“เราไม่ใช่นักการตลาด เราเป็นนักจินตนาการ เราเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ เราเป็นโปรดิวเซอร์ ถ้ามีคนถามว่า Red Warehouse คืออะไร เราจะตอบเขาว่ามันคือ Believe in Believe กูเชื่อในสิ่งนี้ มีคนเชื่อในสิ่งนี้ เลยเกิดสิ่งนี้”
ลิ้ม-สมชัย ส่งวัฒนา ผู้ก่อตั้งแบรนด์ FLYNOW และเจ้าของอาณาจักรช่างชุ่ย เปิดบทสนทนา

Red Warehouse by FLYNOW โกดังหลังใหญ่ที่มาพร้อมชื่อเสียงเรียงนามสีแดงแรงฤทธิ์ อดีตทำเลฟู้ดคอร์ตของช่างชุ่ยเปลี่ยนบทบาทเป็นพื้นที่ผนึกพลังความคิดสุดสร้างสรรค์อย่างสมศักดิ์ศรีจากคนหลากหลายวงการ
พื้นที่ตรงหน้าไม่ได้เป็น Selected Shop ตามที่มนุษย์ให้คำนิยาม ต้นขั้วความคิดไม่ได้เกิดจากการอยากรวบรวมแบรนด์หลายแบรนด์มาอยู่ด้วยกัน แต่อยากเป็นพื้นที่ที่ให้เมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่งอกอย่างสง่างาม เป็นพื้นที่ที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ เป็นพื้นที่ที่ผนวกเอาปัญญาของคนสมองซีกขวามารวมตัวกันและไขว้ความถนัดจนเกิดความมันที่เกินจะคาดเดา

ความสนุกของที่นี่มีสินค้าให้เลือกช้อปใส่ตะกร้าตั้งแต่ราคาหลักสิบจนถึงหลักแสน การตกแต่งสถานที่ก็ทำเอาเหมือนหลุดมาโลกอีกใบ คลับคล้ายเยือนพิพิธภัณฑ์ก็ไม่เชิง อาร์ตแกลเลอรี่ก็ไม่ใช่ มีทั้งนางกวัก หุ่นอะนาโตมีมนุษย์ ไดโนเสาร์ตัวเบิ้ม ประติมากรรมขยะสุดโก้ ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นของสะสมของเจ้าบ้านช่างชุ่ยที่มีเยอะระดับโกดัง
และอีกสิ่งที่ Red Warehouse by FLYNOW ทำคือการหยิบขยะ (หุ่นลองเสื้อ ไม้แขวนเสื้อ ฯลฯ) จากการปิดช็อป FLYNOW ในห้างสรรพสินค้ากลางกรุงมาคืนชีวิตใหม่ในโกดังสุดเท่แทนที่จะนอนเรียงรายอยู่ก้นถังขยะ
เปิดประตูโกดังแล้วไปตะลุยความสนุกกัน!


พื้นที่ที่ให้คนมาจอยกัน จอยกัน
“เราอยากสร้างนิยามใหม่ด้วยการรวมแฟชั่น ดีไซน์ ครีเอทีฟ อาร์ต มาอยู่ด้วยกัน เป็นความคิดที่เราอยากผนวกเอาคนไทย ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ไม่ว่าเขาจะมารูปแบบไหน ถ้าเขาเหมาะกับ Red Warehouse เรารับฟังหมด
“มีหลายคนที่คนนอกมองไม่เห็นเขา ชีวิตเขาถูกมองด้วยความรู้สึกเหยียดหยามจากสายตาของคนที่ปฏิสัมพันธ์ด้วย แต่เรากลับมองว่าเขาพิเศษมาก เราเชิญเขามาแล้วบอกว่า มึงมีดี มึงลองปล่อยดีของมึงออกมาให้เต็มที่ เรื่องแบบนี้สนุกนะ คนเก่ามาเล่าเรื่องใหม่ คนใหม่เข้ามาแจมด้วย มันจะเกิดผลลัพธ์ที่ครอสกันทุกมิติและเกิดสิ่งใหม่ขึ้นมา
“ซึ่งเราพอจะมีกำลังเรื่องของแบรนด์ เรื่องของพื้นที่ เรื่องของการรวบรวมอุดมการณ์ เราจะทำยังไงให้คนเหล่านั้นเขามีชื่อเสียงร่วมกันกับเรา นั่นอาจจะเป็นเวทีแจ้งเกิดของเขาก็ได้และเราหวังให้เป็นอย่างนั้น” ลิ้มเล่าหัวใจสำคัญ
โกดังสีแดงแรงฤทธิ์หลังนี้สร้างความแตกต่างด้วยการทำงานระหว่างผู้ก่อตั้ง ดีไซเนอร์ และศิลปิน


พื้นที่กว้างตรงหน้ามีตั้งแต่เสื้อผ้าสำหรับสายแฟชั่นจัดจ้าน งามระยับระดับโอต์กูตูร์ สตรีทจนเหลียวหลัง และมีงานศิลปะเข้ามาเชื่อม มีคนดีไซน์เข้ามาโยง มีอาหารเข้ามาข้อง ซึ่งเกี่ยวก้อยกันด้วยรากเหง้าที่มีความหลากหลาย
“คุณมอง Red Warehouse เป็นพื้นที่ทดลองและเรียนรู้หรือเปล่า” เราตั้งข้อสงสัย
“เรามองเป็นพื้นที่ที่ทุกศาสตร์มารวมกัน เริ่มจากคนสมองซีกขวาด้วยกันก่อน ศาสตร์พวกนี้พอเบลนด์เข้าด้วยกันจะเกิดเรื่องราวใหม่ทันที หนึ่ง มันเกิดจากความเชื่อสองความเชื่อมา Compromise กัน สอง เราไม่เลือกวรรณะ จะรวย จะจน จะเล็ก จะใหญ่ เราชอบให้เขามาจับมือกัน ผู้ใหญ่ไม่ได้เก่งกว่าเด็กเสมอไปและเด็กก็ควรเรียนรู้จากผู้ใหญ่ด้วย
“ถ้ามันเกิดการเรียนรู้แบบนั้นขึ้นมาก็ไม่เลว วันหนึ่งเราอาจจะมีทอล์กจากคนหลากหลายวิชาชีพที่ย้อนแย้งกันสุดๆ มาคุยกัน ชวนมาตั้งประเด็นคำถามปลายเปิด แล้วก็ตอบแบบไม่ต้องมีข้อสรุป” เขาตอบเราด้วยน้ำเสียงสนุก

พื้นที่ที่สร้างคนให้มีตัวตน
“นิสัยเราแย่ตรงเป็นคนที่ชอบสร้างคน” ชายวัย 62 เปรย
“เราฟูมฟักทีมมาสามปีสำหรับช่างชุ่ย วันนี้เขารันทุกอย่างแทนเราทั้งหมด เราเป็นโค้ชให้เขาทำในสิ่งที่เขาอยากทำ ช่วยเหลือในสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจหรือยังทำไม่ได้ นั่นคือหน้าที่เรา มันเป็นการเอาปัญญาเขามาแลกเปลี่ยนกับปัญญาเรา และเราต้องรู้จักออมกำลัง สิ่งไหนควรใช้กำลัง สิ่งไหนควรใช้สมอง ถ้าเป็นไปได้ก็ใช้สมองมากหน่อย”
“การสร้างคนมักมาพร้อมการหยิบยื่นโอกาส คุณเชื่อเรื่องการให้โอกาสมั้ย” เราถามทันที
“ชีวิตเราเต็มไปด้วยการให้โอกาส” เขาสวนทันควัน

“แล้วเราจะสอนด้วยว่า มึงจะต้องทำงานหนักให้รู้จริง เพื่อที่โอกาสมาถึงแล้วมึงจะไม่พลาด และเรารู้ว่าเราก็ต้องให้โอกาสตัวเอง ให้โอกาสเพื่อนร่วมงาน ให้โอกาสผู้ใหญ่ที่เป็นครูบาอาจารย์ แต่วันนี้เราโฟกัสกับเด็กว่าเราจะให้โอกาสเขายังไง แล้วเราเลือกที่จะให้ด้วย เลือกเขาและสอนเขาให้เต็มกำลัง ชีวิตนี้เราสร้างคนได้สักยี่สิบคน ก็คุ้มชาติเกิดแล้ว
“เพราะเด็กในวันนี้เขาสามารถเอาเมล็ดพันธุ์ของเราไปขยายต่อ เท่ากับเราตายแต่ผลผลิตยังออกดอก ออกผล แล้วถ้าเมล็ดพันธุ์นั้นจะดีคือมึงอย่างอกเหมือนกู มึงต้องงอกแบบฉบับของมึง ไม่อย่างนั้นมึงจะกลายเป็นต้นไม้ที่มีแต่รากฝอย ไม่มีรากแก้ว เราต้องการฝึกให้เด็กรู้จักรากที่เป็นรากแท้จริงของเขา เพราะมันคือสิ่งที่เขาจะใช้ได้ตลอดชีวิต”


เมล็ดพันธุ์ที่เขาเลือกหย่อนลงกระถาง จะต้องเป็นเมล็ดพันธุ์ที่รู้จักและเข้าใจตนเองอย่างดี
“เราต้องฝึกใจบอกตัวเองว่าความต่างมันโคตรเท่เลย ความไม่เหมือนคือเสน่ห์และเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้”
ที่สำคัญ เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นต้องยอมรับในความแตกต่างให้ได้
ลิ้มยกตัวอย่าง เอ๋-วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ ศิลปินสายประติมากรรมที่เปลี่ยนขยะให้เป็นงานศิลปะ เธอเป็นพนักงานช่างชุ่ยยุคบุกเบิกที่พี่ชายประจำบ้านสร้างเธอขึ้นมาด้วยความสามารถที่เธอมี จนมีชื่อเสียงเช่นปัจจุบัน

พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนตีความ
เราสอดส่ายสายตาสำรวจตั้งแต่หน้าประตูโกดัง เดินฉับ-ฉับ ขยับเท้าซ้ายและขยับเท้าขวาตามจังหวะเพลงที่บีตเร้าอัตราการเต้นของหัวใจ พลันสายตาก็ปะทะกับตัวตนของดีไซเนอร์ที่พุ่งทะลุออกมาทักทายผ่านเสื้อตัวเท่ที่ใส่ได้ทั้งชายและหญิง เดรสเกาะอกสีขาวในตู้กระจกที่ไปอวดสายตาระดับสากล กระเป๋าจักสานสีแสบสันที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า


เจ้าของโกดังภายใต้เครื่องแต่งกายสีดำสนิทพาเราทัวร์อย่างกันเอง พร้อมแนะว่า เวิ้งกลางด้านหน้าล้วนเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับจากแบรนด์ FLYNOW ส่วนด้านซ้ายและขวาของโกดังเป็นผลิตภัณฑ์จากดีไซเนอร์ที่คัดสรรมาแล้วอย่างดี อย่าง 8 PM แบรนด์คาแรกเตอร์จัดที่หยิบหนังสือเปลือยของไทยยุคเก่าก่อนมาพิมพ์ลายลงบนเสื้อเชิ้ตพอดีตัว แค่เห็นก็พอจะเดาระดับลูกบ้าและความคลั่งไคล้ของนักออกแบบได้ไม่ยาก บอกแล้วว่ามัน!
เราเดินตามหลังไกด์จำเป็นและแวะดูของตกแต่งภายในโกดังเป็นระยะ มีทั้งนางกวักหน้าตาไม่ซ้ำนั่งกวักมือเรียงรายเต็มตู้ มีไดโนเสาร์สีแดงตัวเขื่องยืนต้อนรับอยู่อีกมุม มีประติมากรรมเดวิดที่เค้าโครงหน้าเหมือนคนอีสานบ้านเฮา
ส่วนด้านบนมีงานศิลปะจัดแสดงบางส่วน อนาคตอาจกลายเป็นพื้นที่จัดทอล์ก อาร์ต แกลเลอรี่ ฯลฯ


“ที่นี่มีตั้งแต่เสื้อถังขยะจนถึงชุด FLYNOW ที่เป็นโอต์กูตูร์ เราพยายามโฟกัสแบรนด์ที่มีรากเหง้าที่แท้จริง อย่างงานของคนนี้ ไม่มีใครมองเขาเลยนะ เขาเป็นมนุษย์ขยะ เราคุยกับเขาแล้วมันเท่ เสื้อผ้าหลายตัวของเขาโคตรแสบ”
ลิ้มชี้ชวนให้เราดูเสื้อยืดตัวใหญ่ที่เกิดจากการ ปะ-ชุน-ตัด-ต่อ ชิ้นส่วนเสื้อผ้าหลายตัวให้เป็นหนึ่ง บางตัวเป็นเสื้อพนักงานขายของร้านสะดวกซื้อจากญี่ปุ่น บางตัวเป็นเป็นเสื้อกั๊กวินมอเตอร์ไซค์ที่ถูกแปลงโฉมให้เก๋กว่าเดิมร้อยเท่า
“สิ่งที่เราสนใจคือเขามีตัวตนมั้ย เขามีอินเนอร์ลึกๆ ที่เป็นรากของเขามั้ย เขามีสปิริตที่จะร่วมงานกับเรามั้ย
“ถ้าใช่ เวลคัม” ชายตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงยินดี
“แล้วคุณคาดหวังให้คนที่มาเยือน จดจำ Red Warehouse แบบไหน”
“เราไม่ได้คาดหวัง เราอยากฟังคนที่มามากกว่าว่าเขาเห็นอะไร เขาจะพูดถึงเราแบบไหน ปล่อยให้เขาตีความเอง เมื่อก่อนเราเป็นประเภทที่ตัวกูของกู ทุกอย่างต้องเนี้ยบ ตอนนี้ตัวกู ตัวมึง มาช่วยดูด้วยกัน เพราะเราคิดว่าสังคมที่มีสัมพันธภาพที่ดีมันมีเสน่ห์ แล้วเราเลือกที่จะใช้สัมพันธภาพนั้นไปกับผลลัพธ์ของการสร้างสรรค์ตามปัญญาที่มี
“เราอาจจะบอกว่านั่นคือสิ่งที่เรามีความสุขกับมัน สบายใจกับมัน สุดท้ายก็เหลือไว้แค่ความทรงจำ”
“แล้วก็ปิดฉาก” ประโยคปิดบทสนทนาของเขาช่างสวนทางกับความเป็นจริง ลิ้มในวัย 62 กำลังเปิดม่านและฉากชีวิตบทใหม่ในโกดังสีแดงแรงฤทธิ์ที่เขาดูสนุกกับมันเหลือเกิน เราขอให้คำมั่นว่า หลังจากคุณก้าวเท้าพ้นขอบประตูเข้ามาด้านใน เชื่อสิว่า จะไม่มีอะไรที่คุณคาดเดาได้เลย-ชีวิตของเขาก็สนุกแบบนั้นแหละ


Red Warehouse by FLYNOW
ที่อยู่ 460/8 ช่างชุ่ย ถนนสิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700
เปิดบริการเวลา 11.00 – 23.00 น. Facebook : Red Warehouse by FLYNOW