เวลานี้ พี่ป๊อก-อิทธิพล สมุทรทอง ผู้ชายที่วิ่งอยู่ข้างพี่ตูนตั้งแต่ใต้สุดจนเหนือสุดในโครงการก้าวคนละก้าวคงเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของหลายคนแล้ว แต่นักวิ่งคนนี้เป็นที่รักที่รู้จักของคนในวงการวิ่งมานาน ครั้งแรกที่ผมก้าวเข้าสู่วงการวิ่งใหม่ๆ พี่ป๊อกก็เป็นคนรู้จักคนแรกๆ ราวกับพี่เขาเป็นพนักงานต้อนรับของวงการวิ่งยังไงยังงั้น ไม่แปลกที่รอยยิ้มที่เปื้อนใบหน้าตลอดเวลาจะทำให้พี่ป๊อกเป็นที่รักของคนขนาดนี้

ป๊อก อิทธิพล

ป๊อก อิทธิพล

ผมนัดคุยกับหลังจากพี่ป๊อกเพิ่งจบจากรายการ Boston Marathon 2018 พี่ป๊อกได้รับเชิญจาก Gatorade ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของรายการนี้ให้ไปร่วมวิ่งในรายการ Boston Marathon รายการมาราธอนที่เก่าแก่ที่สุด และเป็น 1 ใน 6 เวิลด์เมเจอร์มาราธอนของโลก ซึ่งความโหดหินของการคัดเลือกเข้าร่วมวิ่งนั้นขึ้นชื่อว่าโหดที่สุดในบรรดาเวิลด์เมเจอร์มาราธอนด้วยกัน เนื่องจากวิธีการเข้าร่วมต้องใช้เวลาในการวิ่งมาราธอนอย่างเป็นทางการให้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดตามรุ่นอายุยื่นสมัครเข้าร่วมวิ่งและเวลาที่กำหนดไว้ ถือว่าไม่ใช่เวลาที่ทำได้ง่ายๆ

ชื่อของรายการ Boston Marathon จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นงานที่นักวิ่งจากทั่วโลกฝันไว้ และต้องฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อให้ได้ตั๋วใบนั้นมาให้ได้ 

“พี่ไม่ใช่นักวิ่งที่วิ่งเร็ว วิ่งแรง ถ้าให้ทำตามเวลาเพื่อคัดเลือก เวลาตามรุ่นอายุตอนอายุ 20 กว่าๆ ตอนนั้นวิ่งเร็วนะ แต่ก็ยังไม่ผ่าน พออายุเข้าสู่รุ่น 40 ปี 50 ปีเปลี่ยนมาหลายรุ่นอายุแล้ว ก็ยังไม่ผ่านเสียที ” พี่ป๊อกเล่าความอยากและความยากตลอดประสบการณ์การวิ่งสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา

อิทธิพล สมุทรทอง

Boston

แต่พี่ป๊อกก็คือพี่ป๊อก ผู้ชายที่มีความถ่อมตัวแฝงอยู่ในทุกเรื่องเล่า ผมเคยวิ่งตามพี่ป๊อกที่ดูเหมือนจะเป็นนักวิ่งสายชมนกชมไม้ เอนจอยกับเส้นทาง วิ่งทักทายเพื่อนนักวิ่งแบบยิ้มแย้มตลอดทาง ดูเหมือนจะชิลล์ แต่ผมเร่งยังไงก็ตามไม่ทันเสียที ถ้าตั้งใจจริงผมคิดว่าพี่ป๊อกสามารถผ่านการคัดเลือกได้อย่างแน่นอน

เมื่อโอกาสมาถึง พี่ป๊อกเลยตั้งใจที่จะทำให้ไม่เสียโอกาสในการได้ร่วมครั้งนี้ ฝึกซ้อมวิ่งอย่างเต็มที่ เพื่อให้ร่างกายพร้อมลงแข่งในช่วงระยะเวลาการซ้อมที่จำกัด

 

Boston Marathon Boston Marathon

 

แต่อย่างที่บอกครับ พี่ป๊อกเป็นคนที่ผมคิดว่าเอนจอยกับการวิ่งอันดับต้นๆ คนหนึ่ง ใช้ร่างกายในการวิ่งมากกว่าคนปกติทั่วไป เท้าก้าว มือใช้โบกทักทาย บางทีก็ยกมือไหว้ หน้าก็ฉีกยิ้มอยู่เสมอ แถมบางทีก็ถือกล้อง Live สดไปด้วยจนเห็นได้ชินตา ผมเริ่มสนใจว่า Boston Marathon ของพี่ป๊อกจะแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร

“วันวิ่งอากาศหนาวและฝนตก ลมแรง อุณหภูมิลงไปอยู่ที่เกือบ 0 องศาฯ เอาเข้าจริงๆ จะรู้สึกเหมือน -2 องศา ถือว่าอากาศแย่มาก ก่อนออกตัวที่เส้นสตาร์ทต้องใส่เสื้อกันฝนและเสื้อวอร์มเก็บความอบอุ่นของร่างกายไว้

“ยิ่งสนามบอสตันเป็นเส้นทางที่ไม่เรียบ มีเนินขึ้นลงตลอดเวลา ไม่เหมาะกับคนที่อยากมาทำสถิติสักเท่าไหร่

“10 กิโลเมตรแรกถือว่าสบายมาก เพราะเป็นการลงเขา แต่ช่วงหลังจากนั้นประมาณช่วง 10 – 15 กิโลเมตรจะเปลี่ยนกลับมาเป็นช่วงขึ้นเขาอีก”

Boston MarathonBoston Marathon

ถ้าเป็นผม เจอสนามเนินขึ้นสลับลงอยู่เรื่อยๆ คงรู้สึกท้อใจ แต่ในบรรดาเนินทั้งหมดที่บั่นทอนแรงกายแรงใจไปเรื่อยๆ  พี่ป๊อกเล่าว่ามันก็มีเนินที่เสริมสร้างพลังใจอยู่เหมือนกัน

“ช่วงอากาศหนาวเย็นจัด แบตเตอรี่โทรศัพท์มันจะหมดเร็วกว่าปกติ ผมเลยปิดมือถือเพื่อเซฟแบตเอาไว้ รอเนินที่คนไทยมักจะพูดถึงกัน แต่ไม่มีใครเคยเห็นภาพ ผมเซฟแบตเตอรีไว้เพื่อเนินนี้โดยเฉพาะ เนิน Newton Hill หรือ Screaming Tunnels ที่เรียกกันแบบนี้เพราะมันเป็นเหมือนอุโมงค์เสียงกรี๊ดตะโกน ทั้งๆ ที่ตรงนั้นมันไม่มีอุโมงค์เลยนะ แต่เป็นเสียงของนักเรียนโรงเรียนหญิงล้วน Wellesley College ตะโกนเชียร์ ชูป้าย Free Kiss ผมเปิดโทรศัพท์ออกมา Live สด เก็บบรรยากาศสาวๆ ที่กวักมือเรียกให้ไปรับการหอมแก้มตลอดเส้นทาง” พี่ป๊อกเล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เมื่อความสุขผ่านไป บรรยากาศของสนามบอสตันก็กลับมาเคร่งขรึมท้าทายความสามารถนักวิ่งเหมือนเดิม ช่วงแถวๆ กิโลเมตรที่ 30 – 35 จะต้องขึ้นเนินที่มีชื่อเสียงอีกเนินหนึ่งคือ Heartbreak Hill เนินขาดใจระยะ 600 เมตร ซึ่งจะขาดใจตามชื่อ หลังจากที่สะสมความเหนื่อยล้ามามาก เนินนี้เหมือนเป็นเนินวัดใจได้เลย จะคุ้นศัพท์คำนี้จากการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในการตอบคำถามโค้งสุดท้ายที่จะชี้วัดคะแนนได้ว่า Heartbreak Hill ก็ได้มาจากบอสตันมาราธอนนี่แหละ” พี่ป๊อกเล่า

Boston Marathon

“อากาศในวันแข่งเลวร้ายที่สุดในรอบ 20 ปี ครูดิน-สถาวร จันทร์ผ่องศรี ที่ไปด้วยกันเลยวางแผนการวิ่งกันว่า 10 กิโลเมตรแรกเร็วไม่ได้ เพราะอากาศที่เย็น และวอร์มอัพไม่ทัน บวกกับเนินสลับขึ้นลงไปมา ทำให้กล้ามเนื้อต้องสลับการทำงาน มีความเสี่ยงที่จะเกิดตะคริวได้ง่าย ที่สำคัญ ควรรับน้ำทุกจุด ซึ่งรายการนี้ต้องชมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างการแจกน้ำ เขาจะแจกในระดับที่พอจิบเท่ากันทุกแก้ว ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสม ไม่ใช่ใส่จนเต็มแก้ว สุดท้ายก็ผ่านไปได้ มีปวดที่ต้นขาบ้างเลยได้ใช้บริการของเต็นท์พยาบาลที่ปีนี้เหมือนว่าจะได้รับความนิยมมากกว่าทุกปี (หัวเราะ)” พี่ป๊อกบอกวิธีการรับมือกับสภาพอากาศที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอ

ผมคิดว่าภาพของ Boston Marathon ที่ได้ยินเสียงร่ำเสียงลือมาตลอด แต่กลับไม่เคยมีใครถ่ายทอดออกมาให้เห็นเป็นภาพได้เลย (อาจจะเพราะนักวิ่งส่วนใหญ่ตั้งใจไปทำเวลา) นี่คือ Boston Marathon ผ่านมุมมองของพี่ป๊อก ที่ยังคงเป็นพี่ป๊อกผู้เอนจอยกับเส้นทางวิ่งและบรรยากาศเสมอ ผมเห็นหลายคนคอมเมนต์ถึงพี่ป๊อกกึ่งแซวเล่นว่าพี่ป๊อกทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของ Boston Marathon ดูลดลงไป แต่ผมคิดว่าการบันทึกของพี่ป๊อกนั้นทำให้ Boston Marathon ดูสนุกขึ้น และเข้าถึงคนอีกหลายคนขึ้นมาก

Boston Marathon Boston Marathon

“ถ้าพูดกันตรงๆ พี่ว่า Boston Marathon ของพี่ถือว่าโหดมาก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน ภาพที่ออกมามันทำให้คนสนใจว่าเมเจอร์มาราธอนคืออะไร บอสตันมาราธอนที่ว่าโหดมันเป็นยังไง แล้วก็มีคนมาบอกพี่ว่าอยากจะลงรายการนี้และรายการอื่นๆ บ้างก็ถือว่าเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจกันได้แล้ว”

พี่ป๊อกมีโปรเจกต์ส่วนตัวที่เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักวิ่งดี คือจะแจกผ้าบัฟหรือผ้าสารพัดประโยชน์สำหรับนักวิ่งทุกคนที่วิ่งจบมาราธอนแรกทางเพจ “42.195 k club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน” เพื่อให้เป็นกำลังใจและส่งต่อแรงบันดาลใจต่อๆ กันอยู่แล้ว

ป๊อก อิทธิพล

พี่ป๊อกเล่าว่าหลังจากมีคนวิ่งจบมาราธอนและรับผ้าบัฟไป ก็มาบอกพี่ป๊อกว่ามีคนอยากวิ่งมาราธอนต่อเพราะเห็นเขาวิ่งจบมาราธอนแล้วได้รับผ้าบัฟจากพี่ป๊อก นั่นคือสิ่งที่พี่ป๊อกรู้สึกว่าประสบความสำเร็จเล็กๆ อย่างที่ตั้งใจแล้ว ผมคิดเองว่าเหตุผลหนึ่งที่พี่ป๊อกไปวิ่ง Boston Marathon นั้นก็คงเพราะต้องการบันทึกและส่งต่อแรงบันดาลใจให้ต่อกับเพื่อนๆ มากกว่า

“พี่เชื่อมาเสมอว่าเมื่อ 1 คนวิ่ง จะมีคนรอบข้างแข็งแรงเพิ่มขึ้นอีก 5 คน ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่มีผิดเลย” พี่ป๊อกกล่าวทิ้งท้าย

ป๊อก อิทธิพล

Writer & Photographer

Avatar

จิรณรงค์ วงษ์สุนทร

Art Director และนักวาดภาพประกอบ สนใจเรียนรู้เรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังของอาหารกับกาแฟ รวบรวมทั้งร้านที่คิดว่าอร่อย และความรู้เรื่องอาหารไว้ที่เพจถนัดหมี และรวมร้านกาแฟที่ชอบไปไว้ใน IG : jiranarong2