15 กุมภาพันธ์ 2023
2 K

28 ธันวาคม ปี 2022 ท่ามกลางบรรยากาศการเตรียมพร้อมฉลองปีใหม่ของนานาอารยประเทศ คริสต์ศาสนิกชนชาวคาทอลิกทั่วทุกหัวระแหงกลับอยู่ในอารมณ์หม่นหมอง เมื่อมีข่าวว่า สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณเบเนดิกต์ที่ 16 พระชนมายุ 95 ปี กำลังประชวรหนัก

นับแต่วันนั้นจวบวันสิ้นพระชนม์ ไปจนถึงพิธีพระศพ ข่าวสารจากนครรัฐวาติกันถูกถ่ายทอดเป็นภาษาไทยอย่างไม่หยุดหย่อนโดยเพจเฟซบุ๊กและบัญชีทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า Pope Report 

วิน-วศิน มานะสุรางกูล คือแอดมินผู้อยู่เบื้องหลังการรายงานข่าวอันถูกต้องว่องไวเหล่านี้

วศิน มานะสุรางกูล ผู้ก่อตั้งเพจ Pope Report รายงานข่าวพระสันตะปาปามานานถึง 21 ปี

ในชีวิตการทำงาน วินเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวด้านสื่อออนไลน์คนหนึ่ง

แต่ชีวิตส่วนตัวที่อยู่บนจอโซเชียลมีเดีย เขาคือบล็อกเกอร์และผู้สื่อข่าวอิสระที่ติดตามทำข่าวประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกมาตั้งแต่ปี 2002 ครอบคลุมยุคสมัยของโป๊ป 3 พระองค์ ผ่านเหตุการณ์สำคัญของรัฐสันตะปาปามานับครั้งไม่ถ้วน

เขารู้จักแหล่งข่าววงในจากวาติกัน เดินทางไปวาติกันมากกว่า 10 ครั้ง เคยพบพระสันตะปาปาทั้ง 3 พระองค์ในรอบ 20 ปีหลัง เคยกระทั่งขอถ่ายรูปเซลฟี่กับพระสันตะปาปาพระองค์ปัจจุบัน

นี่เป็นครั้งแรกที่แอดมินแห่งเพจ Pope Report ยอมเผยโฉมหน้าออกสื่อ มาค้นหาคำตอบกันว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มชาวไทยคริสต์ผู้เคยเสื่อมศรัทธาในศาสนาคนนี้ ผันตัวมาเป็นเหยี่ยวข่าววาติกันประจำประเทศไทยได้เนิ่นนานจนเข้าสู่ปีที่ 21

ยุคสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2

(สมณสมัย ค.ศ. 1978 – 2005)

พระนามเดิม พระคาร์ดินัลคาโรล วอยตือวา ทรงเป็นชาวโปแลนด์ ได้รับเลือกเป็นประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกตั้งแต่ปี 1978 จวบจนสิ้นพระชนม์ในปี 2005 เป็นพระสันตะปาปาที่ไม่ใช่ชาวอิตาเลียนองค์แรกในรอบ 455 ปี ทรงปกครองศาสนจักรยาวนานเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์

วศิน มานะสุรางกูล ผู้ก่อตั้งเพจ Pope Report รายงานข่าวพระสันตะปาปามานานถึง 21 ปี

วินเป็นคริสต์ศาสนิกชนแต่กำเนิด เกิดและโตมาในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนที่นับถือศาสนาคริสต์ ปู่ย่าตายายทุกฝ่ายมีศรัทธามั่นในนิกายโรมันคาทอลิก บ้านอยู่ใกล้วัดแม่พระฟาติมา เขตดินแดง อันเป็นสถานที่ซึ่งเขาได้รับศีลล้างบาปเมื่อแรกเกิด แม้ได้รับการหล่อหลอมโดยสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยชาวคริสต์ แต่ตลอดวัยเยาว์ เขากลับไม่รู้สึกถึงความพิเศษหรือศรัทธาต่อองค์สมเด็จพระสันตะปาปาหรือ ‘โป๊ป’ ซึ่งนิกายของเขานับถือว่าเป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าบนโลกมนุษย์

“ผมรู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้อินอะไรทั้งสิ้นเลยครับ” วินเท้าความถึงชีวิตวัยเด็กของเขา “อากง อาม่า พ่อแม่ผม เป็นคนจีนที่มาจากเมืองจีน ทั้งสองฝั่งเป็นคาทอลิก เขาจะสวดอย่างเดียว และเรียกพระสันตะปาปาว่า ‘ซังโตปาปา’ ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกอินกับท่าน”

สาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะชะตากรรมเลวร้ายที่เขาเคยประสบเมื่อตอนเป็นเด็ก วินก็เหมือนกับวัยรุ่นไทยยุค 90 ทั่วประเทศที่ครอบครัวเผชิญปัญหาจากวิกฤตต้มยำกุ้งปี 1997 เด็กชายวศินเฝ้าคิดว่าพระเจ้าทรงอยุติธรรมต่อครอบครัวของเขา

“ตอนนั้นผมมีความคิดแบบเด็ก ๆ ว่าทำไมมันต้องเกิดกับครอบครัวเรา พระเจ้าไม่แฟร์ ถ้าพระเจ้ามีจริงทำไมต้องให้หลายครอบครัวเป็นอย่างนี้” ความคิดนี้ถูกเก็บงำไว้นานกว่า 3 ปี ก่อนจะสลายตัวไปเมื่อเขาได้พบ พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต

วศิน มานะสุรางกูล ผู้ก่อตั้งเพจ Pope Report รายงานข่าวพระสันตะปาปามานานถึง 21 ปี

ปี 2000 ขณะที่วินอายุได้ 16 ปี เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ เขตบางรัก เขาได้รับเลือกจากครูอาจารย์ให้ไปร่วมงานเยาวชนโลก (World Youth Day) ที่อิตาลี เนื่องจากเขาเป็นเด็กกิจกรรมที่หมั่นช่วยงานโรงเรียนเป็นประจำ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่คิดอะไรมากกว่าการได้ไปเที่ยวต่างประเทศ

“ผมก็ไม่ได้รู้หรอกครับว่า World Youth Day มันคืออะไร มันยิ่งใหญ่ยังไง แต่พอไปถึงตกใจมาก เพราะงานใหญ่มาก มีเยาวชนไปร่วมงานกว่า 4 ล้านคนที่กรุงโรม คือไปโรมตอนนั้น มองไปทางไหนก็มีแต่เยาวชน เด็กอย่างเราไปร่วมงาน งานเยาวชนโลกปีนั้นจัดระหว่างวันที่ 15 – 20 สิงหาคม ปี 2000 ผมจำได้เป๊ะเลย เพราะเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ว่าทำไมทุกคนที่ไปดูตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อจะได้เจอพระสันตะปาปา”

15 สิงหาคมปีนั้น วินยืนอยู่หน้ามหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน พร้อมกับเยาวชนที่มาร่วมงานคับคั่งหนาตา พลันเห็นคนใส่ชุดสีขาวเดินมา ราศีที่เปล่งปลั่งออกจากร่างนักบวชสูงอายุผู้นั้นดูน่าเคารพอย่างเหลือเชื่อ แม้แต่วินที่เคยน้อยใจในพระเจ้าก็ยังรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างในใจตน

4 คืนถัดมา วินก็ได้พบพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 อีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์เสด็จฯ มาเทศน์คำสอนแก่เยาวชนทั้ง 4 ล้านคนที่ต้องนอนค้างกลางลานกว้าง มีคำสอนตอนหนึ่งที่วินจดจำได้ขึ้นใจ คือเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าที่ทรงไม่ทอดทิ้งผู้ศรัทธา

“ผมอินกับคำพูดหนึ่งของพระสันตะปาปามาก ท่านว่า จงเชื่อและวางใจในพระเจ้าตลอดเวลา พระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเรา คำพูดนี้สะกิดใจผม แล้ววันนั้นก็มีเสียงบอกผมว่า เชื่อเถอะ เราไม่ทอดทิ้งเจ้า ผมรู้สึกว่ามันดังก้องอยู่ในหัวผมตลอดเวลา นั่นคือคืนแรกที่ผมรู้สึกว่าพระสันตะปาปาเป็นคนเชื่อมโยงผมในเรื่องความศรัทธาและความเชื่อต่อพระเจ้าครับ”

วศิน มานะสุรางกูล ผู้ก่อตั้งเพจ Pope Report รายงานข่าวพระสันตะปาปามานานถึง 21 ปี

หลังจบงานเยาวชนโลกประจำปีนั้น วินกลับเมืองไทยด้วยศรัทธาในพระเจ้าและพระสันตะปาปาเต็มเปี่ยม เมื่อเขาเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) บทบาทหน้าที่ใหม่ที่เขาตั้งใจทำเพื่อพระองค์จึงเริ่มต้นขึ้น

Fake News อาจเป็นคำใหม่ที่เพิ่งแพร่หลายในยุคที่โซเชียลมีเดียเรืองรอง หากย้อนหลังไปเมื่อต้นทศวรรษ 2000 ข่าวลือข่าวปลอมก็เป็นสิ่งที่แพร่ระบาดมากในหมู่คริสตชนไทยและเทศ อันเป็นผลจากพระพลานามัยที่ทรุดหนักลงทุกปี ๆ ของโป๊ปยอห์น ปอลที่ 2

“ประมาณปี 2002 ท่านเริ่มป่วยเป็นพาร์กินสัน เริ่มไม่ไหว ตอนนั้นผมเรียนอยู่เอแบคปี 1 มีเฟกนิวส์เข้ามา ยุคนั้นเริ่มมี Myspace หรือ Hi5 เป็นโซเชียลมีเดียยุคแรก ๆ ก็เริ่มมีการแพร่ข่าวว่าโป๊ปเตรียมจะสละตำแหน่ง ซึ่งผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เพราะตั้งแต่ปี 2000 ผมตามข่าวมาตลอด เข้าไปในเว็บไซต์ของวาติกันทุกวัน ไปดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งคือเพื่อฝึกภาษาอังกฤษ เริ่มเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากบทเทศน์ของพระสันตะปาปา ผมจึงได้รู้ว่าบางข่าวเป็นข่าวปลอม

เพื่อผดุงความถูกต้องแก่ข่าวสารของคุณพ่อผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพรัก วินจึงเริ่มทำ Myspace และ Windowslide รายงานข่าวที่เป็นจริงในรูปแบบของบล็อกให้คนไทยได้รับทราบ สิ่งนี้เองที่สืบเนื่องมาเป็น Pope Report ในปัจจุบัน

วศิน มานะสุรางกูล ผู้ก่อตั้งเพจ Pope Report รายงานข่าวพระสันตะปาปามานานถึง 21 ปี

โป๊ปยอห์น ปอลที่ 2 ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาตั้งแต่ปี 1978 ก่อนวินเกิดหลายปี เป็นพระสันตะปาปาที่เรียกความศรัทธาคืนมาแก่คริสตชนรุ่นใหม่เช่นเขา แต่น่าเศร้าที่วินมีโอกาสเผยแพร่ข่าวสารของพระองค์เพียง 3 ปี โป๊ปองค์นี้ก็สิ้นพระชนม์อย่างสงบในปี 2005

“ผมเริ่มทำข่าวตอนที่ท่านประชวรหนักแล้ว การเรียนรู้ช่วง 3 ปีนี้ ถ้าจะพูดถึงเรื่องบทสอนบางทีก็ไม่ได้อะไรมาก เพราะท่านไม่มีแรง เรียกได้ว่าเป็นยุคของความเศร้า ข่าวที่รายงานมีแต่เรื่องสุขภาพ บทเทศน์ท่านก็ไม่ได้เทศน์เอง จะมีคนร่างบทมาให้ แล้วโป๊ปค่อยมาเทศน์”

อย่างไรเสีย หลักธรรมคำสอนที่พระสันตะปาปาชาวโปแลนด์ฝากไว้ตลอด 26 ปีแห่งสมณสมัยก็ได้ให้ข้อคิดกับวินไม่น้อย โดยเฉพาะในเรื่องของเยาวชนผู้เป็นตัวแทนของอนาคต

วศิน มานะสุรางกูล ผู้ก่อตั้งเพจ Pope Report รายงานข่าวพระสันตะปาปามานานถึง 21 ปี

“สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากโป๊ปยอห์น ปอล คือการคาดการณ์และอ่านสัญญาณอนาคตให้ออก ยุคของท่านจะมีคำพูดหนึ่งคือ Future starts today, not tomorrow ท่านจะเริ่มมาให้ความสำคัญกับเยาวชน เพราะโป๊ปพระองค์นี้มีชีวิตอยู่ในยุคที่คอมมิวนิสต์ยึดครอง ท่านเห็นว่าคอมมิวนิสต์ปั่นหัวเด็กและเยาวชนให้หลงผิดไป สิ่งที่ต้องทำคือดึงเด็กและเยาวชนกลับคืนมา เราจึงเห็นว่ายุคโป๊ปยอห์น ปอลที่ 2 เป็นยุคที่งานเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนจะบูมมาก โป๊ปจะพยายามเข้าไปหาเด็ก ถ้าหลงผิดให้ดึงกลับมา ผมจะนึกถึงโป๊ปยอห์น ปอลที่ 2 ในเรื่องการหัดวางแผนอนาคตว่าเราจะทำอะไร ควรโฟกัสตรงไหน”

อดีตตัวแทนเยาวชนไทยสรุปความรู้สึกที่เขามีต่อโป๊ปพระองค์แรกที่ตนรู้จัก “ต่อให้เปลี่ยนพระสันตะปาปามาถึง 3 พระองค์แล้ว แต่ผมรู้สึกว่านี่คือพระสันตะปาปาที่เชื่อมโยงให้ผมมีความเชื่อในพระเจ้า เชื่อในพระเยซูครับ”

ยุคสมเด็จพระสันตะปาเบเนดิกต์ที่ 16

(สมณสมัย ค.ศ. 2005 – 2013)

พระนามเดิม พระคาร์ดินัลโยเซฟ รัทซิงเงอร์ ทรงเป็นชาวเยอรมัน ได้รับเลือกเป็นประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกตั้งแต่ปี 2005 ต่อมาสละตำแหน่งในปี 2013 และดำรงตำแหน่ง ‘พระสันตะปาปากิตติคุณ’ เรื่อยมาจนถึงวาระสุดท้ายในวันสิ้นปี 2022

วศิน มานะสุรางกูล ผู้ก่อตั้งเพจ Pope Report รายงานข่าวพระสันตะปาปามานานถึง 21 ปี

หลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 บรรดาพระคาร์ดินัลที่มีสิทธิ์เลือกตั้งโป๊ปพระองค์ใหม่พร้อมใจกันเลือกพระคาร์ดินัลชาวเยอรมันขึ้นเป็นพระสันตะปาปาองค์ที่ 265 ในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตที่วินได้ตามข่าวการเลือกตั้งพระสันตะปาปา

“ผมโชคดีที่ได้ทำข่าวโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 ตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปี 2013 ที่ท่านสละตำแหน่ง แล้วมาทำอีกทีตอนที่ท่านสิ้นพระชนม์” วินกล่าวถึงพระสันตะปาปาองค์ที่ 2 ในชีวิตของเขา

“ถ้าพูดถึงสิ่งที่ผมได้จากโป๊ปองค์นี้คือเรื่องภาพลักษณ์ บางคนภายนอกดูดุ ดูน่ากลัว แต่พอได้สัมผัสตัวจริงเราจะรู้เลยว่าโป๊ปเบเนดิกต์ท่านไม่ใช่คนอย่างนั้น ท่านเป็นคนที่สุภาพถ่อมตนมาก เพียงแต่หน้าดุ เพราะว่าท่านเกิดในยุคนาซีเยอรมัน โตมากับการต้องระวังตัวตลอด ทุกคนต้องเอาชีวิตรอด หน้าเลยต้องมีความดุ มีความตึงเครียดตลอดเวลา ถ้าเราไปดูคนเยอรมันยุคเก่าหน้าจะเป็นแบบนี้ทุกคน ฉะนั้น จงอย่าตัดสินคนที่หน้าตาครับ”

ถ้าหากข่าวสารในยุคโป๊ปพระองค์ก่อนคือยุคแห่งความเศร้า ข่าวในยุคโป๊ปพระองค์ต่อมาก็คือยุคแห่งความเครียด เนื่องจากปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศเด็กอันอื้อฉาวของพระสงฆ์คาทอลิกยุคนั้น ส่งผลให้โป๊ปเบเนดิกต์ต้องคอยออกมาปฏิเสธข่าวฉาวคาวกามอยู่เนืองนิตย์ แล้ววินก็ได้มองเห็นความดีอีกประการหนึ่งของโป๊ปชาวเยอรมัน คือการที่พระองค์ทรงกล้า ‘ขอโทษ’

วศิน มานะสุรางกูล ผู้ก่อตั้งเพจ Pope Report รายงานข่าวพระสันตะปาปามานานถึง 21 ปี

“ในยุคโป๊ปยอห์น ปอลที่ 2 มันเริ่มมีคดีที่บาทหลวงล่วงละเมิดทางเพศเด็กแล้ว โป๊ปเบเนดิกต์เป็นคนแรกที่ออกมาขอโทษ บรรทัดฐานเริ่มเปลี่ยน คือโป๊ปกล้าออกมาขอโทษสิ่งที่เกิดขึ้น เราทำผิด ศาสนจักรทำผิดไป มีความสำนึกผิดได้ และไม่ได้ทะนงตน สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ต่อมาคือถ้าผิดให้กล้ายอมรับ กล้าออกมาขอโทษ อย่าดื้อรั้นต่อไปเรื่อย ๆ เพราะพระองค์นี่แหละครับ”

และสำคัญที่สุดคือการวางพระองค์ที่ดี เมื่อทรงสละตำแหน่งพระสันตะปาปาในปี 2013 แล้ว ผู้สนับสนุนพระองค์ยังมีอยู่มาก เมื่อคนเหล่านี้ไม่พอใจประมุขพระองค์ใหม่ ก็มักจะมาตำหนิให้พระองค์ฟัง แต่ทุกครั้งพระสันตะปาปากิตติคุณเบเนดิกต์ที่ 16 ก็จะวางเฉยเสีย

“บางคนงอน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ก็จะวิ่งมาหาพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ แต่ท่านจะตอบกลับใส่คนเหล่านี้เสมอว่า พระสันตะปาปาตอนนี้มีองค์เดียวคือฟรังซิส ไม่ใช่พ่อ ดังนั้น จงสวดภาวนา และจงฟังพระสันตะปาปาฟรังซิส ครับ”

วศิน มานะสุรางกูล ผู้ก่อตั้งเพจ Pope Report รายงานข่าวพระสันตะปาปามานานถึง 21 ปี

8 ปีหลังจากวินได้พบพระสันตะปาปาเป็นครั้งแรก เขาก็มีโอกาสได้พบผู้ครองบัลลังก์พระสันตะปาปาอีกครั้งในงานเยาวชนโลกประจำปี 2008 โดยครั้งนี้เขาไม่เพียงได้ฟังคำสอนจากพระโอษฐ์ของโป๊ปเท่านั้น แต่ยังได้กล่าวรายงานเฉพาะพระพักตร์องค์ประมุขรัฐวาติกัน

“งานเยาวชนโลกครั้งนั้นจัดที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และได้ขึ้นไปพูดต่อหน้าโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 หยิบเอาเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองในปี 2000 มาแชร์ให้โป๊ปฟังท่ามกลางเยาวชน 235,000 คนที่มาร่วมงาน ตอนนั้นผมขึ้นพูดเป็นภาษาไทย แล้วมีล่ามแปลให้โป๊ปฟัง ตอนจบผมได้พูดเป็นภาษาอังกฤษว่า พระสันตะปาปาที่เคารพ ในนามของเยาวชนไทย พวกเราทุกคนสัญญาว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์ในประเทศของเรา”

ทันทีที่ฟังรายงานของวินจบ พระสันตะปาปาพระพักตร์ดุทรงแย้มพระโอษฐ์ ก่อนประทับยืนปรบพระหัตถ์ให้กับวิน เป็นความทรงจำที่ยังติดตรึงอยู่เสมอยามกล่าวถึงโป๊ปพระองค์นี้ 

ความรู้สึกโศกเศร้าจึงแผ่ซ่านปกคลุมจิตใจของวิน เมื่อวันหนึ่งเขาต้องรายงานข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ในช่องทางของตน

“ผมก็รู้สึกใจหายครับ แต่ก็คิดอยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง เพราะหลังจากที่โป๊ปเบเนดิกต์สละตำแหน่งไป สุขภาพท่านก็ทรุดลงเรื่อย ๆ ความคิดความอ่านท่านช้าไปหมด เราเริ่มพอดูออกว่าเป็นยังไง วันที่โป๊ปฟรังซิสประกาศว่าให้ช่วยกันภาวนาให้โป๊ปเบเนดิกต์ด้วย คือประมาณวันที่ 27 – 28 ธันวาคม ท่านทรุดมากแล้ว หลังจากนั้นวันที่ 31 ก็สิ้นพระชนม์เลย ใจหายเหมือนกันครับ”

วศิน มานะสุรางกูล ผู้ก่อตั้งเพจ Pope Report รายงานข่าวพระสันตะปาปามานานถึง 21 ปี

ข่าวสารจากวาติกันได้รับการแปลไทยลง Myspace นานถึง 10 ปี จนกระทั่งปี 2010 ที่วินไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวีเดน Pope Report จึงได้เพิ่มแพลตฟอร์มใหม่ ๆ อีกหลายแพลตฟอร์ม

“ตอนนั้นไมโครซอฟต์เขามองว่า Windowspace.live.com อาจจะไปไม่ไหวแล้ว เพราะตอนนั้นกูเกิลเริ่มมี blogspot.com ขึ้นมาแข่ง ผมรู้สึกว่าถ้าทำอันนี้ต่อไปเขาจะปิดตัว ผมก็เลยย้ายมาทำเว็บไซต์จริงจัง แต่พอช่วงมีโซเชียลมีเดียมา ผมก็เลยมาสร้างเฟซบุ๊กด้วย ทวิตเตอร์เพิ่มครับ”

เพราะเหตุนี้ บล็อกรายงานข่าวเรื่องพระสันตะปาปาที่ดำเนินมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยจึงปิดตัวลง และแทนที่ด้วยเว็บไซต์ เพจเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์

วศิน มานะสุรางกูล ผู้ก่อตั้งเพจ Pope Report รายงานข่าวพระสันตะปาปามานานถึง 21 ปี

ในระยะแรก ๆ วินใช้เฟซบุ๊กเป็นหลัก เนื่องจากคนที่จะติดตามเรื่องราวทางศาสนามักเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ คนมีอายุ ในขณะที่ทวิตเตอร์ในไทยมีกลุ่มเป้าหมายคือเด็กวัยรุ่น แต่แล้ววันหนึ่งวินก็ต้องปรับช่องทางนำเสนอข่าวเป็นทวิตเตอร์ เมื่อพบว่านักข่าวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมใช้ทวิตเตอร์

“มีจุดเปลี่ยนคือวันที่ผมได้ไปทำข่าววันที่สถาปนาโป๊ปยอห์น ปอลเป็นนักบุญ ผมได้เจอนักข่าววาติกันหลายคน วันนั้นเปิดโลกผมมาก เพราะนักข่าวทุกคนไม่มีใครใช้เฟซบุ๊กเลย ทุกคนใช้ทวิตเตอร์หมด แล้วเขาก็บอกว่าคุณควรมาใช้ทวิตเตอร์นะ เพราะมันจะมีเครือข่ายนักข่าววาติกันด้วยกันหลายคน

“ผมจึงเปลี่ยนแพลตฟอร์มมาเป็นทวิตเตอร์ แต่เราก็ต้องเข้าใจบริบทคนไทยครับ เพราะคนไทยหลายคนยังติดเฟซบุ๊กเป็นหลัก คือทวิตเตอร์ อินสตาแกรม มันเป็นของวัยรุ่น แต่ยุคที่สร้าง Pope Report ปี 2010 ตอนที่สร้างเฟซบุ๊กขึ้นมา กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มเจน X เจน Y ที่ยังใช้เฟซบุ๊กกันมาก ไม่ใช่เจน Z ผมเลยต้องมีเฟซบุ๊กคู่ไปด้วยครับ”

วศิน มานะสุรางกูล ผู้ก่อตั้งเพจ Pope Report รายงานข่าวพระสันตะปาปามานานถึง 21 ปี

ในสมณสมัยของโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 เป็นช่วงเวลาที่วินให้เวลากับ Pope Report มากที่สุดก็ว่าได้ ค่าที่ช่วงนั้นเขายังมีเวลาเหลือเฟือ กอปรกับยุคนั้นเป็นช่วงที่ข่าวสารในแวดวงสันตะสำนักแห่งวาติกันค่อนข้างตึงเครียด มีการเพ่งเล็งและตอบโต้ข้อกล่าวหาการล่วงละเมิดทางเพศของบาทหลวงคาทอลิกมากมาย ข่าวสารภาษาไทยของ Pope Report จึงได้รับการเผยแพร่แทบทุกวัน วันละหลายชิ้น

“สมัยก่อนจะมีลูก ผมทำทุกวันเลย เลิกงานกลับมา 6 โมงเย็นถึง 2 ทุ่มก็นั่งหน้าคอม เตรียมรายงานข่าวพระสันตะปาปาถึงเที่ยงคืน ตี 1 แล้วผมก็ไปนอน วันรุ่งขึ้นก็ไปทำงาน”

ผู้คนโดยมากไม่ได้รู้ว่าวินเป็นเจ้าของ Pope Report ยกเว้นคนใกล้ชิดอย่างสมาชิกครอบครัว

“พ่อแม่ผมอาจจะมีความรู้สึกภูมิใจนิด ๆ นะครับที่รู้ว่าลูกทำเรื่องแบบนี้ ส่วนภรรยาผมรู้สึกเหมือนแบบว่า มึงทำอะไรของมึงทุกคืนวะ ดึก ๆ ดื่น ๆ นั่งทำอะไรอยู่นั่นแหละ” เขาหัวเราะครืน

อานิสงส์ของการไปเรียนต่อที่ยุโรปคือการได้อยู่ใกล้นครรัฐวาติกัน เมื่อไหร่ที่วินมีเวลาว่าง อย่างวันเสาร์และอาทิตย์ เขาก็จะจับเครื่องบินจากสวีเดนมาลงที่กรุงโรมเสมอ ๆ

“คิดว่าไปวาติกันมาประมาณ 10 ครั้งได้แล้วครับ ผมอยากมาใกล้ชิด มาดูว่าเป็นยังไง”

Pope Report ผู้นำเสนอข่าววงในของประมุขคาทอลิกเป็นภาษาไทยมาครึ่งชีวิต ผ่านยุคสมัยโป๊ป 3 พระองค์ เคยเซลฟี่กับโป๊ปฟรังซิส

ที่นั่น วินได้รู้จักมักคุ้นกับนักข่าววาติกันหลายชีวิต หลายคนยังติดต่อกันอยู่เสมอ และคอยทำหน้าที่เป็นกาคาบข่าววงในมาให้ข้อมูลความคืบหน้าที่ฉับไว ถูกต้อง เที่ยงตรงกว่าสื่อทุกหัวในเมืองไทย

“นักข่าววาติกันพวกนี้เป็นคนมากหน้าหลายตา ส่วนมากเป็นคนธรรมดาแบบพวกเรา บางกลุ่มเขาทำเพราะรักจริง บางกลุ่มทำเพราะเป็นหน้าที่ อย่างเช่นผมรู้จักนักข่าวจาก Reuters หรือพวก CNN ที่ถูกส่งมาที่วาติกัน เขาจะเขียนว่า Specialize in Covering Vatican News สมมติ Reuters ส่งนักข่าวมาวาติกัน เขาต้องส่งจดหมายมาหานครรัฐวาติกันว่านักข่าวคนนี้มาประจำวาติกัน แล้วทุกคนก็จะมีป้ายรับรองว่าคนนี้เป็นสื่อประจำที่มาทำข่าว อย่างตอนที่ผมเคยได้ความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่วันที่โป๊ปยอห์น ปอลที่ 2 เป็นนักบุญ ผมก็ต้องส่งชื่อเข้าไปยืนยันเพื่อรับรองว่าเป็นนักข่าวในเซกชันนี้”

ดังนั้น นอกจากเว็บไซต์ของนครรัฐวาติกันที่เขาใช้เป็นแหล่งข่าวหลักตั้งแต่แรกรายงานข่าวโป๊ป กลุ่มนักข่าววาติกันเหล่านี้ก็จะเป็นคนคอยป้อนข่าวให้เสมอ ๆ

“มีประมาณ 3 คนครับ แต่ 3 คนนี้เป็นเชิงลึกทั้งนั้นเลยครับ โป๊ปทำอะไรคนพวกนี้จะรู้ก่อน แหล่งข่าวต้องมีหลายสาย ที่แน่ ๆ ต้องมีอิตาเลียน เพราะนครรัฐวาติกันใช้ภาษาอิตาเลียน สองคือสายสเปน แต่สายที่สามคือเยอรมัน ใช้บ่อยสมัยโป๊ปเบเนดิกต์ อีกสายคืออังกฤษ แต่ผมไม่ค่อยได้ใช้ครับ”

ตอนนี้แอดมินเพจ Pope Report กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นวงในแล้วหรือยัง

“ไม่รู้จะอวดตัวไหม” เขาหัวเราะแหย ก่อนตกปากรับคำ “ใจจริงก็กล้าครับ ผมกล้า”

ยุคสมเด็จพระสันตะปาฟรังซิส

(สมณสมัย ค.ศ. 2013 – ปัจจุบัน)

พระนามเดิม พระคาร์ดินัลฮอร์เค มาริโอ แบร์โกโญ ทรงเป็นชาวอาร์เจนตินาเชื้อสายอิตาเลียน ได้รับเลือกเป็นประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกตั้งแต่ปี 2013 หลังการสละตำแหน่งของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ถือเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่ไม่ใช่ชาวยุโรป

Pope Report ผู้นำเสนอข่าววงในของประมุขคาทอลิกเป็นภาษาไทยมาครึ่งชีวิต ผ่านยุคสมัยโป๊ป 3 พระองค์ เคยเซลฟี่กับโป๊ปฟรังซิส

“ถ้าเป็นยุคของโป๊ปฟรังซิสที่เราอยู่นี่ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือความเมตตา อย่าไปตัดสินว่าคนนี้ผิด หลายสถานการณ์เราไปตัดสินเขา แต่เราไม่เข้าใจบริบทที่แท้จริงของช่วงนั้นว่ามันเป็นยังไง ท่านสอนเสมอให้มีความเมตตาต่อทุกคนที่มีความเดือดร้อน และอย่าไปตัดสินคนโดยใช้บรรทัดฐานของตัวเองเป็นหลัก”

ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความเศร้าในสมณสมัยของโป๊ปยอห์น ปอลที่ 2 คลุกเคล้าความเครียดตลอดสมณสมัยของโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 วินพูดได้เต็มปากว่าสมณสมัยของโป๊ปฟรังซิสคือยุคแห่งความสุข

“ยุคโป๊ปฟรังซิสเป็นเหมือนมิติใหม่ของคนเป็นโป๊ปที่เข้าถึงได้ง่าย ทำอะไรที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนแหวกขนบธรรมเนียมประเพณีของคนที่เป็นโป๊ปทุกอย่าง เลยคิดว่านี่เป็นยุคที่รายงานข่าวมีแต่ความสุข เพราะมีภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โป๊ปปล่อยให้คนได้เข้าไปใกล้ชิด เด็กได้เข้าไปหาได้หมดทุกอย่าง อยู่ ๆ โป๊ปเดินออกมานอกวาติกัน เข้าร้านตัดแว่น แถว ๆ บันไดสเปนแถวนั้น คนก็แตกตื่นกัน”

ความมัธยัสถ์ สมถะ ไม่ถือพระองค์ของพระสันตะปาปาพระองค์นี้เห็นได้จากการเลือกใช้พระนาม ‘ฟรังซิส’ ของ นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ผู้ดำเนินชีวิตตนด้วยความเรียบง่ายใกล้ชิดคนจน ไม่เพียงเท่านั้น หลักคำสอนของโป๊ปพระองค์แรกที่ทรงพระนามว่า ฟรังซิส ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

“บทเทศน์ของโป๊ปฟรังซิส ก็แบบที่เราคุยกันนี่ล่ะครับ ยุคโป๊ปยอห์น ปอล กับโป๊ปเบเนดิกต์จะลึกมาก เป็นเทวศาสตร์ ต่อให้เป็นคาทอลิกเองก็เข้าไม่ถึง ไม่รู้ว่าหมายความว่ายังไง ไม่รู้จะแปลยังไง แต่โป๊ปฟรังซิสจะเป็นบทเทศน์ที่เข้าใจได้เลย เช่น อย่านินทา การนินทาถือเป็นปีศาจ ปีศาจเข้ามาอยู่ในกระเป๋าสตางค์เรา เขาจะสื่อว่าปีศาจก็คือตัวเงินที่จะทำให้เราเสียคนได้ การนินทาเป็นบ่อนทำลาย คือโป๊ปจะเน้นเรื่องประมาณนี้ให้คนเข้าใจได้ง่าย ๆ ครับ”

Pope Report ผู้นำเสนอข่าววงในของประมุขคาทอลิกเป็นภาษาไทยมาครึ่งชีวิต ผ่านยุคสมัยโป๊ป 3 พระองค์ เคยเซลฟี่กับโป๊ปฟรังซิส

ไม่แน่ว่าวินอาจจะได้รับกำลังใจจากคำสอนของพระสันตะปาปาชาวอาร์เจนตินาหรือเปล่า ภาษาที่เขาใช้เขียนในเพจตนจึงเป็นไปด้วยความเรียบพื้น ไม่ประดิดประดอยถ้อยคำสวยหรู จนบางครั้งมีคริสตชนด้วยกันออกมาวิพากษ์ว่าใช้คำไม่ถูก

“ผมพยายามเอาคำสอนของพระสันตะปาปามาถ่ายทอดให้คนไทยเข้าใจได้ง่าย ๆ เพราะผมรู้สึกว่าสมัยก่อนผมคิดว่าข้อเสียของคาทอลิกอย่างหนึ่งคือการถ่ายทอดคำศัพท์ยาก ๆ คำศัพท์เทวศาสตร์ บางทีต่อให้คาทอลิกด้วยกันบางทียังไม่เข้าใจ ผมเลยคิดว่าจุดยืนอย่างหนึ่งเวลาที่ผมทำข่าวคือผมจะใช้คำศัพท์ที่คนทั่วไปที่ไม่ใช่คาทอลิกให้เข้าใจให้ได้ เพราะฉะนั้นจะมีคำศัพท์บางคำที่เป็นคำเฉพาะ ผมจะแปลให้มันเข้าใจง่ายที่สุด จนบางคนบอกว่าผมใช้คำผิด แต่ผมรั้นแล้วจะบอกว่าทำกันเอง อ่านกันเองแล้วกัน คุณไม่ได้อยากแบ่งปันให้คนต่างศาสนาให้เขาได้รู้หรอกว่าความหมายของพวกเราเป็นยังไง”

Pope Report ผู้นำเสนอข่าววงในของประมุขคาทอลิกเป็นภาษาไทยมาครึ่งชีวิต ผ่านยุคสมัยโป๊ป 3 พระองค์ เคยเซลฟี่กับโป๊ปฟรังซิส

จากได้พบสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 โดยที่พระองค์มิทรงรับรู้การมีตัวตนอยู่ของเขา ตามด้วยการลุกขึ้นกล่าวในที่ชุมนุมเยาวชนโลกต่อสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 กูรูด้านข่าวสารพระสันตะปาปาจากเมืองไทยเพิ่งได้เข้าใกล้องค์พระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน และตัวแทนของพระเป็นเจ้าแห่งคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกทั่วพื้นพิภพเป็นครั้งแรกในปี 2014 หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้รับการแต่งตั้งดำรงสมณสมัยได้ปีเดียว

“เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงงานประกาศให้โป๊ปยอห์น ปอลที่ 2 เป็นนักบุญ ข้อดีของการทำข่าวพระสันตะปาปามานานคือผมจะรู้ว่าทุกวันพุธ โป๊ปจะเสด็จฯ ออกมาสอนคำสอนคน แต่จะมีความพิเศษคือคู่แต่งงานคู่ไหนก็ตามที่ใส่ชุดแต่งงานมา จะมีสิทธิ์ได้เข้าเฝ้าฯ โป๊ป ทหารอารักขาชาวสวิสจะเปิดประตูให้เข้าไปโดยไม่ต้องโชว์อะไรเลย ให้เข้าไปนั่งหน้าสุดได้เลย เมื่อก่อนคนไทยไม่ค่อยรู้

“ผมแต่งงานกับแฟนปี 2013 แต่วันที่จะไปทำข่าวการแต่งตั้งนักบุญของโป๊ปยอห์น ปอลที่ 2 ผมบอกแฟนให้เอาชุดแต่งงานไปด้วย เพราะอยากทดสอบทฤษฎีนี้ว่าจริงมั้ย ซึ่งก็จริงด้วย”

Pope Report ผู้นำเสนอข่าววงในของประมุขคาทอลิกเป็นภาษาไทยมาครึ่งชีวิต ผ่านยุคสมัยโป๊ป 3 พระองค์ เคยเซลฟี่กับโป๊ปฟรังซิส

ไม่ต้องบอกว่าวินเกร็งแค่ไหนกับการได้เข้าประชิดองค์พระสันตะปาปาเป็นครั้งแรก เขาเห็นคู่บ่าวสาวชาวสิงคโปร์ฝึกพูดภาษาอิตาเลียน ท่องสคริปต์ไว้กล่าวกับโป๊ป เขาจึงทำการบ้านว่าประเทศไทยมีสิ่งใดที่เชื่อมโยงกับโป๊ปพระองค์นี้บ้าง ก่อนจะพบว่าพระองค์มีพระญาติคนหนึ่งคือ ซิสเตอร์อานา โรซา ซิโวรี ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ เป็นซิสเตอร์อยู่ที่จังหวัดอุดรธานี

“ผมก็เซฟรูปซิสเตอร์ไว้ก่อน แล้วบอกกับโป๊ปฟรังซิสว่าผมมาจากเมืองไทยนะ ประเทศเดียวกับที่ซิสเตอร์อานา โรซาอยู่ ท่านก็ร้องว่า Oh! My Cousin (โอ้! ญาติพ่อเอง) จากนั้นท่านก็ถามพวกผมว่า พวกลูกมาจากอุดรธานีหรือเปล่า ผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเราอยู่กรุงเทพฯ โป๊ปตอบว่า ไม่เป็นไร ฝากไปบอกซิสเตอร์ด้วยนะว่าพ่อฝากความคิดถึงมาให้ แล้วท่านก็พูดกับเราว่า อย่าลืมสวดภาวนาให้พ่อด้วยนะ”

วินกับภรรยาได้ก้มลงรับพรจากตัวแทนพระเจ้าบนพื้นดิน ก่อนจะขอถ่ายภาพเซลฟี่กับพระองค์ กลายเป็นภาพถ่ายแห่งความทรงจำที่ยังตราตรึงในใจสามีภรรยาคู่นี้ไม่รู้ลืม

Pope Report ผู้นำเสนอข่าววงในของประมุขคาทอลิกเป็นภาษาไทยมาครึ่งชีวิต ผ่านยุคสมัยโป๊ป 3 พระองค์ เคยเซลฟี่กับโป๊ปฟรังซิส

Pope Report ดำเนินการนานกว่า 15 ปี นักศึกษาปริญญาตรีในวันแรกที่เริ่มทำได้ผันสถานะเป็นเจ้าของธุรกิจ สามี และพ่อของลูก 2 คน ไม่มีสถานภาพใดได้มาเปล่า ๆ ทั้งหมดมาคู่กับความรับผิดชอบอีกมากล้น เป็นเหตุให้วินต้องห่างหายจากการกระจายข่าวคราวของพระสันตะปาปาที่ตนรัก

“พอมีลูกคนแรกก็ยังมีทำบ้างครับ เพราะบางทีภรรยาช่วยเลี้ยงลูกคนโตได้ แต่พอมีคนที่ 2 ผมเลยต้องเลือก เลยหยุดเพจไปก่อน แต่ช่วงที่หยุดผมรู้สึกคิดหนักมากเหมือนกัน เราต้องหยุดทำสิ่งที่เรารัก ทุกคนรอการทำงานตรงนี้อยู่”

ช่างบังเอิญที่ช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ ดันตรงกับช่วงที่พระสันตะปาปาฟรังซิสเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์เมื่อ 20 – 23 พฤศจิกายน ปี 2019 พอดี

Pope Report ผู้นำเสนอข่าววงในของประมุขคาทอลิกเป็นภาษาไทยมาครึ่งชีวิต ผ่านยุคสมัยโป๊ป 3 พระองค์ เคยเซลฟี่กับโป๊ปฟรังซิส

“ผมชอบบรรยากาศที่โป๊ปมาเยี่ยมลูก ๆ คาทอลิกที่ไม่มีโอกาสไปหาท่านที่วาติกัน โป๊ปมาหาด้วยตัวเอง ทักทายเป็นกันเอง แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ชอบคือมันเป็นการเผยแพร่สิ่งดี ๆ ของความเป็นคาทอลิกให้คนได้เห็นด้วยครับว่าสังคมนี้มันเป็นยังไง”

แต่วินพลาดโอกาสที่จะได้รายงานข่าวแสนสำคัญครั้งนี้ไปอย่างน่าเสียดาย!

“ท่านเสด็จฯ มาวันธรรมดา ช่วงนั้นธุรกิจผมเพิ่งตั้งใหม่ ผมเลยต้องเลือกงานก่อน”

ในช่วงเวลาที่หายหน้าไปจากเพจที่ตนรัก วินเคยประสบปัญหาทั้งหมดไฟ อยากเลิกทำ และอยากกลับมาทำแทบตาย แต่เวลาไม่เอื้ออำนวย

“ผมเลยไปปรึกษาผู้ใหญ่หลายท่านว่าควรทำยังไง ก็มีผู้ใหญ่ที่ผมเคารพท่านหนึ่ง เขาเป็นนักธุรกิจ ผู้บริหารในองค์กรใหญ่ ๆ ด้วย แต่เขาก็แบ่งเวลามาช่วยงานทางศาสนาเหมือนกัน เขาว่าเขาก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน เพราะเขาก็เคยมีลูก เขาก็คิดว่าจะเอายังไงต่อดี จะทำอันนี้ต่อ หรือดูแลลูกดี สุดท้ายเขาไปปรึกษาคุณพ่อของคณะพระมหาไถ่ คุณพ่อบอกว่าเวลานี้คุณควรโฟกัสที่ลูกก่อน เพราะอีก 10 ปี สมมติคุณดูแลลูกไป พระเจ้ายังให้เวลาคุณอยู่ ไม่ได้เอาเวลานี้ไปไหนหรอก คุณควรไปโฟกัสที่เด็กก่อน ถ้าคุณเลี้ยงลูกมาดี สังคมก็จะดี คือเขาก็ให้โฟกัสตรงนี้”

บางครั้ง บางอารมณ์ วินเคยคิดจะเลิกขาดจากชีวิตผู้สื่อข่าวโป๊ป แต่ทุกครั้งที่ความคิดพรรค์นี้เพิ่มมากขึ้น อยู่ ๆ วันหนึ่งก็มีเสียงในหัวขึ้นมาว่า จะไปไหน จะหนีไปไหน

Pope Report ผู้นำเสนอข่าววงในของประมุขคาทอลิกเป็นภาษาไทยมาครึ่งชีวิต ผ่านยุคสมัยโป๊ป 3 พระองค์ เคยเซลฟี่กับโป๊ปฟรังซิส

“คำนี้ทำให้ผมมาไตร่ตรองดู จนวันหนึ่งมาเห็นภาพหนึ่ง ชื่อภาพว่า Quo Vadis? แปลว่าเจ้าจะไปไหน เป็นเหตุการณ์ที่ นักบุญปีเตอร์ กำลังวิ่งหนีการถูกตรึงกางเขนตามพระเยซู แล้วเขาเห็นพระเยซูแบกกางเขนกลับไปที่มหาวิหาร เซนต์ปีเตอร์กำลังวิ่งหนีความตาย แต่พระเยซูแบกกางเขนมาบอกว่าเรากำลังจะกลับไปรับความตายอีกครั้ง แล้วเจ้าจะหนีไปไหน จะหนีเราหรอ ภาพนี้เลยทำให้ผมไตร่ตรองว่า เราจะไปไหน จะเลิกแล้วเหรอ ยังเลิกไม่ได้นะ คือแค่ให้พักชั่วคราว ผมรู้สึกว่าภาพนี้มันเตือนสติผมมาก”

เพราะคติธรรมที่ซ่อนอยู่ในภาพนี้เอง Pope Report ถึงยังอยู่มาจนถึงวันนี้

“ผมคิดจะเลิกเป็น 10 ครั้ง แต่พอผมจะเลิก มันก็จะมีคำว่า Quo Vadis? พร้อมกับรูปนั้นขึ้นมาในสมองผมทันที โทษนะครับ… เหมือนพูดว่า มึงจะไปไหน มึงจะเลิกไปไหน (หัวเราะ) ทุกครั้งที่ผมท้อ คิดว่าเลิกไปเลยดีกว่า คำนี้ก็จะพุ่งขึ้นมาว่าจะไปไหน จะเลิกไปไหนทุกที”

Pope Report ผู้นำเสนอข่าววงในของประมุขคาทอลิกเป็นภาษาไทยมาครึ่งชีวิต ผ่านยุคสมัยโป๊ป 3 พระองค์ เคยเซลฟี่กับโป๊ปฟรังซิส

หากจะเปรียบเพจของวินเป็นมนุษย์ บัดนี้มันคงเติบโตเป็นผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว ซึ่งแม้จะประสบปัญหานานามาทุกช่วงวัย แต่ก็ประคับประคองตนเองจนย่างเข้าปีที่ 21 ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

“ข้อสำคัญที่ผมได้มาจากการทำเพจนี้คือการถ่อมตนครับ เราซึมซับตัวตนของคนที่เป็นโป๊ปมาตั้งแต่โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 เพราะยุคโป๊ปยอห์น ปอลที่ 2 ท่านมีแต่ข่าวสุขภาพ พอเป็นโป๊ปเบเนดิกต์ ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดแล้วให้ยอมรับ ถ่อมตน อย่าอวดตัว ส่วนโป๊ปฟรังซิสจะให้เรียนรู้ว่าอย่าอวดดี โป๊ปจะบอกว่าอย่าคิดว่าตัวเองเก่ง อย่าเหลิง ถ่อมตัวเข้าไว้

“บางทีการทำข่าวกับทำธุรกิจส่วนตัวของผมมันทำให้ผมมีบุคลิกที่ขัดกัน ในโลกธุรกิจคือเราต้องมีการ PR ตัวเอง ประกาศว่าทำนู่นนี่นั่น ชิงพื้นที่สื่อให้ได้ ส่วนการทำข่าวโป๊ปคือพยายามจะบอกว่าอยู่เงียบ ๆ เข้าไว้ อย่าทำตัวเด่นดัง บางทีในใจมันก็ตีกันเอง แต่ยังไงเราก็ต้องถ่อมตัว อย่าเหลิง ผิดต้องยอมรับ รีวิวตัวเองตลอดเวลา ฮีโร่ของผมคือโป๊ปฟรังซิสกับโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 ท่านทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง คือผิดให้ยอมรับ ผมก็ต้องทำอย่างนั้นให้ได้เหมือนกัน”

Pope Report ผู้นำเสนอข่าววงในของประมุขคาทอลิกเป็นภาษาไทยมาครึ่งชีวิต ผ่านยุคสมัยโป๊ป 3 พระองค์ เคยเซลฟี่กับโป๊ปฟรังซิส

อนาคตข้างหน้า Pope Report จะได้ตีข่าวใดอีก ผู้ก่อตั้งเพจได้พยากรณ์ไว้ดังนี้

“ผมคิดว่าเป็นข่าวเรื่องตำแหน่งสันตะปาปากิตติคุณที่โป๊ปเบเนดิกต์เป็นอยู่ครับ เดี๋ยวคงจะมีการปฏิรูปตำแหน่งนี้กันใหม่ เพราะตำแหน่งนี้ไม่เคยมีมาก่อนในศาสนจักร มันเพิ่งมีครั้งแรกตอนที่โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 สละตำแหน่ง ตอนที่ท่านสละตำแหน่งเนี่ย เขาก็มีการถกเถียงกันในวาติกัน ในหมู่พวกนักเทวศาสตร์ว่าจะให้เป็นอะไรดี โป๊ปเบเนดิกต์เคยพูดเองว่าท่านอยากให้ทุกคนเรียกว่า ‘ฟาเธอร์เบเนดิกต์’ เป็นคุณพ่อเบเนดิกต์ ไม่ต้องเรียกว่าสันตะปาปากิตติคุณ กลับไปใส่ชุดดำแบบพระคาร์ดินัล แต่มันเกิดพลิกโผ กลายเป็นเรียกท่านว่าพระสันตะปาปากิตติคุณ ให้ใส่ชุดขาวของโป๊ปตามเดิม

“มีข่าวจากวงในวาติกันคือ โป๊ปฟรังซิสอาจเตรียมสละตำแหน่งด้วย แต่เรื่องการปฏิรูปตำแหน่งคือมีแน่นอน ไม่งั้นจะเกิดความสับสนมากขึ้น เหมือนยุคที่โป๊ปฟรังซิสเจอกับตัวเอง จะเชื่อฟังใครดี คาร์ดินัลบางคนงอนโป๊ปฟรังซิสก็วิ่งไปหาโป๊ปเบเนดิกต์ แต่ต้องยอมรับว่าโป๊ปเบเนดิกต์วางตัวดีมาก ก็เลยคิดว่าเรื่องการปฏิรูปตำแหน่งนี้เดี๋ยวเราคงได้เห็นกัน อีกอันผมคิดว่าเรื่องสละตำแหน่งโป๊ปฟรังซิสคิดว่าเป็นไปได้ เพราะผมคิดว่าท่านคงไม่อยู่ไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ท่านเคยพูดว่าถ้าไม่ไหวก็จะไม่ทนอยู่”

Pope Report ผู้นำเสนอข่าววงในของประมุขคาทอลิกเป็นภาษาไทยมาครึ่งชีวิต ผ่านยุคสมัยโป๊ป 3 พระองค์ เคยเซลฟี่กับโป๊ปฟรังซิส

ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดหรือไม่เกิด เกิดขึ้นช่วงปีไหน ลูกพระคริสต์คนนี้ก็จะตั้งตารอรายงานข่าวสำคัญนี้ต่อไปด้วยความรักและเทิดทูนในองค์ศูนย์รวมศรัทธาแห่งศาสนจักรคาทอลิก

“คงให้พระเจ้านำทางไปอย่างนี้ล่ะครับ ยังคงอยู่แน่นอน อีกอย่างที่ผมดีใจคือยุคนี้ผมไม่ได้ทำข่าวพระสันตะปาปาคนเดียว แต่มีเพจอื่น ๆ ที่ทำเกี่ยวกับคาทอลิกมากขึ้น เหมือนผมเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งที่พระเจ้าส่งมาให้ทำ เป็นเหมือนเครื่องถางหญ้ากรุยทางไปก่อนว่าอย่างนี้ทำได้ แล้วทุกคนมาทำตามก็ได้ ตอนที่ผมหยุดทำข่าวไป ผมเห็นเพจของทุกคนขึ้นมา ข่าวของพระสันตะปาปาไม่เงียบต่อไปแล้ว

“ถ้าจะต้องเปลี่ยนไปสักเรื่อง เมื่อก่อนมีผมแปลบทเทศน์ แต่ตอนนี้เพจอื่น ๆ เขาก็แปลกันได้ ผมเลยจะเปลี่ยนไปนำเสนอเรื่องเชิงลึก เรื่องวงในที่นำมาก่อนครับ ถ้าเกิดตามข่าว ผมก็เช็กข่าววงในปรากฏว่าไม่จริง ผมก็กล้ายืนยัน นาน ๆ อาจจะมาที แต่เป็นเชิงลึก เพื่อยืนยันว่าอันนี้เป็นข่าวจริงครับ”

Pope Report ผู้นำเสนอข่าววงในของประมุขคาทอลิกเป็นภาษาไทยมาครึ่งชีวิต ผ่านยุคสมัยโป๊ป 3 พระองค์ เคยเซลฟี่กับโป๊ปฟรังซิส

Writer

พัทธดนย์ กิจชัยนุกูล

พัทธดนย์ กิจชัยนุกูล

ชอบอ่านเขียนตั้งแต่จำความได้ สนใจวิชาสังคมศึกษาตั้งแต่จบอนุบาล ใฝ่รู้ประวัติศาสตร์ตั้งแต่อยู่ประถม หัดแต่งนวนิยายตั้งแต่เรียนมัธยม เขียนงานสารพัดด้วยนามปากกา “แพทริก เหล่า” ตั้งแต่เข้ามหา’ลัย

Photographer

Avatar

ผลาณุสนธิ์ ผดุงทศ

ช่างภาพที่โตมาจากเมืองทอง รักแมว ชอบฤดูฝน และฝันอยากไปดูบอลที่แมนเชสเตอร์