Earth: One Amazing Day (เอิร์ธ 1 วันมหัศจรรย์สัตว์โลก)

ภาพยนตร์
ประเภท สารคดี
ประเทศ อังกฤษ, จีน
ผู้กำกับ ริชาร์ด เดล, ปีเตอร์ เว็บเบอร์, ฟาน ลีฉิน
ระยะเวลาสุขใจ 89 นาที
*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์*

Earth: One Amazing Day

ใครชอบดูสารคดีสัตว์โลก ยกมือขึ้น!

บอกก่อนเลยว่าคงไม่เห็นแขนเรียวยาวยกขึ้นเหนือหัวของเราแน่นอน ขึ้นชื่อว่าสารคดีก็คงจะน่าเบื่อสุดๆ พ่วงด้วยสัตว์โลกอีก คงหนีไม่พ้นสัตว์เดินไปเดินมา

ทั้งหมดคือความคิดของเราก่อนกดปุ่มเล่นตัวอย่างหนัง Earth: One Amazing Day ภาพยนตร์สารคดีที่สร้างโดย BBC Earth Films หลังคลิปความยาวไม่ถึง 2 นาทีดีจบลง เคอร์เซอร์เมาส์เลื่อนลงมาหยุดที่สรรพคุณน่าสนใจมากมาย ทั้งถ่ายทำด้วยระบบ 4K บางช่วงก็ถ่ายทำด้วยกล้อง Phantom 4K Flex แถมยังมีโดรน 8 ขา (ที่แอบสงสัยในใจว่าโดรนหรือแมงมุมกันนะ) ยังไม่หมดแค่นั้น สัตว์ที่ถูกถ่ายทำมีมากถึง 38 สายพันธุ์ จากทั้งหมด 22 ประเทศ ใช้เวลาถ่ายทำนาน 3 ปี แต่ไม่มีสัตว์หรือคนบาดเจ็บจากการถ่ายทำเลย

โลก จักรวาล

เอาล่ะ เราตัดสินใจเดินเข้าห้องมืดขนาดใหญ่ ที่ภายในมีเก้าอี้สีแดงกำมะหยี่เรียงเป็นระเบียบ พร้อมจอผ้าขนาดยักษ์ตรงกลางห้อง ไฟในห้องดับลง เป็นสัญญาณเตือนให้เราจัดแจงแก้วน้ำอัดลมขนาดอุ้งมือโอบไม่มิดและกล่องข้าวโพดคั่วรสหวานให้ถูกที่ถูกทาง นั่งตัวตรง พร้อมจดจ่อกับจอตรงหน้า

Earth: One Amazing Day เปิดฉากด้วยพระเอกของเรื่องคือ ‘ดวงอาทิตย์’

Earth: One Amazing Day

ฟังไม่ผิด ดวงอาทิตย์ที่เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ ไม่ใช่ชื่อของคนแต่อย่างใด ที่บอกว่าเป็นพระเอก เพราะว่าหนังดำเนินเรื่องโดยมีดวงอาทิตย์เป็นตัวเชื่อมเรื่องราวทั้งหมด แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของดาวฤกษ์ดวงโตกับสิ่งมีชีวิตแทบทุกสายพันธุ์ เริ่มกันตั้งแต่เช้าตรู่ เช้า กลางวัน บ่าย เย็นและกลางคืน ครบ 1 วันเต็มกับเรื่องราวมหัศจรรย์ของสัตว์โลกหลากหลายสายพันธุ์ทั่วโลก

เป็นเรื่องราวในมุมมองใหม่ที่เราแทบจะไม่เคยเห็นมาก่อน ในเกาะสุดแปลกและป่าแสนประหลาดตา อย่างเกาะปานามาที่มีขนาดเท่ากับเซ็นทรัลปาร์คของนิวยอร์ก

Earth: One Amazing Day นกเพนกวิน

หนังตัดสลับไปมาระหว่างเรื่องราวของสัตว์โลกนานาชนิดว่าในแต่ละช่วงเวลาเกิดอะไรขึ้นกับสัตว์เหล่านั้นบ้าง มีทั้งฉากระทึกขวัญ เมื่อตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าบนเกาะกาลาปากอส เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับลูกอีกัวน่าทะเลที่เพิ่งลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก ซึ่งดูแล้วนี่มันหนังแอ็กชั่นชัดๆ ต่างกันแค่นักแสดงไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน! เรานั่งแทบไม่ติดเบาะ จนถึงถึงฉากดราม่าน้ำตาซึมอย่างฉากที่เราเอาใจช่วยลูกม้าลายที่กำลังข้ามแม่น้ำสีโคลนเชี่ยวกราก โดยมีแม่ม้าลายตัวใหญ่ส่งเสียงฮึดสู้ อย่ายอมแพ้นะลูก! อยู่บนฝั่ง แล้วก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก เมื่อลูกม้าลายตัวนั้นข้ามฝั่งได้สำเร็จ อยากจะลุกขึ้นปรบมือให้จริงๆ

ขอคาราวะทีมถ่ายทำ นักตัดต่อมือดี และเสียงประกอบสุดระทึกใจ

ยีราฟ

นอกจากจังหวะโดยรวมของหนังที่สนุกมาก ภาพและเสียงเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราชอบ เรื่องภาพนั้นทุกอย่างลงล็อกพอดีเป๊ะ อย่างฉากเปิดตัวยีราฟวัยเก๋า ทำให้เรานึกถึงหนังคาวบอยตะวันตกสักเรื่อง การปะทะกันของยีราฟวัยเก๋า (เจ้าถิ่น) และยีราฟหนุ่มไฟแรง เพื่อแย่งกันครองอาณาเขต มุมกล้องทำให้เราเห็นสัตว์คอสูงชะลูดฟาดฟันกันอย่างดุเดือด สลับกันนำสลับกันเป็นรอง และแล้วภาพจำยีราฟแสนน่ารักในสวนสัตว์ของเราก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ส่วนเรื่องเสียง เป็นครั้งแรกที่เราดูหนังโดยไร้เสียงคนโต้ตอบกัน แปลก แต่ก็เพลิดเพลินไปกับเสียงนักพากย์ และเสียงเคาะจังหวะสื่อสารกันของฝูงวาฬสเปิร์ม พร้อมลูกอายุ 1 ปี ที่ร่อนไปทั่วมหาสมุทรสีน้ำเงินเข้ม ทำให้เรารู้ว่าวาฬตัวเบิ้มช่างจ้อเป็นที่สุด

หมีแพนด้า นกฮัมมิ่งเบิร์ด

และไม่ใช่แค่สัตว์โลกน่ารัก หนังยังชวนเราไปสัมผัสธรรมชาติในป่ากว้าง ด้วยการถ่ายทำแบบไทม์แลปส์ ทำให้รู้สึกว่าต้นไม้ก็มีชีวิตนะ เติบโตสูงใหญ่ตอนไหนก็ไม่รู้ เห็นอีกทีลำต้นหนาก็สูงเทียมฟ้าซะแล้ว

แต่สารคดีเรื่องนี้ก็ทำให้เราเห็นในสิ่งที่เราไม่เห็นมาก่อน เปิดโลกการเรียนรู้ยิ่งกว่าเดินเข้าป่าเองเสียอีก

เมื่อแสงสีบนจอผ้าเปลี่ยนจากสิ่งมีชีวิตในป่ายามค่ำคืนเป็นตึกสูงเสียดฟ้า ละลานตาด้วยแสงไฟระยิบระยับฝีมือมนุษย์ เราก็รู้ทันทีว่าหนังเรื่องนี้ใกล้จะจบลง เราเปลี่ยนใจ ขอยกมือสองข้างขึ้นสุดแขน ทุกอย่างผิดคาดจากที่เราคิดไปเสียหมด เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งสุดมหัศจรรย์ ไม่มีแม้แต่ฉากเดียวที่เราไม่ชอบในหนังสารคดีเรื่องนี้  

เราเดินออกจากห้องมืดขนาดใหญ่ด้วยหัวใจสดใสพองโต คันปากยุบยิบอยากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนได้ฟังพร้อมทั้งกดจองตั๋วให้อย่างเร็วพลัน

Writer

สุทธิดา อุ่นจิต

สุทธิดา อุ่นจิต

กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ สู่ ลาดพร้าว - สุขุมวิท , พูดภาษาพม่าได้นิดหน่อย เป็นนักสะสมกระเป๋าผ้า ชอบหวานน้อยแต่มักได้หวานมาก