18 พฤศจิกายน 2021
7 K

10 ปีก่อน วงการบันเทิงไทยได้รู้จักนักแสดงหน้าใหม่ ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส นางเอกภาพยนตร์เรื่อง คู่กรรม ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 17 ปี และอาจเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีเชื้อสายหลากหลายมากที่สุด จากพ่อที่มีเชื้อสายไทย ฟิลิปปินส์ สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ สเปน แม่ที่มีเชื้อสายจีนและชนเผ่าลาหู่

ริชชี่ออกสตาร์ทในวงการบันเทิงด้วยเส้นทางขรุขระ กับคำวิจารณ์ด้านลบที่ส่งเสียงดังในโลกออนไลน์อยู่หลายปี รวมถึงกระแสดราม่าที่มักจะเป็นแพ็กเกจเสริมของอาชีพนักแสดง

ไม่เพียงริชชี่จะไม่ค่อยออกมาพูดถึงตัวเองเท่าไร เธอยังเดินหน้าทำงานโดยใช้ Mindset เดียวกับกีฬาแบดมินตันที่เธอรัก นั่นคือการฝึกฝนและทำงานหนัก ซึ่งคำชื่นชมต่างๆ และความรักจากแฟนคลับมากมายในวันนี้ คงพอบอกถึงผลลัพธ์ได้เป็นอย่างดี

นอกจากบทบาทนักแสดง วันนี้คุณจะได้รู้จักริชชี่ในแง่มุมอื่นๆ ทั้งในฐานะลูกสาวที่ไม่ว่าพูดถึงเรื่องอะไร ก็มักจะมีความรักของแม่ซ่อนอยู่ในนั้น และความฝันอื่นๆ เช่น การเป็นมิชชันนารี เผยแผ่ศาสนาคริสต์

รวมถึงการย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ดอยปู่หมื่น อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิดที่เธอภูมิใจ อีกทั้งอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่า เธอมีเชื้อสายชาวลาหู่และบ้านที่งดงามเพียงใด

10 ปีในวงการ บ้าน และความฝันบนภูเขาของ ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส

จำเด็กผู้หญิงที่ให้สัมภาษณ์สื่อครั้งแรกในฐานะ ‘อังศุมาลิน’ เมื่อ 10 ปีก่อนได้ไหม ในวันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนั้นอายุสิบเจ็ดปีเองค่ะ (ยิ้ม) จำได้ว่า พี่ณเดชน์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) พยายามช่วยตอบคำถามให้ เพราะเรายังเด็กมาก ไม่รู้ว่าต้องคุยหรือตอบอย่างไร ก่อนเจอพี่ๆ นักข่าวก็ต้องเทรนเพื่อเรียบเรียงความคิดให้ดี

ตอนเล่น คู่กรรม โดนวิจารณ์เยอะ แต่พอมองย้อนกลับไป เราเห็นเด็กผู้หญิงอายุสิบเจ็ดปี ซึ่งเราในวันนี้แสดงแบบนั้นไม่ได้ เป็นแววตาของเด็กที่ไม่รู้อะไรเลย ซึ่ง พี่เรียว (กิตติกร เลียวศิริกุล-ผู้กำกับ) บอกว่าต้องการสิ่งนั้น เป็นอังศุมาลินในแบบที่เขาตีความ พอกลับไปดูภาพยนตร์ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นตัวเรานะ เพราะไม่ได้เป็นคนแบบในหนังเลย ตอนนั้นเวิร์กชอปหนักมาก ทีมงานปั้นจนเป็นคาแรกเตอร์นั้น ซึ่งเราภูมิใจนะ

ในวันนี้ เด็กผู้หญิงคนนั้นเติบโตขึ้นแค่ไหนแล้ว

โตขึ้นนะ อังศุมาลินมีชีวิตของเขา ในขณะที่เราก็โตขึ้น เจอความท้าทายใหม่ๆ รวมถึงกระแสดราม่าที่ไม่คิดว่าจะเจอ ซึ่งทั้งหมดเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราเข้มแข็ง จากสมัยเด็กๆ เวลาเจอปัญหา แม่จะช่วยจัดการให้ตลอด แต่พอโตขึ้นก็เรียนรู้จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพื่อที่คนรอบข้างจะได้ไม่ต้องรู้สึกกังวลไปด้วย

10 ปีในวงการ บ้าน และความฝันบนภูเขาของ ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส

ช่วงปีแรกๆ ในวงการบันเทิง คุณโดนวิจารณ์เรื่องการแสดงค่อนข้างเยอะ อะไรที่ผลักดันให้สู้ต่อ

จริงๆ ไม่เคยท้อเลยนะ อาจเพราะไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดียเยอะ แต่รู้ว่ามีคอมเมนต์ เช่น ริชชี่เล่นแข็ง หรืออะไรก็ตาม แต่เราฝึกตัวเองเหมือนนักกีฬา คิดเสมอว่าอะไรที่ตั้งใจ จะพยายามทำให้ได้ และเป็นเรื่องปกติที่เวลาทำงานก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ สิ่งสำคัญคือเป้าหมายที่ตั้งใจจะเป็นคาแรกเตอร์นั้นให้ดีที่สุด อยากให้คนดูรู้สึกว่าเราทำได้ จึงพยายามต่อไปเรื่อยๆ ไม่เคยคิดว่าจะไม่สู้ ไม่อดทน หรืออยู่ในวงการบันเทิงไม่ได้

เป้าหมายที่อยากให้คนดูรู้สึกว่าทำได้ ตอนนี้น่าจะได้แล้ว

คิดว่าทำได้แล้วนะคะ ต่อจากนี้คืออยากทำให้แฟนคลับและคนที่สนับสนุนมาตลอด ได้เห็นผลงานการแสดงที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

การแสดงสอนเราหลายอย่าง เป็นสิ่งที่เราไม่ได้ทำในชีวิตจริง และไม่เคยรู้สึกว่าทำไมต้องทำแบบนั้น แต่พอสวมบทบาทนั้นๆ เรากลับเข้าใจความคิดของตัวละคร และพอได้เล่นบทที่หลากหลาย ทั้งด้านดี และไม่ดี ก็ทำให้เข้าใจมนุษย์มากขึ้น อย่างตอนเด็กๆ เคยคิดว่าทำไมคนถึงพูดไม่ดีหรือทำร้ายคนอื่น แต่การแสดงสอนให้รู้ว่า ทุกคนล้วนมีเหตุผลในมุมของตัวเอง

ส่วนไหนในการแสดงที่สนุกที่สุด

ชอบตอนเข้าฉาก ทุกครั้งที่ผู้กำกับนับถอยหลัง 5 4 3 เราจะทิ้งทุกอย่างที่เป็นตัวเองเพื่อเป็นตัวละคร ฉากนี้คือบ้านของเรา เป็นสถานที่ที่เราใช้ชีวิตอยู่ ไม่มีใครดึงเราออกจากตรงนั้นได้ จนผู้กำกับสั่งคัต แล้วถ้านักแสดงที่เล่นด้วยเชื่อเหมือนกันว่า เขาคือตัวละครนั้นจริงๆ จะรู้สึกสนุกมาก

อย่างเรื่องล่าสุด ‘พระจันทร์แดง’ (ช่อง ONE 31 ออกอากาศ วันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น.) เล่นกับ พี่โตโน่ (ภาคิน คําวิลัยศักดิ์) ซึ่งเขาทำการบ้านดีมากๆ เวลาเข้าฉากด้วยกัน เราเชื่อเลยว่าเขาคือตัวละครนั้นจริงๆ มันคือความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในฉาก จนอยากอยู่ในซีนนั้นนานๆ โดยไม่ต้องคิดว่าจะทำอะไรต่อ

10 ปีในวงการ บ้าน และความฝันบนภูเขาของ ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส

ถ้าวันหนึ่งไม่ได้เป็นนักแสดง เห็นตัวเองทำอะไร

เคยคิดตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นมิชชันนารี (ยิ้ม) เรานับถือศาสนาคริสต์ อยากเผยแผ่คำสอนต่างๆ แต่ละครก็ช่วยปลอบประโลมจิตใจของคนได้เหมือนกันนะ เช่น การทำสิ่งนี้จะส่งผลต่ออนาคตอย่างไร อย่างเราชอบดูหนังตั้งแต่เด็ก พอเห็นตัวละครทำสิ่งไม่ดี ก็ไม่อยากทำตาม เหมือนได้มองชีวิตผ่านละคร โดยไม่ต้องทำสิ่งนั้นเอง

อีกความฝันคือการเป็นนักกีฬาแบดมินตัน แต่เราเป็นนักกีฬา รู้ว่าถ้าจะไปต่อต้องฝึกหนักมาก ซึ่งด้วยอายุและหลายปัจจัย ถ้าจะกลับไปเล่นจริงจังก็เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ ตอนนี้จึงคิดแค่การสร้างสนาม และสร้างทีม เพราะพ่อกับพี่สาวก็เป็นโค้ชสอนแบดมินตันอยู่แล้ว

วันที่ไม่ต้องทำงาน ผู้หญิงคนนี้ทำอะไร

นอนค่ะ (หัวเราะ) ถ้าอยู่กรุงเทพฯ จะอยู่แต่คอนโดฯ ออกกำลังกายในฟิตเนส อย่างช่วงโควิด-19 ที่มีการปิดเมือง ทุกคนต้องอยู่บ้าน แต่นั่นคือชีวิตประจำวันของเราอยู่แล้ว เพราะปกติไม่ค่อยได้ออกไปไหน ใช้ชีวิตเหมือนกักตัวตลอดเวลา (หัวเราะ) ช่วงที่ไม่มีถ่ายละครก็กลับไปอยู่เชียงใหม่ ถ้าจะรู้สึกแปลกก็เพราะออกไปตีแบดมินตันกับครอบครัวไม่ได้เหมือนเดิม

เรากลับเชียงใหม่บ่อยมาก อาจเพราะแม่เคยเล่าว่าคุณตาเสียตั้งแต่แม่เด็กๆ ถ้าได้อยู่ด้วยกันเยอะกว่านี้คงดี เราจึงกลัวอยู่ตลอดว่าจะไม่ได้ใช้เวลากับคนที่รัก จึงพยายามอยู่กับครอบครัว ไม่อยากไม่ทำอะไรที่จะทำให้เสียใจทีหลัง ถ้าวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นจริงๆ จะได้บอกตัวเองได้ว่า ทำดีที่สุดแล้ว

กลับเชียงใหม่บ่อยแค่ไหน

เมื่อก่อน ถ้ากองถ่ายนัดแปดโมงเช้า จะเลือกไฟลต์บินจากเชียงใหม่เช้าสุดตอนตีห้า ทำงานจนถึงสี่ทุ่ม ก็จะก็บินกลับตอนห้าทุ่ม เป็นแบบนี้ทุกคิวเลยค่ะ ตอนนั้นยังไม่มีบ้านที่กรุงเทพฯ พักอยู่กับ พี่เอ (ศุภชัย ศรีวิจิตร) แต่ก็อยากกลับบ้านตลอด ไม่คิดถึงเรื่องเงินเลย จนโดนทักว่าบินขนาดนี้ ค่าละครเหลือไหม (หัวเราะ)

สำหรับเรา เชียงใหม่คือบ้าน ถึงแม้ตอนนี้จะซื้อคอนโดฯ ที่กรุงเทพฯ แล้ว แต่ถ้าไม่ทำงานก็อยากกลับเชียงใหม่ มีคนเคยบอกว่าทำงานเก็บเงินแล้วซื้อบ้านที่กรุงเทพฯ สิ แต่เราอยากกลับไปซื้อที่ สร้างบ้าน ทำสนามแบดมินตันที่เชียงใหม่ และอยู่กับครอบครัวมากกว่า

สมัยเด็กๆ เรามีเป้าหมายเดียวคือ อยากใช้ชีวิตเพื่อให้ความรักกับแม่ ทำอะไรก็ได้ให้แม่มีความสุข แม่อยากเห็นเราได้แชมป์แบดมินตัน ก็พยายามทำจนสำเร็จ ตอนนั้นแม่ดีใจมากกว่าเราอีก

10 ปีในวงการ บ้าน และความฝันบนภูเขาของ ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส
10 ปีในวงการ บ้าน และความฝันบนภูเขาของ ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส

เคยบอกเรื่องนี้กับแม่ไหม

แม่รู้ค่ะ (ยิ้ม) ตอนเด็กๆ แม่เคยอยู่โรงเรียนประจำ เลยไม่ค่อยผูกพันกับครอบครัวเท่าไหร่ พอมีลูกจึงทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้พวกเรารู้สึกแบบนั้น จนเราได้รับความรักจนเต็มแล้ว และอยากทำแบบนั้นให้แม่บ้าง

พูดถึงความรัก แล้วความรักกับ ก็อต อิทธิพัทธ์ เป็นอย่างไรบ้าง

ก็อตทำให้เราโตขึ้น ทั้งที่อายุน้อยกว่า แต่มีความเป็นผู้ใหญ่มาก ก็อตทำงานโดยมีเป้าหมายอยากดูแลครอบครัว ซื้อบ้าน เพื่อให้แม่กับน้องมีชีวิตที่ดี ในขณะที่ก่อนหน้านี้เรามองตัวเองเป็นลูกน้อยของแม่ตลอดเวลา ส่วนแม่ก็ไม่เคยบอกให้ทำอะไรให้ เพราะมองว่ามีหน้าที่ดูแลลูก แต่พอรู้จักก็อต ทำให้เราอยากเป็นฝ่ายดูแลแม่บ้าง ไม่ได้เป็นแค่ลูกที่ทำให้แม่รู้กังวลหรือเป็นห่วงอย่างเดียว

ในขณะที่ก็อตก็เคยบอกว่า เวลามีปัญหา เราคือผู้รับฟังที่ดี เราทั้งคู่จึงเป็นเหมือนทีมที่คอยสนับสนุนและแชร์สิ่งดีๆ ให้แก่กัน

ก่อนสัมภาษณ์วันนี้ เราคุยกันนอกรอบถึงดอยปู่หมื่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดที่คุณรู้สึกภูมิใจมาก

ที่นั่นคือจุดเริ่มต้นของครอบครัวฝั่งคุณแม่ค่ะ เป็นดินแดนที่สวยงาม มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ผู้คนน่ารัก แต่สมัยก่อนแม่ก็เคยเจอคำดูถูกว่าเป็นแม้ว เราไม่รู้ว่าเขาพูดเล่นหรือแค่หยอกล้อ แต่มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งที่การเกิดที่นั่นไม่ใช่เรื่องน่าอาย ยิ่งพอเรารู้เรื่องราวของครอบครัวว่า คุณทวดเคยช่วยปกป้องชายแดนไทย และได้รับยศทางทหารว่า ‘หมื่น’ ชาวบ้านจึงเรียกว่า ‘ปู่หมื่น’ และดอยนั้นจึงถูกเรียกว่า ‘ดอยปู่หมื่น’ พอฟังแล้วรู้สึกว่าเท่จะตาย ครอบครัวเราปกป้องชายแดนเลยนะ แถมคนยังตั้งชื่อดอยตามชื่อคุณทวดอีก

พอรุ่นคุณตาเป็นชาวจีนอพยพ มาเจอลูกสาวของปู่หมื่น ก็แต่งงานกัน มีลูกคือแม่และพี่น้องรวม สิบเอ็ดคน ในยุคนั้นคุณตาได้ช่วยผลักดันให้คนในพื้นที่เปลี่ยนจากปลูกฝิ่นเป็นต้นชา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำแบบนั้น เพราะมีคนรู้สึกว่าตาไปขัดผลประโยชน์ ทำให้เกิดการกวาดล้าง ยิงต่อสู้กันเหมือนในหนัง แล้วคุณตาก็เสีย เราฟังเรื่องนี้เหมือนเป็นตำนานตั้งแต่สมัยเด็กๆ และภูมิใจที่ได้บอกว่าเราคือส่วนหนึ่งของที่นั่น

10 ปีในวงการ บ้าน และความฝันบนภูเขาของ ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส

เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวชาวลาหู่

(พยักหน้า) หลายคนคิดว่าริชชี่เป็นลูกครึ่งฝรั่ง ซึ่งใช่ค่ะ พ่อมีหลายเชื้อสาย แต่เรารู้สึกว่าฝั่งพ่อไม่ได้ขาดอะไร เขาสมบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว แต่เราทำอะไรให้ฝั่งแม่ได้ อยากบอกคนที่นั่นว่า สิ่งที่เรามีอยู่นั้นมีค่า ทั้งต้นชา รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่นั้นมีความสูงเป็นอันดับสองของประเทศ ถ้าระบบนิเวศข้างบนถูกทำลาย ด้านล่างจะเสียหายตามไปด้วย เราเคยไปคุยกับคนในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งยังมีการทำไร่เลื่อนลอย โดยนำต้นชาไปแจกจ่าย บนนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่อยากให้คนได้รู้และช่วยกัน

ที่ผ่านมามีอาสาสมัครต่างชาติเข้าไปช่วยคุณน้าทำงาน ทั้งสร้างถนน ทำฝายชะลอน้ำ เราก็รู้สึกว่าทำไมมีแต่คนต่างชาติที่ให้ความสำคัญ ทั้งที่เป็นบ้านของเรา ตอนนี้จึงทำโปรเจกต์แบรนด์ชาของตัวเอง และพยายามคิดโครงการที่จะทำให้ชาวบ้านพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งต้องบอกว่าเรายังช่วยได้น้อยมากนะคะ แต่ตั้งใจทำต่อไปให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

ฟังแล้วรู้สึกว่า นี่คือผู้หญิงอีกหนึ่งคน ไม่ใช่แค่ริชชี่ที่เป็นนักแสดง

(ยิ้ม) เวลาอยู่กรุงเทพฯ เรามีงานแสดงที่ต้องตั้งใจ แต่ที่ดอยปู่หมื่น ไม่ใช่แค่ชีวิตเราคนเดียว ยังมีชาวบ้านที่ครอบครัวเราดูแลมาหลายรุ่น การที่เขามารวมอยู่ตรงนั้น เกิดจากคุณทวดไปรวมคนที่กระจัดกระจายจากหลายแห่งมาสร้างหมู่บ้านอยู่ด้วยกัน จะได้ปลอดภัย มีอาชีพ และเราก็ดูแลกันมาตลอด เขาเคยฝากความหวังไว้กับบรรพบุรุษของเรา จึงรู้สึกว่าเป็นหน้าที่เล็กๆ ที่ต้องช่วยพัฒนาพื้นที่นั้นให้ดีขึ้น

ทั้งเรื่องการแสดงและโครงการที่ดอยปู่หมื่น คือเป้าหมายชีวิตที่อยากเดินหน้าไปเรื่อยๆ เราไม่ได้ทำเพราะสนุกหรือมีความสุข และไม่ได้มองว่าสิ่งที่ทำเป็นความทุกข์ เพราะเป็นสิ่งที่เลือกเองทั้งหมด

เราเป็นคริสเตียนที่ถูกสอนอย่างเข้มงวดว่า จะไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่พูดถึงใครไม่ดี เอาจริงๆ เราไม่ค่อยยุ่งกับใครเลยด้วยซ้ำ จะรับฟังเมื่อคนมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ เราแค่เดินไปตามเป้าหมายแล้วอธิษฐานว่า ขอให้พระเจ้านำทางไปยังสิ่งที่ต้องการให้เราทำ

เป้าหมายที่เดินไปอยู่นั้นคือ…

ในฐานะนักแสดง เราอยากทำงานให้ดีขึ้น อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาวงการนี้ เหมือนอย่างที่ต่างประเทศมี Netflix หรือทางเลือกต่างๆ ให้กับคนดู

สำหรับเรื่องการดูแลชาวบ้านที่ดอยปู่หมื่น ก็อยากพัฒนาเรื่องชาและการท่องเที่ยว ไม่ได้อยากเปลี่ยนให้เจริญเป็นเมืองขึ้นนะคะ เพราะที่นั่นสวยงามอยู่แล้ว แต่อยากทำเรื่องถนน ความปลอดภัย และความสะอาด เพราะนักท่องเที่ยวต้องการทั้งธรรมชาติที่งดงามและสุขอนามัยที่ดีด้วย

เรื่องครอบครัว อยากดูแลพ่อกับแม่ให้มากขึ้น ให้เขาได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ เพราะที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตเพื่อเรามาตลอด แม่เคยพูดว่าถ้าไม่มีลูกจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ นั่นคือเขามีความฝันของตัวเอง แต่พอมีลูก ก็เปลี่ยนความฝันทั้งหมดมาทำเพื่อลูกตอนนี้อยากให้เขาได้ลองทำตามฝันของตัวเองบ้าง และเราจะช่วยสนับสนุนเต็มที่

สนทนากับ ‘ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส’ หญิงสาวที่ตกหลุมรักการแสดง และภูมิใจที่ได้บอกว่า เธอมีเชื้อสายชนเผ่าลาหู่

Writer

Avatar

ปารัณ เจียมจิตต์ตรง

นักเขียนใส่แว่นที่ตกหลุมรักเรื่องราวในชีวิตของผู้คน ผ่านการพูดคุยและการฟัง

Photographer

Avatar

เธียรสิน สุวรรณรังสิกุล

ปัจจุบันกำลังหัดนอนก่อนเที่ยงคืน