จริงอยู่หรอกที่เมืองนิวยอร์กนั้นคลาคล่ำไปด้วยร้านอาหารมากมายหลายสัญชาติ ตอกย้ำความเป็นมหานครแห่งความหลากหลาย ไล่ตั้งแต่ร้านอาหาร food truck ข้างทางที่เสิร์ฟอาหารว่องไว ไปจนถึงร้านหรูจองล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ แต่มาเมืองแห่งภาพยนตร์ทั้งที จะให้กินตามรอย Michelin Star มันก็ไม่ค่อยสมศักดิ์ศรีติ่งเท่าไหร่

 

ดังนั้น เพื่อให้สมกับค่าตั๋วและการเดินทางข้ามทวีปที่ใช้เวลาเกือบ 1 วันเต็มๆ เราขอเชิญชวนทุกท่านออกไปรับประทานอาหารไม่ติดดาว แต่ชวนติดใจในประวัติชวนติ่ง ควรค่าแก่การต่อแถวตากลมฝน แถมราคาก็ไม่สะเทือนกระเป๋า (มากนัก)

 

Meet Joe Black at  Broadway Restaurant,  Upper West Side

คอหนังรักน่าจะจำหนังเรื่องนี้ได้ เนื้อเรื่องโดดเด่นเล่าเรื่องความเหนือมนุษย์และความรักที่ไม่อาจหักห้ามใจระหว่างทูตแห่งความตาย Joe Black (รับบทโดย Brad Pitt ในช่วงกำลังหล่อล่ำเป็นขวัญใจสาว)  กับลูกสาวมหาเศรษฐี Susan Parish (Claire Forlani) ซึ่งชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้วว่า ‘มาเจอ Joe Black’ และร้านนี้แหละที่เราได้เจอกับ ‘Joe Black’ เข้าให้จริงๆ เพราะเป็นร้านอาหาร

Meet Joe Black

โจและซูซาน ได้มาเจอกันครั้งแรกนั่นเอง

Meet Joe Black

พอมาถึง Broadway Restaurant จริงๆ ก็แอบงงนิดหน่อยว่าระดับลูกสาวมหาเศรษฐีมาทำอะไรที่ร้านบ้านๆ แบบนี้ เพราะ Broadway Restaurant นั้นคงความธรรมดาสุดๆ ด้วยเมนูทั่วไป ตามร้านอาหารยอดนิยมในอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นกาแฟรีฟิลฟรีที่พนักงานเสิร์ฟจะมาเติมให้เรื่อยๆ แพนเค้กพร้อมน้ำเชื่อมเยิ้มๆ เนยก้อนโต เรื่องประทับใจเห็นจะเป็นลูกค้าผู้ชายที่นั่งใกล้ๆ กัน สั่งอาหารชุดมื้อเช้าพร้อมกาแฟ แต่เทน้ำตาลลงกาแฟร้อนไปประมาณ 3 – 4 ช้อนได้ และสิ่งที่น่าประทับใจไปอีกหนึ่งระดับคือความภาคภูมิใจของลุงเจ้าของร้านที่อวดลูกค้าหน้าแปลกอย่างเรา

Broadway Restaurant Broadway Restaurant

“ยูโน้ว Brad Pitt เขาเคยมาถ่ายหนังที่นี่นะ ยูโน้วๆ”

แล้วลุงก็ชี้ไปที่รูป Brad Pitt พร้อมลายเซ็นประดับไว้ข้างฝา ฝั่งเราก็ได้แต่พยักหน้าเก๊กเท่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง (แต่ความจริงในใจคือกำลังกรี๊ดดังลั่นในความติ่ง)

Brad Pitt

ถ้าอยากได้ฟีลเป็น Brad Pitt กับ Claire Forlani แนะนำให้นั่งโต๊ะบาร์ (ซึ่งแน่นอน…​เราก็นั่ง) บริเวณนี้นอกจากจะเป็นจุดที่เหมือนในหนังสุดๆ แล้ว ยังมองเห็นวิวได้ดีอีกต่างหาก เพราะโต๊ะบาร์มีลักษณะล้อมเหมือนตัวยู ตรงกลางจะเป็นพื้นที่ของลุงเจ้าของร้านคอยเทคแคร์และทำหน้าหว่องเหม่อมองไปนอกร้าน

Broadway Restaurant

มองจากภายนอกแล้ว Broadway Restaurant ก็ดูเป็นร้านอาหารสไตล์ Diner ธรรมดาทั่วไป แต่เรื่องนี้คงสอนให้รู้ว่า ไม่ว่าร้านไหนๆ ก็สามารถเป็นโลเคชั่นหนังได้ และคู่ควรกับกิจกรรมการติ่งเสมอ

 

Kramer vs. Kramer at J.G. Melon, Upper East Side

Kramer vs. Kramer

ตัดมู้ดหนึ่งฉึบเข้าสู่ภาพยนตร์ดราม่าครอบครัวที่อาจไม่หวือหวามากแต่คุณภาพมาเต็มๆ อย่างเรื่อง Kramer vs. Kramer เข้าฉายครั้งแรกในปี 1979 เล่าเรื่องถึงคุณพ่อบ้างาน ที่จู่ๆ วันหนึ่งโดนภรรยาทิ้งซะงั้น ทำให้ต้องมารับหน้าที่ดูแลลูกชายแถมยังต้องประคองหน้าที่การงานที่กำลังรุ่งโรจน์ไปในเวลาเดียวกันด้วย

J.G. Melon J.G. Melon

หนึ่งฉากจากภาพยนตร์เรื่องนี้ที่โด่งดังมากๆ คงจะหนีไม่พ้นฉากทะเลาะแย่งสิทธิ์เลี้ยงลูกชายในร้านอาหารระหว่าง Ted (Dustin Hoffman) และ Joana (Meryl Streep) ที่รับส่งอารมณ์อันทะมึนและมวลอากาศความกดดันของอดีตคนรักกันอย่างดีงาม แม้ในฉากจะเครียดขนาดปาจานใส่กันแค่ไหน ร้านอาหารที่พวกเขาเลือกไปคุยกันนั้นก็ไม่ธรรมดา ควรค่าแห่งการไปเยือนเช่นกัน

จากในฉากนั้นอาจจะดูไม่ค่อยออกว่าร้านนี้ขายอะไร (หว่า) แต่ถ้าไปตามพิกัด คุณจะพบกับร้าน J.G. Melon (ซี่งไม่ได้ขายแตงตามชื่อแต่อย่างใด) ร้านเบอร์เกอร์สุดเด็ดระดับท็อปๆ แห่งเมืองนิวยอร์ก ขนาดที่ Gigi Hadid นางแบบคนสวยยกให้เป็นร้านเบอร์เกอร์โปรดของเธอเลยทีเดียว

เมนูที่ร้าน J.G. Melon ไม่ได้มีเยอะ หลักๆ ก็คือเบอร์เกอร์และสลัด แต่หลังจากส่องดูแล้วน้อยคนนักจะมากินสลัดเพื่อหุ่นสเลนเดอร์กันที่นี่ เพราะมันก็คงจะเสียเที่ยวไม่ใช่น้อย จานแล้วจานเล่าที่ผ่านตาล้วนเป็นเบอร์เกอร์เนื้อเน้นๆ บางจานประกบด้วยเบคอนกรอบเคี้ยวกรุบๆ และชีสเยิ้มๆ อีกต่างหาก ถ้ายังไม่หนำใจ สั่ง Cottage Fries เพิ่มสิ จิ้มมันฝรั่งอ้วนตัดเป็นวงกลมหยึกๆ ซักจานกับซอสมะเขือเทศ แต่ที่ว่ามานี่ก็ไม่ได้สั่งกับเขาหรอกนะ เพราะเราไปคนเดียว Bacon Cheeseburger ชิ้นเดียวก็แน่นไปถึงคอหอย ได้แต่บรรยายภาพและมโนตามจานมันฝรั่งร้อนๆ หอมฉุยที่ตัดหน้าไป เรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า ถ้ามาประเทศอเมริกาแล้วอยากทานอาหารหลากหลาย แนะนำให้มา 2 คนขึ้นไป อย่าอุตริฉายเดี่ยวอย่างเรา มันจะจุกเกินกว่าคนเดียวจะรับไหว (เปล่าหรอก จริงๆ แล้วมาคนเดียวมันเหงาน่ะเธอ…)

ถ้าจะมา J.G. Melon แนะนำก่อนเลยว่าให้เคลียร์ตารางกิจกรรมหลังจากนั้นไว้ก่อน เพราะมีสิทธิ์ว่าคุณจะต้องต่อคิวเป็นเวลานาน แต่มันจะคุ้มค่าเวลาของคุณมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพอาหารและบรรยากาศสุดคลาสสิกแบบสมัยปี 1972 และถ้าดวงดีมากๆ คุณก็จะได้นั่งโต๊ะเดียวกับ Ted และ Joana อันนี้ก็หาไม่ยาก เพราะทางร้านถือเป็นอีกจุดขายสำคัญของเรา ถึงกับติดรูปฉากในหนังไว้บนผนังกำแพงโต๊ะนั้นทีเดียว

อ้อ…แล้วอย่าอินกับหนังมาก เผลอไปปาจานใส่ผนังเหมือน Ted เข้าล่ะ นั่นก็คงจะเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลง และทางร้านก็คงไม่ลืมเหมือนกันแน่ๆ

 

 

The Intern at Toby’s Estate, Williamsburg

ข้ามมาฝั่ง Brooklyn บ้าง กับหนังที่ค่อนข้างใหม่ (ที่สุดในลิสต์นี้แล้ว) กับเรื่อง The Intern ที่เล่าเรื่องน่ารักๆ ของคุณลุงวัยเกษียณนามว่า Ben (Robert De Niro) ที่ไฟในใจยังแรงกล้าสวนทางกับอายุ จึงมาขอฝึกงานกับบริษัทสตาร์ทอัพของสาวเก่ง Jules (Anne Hathaway) ความสัมพันธ์แสนคิวต์ของพวกเขาจึงได้เริ่มขึ้นแบบไม่ต้องจิ้น แต่ก็หยุดอมยิ้มไม่ได้เลยทีเดียว

The Intern

อาหารเรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ จะมีก็แต่ร้านกาแฟร้านเดียวที่โผล่มาแว้บๆ ในฉากที่ Jules ตามมาง้อลุง Ben เมื่อลุงถูกลดตำแหน่งมาซื้อกาแฟ แต่ถึงจะเป็นซีนสั้นๆ ร้านกาแฟ Toby’s Estate ก็ควรคู่อย่างยิ่งแก่การพูดถึง โดยเฉพาะสำหรับคอกาแฟ ความจริงแล้ว Toby’s Estate เป็นร้านนำเข้าจากออสเตรเลีย มีอยู่หลายสาขากระจายอยู่ทั่วเมืองนิวยอร์ก แต่ถ้าอยากเอาให้เป๊ะ ก็ต้องเป็นสาขา Brooklyn

Toby’s Estate Toby’s Estate Toby’s Estate

ดูจากมวลอากาศและโมเลกุลภายในร้าน เราเชื่อว่าร้านนี้ก็มีความกิ๊บเก๋ระดับท็อปๆ แห่งย่าน Brooklyn เลยทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์กับโต๊ะที่ล้นออกมาถึงข้างนอกร้าน เอาใจฝรั่งที่อยากตากแดดที่หายากในฤดูหนาว ก็จะให้อดใจอย่างไรไหว นอกจากคุณภาพกาแฟที่ขึ้นชื่อสุดๆ แล้ว ที่นี่ยังมีบรรยากาศการออกแบบภายในที่กว้างขวางสบายตาเป็นอย่างยิ่ง แถมยังได้กลิ่มหอมๆ ของกาแฟคั่วกับกิจการโรงคั่วที่อยู่ข้างหลังร้านอีกด้วย

ที่นี่มีเมนูกาแฟที่ค่อนข้างหลากหลาย ไล่มาจากเมนูขาประจำพวกลาเต้ หรือคาปูชิโน่ ไปจนถึงแบบพิเศษอย่าง cold brew on tap กาแฟสกัดเย็นกดเหมือนเสิร์ฟเบียร์ และ pour over กับเมล็ดกาแฟให้เลือกสรรแบบนานาชาติ ส่วนสำหรับเราซึ่งยังอ่อนต่อโลกกาแฟนัก จึงทดลอง Cortado หรือกาแฟแบบ Espresso ผสมนมอุ่นๆ ในระดับเท่ากัน ให้ความตื่นและอุ่นคอพร้อมให้เราสู้กับอากาศหนาวๆ ข้างนอกได้อย่างดี

 

ร้านอาหารชั้นดีในนิวยอร์กมีอยู่มากมายแทบจะทุกมุมถนน จะให้ตามรอยทุกร้านเด็ดก็คงไม่ไหวต่อทั้งน้ำหนักตัวและทรัพย์สิน สำหรับเราแล้วการลองทานอาหารแบบตามรอยหนังก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี ที่จะให้เราได้ลองเป็นตัวละครในฝัน ได้ลองสัมผัสและเห็นแบบพวกเขาสักครั้ง ก็ก่อเกิดเป็นประสบการณ์ไม่รู้ลืมที่ร้านอาหารอื่นก็ให้ไม่ได้

รสชาติไม่เป็นไร…เรื่องราวที่ผูกมาด้วยสิสำคัญกว่า จริงมั้ยล่ะ 🙂

Writer & Photographer

Avatar

ศิขรินทร์ ลางคุลเสน

นักเพ้อฝันมืออาชีพ งานประจำคือทาสแมว ส่วนยามว่างก็จัดทำกิจกรรมด้านภาพยนตร์กับเพื่อนๆ ในนาม "YOUNG จะทำ”