ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ ไปรับจ้างเก็บองุ่น จนได้ไปเป็นช่างภาพประจำให้ไร่ ได้เรียนรู้ว่าคนเราต่างที่เกิด ต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา แต่แปลก ทำงานด้วยกันได้ที่นี่ และที่แปลกกว่าคือคุยกันรู้เรื่องกว่าพูดภาษาเดียวกันอีก การที่ได้มาอยู่กับดิน มองฟ้า ปล่อยให้ลมหนาวปลอบใจ มันสบายใจกว่าที่คิด ได้สัมผัสความเจ็บปวดของเพื่อนมนุษย์คนละรูปแบบ และได้ซ่อมแซมหัวใจให้กันและกัน 

ฟังเพื่อนร่วมงานเล่าเรื่องการเดินทางหนีตายจากอัฟกานิสถานและสงครามซีเรียจนมาถึงไร่ ทำให้มองปัญหาตัวเองเล็กไปเลย 

มิสบาย้ายมาอยู่ฝรั่งเศสได้ 11 เดือนแล้ว เป็นเพื่อนร่วมงานที่เจ้าของไร่ขอให้ติดรถเนลไปทำงานด้วยกันทุก ๆ เช้า เนื่องจากบ้านเนลและอพาร์ตเมนต์ของมิสบาไม่ห่างกันเท่าไหร่ ในรถของเนลมีชาวอัฟกานิสถาน 2 คน เพื่อนของมิสบา ชาวแอฟริกันหนึ่งคน และหนึ่งสาวชาวซีเรียที่ติดตามสามีมาอยู่ฝรั่งเศสพร้อมกับลูกอีก 3 คน ซึ่งทุก ๆ คนยกตำแหน่งคุณแม่ของกลุ่มให้ เนื่องจากอาวุโสที่สุดในรถ ระหว่างทางเราได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของชีวิต 

มิสบาเล่าว่า ก่อนที่เขาจะมาถึงเกาะใหญ่ฝรั่งเศส เขาได้ใช้เงินเก็บทั้งหมดของเขาแลกกับคิวขึ้นเรือจากอัฟกานิสถาน เงินจำนวน 3,000 ยูโร ตอนที่เขาให้เงินกับนายหน้า เขาเองก็ไม่ได้แน่ใจหรอกว่าเขาจะได้คิวไหม แต่เขาก็ยังคงเลือกที่จะเสี่ยง มันคงไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่ ขณะนั้นข่าวของตาลีบันได้แพร่พอสมควรในประเทศ เขาพยายามออกมาก่อนที่จะออกมาไม่ได้ ญาติ ๆ และพี่สาวยังคงติดอยู่ที่นั่น แต่เขาโชคดีหน่อยที่พูดภาษาอังกฤษได้ เพราะเขาเป็นผู้ชายเลยมีโอกาสไปโรงเรียนทำให้เขียนอ่านขั้นพื้นฐานได้ เขาพยายามเรียนรู้และฝึกภาษาเองก่อนระหว่างรอคิวออกนอกประเทศประมาณ 6 เดือน เขาเป็นคนเดียวในรถที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ และเนลเองก็ทำหน้าที่ล่ามภาษาฝรั่งเศสให้กับเจ้าของไร่และคนอื่น ๆ 

การเดินทางจากอัฟกานิสถานนั้นไม่ง่ายเลย เขาแย่งชิงที่หลับที่นอนบนเรือ อากาศติดลบบ้าง อาหารจำกัดบ้าง เขาเล่าว่าแม่และพี่สาวห่ออาหารสำหรับการเดินทางให้ แต่อยู่ไม่ถึง 3 วันด้วยซ้ำอาหารก็บูดแล้ว เขาก็ฝืนกินจนหมด เขานั่งเรือจนมาถึงสเปน อยู่ที่นั่นสักพักเพื่อเก็บเงิน ทำงานที่โรงแยกขยะจนมีเงินติดตัวประมาณ 800 ยูโร เดินทางต่อด้วยเท้า 15 วันกับเพื่อน ๆ อีก 3 คนจนลอบเข้าฝรั่งเศสได้ กลางวันหลบ กลางคืนเดินทางข้ามป่า ขอติดรถในชนบทเข้าเมืองบ้าง หลบหลีกการถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบ้าง จนในที่สุดข่าวร้ายที่ไม่ได้ทำให้เขาและเพื่อน ๆ ประหลาดใจเท่าไหร่ก็มาถึง 

ตาลีบันยึดประเทศสำเร็จ เขาจึงยื่นขอลี้ภัยในฝรั่งเศส ระหว่างที่รอบัตร ทางรัฐบาลฝรั่งเศสก็ส่งเขาไปเรียน เปิดบัญชีธนาคารสำหรับผู้ลี้ภัย ได้เงินช่วยเหลือจากรัฐเดือนละ 200 ยูโร และห้องเล็ก ๆ 1 ห้อง ผ่านไปได้ 10 เดือน ก็ถูกส่งมาที่เหมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ มิสบาอยากได้บัตรพำนักเพื่อที่จะเดินทางไปประเทศอื่น ๆ ได้ การจะได้บัตรพำนักที่ไม่ใช่บัตรลี้ภัยนั้นไม่ง่าย ต้องใช้เวลา มิสบาอยากไปอังกฤษ เพราะเขารู้สึกว่าภาษาฝรั่งเศสยากเกินไป และเขายังพอมีญาติพี่น้องอยู่ที่นู่นบ้าง เขาจึงมาทำงานที่ไร่แห่งนี้เพื่อเก็บเงิน เจ้าของใจดีทำเรื่องกับรัฐบาลรับผู้ลี้ภัยเข้าทำงาน และที่แห่งนี้ทำให้เรารู้จักกัน

 มิสบาสอนให้เนลเรียนรู้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้นำพาแต่เรื่องน่ารัก ๆ บางครั้งโลกก็ทำร้ายเราเหลือเกิน เขาสอนให้เนลอภัยและใจดีกับตัวเองให้มาก ๆ เพราะโลกข้างนอกโหดร้ายพอแล้ว เราไม่จำเป็นต้องใจร้ายกับหัวใจเราอีกคน ประสบการณ์ครั้งนี้ ทำให้เนลมองปัญหาตัวเองเล็กลงไปเลย โลกใบนี้ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่กำลังต่อสู้เพื่อมีชีวิตรอดต่อไป

Writer & Photographer

Avatar

ณิชามน เนลลี่ ริจนา วิกเตอร์-กิลล์เม่ท์

ย้ายมาอยู่ฝรั่งเศสตั้งแต่อายุ 14 ครึ่ง เป็นเด็กบ้านเรียนรุ่นต้น ๆ จบบรรพชีวินวิทยาด้านแวดล้อม ชอบเดินทาง เขียนหนังสือ ถ่ายภาพ และเป็นล่าม/นักแปลอิสระ ชื่นชอบแมวเป็นพิเศษ