“ในแง่หนึ่ง ข้อจำกัดก็เป็นต้นทุนสำคัญในการทำงาน” 

David Droga ยอดนักโฆษณาระดับโลก พูดประโยคนี้ในเทศกาลความคิดสร้างสรรค์ Cannes Lions ปีที่แล้ว

ประเทศที่เป็นตัวอย่างของการทำประโยคนี้ให้เป็นจริงที่สุด ต้องยกให้สิงคโปร์

ด้วยขนาดประเทศที่เล็ก คนมีจำกัด จะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ

ทศวรรษ 1930 สิงคโปร์ขยายเมือง อาคารบ้านเรือนถูกสร้างครั้งใหญ่ โครงการเหล่านี้ต้องใช้หินแกรนิตเป็นวัตถุดิบ ในประเทศจึงเกิดเหมืองแกรนิตจำนวนมากเพื่อนำมาใช้สร้างเมือง หนึ่งในนั้นคือเหมืองชื่อ ‘Sin Seng’ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและธรรมชาติ Bukit Timah

ไม่ไกลกันมีถนนชื่อว่า ‘Rifle Range’ ซึ่งตั้งมาจากชื่อชมรมยิงปืน The Bukit Timah Rifle Range and Gun Club ชมรมนี้ก่อตั้งและสร้างสนามยิงปืนสำหรับกองกำลังอาสาสมัครของสิงคโปร์ได้ใช้บริการ 

Rifle Range Nature Park จากเหมืองเก่าสู่สวนใหม่ในสิงคโปร์ที่คน-พื้นที่สีเขียวได้อยู่ด้วยกัน
Rifle Range Nature Park จากเหมืองเก่าสู่สวนใหม่ในสิงคโปร์ที่คน-พื้นที่สีเขียวได้อยู่ด้วยกัน

เมื่อถึงยุค 90 สิงคโปร์ขยายเมืองเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องก่อสร้างอาคารเยอะเหมือนเมื่อก่อน เหมืองแกรนิตจึงทยอยปิดตัวลง 

ในขณะเดียวกัน โลกเปลี่ยนไป แนวคิดในการพัฒนาเมืองก็เปลี่ยนตาม สิงคโปร์พัฒนาเมืองด้วยแนวคิดขยายพื้นที่สีเขียว สร้างเมืองน่าอยู่ที่เท่าเทียมสำหรับทุกคน

หนึ่งในเครื่องมือการสร้างเมืองยุคนี้ของสิงคโปร์ คือการกลับไปพัฒนาพื้นที่รกร้างให้กลับมาใช้งานใหม่ สร้างเครือข่ายพื้นที่สีเขียว ออกกฎหมายคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติให้ครอบคลุม ออกแบบพื้นที่ให้คนไปมาสะดวก เพื่อให้คนเข้าถึงพื้นที่ธรรมชาติได้ง่ายขึ้น

Rifle Range Nature Park จากเหมืองเก่าสู่สวนใหม่ในสิงคโปร์ที่คน-พื้นที่สีเขียวได้อยู่ด้วยกัน

ถ้ามาสวนง่าย ก็อยากมาบ่อย 

พอมาบ่อยก็เกิดความรู้ ความเข้าใจ และถ้าเกิดความรักด้วยก็จะยอดเยี่ยม

สิ่งเหล่านี้จะเป็นต้นทุนสำคัญในการสร้างเมืองให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลง

‘Rifle Range Nature Park’ คือโครงการพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ล่าสุดของสิงคโปร์ ขนาดรวม 66 เฮกตาร์ เพิ่งเปิดตัวเมื่อปี 2022 นี่เอง 

ชื่อของสวนนำมาจากชื่อถนนที่คนรู้จักกันดี (และไม่มีสนามยิงปืนแน่นอน) ภายในมีทางเดินเทรล 7 กิโลเมตร ลัดเลาะผ่านป่าและพื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นบ้านของสัตว์ท้องถิ่น 300 สายพันธุ์ พรรณไม้ประจำถิ่นอีกกว่า 400 สายพันธุ์ 

Rifle Range Nature Park จากเหมืองเก่าสู่สวนใหม่ในสิงคโปร์ที่คน-พื้นที่สีเขียวได้อยู่ด้วยกัน

สวนนี้มีคนสิงคโปร์มาใช้บริการเยอะ เดินทางสะดวกด้วยรถไฟใต้ดิน มีที่จอดรถ เชื่อมต่อกับเครือข่ายพื้นที่สีเขียว Rail Corridor ที่สำคัญคือสัตว์ท้องถิ่นยังอยู่ได้ ไม่ถูกรบกวน

งานยากแบบนี้ สิงคโปร์ทำได้อย่างไร?

National Parks Board หรือ NParks คือองค์กรที่ดูแลพื้นที่สีเขียวทั้งหมดของสิงคโปร์

Lim Liang Jim หนึ่งในผู้บริหารของ NParks คือคนที่ออกมาพบสื่อตอนเปิดสวนเมื่อปีที่แล้ว

ตอนหนึ่ง เขาเล่าว่าการสร้างสวนแห่งใหม่นี้ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มาออกแบบทุกจุด

องค์ประกอบที่นำมาวางในสวนล้วนมีที่มาที่ไป ทำไปเพราะอะไร เพื่ออะไร ตอบได้หมด

โครงการ Rifle Range Nature Park เริ่มประกาศสร้างปี 2017 

9 เดือนแรก ทีมงานศึกษาความหลากหลายของสายพันธ์ุ ติดกล้องในป่า 110 ตัวเพื่อศึกษา จะได้รู้ว่าพื้นที่ไหนสัตว์อยู่เยอะ ที่ไหนอยู่น้อย การพัฒนาจะได้แม่นยำ ไม่ทำร้ายธรรมชาติ

หัวใจสำคัญของการทำงานนี้ คือทำอย่างไรให้สัตว์เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระและปลอดภัย

อันดับแรก เขาสร้างสะพานเชือกเส้นเล็ก ๆ ระหว่างต้นไม้ใหญ่และขุดอุโมงค์จิ๋วใต้ดิน เพื่อให้สัตว์ขนาดเล็กเคลื่อนที่ในสวนได้ปลอดภัย 

Rifle Range Nature Park จากเหมืองเก่าสู่สวนใหม่ในสิงคโปร์ที่คน-พื้นที่สีเขียวได้อยู่ด้วยกัน

สอง ทางเดินสำหรับผู้มาเยี่ยมชมถูกยกเป็นทางลอยฟ้า เพราะถ้าให้คนเดินบนพื้นเลย อาจทำลายพืชท้องถิ่นที่เปราะบางบางสายพันธุ์ รวมถึงอาจเดินเหยียบแมลงตัวเล็กที่มองแทบไม่เห็น

พอเป็นทางลอยฟ้า การเข้าสวนเลยจะประหลาดหน่อย ทางนี้ไปเชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้า Beauty World Centre บริเวณชั้น 4 

Rifle Range Nature Park จากเหมืองเก่าสู่สวนใหม่ในสิงคโปร์ที่คน-พื้นที่สีเขียวได้อยู่ด้วยกัน
Rifle Range Nature Park จากเหมืองเก่าสู่สวนใหม่ในสิงคโปร์ที่คน-พื้นที่สีเขียวได้อยู่ด้วยกัน

ถ้าอยากมาสวน ต้องขึ้นบันไดเลื่อนห้าง 4 ชั้นถึงเข้ามาได้ เป็นวิธีเข้าสวนที่น่าสนใจมาก

แต่ในขณะเดียวกัน ทางเดินบางจุดก็โน้มลงระดับพื้นเพื่อให้คนศึกษาธรรมชาติอย่างใกล้ชิด รวมถึงเชื่อมต่อกับทางเทรลสำหรับคนรักการเดินป่า

Rifle Range Nature Park จากเหมืองเก่าสู่สวนใหม่ในสิงคโปร์ที่คน-พื้นที่สีเขียวได้อยู่ด้วยกัน

สาม การออกแบบทางเดินและป้ายบอกทางเป็นมิตรกับผู้ใช้มาก 

สวนนี้ค่อนข้างร้อน และร้อนมากถ้าคุณมาตอนบ่าย (เหมือนนักเขียนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาตอนบ่าย 2) 

สวนที่มีจุดเด่นทางธรรมชาติ มักมีป้ายบอกเอกลักษณ์ของสัตว์และพรรณพืช สวนนี้ก็มี แต่ป้ายมีขนาดเล็ก อ่านเร็ว ๆ ก็จบ จำนวนป้ายถูกซอยถี่ ๆ และกระจายไปทั่วสวน 

คนเดินมาร้อน ๆ เลยดูป้ายได้เร็ว ไม่หงุดหงิด เข้าใจง่าย 

บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำ ถ้าคนไม่เข้าใจจะไม่รู้เลยว่าต้นไม้รก ๆ ในพื้นที่มีคุณค่าแค่ไหน 

Rifle Range Nature Park จากเหมืองเก่าสู่สวนใหม่ในสิงคโปร์ที่คน-พื้นที่สีเขียวได้อยู่ด้วยกัน
Rifle Range Nature Park จากเหมืองเก่าสู่สวนใหม่ในสิงคโปร์ที่คน-พื้นที่สีเขียวได้อยู่ด้วยกัน

ป้ายบริเวณนี้เล็กและวางถี่ อยู่ในจุดที่เห็นได้ชัด เข้าใจง่ายเช่นกัน 

ส่วนป้ายขนาดใหญ่ ทีมงานจัดไว้ในอาคารใกล้ที่จอดรถ เย็น สบาย มีห้องน้ำและตู้กดน้ำให้บริการ

ทางเดินเป็นมิตรกับผู้พิการที่นั่งวีลแชร์ มีตัวเลขบอกระยะทางและทิศทางบนพื้น ตัวใหญ่ อ่านง่าย ไปสะดวก 

เปิด 7 โมง ปิด 1 ทุ่ม เวลากำลังดี

Rifle Range Nature Park จากเหมืองเก่าสู่สวนใหม่ในสิงคโปร์ที่คน-พื้นที่สีเขียวได้อยู่ด้วยกัน

ความจริงสวนนี้มีรายละเอียดเยอะมาก การสร้างก็ทำอย่างมีกลยุทธ์ เช่น แผนการฟื้นฟูป่าที่เรียกว่า ‘Forest Restoration Action Plan’ (FRAP) พื้นที่ในสวนบางจุดค่อนข้างเสื่อมโทรม ทีมงานเลยช่วยปลูกป่าเพื่อเร่งกระบวนการฟื้นฟู วางแผนว่าจะปลูกแบบไหน พันธุ์อะไร และถ้าปลูกแล้ว ต้นไม้ออกดอกออกผล สัตว์ท้องถิ่นมากินและคายเมล็ด ช่วยขยายสายพันธุ์ไปได้อีก

ใครอินเรื่องนี้ อยู่สวนนี้ได้เป็นชั่วโมง 

สี่ อันนี้ยังสร้างไม่เสร็จ แต่เราว่าล้ำดี คือการสร้างระบบเตือนภัยสัตว์ข้ามถนน สำหรับคนที่ขับรถมาสวน 

สวนอื่นทำแค่ป้าย สวนนี้เตรียมติดตั้งระบบอัตโนมัติ ถ้ามีสัตว์อยู่ใกล้ ๆ เตรียมวิ่งผ่านถนน จะมีไฟกะพริบเตือนรถให้ชะลอ ให้สัตว์ข้ามไปอย่างปลอดภัย

ระบบนี้เรียกว่า ‘Roadway Animal Detection System’ เริ่มทดลองใช้แล้วที่ถนน Old Upper Thomson เมื่อปี 2019 และจะเริ่มใช้ที่สวน Rifle Range ในปีนี้ 

เป้าหมายที่แท้จริงของ Rifle Range Nature Park คือการเป็นกันชนสีเขียว หรือ Green Buffer ระหว่างพื้นที่อยู่อาศัยกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและธรรมชาติ Bukit Timah

Rifle Range Nature Park เปลี่ยนเหมืองเก่าให้เป็นสวนใหม่ในสิงคโปร์ โชว์ว่าคนและธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างไรในอนาคต
Rifle Range Nature Park เปลี่ยนเหมืองเก่าให้เป็นสวนใหม่ในสิงคโปร์ โชว์ว่าคนและธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างไรในอนาคต

เมื่อประเทศเติบโต เมืองย่อมขยายตาม แน่นอนว่าวันหนึ่งคงมีคนหัวใส คิดโครงการที่กินพื้นที่ป่าในอนาคต

สวนนี้มีส่วนช่วยปกป้องความเจริญจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ ไม่ให้รุกล้ำธรรมชาติจนเกินงาม

เมื่อป่ายังมี สัตว์และพืชจึงยังอยู่   

แต่โครงการแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าประเทศไม่เห็นความสำคัญของธรรมชาติ 

ในงานเปิดสวน รองนายกรัฐมนตรี Lawrence Wong มาร่วมงาน เขาพูดกับสื่อมวลชนช่วงหนึ่งว่า พื้นที่สีเขียวแบบ Rifle Range สำคัญมากต่อเมือง ในช่วงโควิด คนสิงคโปร์มาเที่ยวสวนและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเยอะมาก 

Rifle Range Nature Park เปลี่ยนเหมืองเก่าให้เป็นสวนใหม่ในสิงคโปร์ โชว์ว่าคนและธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างไรในอนาคต
Rifle Range Nature Park เปลี่ยนเหมืองเก่าให้เป็นสวนใหม่ในสิงคโปร์ โชว์ว่าคนและธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างไรในอนาคต

ต้นไม้ช่วยเยียวยาจิตใจ นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่สวนไหนที่มีความหลากหลายทางสายพันธุ์ คนไปแล้วจะรู้สึกอยากดูต่อ ศึกษาต่อ ช่วยให้คนหันเหความหนักใจจากโรคระบาดไปเรียนรู้ธรรมชาติ 

ไม่เกินจริงเลยถ้าจะบอกว่าสิงคโปร์รอดจากโควิดได้ ส่วนหนึ่งเพราะพื้นที่สีเขียวช่วยไว้

ถ้าเรามองป่าเป็นแค่ป่า สวนเป็นแค่สวน สิ่งดี ๆ คงไม่เกิดขึ้น

พื้นที่ไหนมีความหลากหลายทางสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ควรรักษาไว้ อย่างน้อยมันพิสูจน์แล้วว่าช่วยชีวิตคนได้

คนและธรรมชาติไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงข้ามกัน เราอยู่ร่วมกันได้ ถ้าคิดให้เยอะพอ

เหมือนที่สิงคโปร์ทำให้เห็นผ่านสวนนี้

ข้อมูลอ้างอิง
  • www.channelnewsasia.com/singapore
  • thelongnwindingroad.wordpress.com/tag/sin-seng-quarry
  • thesmartlocal.com/read/rifle-range-nature-park
  • www.nparks.gov.sg/gardens-parks-and-nature

Writer & Photographer

ศิวะภาค เจียรวนาลี

ศิวะภาค เจียรวนาลี

บรรณาธิการที่ปั่นจักรยานเป็นงานหลัก เขียนหนังสือเป็นงานอดิเรก