แม้เราจะยังไม่มีครอบครัวและยังไม่มีโอกาสมีลูกเป็นของตัวเอง แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่เห็นถึงความงดงามของสถานที่ที่เรามีโอกาสมาแบ่งปันเรื่องราวให้ทุกคนได้ฟังในวันนี้ เอาล่ะ! จับพวงมาลัยแล้วขับรถด้วยสุนทรียะ 

ห่างเมืองกรุงเพียงอึดใจ เราก็เดินทางถึง Pumpkin Art Town เลียบริมแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เมืองฟักทองต้อนรับเราด้วยต้นจามจุรีและต้นก้ามปูอายุคุณปู่ มีพื้นที่สีเขียวละมุนตากว้างกว่า 3 ไร่ครึ่ง แถมเสียงหัวเราะของเด็กๆ และรอยยิ้มของทุกคนในครอบครัวที่มองเจ้าตัวจิ๋วด้วยความใส่ใจจนเราเผลอยิ้มออกมา

“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว

สำหรับเรา การมีอยู่ของ Pumpkin Art Town นั้นสวยงามพร่างพราย

สถานที่ตรงหน้าไม่ใช่แค่โรงเรียนศิลปะ ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือโรงแรมที่ตั้งอยู่บนพื้นที่เก่าแก่ของครอบครัว 

เมืองฟักทองหลังนี้เป็นพื้นที่ที่ หยี-ตติยา บุญศรี และ ณัฐการ บุญศรี สร้างขึ้นร่วมกับกลุ่มคนที่พวกเขาให้ความสำคัญมากที่สุดในชีวิต… ลูกทั้งสองคนและครอบครัว ผู้เป็นแรงผลักดัน แรงบันดาลใจ ดีไซเนอร์ โปรเจกต์เมเนเจอร์และอีกหลายตำแหน่ง ด้วยความหวังและตั้งใจมอบพื้นที่แห่งโอกาสของทุกคนในครอบครัว

โอกาสที่ทุกคนในครอบครัวจะใช้เวลาที่น่าจดจำร่วมกัน 

“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว

เพราะความภาคภูมิใจในตัวเองนั้นสำคัญ

“เรามองว่าฟักทองเป็นพืชที่มีความหลากหลาย บางพันธุ์ก็กลม สีส้ม บางพันธุ์ก็ยาว สีเหลือง สีขาว สีเขียว แค่พืชชนิดเดียวยังมีความสร้างสรรค์อยู่ในตัว Pumpkin Art Town เลยเป็นเมืองฟักทองที่ทุกคนมาใช้จินตนาการด้วยกัน”

ตติยาเล่าที่มาของชื่อแสนน่ารักและแนวคิดเมืองฟักทองสีสันสดใสที่กลายเป็นอาณาจักรศิลปะ 

Pumpkin Art Town มีเวิร์กช็อปศิลปะให้ลูกค้าตัวเล็กได้บริหารจินตนาการ ทุกกิจกรรมล้วนแล้วแต่ออกแบบมาอย่างเข้าใจ โดยเหล่าคุณครู Art Director ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะและพัฒนาการเด็กโดยตรง 

“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว

“กิจกรรมศิลปะของที่นี่มีสามห้องหลัก” หยีอธิบาย “หนึ่งคือห้องเด็กเล็กสองถึงสี่ขวบ เน้นการระบายสีชิ้นงานขนาดใหญ่ เพราะกล้ามเนื้อมือเด็กเล็กยังทำงานละเอียดไม่ได้ ซึ่งห้องนี้เราให้พ่อหรือแม่เข้าไปทำกิจกรรมด้วย เพื่อสร้างความอุ่นใจให้เด็ก แต่ถ้าโตกว่าสี่ขวบขึ้นมาหน่อย เข้าโรงเรียนแล้ว เขาพอจะอยู่คนเดียวได้ จะเป็นคลาสที่เด็กทำเองได้โดยอยู่ในห้องกับครู มีให้เลือกทั้งเพ้นท์เสื้อยืด กระเป๋า เด็กๆ เอาไปใช้ในชีวิตจริงและเป็นของที่ระลึกได้ด้วย

“ห้องถัดมาเป็นห้องปั้นดินน้ำมัน มีสองมิติ สามมิติ เด็กจะใช้นิ้วมือในการทำงานทุกส่วน อีกห้องเป็นห้องเด็กโต ห้าถึงเจ็ดขวบขึ้นไป เป็นงานผ้ามัดย้อม งานทอ งานปัก ให้เด็กใช้จินตนาการอยู่กับงานประดิษฐ์ที่มีรายละเอียดมากขึ้น”

“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว
“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว

หยีกระซิบว่ามีคลาสสำหรับผู้ใหญ่ด้วย และเธอยังเฉลยอีกว่าคลาสมัดย้อมเป็นคลาสที่เด็กติดอกติดใจ เพราะหลังจากพยายามมัดเสื้อ ผสมและต้มสีย้อมด้วยตัวเองทุกประการแล้ว ผลลัพธ์น่าตื่นตาและคาดเดาไม่ได้ แถมเวิร์กช็อปยังเป็นการสร้างความภูมิใจ เปรียบเสมือนรางวัลล้ำค่าของเด็กๆ พ่อแม่ และตัวของหยีที่เป็นผู้สร้างกิจกรรม

“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว

“เวิร์กช็อปใช้เวลาประมาณหกสิบนาที เป็นหกสิบนาทีที่เด็กได้อยู่ห่างจากโทรศัพท์หรือไอแพด เขาได้โฟกัส แล้วเราก็เห็นว่างานที่เขาทำจบออกมาเป็นความภาคภูมิใจของเขา เขาอยากโชว์ชิ้นงานนั้นให้พ่อแม่ดู เขาจะวิ่งออกมาแบบตื่นเต้นมาก แล้วพูดว่า โห! คุณพ่อคุณแม่ ดูนี่สิ แค่หกสิบนาที ก็ทำให้เขารู้สึกมั่นใจในตัวเองได้ เพราะเขาทำงานศิลปะสำเร็จออกมาเป็นชิ้น แล้วเมื่อไหร่ที่พ่อแม่ภูมิใจในความภูมิใจของลูกอีกที รอยยิ้มของเด็กก็จะยิ่งกว้างขึ้นไปอีก

“เราที่มองอยู่ข้างนอกได้เห็นแบบนั้น ก็รู้สึกว่าเรามาถูกทางแล้วค่ะ” หยีเล่าหน้าเปื้อนยิ้ม

เพราะช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น

“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว

อันที่จริงพันธกิจหลักของ Pumpkin Art Town นั้นชัดเจนและเรียบง่าย นั่นคือการเปิดโอกาสให้พ่อแม่ ปู่ย่าได้สานสัมพันธ์กับลูกหลานในวันที่ช่วงวัยยังเอื้ออำนวย ผ่านการทำกิจกรรมสร้างงานศิลปะหรือใช้เวลาร่วมกัน

“โปรเจกต์นี้เริ่มขึ้นมาเพราะเรารู้สึกว่าตัวเองเริ่มว่าง หลังจากลูกทั้งสองคนโตได้ระดับหนึ่งและย้ายไปอยู่โรงเรียนเดียวกัน เราก็อยากกลับไปทำงาน แต่สามีบอกว่ารอก่อน เขากลัวจะไม่มีเวลาให้ลูก” หยีเล่าติดตลก “ครอบครัวเราไม่ค่อยเที่ยวห้าง แต่จะเที่ยวต่างจังหวัดเป็นการพักผ่อน เราอยากแบ่งปันความสุขจากไลฟ์สไตล์แบบนี้ให้ครอบครัวอื่น

“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว

“นอกจาก Pumpkin Art Town เป็นพื้นที่ให้ครอบครัวของลูกค้ามาใช้เวลาร่วมกับลูก ยังเป็นโปรเจกต์ที่เราได้ทำงานและใช้เวลากับครอบครัว จริงๆ มีช่วงเวลาไม่นานเลยที่เด็กจะอยากไปไหนมาไหนกับครอบครัว ลูกอยากอยู่กับพ่อแม่ในช่วงที่เขาเล็กมาก พอห้าขวบ เขาจะมีเพื่อนและไม่ค่อยสนใจแม่ สักสิบขวบ เพื่อนก็นำพ่อแม่แล้ว

“สิบปีแรกของลูกมีค่าและเป็นเวลาทองที่เราจะเก็บเกี่ยวความสุข ความผูกพันกับลูกเอาไว้ ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของ Pumpkin Art Town เลย เราอยากสร้างความอบอุ่นและความสัมพันธ์ในครอบครัวให้ได้มากที่สุด”

“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว
“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว

นั่นคือสาเหตุที่เมืองฟักทองแห่งนี้ไม่ได้มีแค่เวิร์กช็อปศิลปะ แต่ด้วยความความเข้าใจไลฟ์สไตล์และการให้คุณค่ากับความเป็นครอบครัว ทำให้พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยข้ออ้างที่เหมาะให้คนต่างวัยได้ใช้เวลาบนพื้นที่เดียวกัน ไหนจะอาหารไทย-นานาชาติ ซึ่งเสิร์ฟด้วยสูตรเดียวกับที่ทำทานในบ้าน ร้านกาแฟบรรยากาศสบายที่ผู้ใหญ่มานั่งมองประกายแดดสะท้อนน้ำระหว่างเด็กๆ สนุกกับกิจกรรมและสนามเด็กเล่น รวมถึงบ้านพัก 11 หลังที่ผู้มาเยือนทิ้งชีวิตคนเมืองไว้ชั่วคราว

“ไม่ได้มีแค่พ่อแม่เท่านั้นที่เข้ามาเวิร์กช็อปกับเด็ก ปู่ย่าตายายเองก็เข้ามานั่งทำกิจกรรมกับหลานได้เหมือนกัน แม้ต่างคนจะต่างนั่งทำงานของตัวเอง แต่นั่นคือการได้ใช้เวลาร่วมกันไม่ใช่หรือคะ” เธอตอบพร้อมทิ้งท้ายน่าคิด

เราเห็นด้วยกับประโยคสุดท้ายของหยีทุกประการ 

เพราะเวลาที่เรามีร่วมกันในช่วงชีวิตหนึ่งนั้นแสนสั้น เราจะเลือกใช้มันไปกับอะไรและกับใคร จึงสำคัญ

“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว
“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว

เพราะสิ่งที่พ่อแม่ทำให้เห็นคือพื้นฐานของสิ่งที่ลูกเป็น

การใช้เวลาปลุกปั้น Pumpkin Art Town ดูจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเหลือเกิน เพราะสิ่งที่หยีได้รับไม่ใช่แค่ดอกผลของฟักทองเท่านั้น คุณแม่คนนี้มองว่า ที่นี่เปิดมุมมองให้ลูกทั้งสองได้เห็นสิ่งที่พ่อแม่ให้คุณค่า

“ตอนเรายังทำงาน เวลาจะหายไปเลยทั้งวัน ได้มาเจอลูกก็ตอนเขาจะนอนแล้ว แต่พอเรามาทำโปรเจกต์นี้ เวลานั่งทำ Presentation หา Reference ลูกก็มานั่งดูว่าแม่ทำอะไร เราก็เล่าให้เขาฟัง เขาเลยได้ซึมซับและรู้มาแต่แรกเลยว่าเราจะสร้างพื้นที่นี้ขึ้นมาเป็นแบบไหน เขาเรียนรู้มากับเราทั้งหมดทีละสเต็ป” แววตาของหยีเป็นประกาย “ลูกเป็นผู้ช่วยและผู้ทดลอง คอยแนะนำว่าเด็กชอบหรือไม่ชอบอะไร เวลาเราคิดกิจกรรมอะไรออกมาเราก็ลองกับเขาก่อน พอเปิดตัว ลูกสาวก็มาช่วยครูศิลปะเตรียมของบ้าง มาช่วยสอนบ้าง ส่วนลูกชายก็ช่วยชิมอาหารเครื่องดื่ม” คุณแม่เล่าด้วยรอยยิ้ม

“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว

“ตอนแรกเราไม่รู้หรอกว่าเขาชอบหรือไม่ชอบ แต่เราอ่านงานที่เขาเขียนส่งครูที่โรงเรียนเกี่ยวกับ Pumpkin Art Town ว่าเป็นโปรเจกต์ของครอบครัว เขามีส่วนร่วมทำอะไรกับแม่บ้าง มันมีความหมายสำหรับเขามากกว่าที่เราคิด แล้วมันก็มีความหมายสำหรับเราด้วย เขาภูมิใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่นี่เลยเป็นสถานที่ที่สอนทั้งเราและลูก”

แถมท้าย เมืองฟักทองยังเป็นที่ที่สอนงานให้กับผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียง

“ทีมงานและพนักงานเป็นคนท้องถิ่น ทีมครัว ทีมบริการ เสิร์ฟ บาริสต้า เป็นคนในพื้นที่หมดเลย เราสนับสนุนการสร้างและฝึกอาชีพ เด็กๆ ที่เป็นลูกหลานของพวกเขาก็มาเป็นพนักงานพาร์ตไทม์ด้วย เป็นอีกหนึ่งความอบอุ่น 

“พนักงานเราก็เป็นครอบครัวด้วยเหมือนกัน ตอนนี้เราเลยมีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น”

ฟังแบบนี้แล้ว เราปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่พ่อแม่ทำให้เห็นกลายเป็นบันไดให้ลูก และน่ายินดีเหลือเกินที่ลูกของเธอมีโอกาสเรียนรู้จากเมล็ดฟักทองเล็กๆ กลายเป็นเมืองฟักทองใหญ่ๆ ซึ่งแผ่ความอบอุ่นถึงพนักงานและคนในชุมชน

“Pumpkin Art Town เป็นสถานที่เล็กๆ แต่เป็นความเล็กที่สำคัญสำหรับภาวะสังคมในยุคนี้” หยีเสริม

“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว
“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว

 “หากครอบครัวไม่มีเวลาให้กันเลย ย่อมนำไปสู่ปัญหาสังคมมากมาย ตอนนี้เด็กเรียนพิเศษเยอะมาก จันทร์ถึงศุกร์หลังเลิกเรียนก็ต้องกวดวิชา เสาร์อาทิตย์ก็ยังต้องเรียน ความเครียดสะสมสำหรับเด็กมีเยอะอยู่แล้ว และบางทีเขาอาจไม่รู้ตัว เราเลยอยากเป็นพื้นที่ให้คนมาพักผ่อนหย่อนใจ ชาร์จแบตเตอรี่ของตัวเอง เพื่อกลับไปใช้ชีวิตได้อีกครั้ง 

“อนาคตของ Pumpkin Art Town เราจะมุ่งมั่นกับการเป็นสถานที่ที่รักษาธรรมชาติและงานศิลปะ”

ก่อนจะมุดลอดรั้วเถาฟักทองออกจากแดนวิเศษแห่งนี้ หยีฝากให้เรามาบอกกับครอบครัวที่ยังไม่เคยสัมผัสพลังงานของศิลปะด้วยว่า ทั้งหมดที่ทุกคนต้องทำก็แค่เปิดใจและยอมใช้เวลากับมัน งานศิลปะที่เราตั้งใจทำจะออกดอกออกผลงดงามให้ชื่นใจ ในแบบที่ไม่เหมือนใครแน่นอน

หากไม่รู้จะเริ่มจากที่ไหน เมืองฟักทองยินดีต้อนรับเสมอ

“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว
“ช่วงเวลาที่ลูกอยากอยู่กับเรานั้นแสนสั้น” Pumpkin Art Town จึงสอนใช้สีสันสานสัมพันธ์ครอบครัว

Pumpkin Art Town

ที่อยู่ : 11 หมู่ 1 ซอยกระแชง 5 ตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 12160 (แผนที่)

เปิดบริการวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-20.00 น.

เว็บไซต์ : www.pumpkin-art-town.com

Facebook : Pumpkin Art Town

Writer

Avatar

เกวลิน ศักดิ์สยามกุล

นักออกแบบ-สื่อสารเพื่อความยั่งยืน ที่อยากเล่าเรื่องสิ่งแวดล้อมผ่านชีวิต บทสนทนา และแบรนด์ยาสีฟันเม็ดเล็กๆ ของตัวเอง

Photographer

Avatar

ณัฐสุชา เลิศวัฒนนนท์

เรียนวารสาร เที่ยวไปถ่ายรูปไปคืองานอดิเรก และหลงใหลช่วงเวลา Magic Hour ของทุกๆวัน