่มิชลินนำมาผลิตยางรถยนต์มีสัดส่วนดังนี้ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี 72% วัตถุดิบชีวภาพ 26% (เช่น ยางธรรมชาติ น้ำมันดอกทานตะวัน และลิโมนีน) และวัตถุดิบรีไซเคิล 2% (เช่น เหล็ก และผงยางรีไซเคิล)

ในปี 2048 มิชลินจะเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบชีวภาพ 50% รีไซเคิล 30% และปิโตรเคมี 20%

เรื่องที่ไป คาดว่าตอนนี้มีขยะจากยางรถยนต์เก่าทั่วโลกรวมกัน 1,000 ล้านเส้น เอากลับมาใช้ประโยชน์ได้ 70% (รีไซเคิลเป็นวัตถุดิบต่างๆ เช่น พื้นผิวสนามกีฬา 50% เอาไปเผาเพื่อผลิตพลังงาน 20%) เป้าหมายในปี 2048 นั้นง่ายมาก คือยางมิชลิน 100% จะถูกนำไปรีไซเคิล

การจะไปให้ถึงจุดนั้นได้ต้องอาศัยระบบและพันธมิตรมากมาย ทั้งภาคเอกชนหลายแขนง รวมไปจนถึงเมือง

มิชลินเองก็ร่วมมือกับผู้พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ แบบเต็มที่ จนเกิดยางรถยนต์ต้นแบบที่พวกเขามองว่านี่คือยางรถยนต์ที่ยั่งยืนที่สุด ก็คือไม่ต้องใช้ลม ผลิตโดยใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ ในยางมีชิพที่สื่อสารข้อมูลของยางถึงผู้ขับขี่ได้ และดอกยางที่สึกหรอไปก็เติมได้ด้วยการใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ นั่นหมายความว่า อายุการใช้งานของยางรถยนต์หนึ่งเส้นจะยาวนานกว่าเดิมหลายเท่า

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

แต่ผมว่า ยางรถยนต์รุ่นนี้ก็ยังไม่ล้ำเท่าโมเดลธุรกิจของมิชลินที่เปลี่ยนไปแล้ว

มิชลินอยากทำยางรถยนต์ที่ใช้งานได้นานที่สุด แต่ก็ไม่อยากขาดรายได้ ตอนนี้มิชลินก็เลยเปลี่ยนจากการขายยางสำหรับเครื่องบินให้สายการบิน เป็นการส่งยางให้ใช้แล้วคิดเงินตามการใช้งาน ก็คือล้อโดนพื้นมากแค่ไหนก็คิดเงินมากแค่นั้น นั่นหมายความว่า ถ้ายางหนึ่งเส้นยิ่งใช้งานได้นานเท่าไหร่ มิชลินก็ยิ่งได้ผลตอบแทนมากเท่านั้น

ไม่ใช่แค่ยางสำหรับเครื่องบินเท่านั้น แต่ยางสำหรับรถบรรทุก มิชลินก็เริ่มใช้โมเดลนี้แล้วเช่นกัน

Startup Village

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

ในงานนี้มิชลินคัดสรรสตาร์ทอัพ 40 แห่ง ที่เกี่ยวกับการสัญจรมาร่วมงานด้วย ซึ่งมีทั้งระบบส่งของ เรือที่ท้องเรือลอยพ้นผิวน้ำ แอพพลิเคชันช่วยเรื่องการเดินทาง ระบบที่จอดรถ ตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า จักรยานไฟฟ้า และการเอาจักรยานเก่ามาซ่อมใหม่แล้วขายในราคาประหยัดเพื่อให้คนเข้าถึงจักรยานได้ง่าย ถือเป็นโซนที่คึกคักตลอดเวลา

LABS

โซนที่จัดว่าแปลกประหลาดที่สุดในงานก็คือโซน Labs ซึ่งมี 3 กิจกรรมให้เราเข้าร่วม

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

กิจกรรมที่หนึ่ง Horizon เป็นการชวนดูนก ด้วยการมอบกล้องดูนก พร้อมสมุดจด และออดิโอไกด์ที่แนะนำให้เรามองหานกตามจุดต่างๆ และคำอธิบายถึงนกที่อยู่ในเมืองแต่ละประเภท ทีแรกคิดว่าจะเป็นการสอนให้รู้จักพฤติกรรมของนกในเมือง แต่เมื่อจบกิจกรรมวิทยากรก็ชวนพูดคุยโดยตั้งคำถามว่า เรามีนิสัยเหมือนนกประเภทไหน คนในทีมเราเหมือนนกประเภทไหน เป็นการสอนเรื่องการเข้าใจคนในทีม ผ่านการเข้าใจนกในธรรมชาติที่แนบเนียนมาก

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

กิจกรรมที่สอง Transparent ผู้เข้าร่วมจะได้รับภาพของคนชายขอบ 9 ประเภท เช่น คนไร้บ้าน คนที่เต็มไปด้วยรอยสัก คนพิการ แล้วผู้ดำเนินกิจกรรมก็จะถามเราว่า ใครคือคนที่เราอยากสนิทด้วยที่สุด อยากทำงานด้วยที่สุด อยากไปเที่ยวด้วยที่สุด ถามไป 6 ข้อ ก็จะเหลือคน 3 ประเภทที่เราไม่เลือก หรือคนที่เราไม่อยากสุงสิงด้วยนั่นเอง เขาให้เราจินตนาการเรื่องที่เลวร้ายที่สุดเกี่ยวกับคนเหล่านั้น จากนั้นก็ให้เปลี่ยนมาจินตนาการเรื่องที่ดีที่สุดของคนเหล่านั้นแทน แล้วก็สรุปว่า จงอย่ามีอคติกับเพื่อนร่วมงานของคุณเพียงเพราะเขามีลักษณะภายนอกเป็นแบบนี้ และปิดท้ายกิจกรรมว่า ถ้าคุณยังมีอคติ ต้องระวัง AI จะมาแทนที่คุณนะ เพราะพวกมันไม่มีอคติ

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

กิจกรรมที่สาม Reveries เป็นการติดเครื่องจับสัญญาณสมองเพื่อวัดว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ให้ผู้พิการใช้สมองออกคำสั่งอวัยวะเทียมได้ และอนาคตอาจจะใช้วัดได้ว่า ทหารคนนี้ควรจะรบต่อไหมหรือควรจะถูกส่งกลับ รวมไปถึงการใช้หาข้อมูลอ่านใจผู้บริโภค ผู้ดำเนินกิจกรรมตั้งคำถามให้เราคิดว่า แล้วงานของเราจะเอาเทคโนโลยีนี้ไปใช้ทำอะไรได้บ้าง และปิดท้ายด้วยคำถามที่เหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นได้ในอีกไม่นาน เขาถามว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าในอนาคตเราสามารถรู้สิ่งที่ทุกคนคิดได้ด้วยการใช้เครื่องมือที่รับสัญญาณจากสมองได้เลย ไม่ต้องเอามาแปะหัวเหมือนตอนนี้

โซนลองรถ

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

เนื่องจากงานนี้พูดถึงการสัญจรที่ยั่งยืน ก็เลยมีรถยนต์มากมายหลายประเภทมาให้เราได้ลองใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถโรงเรียนไฟฟ้า เครื่องยนต์ของรถไฟฟ้าพวกนี้เงียบมาก จนต้องมีการออกแบบให้มีเสียงดังเป็นระยะเมื่อทำความเร็วเกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คนรอบข้างจะได้รู้ว่ากำลังมีรถแล่นอยู่ แล้วก็ยังมีจักรยานไฟฟ้า รถบ้าน รถพลังงานแสงอาทิตย์ โดรน และพาหนะอีกมากมาย จนรู้สึกได้ว่ารถพวกนี้มันอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

ทัวร์งาน MOVIN'ON ที่มอนทรีออล ไปดูนวัตกรรมล้ำๆ เพื่อการสัญจรที่ยั่งยืน

สุดท้ายงานนี้ก็ปิดลงอย่างยิ่งใหญ่ มีผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองมอนทรีออลและแคนาดาออกมากล่าวขอบคุณทุกคน พร้อมกับประกาศเชิญชวนทุกคนให้กลับมาร่วมงานใหม่ในปีหน้า

ภาพ MOVIN’ON

Writer & Photographer

ทรงกลด บางยี่ขัน

ทรงกลด บางยี่ขัน

ตำแหน่งบรรณาธิการโดยอาชีพ เป็นนักเดินทางมือสมัครเล่น แบ่งเวลาไปสอนหนังสือโดยสมัครใจ และชอบจัดทริปให้คนสมัครไป