ในอาเซียนมีโรงงานผลิตแผ่นเสียงแห่งเดียวเท่านั้น

โรงงานที่ว่า ตั้งอยู่ที่ประเทศไทย ย่านกรุงเทพกรีฑานี่เอง

ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแค่ไหน การฟังเพลงผ่านแผ่นเสียงยังคงอยู่ มีผู้ผลิต มีคนฟัง มีศิลปินที่เห็นคุณค่า ทำแผ่นเสียงออกมาวางขายเป็นของพรีเมียมอยู่เสมอ

แม้ Demand จะสูง แต่ Supply ไม่โตตาม ตลาดก็ไม่ได้ใหญ่มาก การผลิตแผ่นเสียงให้มีคุณภาพดีจึงทำกันไม่ง่าย ลงทุนทั้งเครื่องจักร เวลา เพื่อผลิตให้ทันความต้องการ การทำธุรกิจโรงงานแผ่นเสียงจึงไม่ใช่โจทย์ง่าย ว่ากันตรง ๆ หากไม่รัก ก็ไม่น่าทำเท่าไหร่

‘ResurRec.’ คือชื่อของโรงงานผลิตแผ่นเสียงแห่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ในประเทศไทย ก่อตั้งโดย อู่-ไตรเทพ วงศ์ไพบูลย์ และ ป๋วย-สฤษฎ์ นฤขัตพิชัย

ด้วยความหลงใหลในเสียงไพเราะของวัสดุสีดำทรงกลมบางเคลือบเงาวับทั่วพื้นผิว วางลงบนเครื่องเล่น ปักเข็มบรรเลงท่วงทำนองพาเพลินใจ ชักนำให้พวกเขาจับมือกันก่อตั้งธุรกิจที่ใคร ๆ มองว่าไม่สร้างกำไร แต่สร้างความสุขอย่างล้นเหลือแก่ผู้คนที่มีรสนิยมเหมือน ๆ กัน

จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดเริ่มที่ป๋วย 

เขาเคยประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ทำที่พักอยู่ในจังหวัดภูเก็ต และมีงานอดิเรกเป็นดีเจ หลงใหลดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ 

ในช่วงสถานการณ์โลกส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ลูกค้าลดลง ปัจจัยเหล่านี้อยู่นอกเหนือการควบคุม ป๋วยจึงเริ่มหาธุรกิจทางเลือกใหม่ ๆ เขายังอยากทำในสิ่งที่รัก เพื่อจะได้มีความสุขในการทำงาน

หัวใจเขาคิดถึงธุรกิจเกี่ยวกับแผ่นเสียง ทำโรงงานน่าจะดี เขาลองปรึกษารุ่นพี่ในวงการ เล่าไอเดีย รุ่นพี่คนนั้นแนะนำให้ป๋วยรู้จักอู่ เพื่อนและหุ้นส่วนคนสำคัญในปัจจุบัน

เส้นทางแผ่นเสียงของอู่เริ่มจากการทำงานในห้องอัดเพลง บริการหลักคือทำดนตรีและเสียงประกอบภาพยนตร์ ด้วยความที่คลุกคลีในวงการเพลง คลั่งไคล้แผ่นเสียง เมื่อได้มาเจอป๋วย พวกเขาคลิกกันอย่างรวดเร็ว ร่วมหัวจมท้ายทำงานด้วยกันทันที

ความตั้งใจแรกของป๋วย เขาอยากเปิดโรงงานที่ภูเก็ตเพื่อจะได้ทำงานใกล้บ้าน แต่เมื่อโครงการกำลังจะลงมือสร้าง พ่อของป๋วยเบรกไว้เพราะมองว่าทำเลโรงงานอยู่ไกล การขนส่งลำบาก ถ้าลูกค้ามาทำที่ภูเก็ตต้องใช้เวลามากกว่าปกติ สุดท้ายพวกเขาจึงยอมเลือกมาตั้งโรงงานในกรุงเทพฯ เพื่อความสะดวกในการทำงาน

ถ้าธุรกิจยังเล็ก คุณภาพต้องถึงจึงจะอยู่รอด ResurRec. ให้ความสำคัญกับคุณภาพมาก ซึ่งก็ตรงกับจริตของทั้งคู่ ในช่วงเริ่มต้น อู่และป๋วยพยายามหาลูกค้าจากคอนเนกชันทางดนตรีที่มี ทั้งลูกค้าในสายนักดนตรีและค่ายเพลง ลูกค้าที่มาทำเพลงในห้องบันทึกเสียง โชคดีที่โรงงานขนาดเล็กตั้งอยู่ที่เดียวกับ ‘Studio28’ ห้องอัดเสียงคุณภาพที่มีคนดนตรีมากมายมาใช้บริการ 

และถ้าใครสนใจอยากทำแผ่นเสียง แค่เดินลงมาไม่กี่ก้าวก็ถึงโรงงานทันที

ResurRec. ประกาศตัวว่าเป็นโรงงานแผ่นเสียงแบบ ‘Boutique One-stop Service’ 

คำบรรยายนี้บ่งบอกคุณสมบัติเด่นของโรงงาน 2 ข้อ หนึ่ง คือพวกเขาไม่ได้แค่ผลิตแผ่น แต่ยังยินดีเป็นที่ปรึกษาสำหรับคนที่ไม่เคยทำมาก่อน

“ถ้าใครต้องการผลิตแผ่นเสียง เราดูแลให้ตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่การผลิตให้ลูกค้า การหาแหล่งจำหน่าย จนลูกค้ามีความสุขเมื่อได้เลือกทำแผ่นเสียงที่นี่”

ป๋วยและอู่รู้ว่ากลุ่มผู้ฟังแผ่นเสียงในบ้านเรามีไม่มากนัก กลุ่มผู้ผลิตมีไม่มาก และกำไรที่ได้อาจจะไม่ได้เยอะ พวกเขาต้องนำกำไรมาหมุนเวียนลงทุนภายในควบคู่ไปให้ธุรกิจไปต่อได้ 

“บางครั้งเราทำ 300 แผ่นแล้วทิ้งทั้งหมดก็มี แต่ว่ายอม เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดี” พวกเขาเล่า

คุณสมบัติข้อสอง ป๋วยและอู่เนิร์ดแผ่นเสียง พวกเขาทำแผ่นเก่งมาก

ยกตัวอย่าง 1 เรื่อง คือสีของแผ่นเสียง

ในอดีต ทุกแผ่นเป็นสีดำ เสียงที่ได้ยินจากแผ่นเกิดจากการใส่ข้อมูลลงไปตามร่องบนแผ่นพลาสติก เมื่อวางเข็มให้สัมผัสตามร่อง เราจึงได้ยินเป็นเสียงเพลง

เพื่อเสียงที่คมชัด การทำร่องจึงต้องคมชัด แม่นยำ ไม่มีฝุ่นหรือสิ่งที่ไปกีดขวางบนร่องแผ่น การผสมแผ่นด้วยคาร์บอนที่มีสีดำเป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้แผ่นมีเสียงคมชัด และนำไปสู่เสียงรบกวนที่น้อยที่สุด

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทำให้ผสมสีสูตรพิเศษเคลือบบนแผ่นได้โดยที่คุณภาพเสียงยังดีมากอยู่ ResurRec. มีเทคโนโลยีนี้ แผ่นของพวกเขาจึงไม่ได้มีเฉพาะสีดำ แต่ผลิตสีได้หลากหลาย บางแผ่นเปล่งประกายไปด้วยกากเพชรวิบวับ ลบภาพความทรงจำเก่า ๆ ที่ใครต่อใครเคยมองว่าแผ่นเสียงต้องเป็นสีดำเสมอ 

ในเมื่อแผ่นเสียงกลายเป็นของพรีเมียม การตกแต่งเป็นเรื่องสำคัญ การเลือกสีได้เลยกลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้ศิลปินอยากกลับมาใช้บริการ 

พวกเขายกตัวอย่างแผ่นเสียงจากอัลบั้ม Glitter and Smoke ของ วี-วิโอเลต วอเทียร์ 

ศิลปินสาวอยากให้มีสีกากเพชรคล้องกับชื่ออัลบั้ม กากเพชรสีเงินใส่ลงในแผ่นเสียงใสสีชมพู มองเห็นถึงความเปล่งประกายเมื่อสะท้อนกับแสงไฟ ทางโรงงานเลือกใช้กากเพชรแผ่นเรียบบางสุด เพราะถ้าใส่หนาเกินไปจะทำให้แผ่นไม่เรียบ ทางโรงงานเน้นคุณภาพเสียงเป็นอย่างดี โดยตรวจเช็กจากการเปิดฟังทุกแผ่น หากให้เสียงนุ่มนวล ปราศจากเสียงรบกวนแทรกจากเข็มที่ขูดลงบนแผ่น จึงส่งต่อให้ถึงมือลูกค้า

ภายในโรงงานมีกระจกใสกั้นระหว่างห้องผลิตและห้องสำหรับต้อนรับลูกค้า 

ตอนเริ่มสร้าง อู่และป๋วยทำห้องสำหรับต้อนรับลูกค้าไว้เป็นพิเศษ ออกแบบให้ศิลปินมาเล่นคอนเสิร์ตและแสดงโชว์เล็ก ๆ ทุกวันอาทิตย์ ในขณะเดียวกัน เมื่อมองผ่านกระจกใสที่กั้นอยู่ระหว่างอีกห้องหนึ่ง ก็จะเห็นแผ่นเสียงกำลังผลิตอยู่ข้างในไปพร้อมกัน แต่ด้วยความต้องการจะขยายพื้นที่คลังสินค้าจากด้านหลัง ทำให้พื้นที่ห้องด้านหน้าเบียดเสียดไปด้วยคลังแผ่นเสียงวางระเกะระกะอยู่ทั่วห้อง เหลือพื้นที่นั่งอยู่เพียง 3 – 4 ที่ให้นั่งชมแผ่นเสียง พร้อมลุกขึ้นเดินชมห้องผลิตผ่านกระจกใสได้อย่างอบอุ่นเป็นกันเอง

ปัจจุบันอัตราการผลิตขั้นต่ำของ ResurRec. อยู่ที่ 300 แผ่น เดือนหนึ่งผลิตได้ประมาณ 7,000 – 8,000 แผ่น 

การผลิตหวังเพียงคุ้มค่าต้นทุน ค่าเวลา และค่าคนงาน ไม่ได้หวังผลิตเร็วเพื่อผลกำไรก้อนใหญ่ ขอเพียงแค่ไม่ขาดทุนและเติบโตต่อยอดไปได้เรื่อย ๆ อย่างมีคุณภาพก็เพียงพอแล้ว

โรงงานเล็กขนาดนี้ทำยังไงให้ตัวเองรอด

“หัวใจของธุรกิจผม คือมันไม่ควรจะว่างครับ แค่นั้นเอง” อู่และป๋วยเล่าความเชื่ออันแสนเรียบง่าย

ธุรกิจโรงงานผลิตแผ่นเสียงแข่งกันที่ความเร็ว ใครผลิตเร็วกว่าก็ได้ยอด อู่มองว่าพวกเขาเล่นเกมนี้ลำบาก เพราะขนาดโรงงานยังเล็กมาก การเน้นคุณภาพและ Customize ได้จึงตอบโจทย์มากกว่า

โรงงานที่ใส่ใจผลิตแผ่นเสียงคุณภาพออกมาให้ลูกค้าเช่นนี้ ไม่แปลกที่จะเป็นที่บอกต่อกันจากปากต่อปาก เรียกลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง 

ศิลปินรายแรกที่มาใช้บริการโรงงานของป๋วยกับอู่คือ บอย โกสิยพงษ์ นั่นคือแผ่นเสียง Be My World แผ่นเสียงชุดแรกที่ทั้งคู่ผลิตให้กับบอย ซึ่งเป็นโปรเจกต์ร่วมกับ BMW เมื่อปลายปี 2018 นอกจากนั้นยังมีศิลปินและค่ายเพลงติดต่อเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ อีกวงที่น่าสนุกคือ ‘Srirajah Rockers’ นอกจากมาทำแผ่น วงยังขอมาไลฟ์สดร้องเพลงที่โรงงานท่ามกลางเครื่องปั๊มแผ่นเสียงอย่างสนุกสนาน

ResurRec. มีลูกค้าในต่างประเทศไม่น้อย หลายคนบินลัดฟ้ามาตรวจเช็ก ปรับโน่น เปลี่ยนนี่ จนได้แผ่นเสียงที่มีคุณภาพตรงใจลูกค้า ฝั่งอู่และป๋วยก็ได้ความรู้ในการผลิตแผ่นเพิ่มขึ้น พร้อมรับงานระดับท็อปมากขึ้น มีความสุขทั้งตัวลูกค้าเองและผู้ผลิตเอง 

ทั้งคู่มองว่าตลาดเศรษฐกิจและตัวสินค้าเป็นตัวขับเคลื่อนให้ธุรกิจไปต่อได้ โรงงานต้องเป็นเพียงผู้ผลิตสินค้าให้มีคุณภาพมากที่สุด ในประเทศไทย กลุ่มผู้เล่นแผ่นเสียงอาจมีจำนวนไม่มากนัก การเปิดธุรกิจโรงงานแผ่นเสียงจึงอยู่ไม่ได้ด้วยกำไรก้อนใหญ่ แต่อยู่ได้ด้วยความตั้งใจและความสุขของผู้ผลิตเอง

อยู่เพื่อความตั้งใจ ไม่ได้หวังผลกำไรมากมาย สุขทั้งเราและเขา 

เหล่านี้คงเป็นนิยามที่ดีที่สุดสำหรับแผ่นเสียงจากโรงงาน ResureRec. ที่เขาทั้งคู่ตั้งใจผลิต ส่งต่อความสุขผ่านบทเพลงในแผ่นเสียงสู่ลูกค้าและผู้ฟังทุกคน