ทำไมต้องเทรนด์
ท่ามกลางเทรนด์ไลฟ์สไตล์มากมาย หากมองให้ลึกลงไป หลายเรื่องเกิดขึ้นและดำเนินมาแล้วช้านานจนกลายเป็นรากเหง้าของแต่ละวัฒนธรรมด้วยซ้ำ แล้วจึงโดนเหล่านักกำหนดเทรนด์ หรือ Trend Setter หยิบยกขึ้นมาเป็นวาระของแต่ละยุคสมัย
เทรนด์ ไม่ได้มีประโยชน์สำหรับการใช้ชีวิตเท่านั้น แต่ยังส่งผลมหาศาลต่อนักการตลาด เพื่อพยากรณ์ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เหมาะสมกับผู้บริโภคในช่วงนั้น ในขณะเดียวกัน เทรนด์ก็อาจเป็นแนวทางให้นักออกแบบหัวก้าวหน้า คิดมองหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อให้แหวกแนวออกจากตลาด และสร้างความเป็นตัวตนของตัวเองให้เด่นชัดขึ้น
ช่วงสองสามปีมานี้ คำว่า ‘ปรัชญาการใช้ชีวิต’ เป็นเทรนด์ที่บูมขึ้นมาในกลุ่มวัยรุ่นไปจนถึงวัยเริ่มก่อร่างสร้างตัว อย่างที่เคยได้ยินมาว่า ความเคยชินในบางอย่างจะทำให้เราคิดไปถึงอะไรอีกอย่าง คนทำงานที่เติบโตมากับชีวิตแอนะล็อกต้องการปลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิตดิจิทัลที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วพริบตา ในขณะที่เด็กวัยรุ่นก็ต้องการค้นคว้าแสวงหาตัวตนที่สวมเข้ากับตัวเองพอดี เพื่อเดินทางค้นหาชีวิตอย่างสุขนิยม แต่ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยใด การใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองพึงพอใจ ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ทุกวันมีความสุข
Trend of Living
เทรนด์มินิมอลที่ได้ยินบ่อยๆ ช่วงก่อนมีตั้งแต่ เรียบง่ายแบบ ‘วาบิซาบิ’ ปรัชญาการใช้ชีวิตจากศรัทธาในธรรมชาติของชาวญี่ปุ่นที่ได้ยินกันมานาน หรือ hygge (ฮุกกะ) ความสุขสบายอย่างอิ่มอกอิ่มใจแบบชาวเดนมาร์กซึ่งเป็นที่พูดถึงเมื่อปีที่แล้ว และเทรนด์ต่อไปของรูปแบบการใช้ชีวิตกำลังจะพาเราเดินทางไปสัมผัสความเรียบง่ายแบบสวีเดน กับคำง่ายๆ ที่ออกเสียงว่า ลา-กอม (Lagom) ซึ่งถูกพูดถึงอย่างหนาหูในกลุ่ม Lifestyle Trend ของปีนี้
ลา-กอม (Lagom) นิยามจาก Modern-Day Vikings หรือที่คู่มือปฏิสัมพันธ์กับชาวสวีเดนฉบับใช้งานได้จริง กล่าวไว้ว่า “One should eat enough, but not too much; Work hard, but not too hard; have enough, but not too much. – มนุษย์คนหนึ่งควรกินแต่พอดี ไม่มากไป ทำงานหนักได้ แต่ไม่หนักไป มีแต่พอดี พอเพียง” เรียกแบบไทยๆ ก็ทางสายกลาง
เริ่มต้นจากการใช้ชีวิตประจำวันอย่าง Work-life Balance สายตาหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ แต่พิจารณาดีๆ มันคือเวลาตลอดทั้งชีวิตของเรา อันเป็นจุดเริ่มต้นความอบอุ่นในครอบครัว สุขภาพที่ดี สร้างความสุขให้กับชีวิตด้วยเรื่องง่ายๆ นอกจากไลฟ์สไตล์แล้ว Lagom ยังถูกใช้ในบริบทอื่นๆ ที่หมายความถึง ‘ความพอดี’ เช่นกัน อย่างการแต่งกายแบบชาวสวีเดน ที่เรียบง่ายแต่ดูดี หรือกระทั่งหากเราถูกถามว่า สบายดีไหม การตอบว่า ลากอม ก็แทนความรู้สึกสบายดีได้ด้วย
สภาพแวดล้อมแบบลากอมสร้างขึ้นได้ตั้งแต่ที่บ้าน อย่างโครงการ Noble Ambience สุขุมวิท 42 ที่ยึดเอา Lagom เป็นคอนเซปต์หลักในการออกแบบ อันมีจุดเริ่มมาจากความพอเหมาะพอดีในการใช้ชีวิต แน่นอนว่าสำหรับกรุงเทพฯ การเดินทางสัญจรคือเรื่องใหญ่ รถไฟฟ้าคือทางเลือกที่ดีที่สุดทั้งในเรื่องความสะดวกและรวดเร็ว จากซอยนี้จึงเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าสถานีเอกมัย และขณะเดียวกัน ในซอยก็ยังมีเพื่อนบ้านซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ ตัวอาคารจึงถูกออกแบบเป็นแบบโลว์ไรส์ เพื่อให้กลมกลืนไปกับชุมชนโดยรอบ อีกทั้งตัวอาคารที่ไม่สูงเกินไป ยังช่วยสร้างความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านให้กับผู้พักอาศัยด้วย
From Concept to Design
การที่สิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างไลฟ์สไตล์จะถูกถ่ายทอดกลายมาเป็นรูปธรรมอย่างงานออกแบบได้นั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่การมองแนวความคิดเหล่านั้นด้วยสายตาของนักออกแบบ ที่คำนึงถึงความรู้สึกไปพร้อมๆ กับความเข้าใจการใช้งานพื้นที่ การตกแต่งบ้านจึงเป็นส่วนสำคัญในการเติมเต็มความสุขของชีวิตของสมาชิกทุกวัยในครอบครัว เพราะเป็นพื้นที่สร้างความรู้สึกผ่านทางการสัมผัส และใกล้ชิดกับตัวเรามากกว่าที่อื่นใด
ทุกครั้งที่เปิดประตูกลับบ้าน ความสบายคือสิ่งที่เราคาดหวัง โทนสีกลางช่วยสร้างความสงบ ขับด้วยสีเอิร์ธโทน เช่น สีเทา และเขียวใบไม้ กับเฟอร์นิเจอร์และแอคเซสซอรี่อย่างโซฟานั่งสบายคู่กับหมอนอิงใบนุ่ม เพียงเท่านี้ก็ผ่อนคลายความเมื่อยล้าลงไปได้เยอะ
การเลือกใช้โต๊ะเก้าอี้โครงสร้างไม้สีอ่อน เพรียวบางแต่มีความแข็งแรง สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ทัศนวิสัยภายในห้องจึงดูสบายตา ไม่อึดอัดหนาทึบ รวมทั้งตู้เสื้อผ้าที่ถูกออกแบบมาให้เข้ากับพื้นที่ภายในห้อง ทั้งเรียบร้อยและหยิบใช้งานได้อย่างสะดวกสบายกำลังดี
หากแต่อีกส่วนที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการตกแต่งอันเรียบง่าย คือการจัดสรรฟังก์ชันการใช้งานอย่างชาญฉลาดและเป็นธรรมชาติ อย่างการสร้างลูกเล่นของระเบี
Natural Desire
ความรู้สึกสัมผัสธรรมชาติไม่ได้มีเพียงแต่ในห้องพักเท่านั้น สิ่งแวดล้อมภายนอกยังเป็นผู้ช่วยสร้างบรรยากาศคนสำคัญ ตัวอย่างห้องออกกำลังกายกับมุมมองแบบพานอรามิก เห็นวิวธรรมชาติรอบด้านขณะออกกำลังกาย ซึ่งพื้นที่ตรงนี้มีต้นไม้ใหญ่ยืนต้นเรียงรายในพื้นที่ส่วนกลาง และติดกับสระว่ายน้ำ อากาศและแสงธรรมชาติที่ส่องมาถึงภายในจึงไม่ร้อน เพราะถูกกรองแล้วด้วยความเย็นของสระว่ายน้ำและร่มเงาต้นไม้ที่ทอดกำบัง อยู่สบายได้ตลอดทั้งวัน แถมยังลดการใช้พลังงาน ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องที่มีความลากอมสำหรับพื้นที่ในสวีเดนที่มีแหล่งพลังงานจำกัด และกลางวันสั้นกว่ากลางคืนในฤดูหนาว
ทั้งหมดนี้ก็คือนิยามการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘ลากอม’ ซึ่งมีพื้นฐานอยู่ที่การสร้างความสมดุลให้การพักผ่อน ด้วยการออกแบบพื้นที่ให้ใช้พื้นที่ทุกส่วนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ก็ยังคงความรู้สึกอบอุ่นด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ตอบรับกับความต้องการใช้งาน โทนสีกลางแบบสแกนดิเนเวียน สีเขียวจากธรรมชาติภายนอกและต้นไม้ตกแต่งภายใน รวมถึงการดึงพลังงานจากธรรมชาติภายนอกเข้ามาสร้างสมดุลให้กับการใช้ชีวิตในบ้าน สร้างบรรยากาศพักผ่อน สงบ และทำให้บ้านเป็นพื้นที่แห่งความสดชื่นและอบอุ่นอย่างพอเหมาะพอดี
แล้ว ‘ลากอม’ เป็นหนึ่งในปรัชญาการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากมินิมอลแบบอื่นๆ อย่างไร?
หลายคนคงมีคำถามนี้ผุดขึ้นในหัว ของแบบนี้ต้องลองใช้ประสาทสัมผัสของตัวเองเป็นผู้ตอบคำถาม แล้วความรู้สึกในการใช้งาน ถ้าเพียงมองเห็นแล้วอบอุ่น อยู่อาศัยแล้วสบาย ก็เท่ากับบรรลุวัตถุประสงค์ของงานออกแบบแล้ว
‘NOBLE AMBIENCE SUKHUMVIT 42′ คอนโดแต่งครบ (Fully-furnished) ในราคาเริ่