Mr. Sunshine

미스터 션샤인

ประเภท Historical, Romance and Melodrama
ประเทศ South Korea
ผู้กำกับ Lee Eung-bok
ผู้เขียนบทโทรทัศน์ Kim Eun-sook
นักแสดงนำ  Lee Byung-hun, Kim Tae-ri, Yoo Yeon-seok, Kim Min-jung และ Byun Yo-han
ความยาว 24 Episode

หน้าประวัติศาสตร์ที่คนเกาหลีอยากลืมมากที่สุด

ก่อนที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีจะมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขอย่างทุกวันนี้ เกาหลีมีประวัติศาสตร์การก่อตั้งประเทศมาอย่างยาวนานหลายยุคสมัย ตั้งแต่ยุคโชซอนโบราณ เมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาล เข้าสู่ยุคสามก๊กเกาหลีใน ค.ศ. 313 เรื่อยมาจนถึงยุคอาณาจักรโกคูรยอ ค.ศ. 918 ก่อนจะถูกโค่นล้มโดยราชวงศ์โชซอนใน ค.ศ. 1392

คาบสมุทรเกาหลีอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์โชซอนยาวนานกว่า 500 ปี เป็นเวลาเดียวกับช่วงที่อาณาจักรอยุธยาเรืองอำนาจถึงจุดสูงสุด ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 อาณาจักรโชซอนมีความขัดแย้งกับชาติตะวันตกโดยเฉพาะเรื่องคริสต์ศาสนา และความแตกแยกในหมู่ขุนนาง ทำให้จักรวรรดิญี่ปุ่นยึดอำนาจ ปกครองอย่างกดขี่ข่มเหง ล้มล้างระบอบกษัตริย์และราชวงศ์โชซอนอันยาวนานในที่สุด

Mr. Sunshine เล่าเรื่องราวช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ก่อนที่โชซอนจะถูกยึดครองอย่างสมบูรณ์จากญี่ปุ่น เวลานั้นโชซอนตกอยู่ในความระส่ำระส่ายและวุ่นวาย จาก 2 ประเทศมหาอำนาจคือสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ที่เข้ามาแทรกแทรงการปกครองจากทั้งภายนอก และกบฏภายในราชสำนัก

นับเป็นซีรีส์เรื่องแรกๆ ที่สร้างอิงประวัติศาสตร์ช่วงที่คนเกาหลีอยากลืมมากที่สุด เพราะทุกคนรู้ดีว่าช่วงเวลาหลังจากที่ญี่ปุ่นได้ผนวกเกาหลีเป็นดินแดนของตน ตามสนธิสัญญาการวมญี่ปุ่น-เกาหลี (ซึ่งสนธิสัญญานี้เป็นที่ยอมรับของญี่ปุ่นเพียงฝ่ายเดียว) ญี่ปุ่นได้สร้างบาดแผลและความคับแค้นใจไว้กับชาวเกาหลีมากมาย จนถึงปัจจุบันก็ยังคงไม่สามารถสมานรอยร้าวเหล่านั้นได้อย่างสนิทใจ

โดยจักรวรรดิญี่ปุ่นพยายามลบล้างความเป็นชาติของเกาหลีด้วยการห้ามสอนประวัติศาสตร์และภาษาเกาหลีในโรงเรียน วัฒนธรรมเกาหลีถือเป็นสิ่งต้องห้ามและผิดกฎหมาย หนังสือประวัติศาสตร์เกาหลีถูกทำลายทิ้งจนแทบสิ้นซาก แม้แต่หนังสือพิมพ์ยังถูกห้ามตีพิมพ์ด้วยภาษาเกาหลี

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากผู้ชายเกาหลีจะถูกบังคับให้ร่วมรบในนามฝ่ายอักษะกับจักรวรรดิญี่ปุ่นแล้ว หญิงสาวชาวเกาหลีจำนวนมากยังถูกบังคับไปเป็นเครื่องสนองตัณหาของเหล่าทหารญี่ปุ่นในช่วงสงคราม

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ฝ่ายอักษะพ่ายแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตร สหรัฐอเมริกาเคลื่อนกำลังเข้าควบคุมภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ส่วนสหภาพโซเวียตก็เข้าควบคุมภาคเหนือ ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ โดยมีเส้นขนานที่ 38 เป็นตัวแบ่ง ก่อนจะยืดเยื้อเป็นสงครามเกาหลี ที่กินระยะเวลานานถึง 4 ปี และจบลงด้วยข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ ค.ศ. 1953

จนถึงปัจจุบันเส้นขนานที่ 38 ยังคงเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้

กรอบแน่นหนาที่เรียกว่าชนชั้นทางสังคม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Mr. Sunshine คือช่วงรอยต่อความเปลี่ยนแปลงในหน้าประวัติศาสตร์ ที่นำไปสู่ความบอบช้ำยาวนานหลายทศวรรษของชาวเกาหลี เล่าผ่าน 5 ตัวละครหลัก ผู้มีปูมหลังและบาดแผลในจิตใจที่ต่างกัน

เนื้อเรื่องแทบทั้งหมดในซีรีส์ดำเนินผ่านความขัดแย้ง ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งของอุดมการณ์ และความรักต่างชนชั้นที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย เมื่อแนวคิดชาตินิยมและอนุรักษ์นิยมยังคงเป็นแนวคิดหลักในอุดมคติที่ได้รับการยอมรับของผู้คนในยุคนั้น

ครบสูตรซีรีส์โรแมนติกดราม่าเชิงประวัติศาสตร์ ที่พาให้คนดูเสียน้ำตากันได้ง่ายๆ

ยูจีน ชเว พระเอกของเรื่อง คือลูกทาสชาวเกาหลี ผู้หนีการตามล่าหมายเอาชีวิต ไปพร้อมกับเรือรบอเมริกัน เขาต่อสู่อย่างยากลำบากอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาหลายปี จนในที่สุดก็ได้เข้าเป็นทหารในกองทัพ ได้รับสัญชาติ และกลายเป็นคนอเมริกันโดยสมบูรณ์

30 ปีต่อมา โชคชะตานำพาให้เขาต้องคืนสู่แผ่นดินเกิดอย่างโชซอนอีกครั้ง เขามีสถานะเพียงทาสต่ำต้อยคนหนึ่งเมื่อจากไป แต่ครั้งนี้เขากลับมาในฐานะผู้บังคับบัญชาแห่งกองทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯ พ่วงด้วยตำแหน่งรักษาการกงสุล สถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำโชซอน

ซีรีส์ค่อยๆ คลี่ให้เห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมในโชซอน จากการแบ่งชนชั้นวรรณะและระบบไพร่ทาสที่ดำเนินมาอย่างเดิมตลอด 30 ปีที่พระเอกหนีไปสู่ดินแดนแห่งเสรีภาพอย่างสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ความเสมอภาคของระบอบประชาธิปไตยมอบโอกาสและชีวิตใหม่ให้กับยูจีน ชเว อย่างตรงไปตรงมา ชนชั้นล่างของโชซอนยังคงมีความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นเช่นเดิม คือไร้ซึ่งปากเสียงและสิทธิใดๆ ในสังคม ทำได้เพียงก้มหน้ารับโชคชะตาที่ชนชั้นปกครองมอบให้เท่านั้น

ต่างอุดมการณ์ ต่างวิถีทางความคิด

โกแอชิน คุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ผู้เพียบพร้อม เธอคือลูกสาวคนเดียวของสองนักสู้เพื่อเสรีภาพผู้ทำการปฏิวัติล้มเหลวและถูกสังหาร แม้จะถูกเลี้ยงดูมาอย่างนกน้อยในกรงทองของตระกูลขุนนนางปราชญ์เก่าแก่ แต่สายเลือดเสรีชนที่เข้มข้น ทำให้เธอแอบติดตามข่าวสาร สังเกตความเป็นไปของโลกแห่งความเป็นจริงอันโหดร้ายภายนอกกรงทองของเธออยู่เสมอ

ไม่เพียงความรอบรู้เท่านั้น แต่เธอเป็นหนึ่งในขบวนการต่อต้านการยึดครองประเทศ และเป็นนักแม่นปืนมือฉกาจที่มักลอบออกไปผดุงความยุติธรรมในเงามืด ใช้กระสุนนัดแล้วนัดเล่าสังหารคนชั่วที่หวังผลประโยชน์จากโชซอนแผ่นดินที่เธอรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนที่เข้าไปพัวพันกับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งในเวลานั้นยังไม่แน่ชัดว่าทั้งสองประเทศมหาอำนาจเข้ามาด้วยเป้าหมายใด

มิตรหรือศัตรู

โกแอชินเป็นตัวละครที่มีความขัดแย้งในตัวสูงมาก เธออ่อนโยนแต่ก็มีความขบถในตัว เธอปกป้องประเทศชาติ ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ แต่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอุดมการณ์เหล่านั้นทำไปเพื่อใคร ความสับสนในจิตใจของเธอเหมือนอาณาจักรโชซอนในช่วงเวลาดังกล่าวไม่ผิดเพี้ยน คือระส่ำระสาย เต็มไปด้วยความสับสน ไร้ที่พึ่งพาและไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะนำพาไปสู่ทิศทางใด

“ประเทศแห่งนี้ที่คุณกำลังปกป้อง มันเพื่อใครกัน เพื่อชนชั้นสูงหรือชีวิตที่ดีขึ้นของเหล่าทาส” ยูจีน ชเว เอ่ยถามโกแอชินในวันที่เขาสารภาพว่าตัวเองมีสถานะทางสังคมเป็นเพียงทาสคนหนึ่ง ก่อนจะจากโชซอนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน

โกแอชินไม่ตอบ เพราะแม้เธอจะโหยหาเสรีภาพและเป็นหนึ่งในขบวนการกู้ชาติเกาหลี แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็มีอุดมการณ์ชาตินิยมและอนุรักษ์นิยมเป็นแรงขับเคลื่อน จึงอาจกล่าวได้ว่าเธอปกป้องโชซอนเพื่อชนชั้นสูง ซึ่งเป็นกลุ่มอภิสิทธิ์ชนในโชซอน และหนึ่งในนั้นคือผู้เข่นฆ่าครอบครัวของยูจีน ชเว เป็นเหตุให้เขาต้องระหกระเหินพลัดถิ่นไปไกลข้ามทวีป

ดังนั้น แม้ทั้งคู่ตกหลุมรักกันและกัน เป็นความรักหอมหวานที่เต็มไปด้วยความอารมณ์และความรู้สึก แต่เมื่อมองความเป็นจริงแล้ว ทั้งคู่จึงเหมือนยืนอยู่คนละฟากฝั่งหน้าผา

ทุกอย่างล้วนมีความขัดแย้งในตัวเอง

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ซีรีส์เรื่องนี้ขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยความขัดแย้งมากมาย แต่ในความขัดแย้งเหล่านั้น ซุกซ่อนรายละเอียดที่งดงามและเก๋ไก๋แปลกตาไว้ในเวลาเดียวกัน

เนื่องจากเหตุการณ์ในซีรีส์เรื่องนี้เป็นช่วงที่โชซอนมีผู้คนมากมายหลากหลายเชื้อชาติหลั่งไหลเข้ามา ดังนั้น คนดูจะได้เห็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกของชาติมหาอำนาจอเมริกา และวัฒนธรรมตะวันออกของจักรวรรดิญี่ปุ่น ในฉากหลังของอาณาจักรโชซอน ทั้งในแง่สถาปัตยกรรม เครื่องแต่งกาย และวิถีชีวิต

หากคุณเคยเห็นภาพการใส่ชุดสูทสากลกับโจงกระเบนของหนุ่มสยามสมัยรัชกาลที่ 5 ในซีรีส์เรื่องนี้คุณจะได้เห็นความเท่ของหนุ่มโชซอนในสูทสุดโก้กับชุดฮันบก

คุณจะได้เห็นการเปิดรับอาหารและเครื่องดื่มแบบตะวันตกเข้ามาในโชซอน ผ่านภาพหนุ่มสาวเกาหลี หน้าตี๋หน้าหมวยยกกาแฟขึ้นจิบ พร้อมรับประทานบาแก็ตต์ในโรงแรมสไตล์เรอเนสซองซ์ที่มองเผินๆ นึกว่าตั้งอยู่ที่ปารีส

จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวัฒนธรรมบางอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบันมีรากเหง้ามาจากการแผ่ขยายอาณานิคม การค้าขายข้ามทวีป และการแลกเปลี่ยนภูมิปัญญาของอารยธรรมที่แตกต่างกันในสมัยก่อน

หลังอดหลับอดนอน ดูซีรีย์ย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์เรื่องนี้มาจนใกล้จะถึงตอนอวสาน เรากล้าพูดได้เต็มปากว่า นี่คือซีรีย์ที่กลมกล่อมและงดงามที่สุดเรื่องหนึ่ง ที่เคยถูกสร้างในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และซีรีย์เกาหลี 

บางตัวละครมีอยู่จริงในหน้าประวัติศาสตร์ จึงถือเป็นเรื่องราวที่ละเอียดอ่อนสำหรับชาวเกาหลีอย่างมาก แต่ทีมเขียนบทก็สามารถบอกเล่าออกมาได้อย่างมีมิติ เห็นที่มาที่ไปและเข้าใจเหตุผลในการกระทำของตัวละครนั้นๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะอุดมการณ์ หรือไม่มีทางเลือกเนื่องจากสถานการณ์บีบบังคับ

โปรดักชันภาพสวยงามละเมียดละไม เป็นการจำลองบ้านเมืองในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ออกมาได้อย่างสมจริงในทั้ง 3 โลเคชัน คือโชซอน นิวยอร์ก และโตเกียว จังหวะในการเรียบเรียงภาพ ทำให้แทบหยุดหายใจในบางฉากด้วยความกดดันและบีบคั้นไปพร้อมกับตัวละคร

ที่สำคัญ Netflix ได้ซื้อลิขสิทธิ์ซีรีย์เรื่องนี้ เพื่อนำไปออกอากาศในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ใครยังไม่ได้ดู เราขอแนะนำ เพราะซีรีย์เรื่องนี้มีครบทุกรสชาติทั้งความเข้มข้นในเชิงประวัติศาสตร์ การเมือง และเรื่องรักแสนประณีตละมุนละไมของคนสมัยก่อน ที่จะทำให้คุณดูไป ยิ้มไป และน้ำตาคลอไปพร้อมกัน