โป๋ย-ศักดิ์ชาย ดีนาน สนทนากับเราผ่านโปรแกรมออนไลน์ในบ้านจังหวัดสุรินทร์ 

ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งกลับจากปล่อยวัวในทุ่งนา ให้พวกมันเล็มหญ้าอย่างสบายใจ

ก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งกลับจากกรุงเทพฯ มาใช้ชีวิตและทำงานฟรีแลนซ์ในบ้านเกิด

ก่อนหน้าโน้นเขาเพิ่งกำกับ ‘สะบายดี หลวงพะบาง’ หนังเรื่องแรกในชีวิต

วันนี้ เขากลับมาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์อีกครั้งในรอบ 5 ปี จาก คิดถึงทุกปี 

ท่าแร่ ยูไนเต็ด คือ ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ทำให้อะดรีนาลีนของชายวัย 53 พลุ่งพล่าน

เป็นภาพยนตร์ที่เขาเอ่ยปากนิยามว่า นี่คือ สะบายดี หลวงพะบาง เวอร์ชันเด็กเตะบอล แถมเขาย้ำว่า ท่าแร่ ยูไนเต็ด ไม่ใช่หนังอีสานไทบ้าน แต่เป็นหนังฟีลกู๊ดที่มีฉากหลังเป็นความงามของอีสาน

หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องความฝันของเด็ก ๆ บอล อบต. โป๋ยได้รับแรงบันดาลใจจากการพาหลาน ๆ ขึ้นปิ๊กอัพไปคัดตัวนักบอลในจังหวัดใกล้เคียง ความมุ่งมั่นในการพิชิตความฝันฉายผ่านแววตาใส ๆ หลายสิบคู่ในสนามหญ้าท่ามกลางแดดร้อนฉ่าของภาคอีสาน ซึ่งไม่ต่างจากเด็กชายโป๋ยในวัยเดียวกัน 

ความฝันของเขาไม่ใช่นักบอลอาชีพ หากแต่เป็นคนเขียนบทภาพยนตร์

นี่คือเรื่องราวของการลงมือทำ กว่าจะเป็นคนทำหนัง และกว่าจะเป็น ท่าแร่ ยูไรเต็ด

ศักดิ์ชาย ดีนาน ผกก.สะบายดี หลวงพะบาง สู่ ท่าแร่ ยูไนเต็ด หนังพิชิตฝันของทีมฟุตบอล อบต.

ความฝันของหนุ่มสุรินทร์

“โตขึ้นอยากเป็นอะไร” ลุงวัย 50 ต้น ๆ ถามหลานชายวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ

“ผมไม่ได้ฝันอะไรเลยลุง ผมก็เรียนหนังสือไป สอบติดอะไรก็เป็นอันนั้นแหละ” หลานชายตอบ

“ไม่ได้ มึงต้องฝัน และมึงต้องอยากทำมันด้วย” ลุงแนะหลานชายด้วยความสนิท

“ผมอยู่บ้านนอก จังหวัดสุรินทร์ สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในตอนนั้นคือหนังกลางแปลง ฉายในงานศพบ้าง งานผ้าป่า งานกฐินบ้าง การดูหนังเป็นความสุขของผม ทั้งหนังไทย หนังจีน หนังฝรั่ง

“ตอนเรียนมัธยม โรงเรียนผมมีห้องสมุด ผมชอบไปนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด และผมอยากเป็นนักเขียนตั้งแต่ ม.2 ม.3 พอ ม.ปลาย ไปเจอว่ามีคณะนิเทศศาสตร์และวารสารที่เขาสอนทำหนัง

“ผมมีความฝันตั้งแต่มัธยมว่าอยากเป็นคนเขียนบทหนัง” นี่คือความฝันของโป๋ย “แต่ผมสอบไม่ติด” 

ยัง ความฝันของเขายังไม่สลาย เด็กหนุ่มยังหาทางตามฝันให้จนได้

“ผมต้องไปเรียนคณะอื่น เพื่อหาทางเข้าวงการหนังให้ได้ ผมสอบติดคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตสงขลา เรียนอยู่หนึ่งเทอมก็ออกมาสอบนิเทศ แต่สอบไม่ติด ก็เลยเรียนจบด้วยคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผมไม่ได้เรียนมาโดยตรง เลยต้องฝึกฝนเอง”

วิธีการฝึกฝนของโป๋ย ทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและมานะ ความฝันเป็นแรงผลักดันให้เขาฝึกเขียนบทหนังด้วยตนเอง จากการอ่านหนังสือ นั่งดูหนัง แกะรอยฉากหนัง และจดบันทึกบทหนังลงสมุด

ศักดิ์ชาย ดีนาน ผกก.สะบายดี หลวงพะบาง สู่ ท่าแร่ ยูไนเต็ด หนังพิชิตฝันของทีมฟุตบอล อบต.

“มีคนแนะนำผมว่า ถ้าอยากเรียนรู้เรื่องบท ก็ต้องเขียนเอง เรื่องไหนบทดี ๆ ผมก็จด แล้วดูว่าวิธีเขียนบทแต่ละซีนเขาจะเล่าอะไร อย่างเขาบอกว่า 1 + 2 + 3 คืออะไร 1 คือ การแนะนำตัวละครหรือแนะนำ 20 นาทีแรกของหนัง ส่วน 2 คือ เนื้อเรื่อง และ 3 คือไคลแม็กซ์ มัรเป็นสูตรที่ใช้เขียนบท

“สมมติเปิดหนังมาสักเรื่อง ซีนที่ 1 เปิดเรื่องด้วยรถยนต์วิ่งเข้าไปในหุบเขา ซีนที่ 2 คนสองคนมาเจอกัน เราก็เขียนเป็นหนึ่งบรรทัด มีหนังหลายเรื่องนะที่เป็นหนังดี ๆ อย่างหนังเข้าชิงรางวัลออสการ์ หนังบทยอดเยี่ยม ผมก็หามาดู ยุคนั้นหนังสนุก หนังตลาด ผมก็จดตาม ยุคนี้ผมก็ทำอยู่บ้าง สะดวกกว่าเมื่อก่อนอีก ตอนนั้นเป็นวิดีโอ ต้องกรอกลับมาดู สิ่งเหล่านี้มันเป็นวิธีศึกษาและเรียนรู้ของผม”

เมื่อศึกษาวิชาจนเข้าใจ เด็กหนุ่มเอาบทหนังไปยื่นให้ อังเคิล-อดิเรก วัฏลีลา ที่ อาร์.เอส.ฟิล์ม นั่นเป็นจุดเริ่มต้นอาชีพ ‘คนเขียนบทหนัง’ ในวัย 27 – วัยที่ความฝันของเขาผลิดอกเบ่งบาน

ฝันติดไฟหัวใจติดดิน, ปาฏิหาริย์โอม-สมหวัง, โคลนนิ่ง คนก๊อปปี้คน คือหนังที่โป๋ยเป็นหนึ่งในทีมเขียนบท และหลังจากอังเคิลออกจากอาร์.เอส.ฟิล์มส์ไปฟิล์มบางกอก โป๋ยก็ย้ายไปทำงานเป็นครีเอทีฟและที่ปรึกษาด้านบทภาพยนตร์ที่นั่น หลังจากนั้นเขาก็ขยับขยายตัวเองออกมาเป็นฟรีแลนซ์

“เป็นฟรีแลนซ์ก็ยังสนุก เพราะวงการหนังช่วงปี 44-45 ยังคึกคัก วงการหนังฮิตมาก สร้างหนังกันปีละ 50-60 เรื่อง ผมรู้จักคนเยอะ เลยมีงานเกี่ยวทำเรื่อย ๆ ผมรับเขียนบทเป็นหลัก”

และ ปี 2551 ประเทศไทยก็มีคนทำหนังอิสระเพิ่มขึ้นอีกคน นั่นคือ ศักดิ์ชาย ดีนาน

ศักดิ์ชาย ดีนาน ผกก.สะบายดี หลวงพะบาง สู่ ท่าแร่ ยูไนเต็ด หนังพิชิตฝันของทีมฟุตบอล อบต.

จากสะบายดี หลวงพะบาง

เรื่องราวความรักของหนุ่มไทย-สาวลาว เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตโป๋ย ที่เขาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ ก่อนจะติดเครื่องตามมาด้วยหนังอีกหลายเรื่อง สะบายดี 2 ไม่มีคำตอบจาก..ปากเซ, สะบายดี วันวิวาห์, ผ้าพันคอแดง, ผีทวงคืน, คิดถึงทุกปี จนถึง ท่าแร่ ยูไนเต็ด ภาพยนตร์ล่าสุดของเขา

“ผมอยากถ่าย สะบายดี หลวงพะบาง เพราะไปเที่ยวลาว เจอเสน่ห์ของเมืองลาวแล้วอยากเอามาเล่าให้คนรับรู้ ตั้งแต่ชีวิตคนและเมือง อยากให้คนอื่นเห็นเหมือนที่ผมเห็น ก็เลยเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา”

ถ้าให้คุณนิยามหนังของตัวเอง หนังแบบโป๋ยมันเป็นหนังสไตล์ไหน – เราถาม

“คงเป็นหนังฟีลกู๊ดครับ สมัยหนังออกใหม่ ๆ เพื่อนชอบแซวว่า เวลานั่งรถทัวร์เขาเปิดหนังของผมบ่อยมาก เป็นหนังที่คนดูไปจนถึงกลางเรื่องแล้วก็หลับ แต่ตื่นมาแล้วดูต่อก็ยังดูรู้เรื่อง” 

คุณเห็นด้วยกับเพื่อนมั้ย – “โอเคนะ เพราะหนังมันเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน” 

“ผมเคยเล่าให้เพื่อนผู้กำกับฟัง ตอนผมถ่ายหนัง นั่งสูบบุหรี่อยู่หลังมอนิเตอร์ ถ้าย้อนไปบอกตัวเองตอน 8 9 ขวบว่า ชีวิตหนึ่งจะได้มาเป็นคนเขียนบทหรือผู้กำกับ คงไม่มีทางเป็นไปได้ มันไกลมาก มันคือความภูมิใจส่วนตัว แม้ว่าหนังผมจะไม่ได้ไปไกลมากมาย แต่มันคือความฝันของผม

“ผมบอกหลานเสมอว่า ฝันแล้วต้องทำตาม ตอนนี้ผมทำอยู่อาชีพเดียวนะ ทำอาชีพอื่นเขาไม่รับ ไม่มีคนจ้างด้วย” โป๋ยหัวเราะ “จนบัดนี้ไปทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว เพราะนี่คืองานที่ผมอยากทำ”

ศักดิ์ชาย ดีนาน ผกก.สะบายดี หลวงพะบาง สู่ ท่าแร่ ยูไนเต็ด หนังพิชิตฝันของทีมฟุตบอล อบต.

สู่ท่าแร่ ยูไนเต็ด

หลังจากโลดแล่นด้วยอาชีพคนทำหนังอิสระในเมืองหลวงจนสมควรแก่เวลา ราว 6 ปีก่อน โป๋ยตัดสินใจกลับบ้านมาเป็นคนทำหนังอิสระในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเขากลับมาด้วยเหตุผลทางครอบครัว

“กลับมาแบบว่างงาน ตอนมาแรก ๆ ก็ปั่นจักรยาน กินเหล้า เขียนบทบ้าง ตอนนั้นยังมีเงินเก็บ จนไปทำหนังเรื่องคิดถึงทุกคืน สุดท้ายคุยกับนายทุนไม่ลงตัว ออกเงินเองอีกสองล้าน เงินก็หมด

“ตอนนั้นได้อยู่เฉย ๆ สมใจเลย หลังจากนั้นผมก็ไม่คิดจะทำหนังอีกแล้ว” 

ด้วยสถานการณ์โควิด – 19 ทำให้โป๋ยใช้เวลาอยู่กับตัวเองที่บ้านเกิด เขาเอารถแมคโครมาขุดที่ดิน ให้เป็นคลองและสระ เลี้ยงวัว เลี้ยงหมู

ศักดิ์ชาย ดีนาน ผกก.สะบายดี หลวงพะบาง สู่ ท่าแร่ ยูไนเต็ด หนังพิชิตฝันของทีมฟุตบอล อบต.

ใช่-เขากลายเป็นคนว่างงาน แถมเขายอมรับว่าใช้โรคระบาดเป็นข้ออ้างในการไร้ซึ่งสัมมาอาชีพ และเราไม่อาจมั่นใจกับคำมั่นที่เขาบอกว่า ‘ไม่คิดจะทำหนังอีกแล้ว’

ได้หรือ — เพราะเขาคือคนทำหนัง เพราะนี่คือความฝันของเขาตั้งแต่วัยเยาว์

“พอดีมีคนมาชวน” – นั่นไง คุณคิดเหมือนเราหรือเปล่า ถ่านไฟเก่ายังร้อน รอวันรื้อฟื้น

“เขาเป็นนายทุนอยู่บุรีรัมย์ อยากทำหนังกับผมเพราะชอบสะบายดี หลวงพะบาง มีคนชอบหนังผมเรื่องนี้เรื่องเดียวมั้งเนี่ย แต่เขาอยากทำเรื่องสาวลาวมาอยู่ไทย แต่ผมรู้สึกว่าเรื่องราวมันเก่าแล้ว

“ผมเลยจะทำสะบายดี หลวงพะบาง เวอร์ชั่นเด็กเตะบอล” เขานิยามหนังใหม่ล่าสุด

ต้นความคิดของ สะบายดี หลวงพะบาง เวอร์ชั่นเด็กเตะบอล เป็นยังไง ทำเอาอยากรู้

“มันเป็นประสบการณ์ช่วงที่ผมกลับมาอยู่บ้าน บ้านผมอยู่ในชนบทอีสานนะ ห่างจากตัวอำเภอสิบกิโลฯ เวลาว่างผมชอบไปเตะบอลกับหลาน ชอบออกกำลังกาย แล้วบ้านนอกมันจะมีบอลอบต.

“ผมเห็นหลานมันเล่นบอลกันตั้งใจมาก เงินรางวัลแค่สองสามพัน แต่มันจริงจังกันมาก มันเหมือนว่าเป็นความชอบด้วย ก็เลยทำให้มุ่งมั่นกับการเล่นฟุตบอล มีอยู่วันหนึ่ง ผมขับปิ๊กอัพพาหลานและเพื่อน ๆ ไปคัดตัวที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อไปเล่นบอลมืออาชีพ จากตรงนี้มันก็เป็นที่มาของการเขียนบท”

ในฐานะลุงของหลาน ๆ คุณเห็นอะไรในแววตาของเด็ก ๆ เมื่อพวกเขาลงสนาม

“โห มันตั้งใจกันมากเลย แค่ได้ไปคัดตัวก็ดีใจกันมากแล้ว ผมจำได้เลย เพื่อนหลานอีกสี่คนมันขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านมาตั้งแต่ตีสี่ มานั่งรอเพื่อจะขึ้นรถไปคัดตัวพร้อมกัน ไม่ได้มีแค่หลานผมนะ มีเด็กจากที่อื่น ๆ ไปอีกหลายจังหวัด พ่อแม่พาไปบ้าง ครูพละพาไปบ้าง มันเป็นความฝันของพวกเขา

“เด็ก ๆ ที่ผมพาไปไม่ติดคัดตัวสักคน ผ่านไปสองสามอาทิตย์มีคัดตัวอีกจังหวัดหนึ่ง หลานก็บอกให้พาไปอีก เขาอยากไป” – แล้วคุณคิดว่าเป็นเพราะอะไร ฟุตบอลถึงกลายเป็นความฝันของเด็ก ๆ 

“สนุกนะ ตอนผมเป็นวัยรุ่นก็เล่นฟุตบอล จริง ๆ เล่นตั้งแต่ประถมแล้ว ไปขอบอลจากครู มาไล่เตะกันก่อนเข้าห้องเรียนตอนเช้า ตอนเที่ยงกินข้าวเสร็จก็ไปเตะบอลกันกลางแดดร้อน ๆ ตอนเย็นก็เตะบอลกันอีก ผมว่ามันเป็นกีฬาที่เล่นแล้วสนุกล่ะมั้ง เด็กเขาก็เลยอยากข้ามไปอีกขึ้นหนึ่งนั่นคือนักบอลมืออาชีพ มันน่าจะเป็นความฝันของใครอีกหลายคนนะ เพราะอาชีพนักบอลเลี้ยงชีพได้ และ ก้าวหน้าได้

“ท่าแร่ ยูไนเต็ด เป็นหนังที่เล่าเรื่องความฝันเล็ก ๆ ให้กลายเป็นจริงของบอลเท้าเปล่า เหมือนเรื่องราวของหลาน ๆ ผม ความฝันของพวกเขามันไกลตัวนะ อยากเป็นนักบอลมืออาชีพ อยากเล่นบอลลีก แต่เด็ก ๆ เขาไม่ได้ฝันอย่างเดียว เขาลงมือทำด้วย”

นี่คือเรื่องย่อของหนังฟีลกู๊ด กลิ่นอายสะบายดี หลวงพะบาง เวอร์ชั่นเด็กเตะบอล

ศักดิ์ชาย ดีนาน ผกก.สะบายดี หลวงพะบาง สู่ ท่าแร่ ยูไนเต็ด หนังพิชิตฝันของทีมฟุตบอล อบต.

นี่คือหนังฟีลกู๊ด ไม่ใช่หนังอีสาน

“บทหนังของผมไม่ใช่หนังอีสาน มันเป็นเรื่องของเด็กทำตามความฝัน มันเป็นหนังที่ถ่ายทำที่อีสาน ที่ชนบทอีสาน ผมไม่อยากทำหนังไทบ้าน กินเหล้าขาว จีบสาว คนดูก็คงรู้สึกว่าซ้ำ ผมไม่คิดว่าการพูดอีสานจะได้เปรียบถ้ามาฉายที่อีสาน ถ้าคนไม่อยากดู เขาก็ไม่ดู ที่สำคัญรายได้หนังเป็นตัววัด

“ผมมองว่าการทำหนังต้องล้ำหน้าคนดู ไม่ต้องเอาภาษาอีสานมาเป็นข้อได้เปรียบ แต่จงทำหนังที่สดใหม่ อย่างหนังไทยที่ตอนนี้ไปไหนไม่ได้ เพราะตามหลังคนดู หนังผมก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้”

ท่าแร่ ยูไนเต็ด จึงมีฉากหลังเป็นตึกโคโลเนียลสไตล์ฝรั่งเศสและชุมชนคาทอลิกในหมู่บ้านท่าแร่ จังหวัดสกลนคร ก่อนหน้านี้เคยจะชื่อ บึงโขงหลง ยูไนเต็ด ไม่ก็ สิงห์อีสาน ยูไนเต็ด มาก่อน 

โป๋ยเขียนบทหนังในช่วงสถานการณ์โควิด – 19 กำลังครุกรุ่น ฉากหลังทีแรกคือชนบทในอำเภอเล็ก ๆ ของจังหวัดสุรินทร์ จนนายทุนชาวบุรีรัมย์พาเขาไปพบกับนายกอบจ. จังหวัดสกลนคร เขาเลยมีโอกาสสำรวจโลเคชั่นในหลายอำเภอ จนมาตกหลุมรักท่าแร่ ชุนชนเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์มากกว่าร้อยปี

หลังจากบทหนังเสร็จ ผู้กำกับบอกว่าบทโหดสำหรับท่าแร่ ยูไนเต็ด คือ การถ่ายทำ

“หนักตรงฉากเตะฟุตบอล คิดไม่ออกว่าต้องถ่ายยังไง เพราะตอนเขียนบทก็ไม่ยาก เขียนว่าทีมท่าแร่เล่นบอล ลำเลียงบอลมาข้างหน้า บอลถูกโยนลงมา รับบอล ส่งต่อให้เพื่อนร่วมทีม พอถ่ายจริงก็ถ่ายทีละคัท

“วันแรกที่ถ่ายทำ ฉากเปิดคือการแข่งบอล ถ่ายตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 4 โมงเย็น อยู่ในสนามบอลคัทกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนมาถ่ายที่ร้อยเอ็ด เป็นวันที่โหดที่สุดแล้ว เพราะวันเดียว ถ่าย 60 คัท

“ผมยกเครดิตให้ ส่น-พีระพันธ์ เหล่ายนตร์ เขาเป็นตากล้อง ส่นมีประสบการณ์จากการถ่ายหนัง ฮักบี้บ้านบาก กับ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ส่วนนักแสดงในเรื่องประมาณ 7 คน เป็นหลานผมหมดเลย

“ผมเอาหลานไปแสดงเกือบทั้งตระกูล” ลุงพูดพร้อมหัวเราะถึงนักแสดงมือใหม่

บทโหดที่โหดกว่าบทโหดอันแแรก

หลังจากบทโหดตอนที่ 1 ผ่านไปด้วยดี บทโหดตอนที่ 2 ก็เขามาท้าทายโป๋ยอีกครั้ง

คุณยังจำนายทุนบุรีรัมย์ที่ชักชวนให้โป๋ยกลับมาทำหนังอีกครั้งได้ใช่ไหม หลังจากเตรียมงานไม่นาน ชักผิดสังเกต นายทุนไม่รับโทรศัพท์ โทรแล้วโทรอีกก็ไม่รับสาย จากนายทุนเปลี่ยนเป็นนายเท

“เย็นวันที่ 17 มีถ่ายทำ เตรียมงานแล้วแต่เงินก็ยังไม่มา เลยยืมเงินพี่สาวไปห้าแสน หลังจากนั้นผมก็ยืมอีกห้าแสน ซึ่งนายทุนหายหัวไปแล้ว ทำให้ผมต้องแยกร่างเป็นสองร่าง ร่างหนึ่งเป็นผู้กำกับที่อยู่หน้ากองและถ่ายทำให้ได้ตามเป้าหมาย อีกร่างหนึ่งผมเป็นโปรดิวเซอร์ที่ต้องหาและบริหารเงิน

“ผมเล่าให้เพื่อนทำหนังบางคนฟังมันบอกว่า ถ้าเป็นเขา จะหยุด ไม่ทำ แต่ผมเดินหน้าต่อ บางทีตอนพักกองก็โทรไปยืมตังค์เพื่อน แต่หน้ากองต้องตั้งสติให้ดี ผมอาจจะอายุมากประมาณหนึ่ง ผ่านโลกมาเยอะ ฝเลยยังมีสมาธิกับหน้ากอง ส่วนเรื่องเงินเดี๋ยวตอนค่ำ ๆ ค่อยโทรไปยืมเพื่อนอีกรอบ”

เท่ากับว่าโป๋ยยืมเงินพี่สาวมา 1 ล้านบาท เมื่อโปรดิวเซอร์บริหารเงินหมด เขาถอยไม่ได้

และแหล่งเงินทุนรายใหญ่ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือ คุณแม่ของโป๋ย สมทบเงินทุนอีก 1 ล้านบาท แถมด้วยผู้สนับสนุนใจดีจากค่ายสิงห์, รองเท้าสตั๊ดพร้อมถุงเท้า, แบรนด์ขนมปลาหมึก และน้ำดื่มท่าแร่

ไม่ใช่แค่ทำหนัง แต่ต้องรักหนัง

“การกำกับหนัง โดยประสบการณ์ ทำให้ผมเข้าใจอยู่อย่าง เมื่อถ่ายทำสัก 3-4 คิว ผมจะเริ่มเห็นทิศทางของหนัง และมั่นใจว่าหนังจะไปรอด อย่าง ท่าแร่ ยูไนเต็ด ผมรู้สึกแบบนั้นตอนถ่ายคิวที่ 4

“เป็นฉากเตะบอล เด็กเตะบอลแล้วแพ้ เด็กท่าแร่ใต้ทะเลาะกัน ตอนเห็นนักแสดงเล่น ทั้งน้ำเสียงและสีหน้า มันเป็นนักแสดงจริง ๆ  เป็นตัวละครตัวนั้นจริง ๆ  นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าหนังจะไปถึงจุดจบได้ เล่าเรื่องได้ เพราะนักแสดงหน้าใหม่ที่เล่น เขาเล่นเป็นตัวละครตัวนั้นแล้ว หนังจะสมูทแบบนั้นทั้งเรื่อง”

ความเจ๋งของการทำงานในสถานการณ์โรคระบาดคือการปรับตัว โป๋ยคุมงานทั้งหมดผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ บรรยากาศการทำงานของเขาคือทุ่งนาเขียวขจี ฝูงวัว และเครื่องดื่มสีอำพันหนึ่งแก้ว

บางทีเขาก็สลับบทบาทจากหน้าจอ เป็นหนุ่มลูกทุ่งนั่งปักเบ็ดตกปลาตามหนองน้ำ

บทสนทนากลางทุ่งของ ‘ศักดิ์ชาย ดีนาน’ คนเขียนบทและผู้กำกับ ‘ท่าแร่ ยูไนเต็ด’ หนังอารมณ์ดีที่เล่าเรื่องการลงมือตามฝันของทีมฟุตบอล อบต.

ในวันที่กระบวนการทุกอย่างเกือบเสร็จสมบูรณ์ โป๋ยต้องดูหนังอีกหลายต่อหลายรอบเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ทั้งดูในจอเล็กขนาดแล็ปท็อปและจอใหญ่ขนาดเบิ้มในโรงภาพยนตร์ 

“ผมดูเองก็รอบที่ 40 หรือ 50 แล้วครับ ผมเคยบอกรุ่นน้องคนหนึ่งว่า ในการทำหนังหนึ่งเรื่อง มึงจะต้องรักหนังที่มึงทำ ถ้าไม่รักมากที่สุดก็ต้องรักมากพอสมควร เพราะคุณจะทรมานมากกับการดูหนังแต่ละร่าง ตัดต่อร่างที่ 1 ก็ดู ร่างที่ 2 ก็ดู ดูจนจบเรื่อง พอใส่สี ก็ดูอีก พอทำดนตรีประกอบ ก็ต้องดูอีก”

แล้วกลิ่นอายของภาพยนตร์ สะบายดี หลวงพะบาง ถูกซ่อนไว้ตรงไหน – เราสงสัย

“ตอนดูโรงใหญ่เมื่อ 2-3 วันก่อน ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นสะบายดี หลวงพะบางนะ ทีมงานก็เป็นทีมงานเดียวกัน วิธีการถ่ายทำก็เหมือนสะบายดีฯ ทีมงานเขาทำท่าแร่ให้ออกมาเป็นหลวงพะบาง ทั้งสีหนัง บรรยากาศ ส่วนการแสดงก็มีความรักของเด็ก ๆ เรื่องราวของเพื่อน ความฝัน การเตะบอลกับทีมใหญ่ ๆ

“ขนาดฉากเด็ก ๆ นั่งกินน้ำน้ำอัดลม ผมยังให้ทีมอาร์ตแบกเก้าอี้มาเซ็ตตรงตึกเก่าฝรั่งเศส หรือฉากทุ่งนา ก็เลือกทุ่งนาสวย ๆ อากาศเช้า แดดอ่อน ๆ มันดูไม่สมจริงแบบวิถีชีวิตอีสาน แต่อาจจะเป็นวิถีชีวิตอีสานชวนฝัน ผมทำแบบนี้มาตั้งแต่สะบายดีฯ มันก็เลยกลายเป็นกลิ่นอายของหนังที่อยากเล่า”

ท่าแร่ ยูไนเต็ด พร้อมฉายในประเทศไทยวันพรุ่งนี้ (13 ตุลาคม) และ ฉายที่ประเทศลาวด้วย

“ผมคาดหวังให้หนังออกมาดี คนมาดูเยอะ ๆ และ ให้คนคิดตามเนื้อเรื่องที่ผมนำเสนอ คนเรามีฝัน ก็ต้องลงมือทำ ในหนังอาจจะฉายความพ่ายแพ้ แพ้ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจอย่างเต็มที่ ถึงสู้ แต่ก็สู้เขาไม่ได้

“มันก็เหมือนคนทำหนังล่ะมั้ง ต้องไปให้สุด กัดฟันแยกร่าง ก็ต้องทำ”

ในเมื่อมันเป็นความฝัน – “ก็ต้องทำ” ชายวัย 53 ย้ำกับเรา

บทสนทนากลางทุ่งของ ‘ศักดิ์ชาย ดีนาน’ คนเขียนบทและผู้กำกับ ‘ท่าแร่ ยูไนเต็ด’ หนังอารมณ์ดีที่เล่าเรื่องการลงมือตามฝันของทีมฟุตบอล อบต.

ถามตอบ กับ ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และ คนเขียนบท

ความท้าทายของการเป็นผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และ คนเขียนบท ในคนคนเดียวคืออะไร

ความท้าทายของผม คือ ผมจะเล่าเรื่องให้คนดูเข้าใจในสิ่งที่ผมอยากจะเล่าได้หรือเปล่า และ ความยากคือฉากเตะบอล ถ่ายหลายคัท คนดูจะรู้เรื่องมั้ย มันกดดัน พอหนังเสร็จแล้ว ความกดดันต่อมา คือ หนังจะขายได้มั้ย เพราะผมสำรวจตลาดที่ผ่านมาหนังทำเงินมีอยู่เรื่องเดียว นอกนั้นขาดทุน

ทำไมคุณถึงเขียนใน Editor’s Note ว่า ‘…ท่าแร่ ยูไนเต็ด จะเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายของชีวิต …’ 

ถ้าหนังไม่ได้เงิน ก็ไม่มีเงินมาทำอีกไง (หัวเราะ) 

ผมมีเรื่องในหัวอยู่แหละ แต่ตอนนี้ไม่มีเรื่องที่อยากจะเล่า ถ้ามีผมก็จะกลับมาเอง มีคนหนึ่งเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาทำหนังมาหลายเรื่อง ถ้าวันหนึ่งเขาไปเจอเรื่องที่อยากจะเล่า แล้วเขาไม่ได้เล่าเรื่องนั้นให้คนอื่นรับรู้ เขายอมตายเสียดีกว่า

ผมเองก็เป็นอย่างนั้น ผมผ่านจุดที่เป็นผู้กำกับใหม่และการพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว เพราะพิสูจน์ไปมันก็เท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรมากมาย สุดท้ายก็เหมือนเดิม

เพื่อนสนิทพูดตอนกินเหล้าด้วยกันว่า หลังจากผมทำสะบายดี หลวงพะบาง ถ้าผมตายไป ผมจะได้รับการจดจำและยกย่องมากกว่านี้ เพราะผมทำหนังมาหลายเรื่อง แต่ไม่มีเรื่องไหนดีเท่าเรื่องแรก

แล้วคุณชอบหนังเรื่องแรกของตัวเองมั้ย

ผมชอบอยู่ 2 เรื่อง คือ สะบายดี 2 ไม่มีคำตอบจาก..ปากเซ และ คิดถึงทุกคืน ผมชอบบรรยากาศในการทำงาน พอหนังออกมาก็ชอบเนื้องานและอารมณ์ของมัน 

นอกนั้นผมไม่ค่อยชอบหรอก สะบายดี วันวิวาห์ ใครให้ดูอีก ไม่ดูเลยนะ

คนทำหนังต้องชอบหนังของตัวเองก่อนไม่ใช่หรอ

ไม่ ผู้กำกับบางคนอยากจะเผาหรือเอาไฟล์ไปซ่อนก็มี แต่เป็นหนังของนายทุน ก็เลยต้องฉาย เพราะผมเห็นข้อผิดพลาด ผมรู้ว่าหนังไม่สนุก เมืองนอกก็เป็น มันเห็นความล้มเหลวของหนัง แต่แก้ไขอะไรไม่ได้

ท่าแร่ ยูไนเต็ด เติมเต็มชีวิตคนทำหนังอิสระของคุณไหม

มันทำให้อะดรีนาลีนผมหลั่ง ช่วยทำให้ผมมีความรู้สึกและมีอนาคต 

มีรุ่นน้องที่รู้จักกัน ตอนสองปีที่แล้วเขาเจอผม เขาบอกกับผมว่า ‘ผมพูดตามตรงนะ ตอนนั้นเหมือนพี่เตรียมตัวจะไปแล้วอะ โทรมมาก แต่ตอนนี้พี่ได้กลับมาทำหนัง หน้าตาพี่สดชื่นกว่าเดิม’

มันก็อาจเป็นไปได้ที่ตอนชีวิตผมนิ่ง ๆ ไม่ได้ทำอะไร สภาพจิตใจทำให้ผมเป็นอย่างงั้น ร่างกายผมก็เป็นแบบนั้นไปด้วย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่า พอทำหนัง ก็อยากเอาหนังไปฉายให้คนเห็น เหมือนผมกลับมามีมีแรง มีจุดหมายที่จะไป อย่าง วูดดี อัลเลน ทำหนังทุกปี เพราะเขาหาอะไรทำเพื่อจะลืมความตาย 

สำหรับผมก็ทำนองนั้นแหละ คนเราต้องหาเป้าหมาย

สิ่งที่คุณเรียนรู้ตลอด 14 ปี ในฐานะคนทำหนังอิสระคืออะไร

ผมเรียนรู้ว่า ถ้าบทยังไม่โอเคอย่าเพิ่งไปถ่าย (หัวเราะ) และอย่าทำหนังเข้าข้างตัวเอง 

ถ้าวันหนึ่ง ศักดิ์ชาย ดีนาน ไม่ได้เป็นคนทำหนัง วันนั้นเขาจะทำอะไร

เขาจะเขียนหนังสือ เพราะเขาชอบเขียนหนังสือ และเขาจะหาเพื่อนกินเหล้า

ถ้ามีเงินนะ ถ้าไม่มีเงินเขาก็คงเครียดเหมือนกัน ผ่านมาครึ่งศตวรรษเพิ่งรู้ว่าเงินเป็นตัวกำหนดหลายอย่างในชีวิต เคยมีช่วงเครียด ๆ เงินหมด แล้วสภาพจิตใจมันก็กำหนดร่างกายต่อ ทำให้กินข้าวไม่ค่อยลง เหมือนอยู่ไปวัน ๆ รอตอนเย็นเพื่อไปนั่งกินเหล้า แต่นั่นเป็นช่วงที่ผมขาดแรงบันดาลใจ 

แล้วความสุขในวัย 53 ของคนกลับบ้านคืออะไร

 ถ้าเป็นชีวิตส่วนตัว เย็น ๆ นั่งกินเบียร์ ดูถ่ายทอดบอล มีความสุข ผมว่าการกลับบ้าน มันดีต่อสุขภาพจิต หมายถึงว่าได้กินข้าวครบ 3 มื้อ (หัวเราะ)  ส่วนเรื่องงาน ทำหนังก็หมดพลังไปปีสองปี คงพัก แล้วค่อยคิดต่อว่าจะไปทางไหนดี

ทำไมวันนี้คุณใส่เสื้อบอลทีมอาร์เซนอล

ใส่ถ่ายรูปแล้วก็เยาะเย้ยเพื่อนที่เชียร์บอล บางทีเชียร์บอลก็เพราะว่าอยากเยาะเย้ยเพื่อน มันก็เป็นแบบนี้ ตามอายุ ชีวิตการเกษียณคือการดูบอล มีความสุขเหมือนการทำงานนั่นแหละ

บทสนทนากลางทุ่งของ ‘ศักดิ์ชาย ดีนาน’ คนเขียนบทและผู้กำกับ ‘ท่าแร่ ยูไนเต็ด’ หนังอารมณ์ดีที่เล่าเรื่องการลงมือตามฝันของทีมฟุตบอล อบต.

Writer

สุทธิดา อุ่นจิต

สุทธิดา อุ่นจิต

กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ สู่ ลาดพร้าว - สุขุมวิท , พูดภาษาพม่าได้นิดหน่อย เป็นนักสะสมกระเป๋าผ้า ชอบหวานน้อยแต่มักได้หวานมาก

Photographer

Avatar

ณฐวัฒน์ ตีรวัฒนประภา

อดีตนักวิชาการสาธารณสุข รักการศึกษาปรัชญา จิตวิทยา การถ่ายรูปเทคนิคใหม่ ๆ ปัจจุบันมีสตูดิโอถ่ายภาพและคาเฟ่โกโก้ในจังหวัดสุรินทร์