เชื่อว่าสาววัยใกล้สามสิบหรือบียอนด์หลายคนโตมาพร้อมกับความคุ้นตาและคุ้นหูกับเพลง Belle เปิดตัวภาพยนตร์ดิสนีย์ Beauty and the Beast ฉากที่แม่สาวน้อยนางเอกเดินผ่านเมืองเล็กๆ สีสันน่ารักยามเช้า คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่วุ่นวายทักทายกันอย่างสนุกสนาน และถ้าคุณเป็นสาวอย่างเรา ก็จะต้องเปิดดูวนไปวนมานับหลายสิบครั้งจนแทบจะจำบทพูดได้หมด กลายเป็นหนังสอนภาษาอังกฤษประจำตัวไปเลยทีเดียว (มิน่า… โตมาถึงเป็นสายมโนได้ขนาดนี้…)
แต่ใครจะไปคิดว่า เมืองที่เราเห็นในหนังเมื่อปี 1991 มีอยู่จริง! ว่ากันว่า แรงบันดาลใจในการออกแบบหมู่บ้านเล็กๆ ในหนังนั้น มาจากหลากหลายเมืองในฝรั่งเศสและเยอรมนี เมื่อมาถึงประเทศฝรั่งเศสทั้งที เราจึงไม่รอช้าที่จะขวนขวายให้ได้มาซึ่งพิกัดนั้น การตามรอยครั้งนี้ เราเลือกที่จะมา Colmar (กอลมาร์) โดยเฉพาะ เพราะที่เมืองนี้มีพ่วงกับภาพยนตร์แอนิเมชั่นสัญชาติญี่ปุ่นอีกเรื่องนึง ที่เจาะจงเลือกกอลมาร์เป็นเมืองต้นแบบเหมือนเป๊ะๆ ของเรื่อง Howl’s Moving Castle จากสตูดิโอจิบลิ
ก่อนจะเดินทางตามติ่ง ขอแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมืองนี้เพื่อเพิ่มอรรถรสกันก่อน กอลมาร์เป็นเมืองน่ารักแห่งแคว้น Alsace (อ่านว่าอัลซาส ส่วนภาษาท้องถิ่นแถวนี้เรียก Alsatian หรืออัลเซเชียน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับพันธุ์สุนัขแต่อย่างใด) เขยิบมาจากเมืองใหญ่ Strasbourg (สตราสบูร์ก) บ้านหลักของรัฐสภายุโรป แบบประมาณสัญจรทางรถไฟ 45 นาที (หรือตรงมาจากปารีสเลยก็ประมาณ 2 ชั่วโมง) ตัวแคว้นอัลซาสในอดีตเคยโยกย้ายส่ายสะโพกระหว่างการเป็นของเยอรมนีแล้วก็ฝรั่งเศสกลับไปกลับมาอยู่หลายครา และจบบริบูรณ์อย่างทุกวันนี้ด้วยการเป็นของฝรั่งเศสแบบเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ความเยอรมันยังหลงเหลืออยู่มากในเมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ตึกรามบ้านช่อง รวมไปถึงภาษาเยอรมันที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
ความสนุกอย่างหนึ่งคือการสังเกตสถาปัตยกรรมบ้านที่แตกต่างไปจากเมืองชื่อดังอื่นๆ ในฝรั่งเศส ด้วยความที่แคว้นอัลซาสอยู่ขอบชายแดนระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนี ทำให้ตัวเมืองถึงแม้จะอยู่ในเขตแดนฝรั่งเศส แต่บ้านเรือนเป็นแบบ Timber Frame หรือลักษณะแบบไม้ไขว้กันที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝั่งเยอรมันแบบเต็มๆ คงไว้ซึ่งความเก่าแก่แบบดั้งเดิม แทบไม่ต่างจากที่เราเห็นใน Beauty and the Beast เลยแหละ การเที่ยวประเทศฝรั่งเศสจึงสนุกมากๆ เพราะแต่ละแคว้นนั้นมีการออกแบบที่ไม่เหมือนกันและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างเด่นชัด
รูปนี้ขาดแค่ผู้สาว ฝูงแกะ และหนังสือหนึ่งเล่ม ก็จะได้บรรยากาศที่ใกล้เคียงกับใน Beauty and the Beast
กาลเวลาดูเหมือนไม่เคยทำร้ายเมืองกอลมาร์ แต่กลับส่งให้มันมีเสน่ห์จนน่าหลงใหล จนแทบหยิกตัวเองว่าเมืองนี้คือมีบ้านคนอาศัยอยู่จริงๆ ไม่ใช่บ้านการ์ตูนที่เราไปเล่นใน Disneyland หรือเมืองที่สร้างใหม่เพื่อเลียนแบบของเก่า สิ่งที่น่ามหัศจรรย์กว่านั้น คือความที่ชาวอัลซาสเหมือนจะรู้เป็นอย่างดีว่าควรมีอะไรเพื่อร่วมสร้างบรรยากาศแบบนิยายชวนฝันอีก ก็เลยมีคลองเล็กๆ ผ่านใจกลางเมืองและกิจกรรมล่องเรือไปพร้อมๆ กับเหล่าน้องหงส์ที่ว่ายน้ำเฉิดฉาย เรียกแขกเหรื่ออย่างตื่นตาตื่นใจได้อย่างดี
เมื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศของเมืองแล้ว ที่นี่ยังมีอีกหนึ่งอาคารซ่อนตัวอยู่อย่างเนียนๆ ใจกลางเมือง แต่ถ้าคุณชอบภาพยนตร์เรื่อง Howl’s Moving Castle อาคารนี้คงคุ้นหน้าคุ้นตาแน่นอน เพราะ Maison Pfister นี่แหละ ที่ถูกถอดแบบแทรกซึมเป็น cameo เข้าไปอยู่ในหนังด้วย ในตัวหนังอาจจะเห็นแค่แว้บๆ แต่ความสวยงามของอาคารนี้ ก็ควรค่าแก่การยืนมองพินิจพิจารณา เพราะเรียกได้ว่าเป็นอาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเลยก็ว่าได้
ด้วยอายุอานามที่เกือบ 500 ปี โครงสร้างจากหินและไม้ยังยืนแข็งแรง ประดับประดาด้วยไม้แกะสลักและภาพวาดเล่าถึงจักรพรรดิเยอรมนี ศาสดาคาทอลิก และเหล่าตัวละครสำคัญในคัมภีร์ไบเบิ้ล และด้วยความพิเศษเหล่านี้แหละ ทำให้รอบบริเวณนี้มีนักท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ ดังนั้นการถ่ายรูปจึงลำบากนิดนึง แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะยืนมองก็คุ้มค่าแล้ว (หากช่วงนี้เปิดเพลงประกอบภาพยนตร์ Howl’s Moving Castle ที่แต่งโดย Joe Hisaishi เคล้ากลิ่นไม้เก่าและไอเย็นไปด้วย จะได้ความฟินไปอีก 25.3%)
เมืองกอลมาร์อาจจะดูเป็นเมืองเล็กๆ นอกเรดาร์การท่องเที่ยวในประเทศฝรั่งเศส แต่เชื่อเราเถอะ ถ้าคุณได้ลองไปที่นี่สักครั้งคุณจะตกหลุมรักในความเป็นเมืองน่ารักแบบไม่ต้องใส่ความพยายามอื่นใด ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลามากกับที่นี่ เพราะหากเป็นคนที่ชอบเดินอยู่แล้ว ก็จะสามารถซอกแซกไปรอบๆ ได้ในเวลาวันสองวันก็เพียงพอ
แล้วหลังจากนี้ ภาพยนตร์เรื่อง Beauty and the Beast เวอร์ชันปี 1991 จะมีความหมายกับคุณมากขึ้นอีกเยอะเลยแหละ
ป.ล. สำหรับคนที่สนใจจะตามรอย Beauty and the Beast เวอร์ชัน 2017 ส่วนนี้ต้องแสดงความเสียใจด้วยนะจ๊ะ เพราะว่าทั้งหมดนั้นเป็นการเซ็ทฉากขึ้นมาในโลเคชันใหม่และสตูดิโอ ไม่ได้ใช้สถานที่จริงแต่อย่างใด ดังนั้น… มาตามเวอร์ชันการ์ตูนกันเถอะ!