“เราทุกคนต่างใฝ่ฝันถึงสวนกุหลาบในแดนมหัศจรรย์เหนือเส้นขอบฟ้า แทนที่จะชื่นชมกับดอกกุหลาบ
ที่บานอยู่นอกหน้าต่างในวันนี้”
เดล คาร์เนกี (Dale Carnegie)
ชีวิตที่ผ่านมา ผมชื่นชอบดอกกุหลาบมากกว่าดอกไม้ชนิดอื่น
ชอบกลิ่นหอมกุหลาบ ชอบสีสัน และกลีบกุหลาบทับซ้อนอันบอบบาง
ปีที่ผ่านมาเคยไปเยือนประเทศอิหร่าน เที่ยวชมสวนเปอร์เซียสวนฟิน (Bagh-e Fin) ในเมืองคาซาน (Kashan) เมืองเล็กๆ กลางทะเลทรายอันร้อนระอุ กลางแดดเปรี้ยงๆ
พอเราเดินผ่านกำแพงอันล้อมรอบสวนฟินแห่งนี้ เสียงน้ำพุ ความร่มรื่นของหมู่แมกไม้ อุณหภูมิลดลงปรากฏตรงหน้า
สวนฟินน่าจะเป็นสวนเปอร์เซียเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่ยังคงความสมบูรณ์
สองข้างทางปลูกต้นไม้ดอกไม้หลากชนิด โดยมีดอกกุหลาบเด่นเป็นพิเศษ คนอิหร่านนิยมปลูกกุหลาบมาก มีชากุหลาบ น้ำหอมระเหยกุหลาบ วางขายไปทั่ว จนถือเป็นดินแดนแห่งกุหลาบ
แม้กระทั่งชื่อ กุหลาบ ในภาษาไทย ก็นำมาจากคำว่า กุล้อบ ของภาษาเปอร์เซีย แปลว่า น้ำดอกไม้
พอเวลาล่วงไปไม่นาน ผมไม่คาดคิดว่า ชีวิตจะมีดอกกุหลาบเป็นแรงบันดาลใจ

หลายปีก่อน ผมและภรรยามีโอกาสมาหาซื้อที่ดินแถวอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ สภาพพื้นที่เป็นที่นาผ่านการทำนามาหลายสิบปี จนสภาพผืนดินเป็นที่ลุ่มมาก มีน้ำขังเฉอะแฉะเกือบทั้งปี จนเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำมากกว่า แม้กระทั่งชาวนาแถวนั้นก็เลิกใช้ที่ดินผืนนี้ทำนาแล้ว เพราะพื้นที่ลุ่มเกินไป
ปีที่ผ่านมา เราจึงมีความคิดว่าก่อนคิดจะปลูกอะไร อย่างแรกต้องทำการยกแปลงเสียก่อน คือจ้างรถแทรกเตอร์มาขุดคูเอาดินขึ้นมาถมที่ดินให้สูงขึ้น และยังนึกว่าจะปลูกต้นอะไรดี ที่ต้องการแดดแรงๆ น้ำท่าก็อุดม เพราะอยู่ห่างจากเหมืองฝายของหมู่บ้านนิดเดียว นึกอยู่นาน ก็ยังนึกไม่ออก
จนมาวันหนึ่ง เพื่อนบ้านคนหนึ่งแนะนำว่า ลองปลูกกุหลาบไหม เพราะที่ดินตรงนี้แดดแรง น้ำดีเหมาะกับกุหลาบ ที่ต้องการแดดอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง บนความสูง 800 เมตรขึ้นไป และดอกกุหลาบกำลังเป็นที่นิยมของตลาด โดยเฉพาะนำไปผลิตชากุหลาบ
“ปลูกกุหลาบเหรอ ยากไปไหม” เราแอบคิดในใจ

ในชีวิตไม่เคยปลูกดอกกุหลาบ เห็นเพื่อนปลูกกันหลายคน ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรอด ขนาดใส่ปุ๋ยเคมี ฉีดยาฆ่าแมลง ต้นยังดูผอมแห้ง แคระแกร็น แล้วเราจะปลูกกุหลาบแบบปลอดสารทุกชนิด จะรอดไหม
แต่ครั้งนี้จะทดลองดู โดยเริ่มแรก เราต้องก่ออิฐถือปูนทำเป็นกระบะแถวยาว และลงทุนไปซื้อดินดำคุณภาพดีถมลงในกระบะ ยกพื้นดินให้สูงขึ้น ป้องกันน้ำท่วมขัง
เราติดต่อซื้อต้นกล้ากุหลาบจากเพื่อนชาวสวนคนหนึ่งที่ปลูกกล้ากุหลาบขายแบบออร์แกนิก โดยเลือกพันธุ์ที่ส่งกลิ่นหอมมาก นั่นคือกุหลาบพันธุ์มอญและพันธุ์บิชอป


เมื่อได้ต้นกล้าหลายร้อยต้นแล้ว ก็จัดการปลูกลงบนกระบะ ติดตั้งสปริงเกอร์รดน้ำ น้ำที่เรานำมารดเป็นน้ำจากลำเหมืองฝายสาธารณะริมท้องนาข้างนอก เมื่อน้ำผ่านเข้ามาบ้านเราก็จะไหลไปสู่บ่อพัก เพื่อให้น้ำตกตะกอนและผ่านลำน้ำเล็กๆ มีพืชน้ำตามรายทาง ไหลลงมาพักในบึงน้ำหลายบึง เพื่อเป็นการบำบัดน้ำตามธรรมชาติ ก่อนจะนำน้ำมารดดอกกุหลาบ
ที่สำคัญ เราปลูกต้นใบหูเสือสลับไปกับกุหลาบ เป็นต้นไม้กลิ่นใบหอมฉุนมาก ชาวบ้านนิยมกินกับลาบ เราปลูกเพื่อป้องกันแมลง เนื่องจากใบมีกลิ่นฉุนจึงไล่แมลงไปโดยธรรมชาติ
พูดถึงใบหูเสือ หากเก็บใบสดๆ มาชงเป็นชาดื่ม จะช่วยแก้อาการเจ็บคอได้ผลดีมากจริงๆ
ปลูกกุหลาบไปได้ประมาณสองสามเดือน กุหลาบก็เริ่มออกดอก บรรดาแมลงศัตรูพืชคงทนกลิ่นใบหูเสือไม่ไหว เลยไม่ค่อยปรากฏให้เห็น นอกจากเพลี้ยบางชนิด เห็นแมงมุมหลายตัว สัตว์ผู้ล่าตัวน้อยชักใยเป็นวงรอบระหว่างกิ่งใบ คอยดักกินเพลี้ยและแมลงที่บินมาหลงติดใยอันแสนบอบบางแต่เหนียวที่สุดด้วยความเอร็ดอร่อย

ฉากความสมดุลในธรรมชาติปรากฏให้เห็นในแปลงเล็กๆ
วันแรกที่กุหลาบออกดอก เราดีใจมาก แต่พอเอื้อมมือไปหยิบดอกกุหลาบดอกเล็กๆ ไม่ทันระวัง หนามของเขาทิ่มนิ้วเราได้เลือดซิบๆ ทันที จนนึกถึงคำพูดโบราณที่ว่า
“There’s no rose without a thorn.”
“ไม่มีกุหลาบใดที่ไร้หนาม”
กุหลาบใช่มีเพียงความหอมหวานนุ่มนวลละมุนละไม สิ่งที่อยู่คู่กุหลาบงามคือเรียวหนาม จนมีคนไปตีความว่า
“สิ่งที่อยู่คู่ความรักอันงดงามคือความปวดร้าว”
พอกุหลาบออกดอก เราดีใจเก็บดอกกุหลาบแรกแย้มกันใหญ่ แต่ผู้รู้แนะนำว่า ต้นกุหลาบอายุช่วงแรกๆ อย่าเพิ่งให้เขาออกดอกจนบานสะพรั่ง พอสังเกตว่าจะเริ่มออกดอกแล้ว รีบตัดทิ้งทันที กุหลาบจะแตกกิ่งก้าน แตกดอกขึ้นอีกหลายช่อ
กล่าวคือ ในช่วงแรกๆ แทนที่จะให้ออกดอกบาน ซึ่งต้องใช้พลังงานจากปุ๋ยแร่ธาตุมากมาย สู้ใจเย็นๆ ตัดดอกเล็กๆ ออกไปก่อน เอาแร่ธาตุไปเติมพลังให้แตกกิ่งก้านออกมาเยอะๆ ก่อน จะได้ดอกจำนวนมากกว่า

ไม่กี่อาทิตย์ เมื่อเราหมั่นเด็ดดอกทิ้ง ปรากฏว่ากุหลาบแผ่กิ่งก้านและดอกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนบัดนี้ดอกกุหลาบบานสะพรั่งทั้งเหลือง แดง ชมพู ไปเต็มแปลง
ทุกเช้าตรู่ ในความเงียบสงบ การออกมาเดินเก็บดอกกุหลาบทั้งแรกแย้มและบานสะพรั่ง สูดดมความหอมเต็มท้องทุ่ง ชวนให้หลงใหลจนละทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง
หลุดเข้าไปในโลกแห่งสีสัน หลงเสน่ห์กลิ่นรัญจวน รับรู้ถึงพลังลึกลับแห่งธรรมชาติ ที่สามารถเยียวยาชีวิตจริงอันแสนบอบบางกว่ากลีบกุหลาบได้อย่างอัศจรรย์
เรารู้สึกสดชื่นอยู่ตรงนั้นนานหลายชั่วโมง ขณะที่ในชีวิตจริงเวลาผ่านไปไม่กี่นาที
ความบอบบางของกลีบกุหลาบ ทำให้ความเข้มแข็งกลับคืนมาอีกครั้ง
