11 กันยายน 2024
1 K

“ตอนได้ยินครั้งแรกรู้สึกตกใจแล้วก็แปลกใจ มันจะมีใครเล่นได้ทั้ง 5 กีฬาในคนเดียว”

ไม่ใช่แค่เราที่แปลกใจเมื่อได้รู้จัก ‘ปัญจกีฬาสมัยใหม่’ แม้แต่ คิว-จ่าโทภูริช โยเฮือง ก็รู้สึก ซึ่งเขาคนนี้คือนักปัญจกีฬาสมัยใหม่ไทยคนแรกและในอาเซียนที่ได้เข้าแข่งขันในระดับโอลิมปิก

แต่คิวเปลี่ยนความแปลกใจเป็นการทำความรู้จักกีฬาประเภทนี้ เขาตัดสินใจเข้าร่วมทีมในวัย 14 ปี

ฝึกซ้อมได้ 1 ปี คิวก็ได้ชิมลางสนามแข่งแรก Modern Pentathlon World Cup 2018 จากนั้นก็ลงสนามต่าง ๆ จนมาถึงเอเชียนเกมส์ 2022 ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน คิวได้โควตาเข้าไปแข่งในโอลิมปิก 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ปัญจกีฬา หรือ Pentathlon เป็นกีฬาที่มีต้นกำเนิดตั้งแต่ยุคกรีกโบราณตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ยุคนั้นมีการแข่งขันกีฬา 5 ประเภท คือวิ่ง กระโดด พุ่งแหลม ขว้างจักร และมวยปล้ำ ก่อนที่ ปิแอร์ เดอ กูแบร์แตง (Pierre Frédy, Baron de Coubertin) บิดาแห่งโอลิมปิกสมัยใหม่ ซึ่งนำการแข่งขันโอลิมปิกมาปัดฝุ่นและปรับให้เข้ากับบริบทยุคสมัยใหม่ ปัญจกีฬาสมัยใหม่ในปัจจุบัน (Modern Patathlon) เลยปรับเปลี่ยนการแข่งกีฬา 5 ประเภท คือว่ายน้ำ ฟันดาบ ขี่ม้า วิ่ง และยิงปืน (ใช้เป็นปืนเลเซอร์) ต่อมามีการปรับรวมกีฬา 2 ประเภท คือวิ่งและยิงปืน เรียกว่า Laser-run

หัวใจหลักของการแข่งขันปัญจกีฬาสมัยใหม่ คือความกล้าหาญและการเผชิญหน้ากับบททดสอบภายใต้ความท้าทายทุกรูปแบบ เพื่อบรรลุไปสู่ชัยชนะ เป็นการแสดงว่ามนุษย์ก้าวผ่านขีดจำกัดต่าง ๆ ได้

ความยากในการเล่นกีฬาเป็นปัจจัยใหญ่ที่ทำให้ 10 ปีหลังการก่อตั้งสมาคมกีฬาปัญจกีฬาแห่งประเทศไทย มีนักกีฬาไทยคนแรกที่ได้เข้าไปแข่งในระดับโอลิมปิก ทางสมาคมยังคงเฟ้นหานักกีฬาหน้าใหม่ที่สนใจมาร่วมทดสอบความสามารถตัวเองไปด้วยกัน

การเผยแพร่ให้กีฬาชนิดนี้เป็นที่รู้จักยังเป็นเรื่องที่ทางสมาคมทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการไปโอลิมปิกของคิวทำให้ปัญจกีฬาสมัยใหม่เป็นที่รู้จักมากขึ้น 

เกือบครบเดือนที่โอลิมปิกจบลงไปแล้ว สีหน้าของคิวยังสดใสเหมือนที่เราเคยเห็นจากที่เขาให้สัมภาษณ์ เพราะผลการแข่งขันไม่สำคัญเท่าประสบการณ์ที่เขาได้รับจากการไปโอลิมปิกครั้งนี้ที่เจ้าตัวกำลังจะนำมาเล่าให้เราฟังในบรรทัดถัดไป เริ่มตั้งแต่จุดเริ่มต้นซึ่งย้อนไปไกลถึงคิวในวัย 7 ขวบ

เส้นทางชีวิต คิว-ภูริช โยเฮือง นักปัญจกีฬาคนแรกของไทยและอาเซียนที่ได้ไปแข่งโอลิมปิก

นักปัญจกีฬาฝึกหัด 

คุณเริ่มมาเป็นนักปัญจกีฬาได้อย่างไร

ผมเริ่มจากว่ายน้ำตอนอายุ 7 ขวบ เพราะข้างบ้านมีบ่อน้ำที่แม่กลัวว่าผมจะตกลงไปแล้วช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แม่เลยส่งไปเรียนว่ายน้ำ ตอนหลังผมเกิดชอบขึ้นมาเลยว่ายมาเรื่อย ๆ จนได้เป็นตัวแทนทีมชาติไปแข่งตอนอายุ 13 ปี ได้ที่ 4 กลับมา ผมกลับมาคิดว่าเราจะไปต่อทางนี้ดีไหม เพราะคู่แข่งเยอะ 

จนมีคนจากสมาคมฯ ที่อยู่ในช่วงกำลังหาคนเข้ามาเล่น เขามาแนะนำกีฬานี้พอดี เราได้ฟังก็โอเค ตัดสินใจไปร่วม

การจะเป็นนักปัญจกีฬาต้องทำอะไรบ้าง 

ผมโชคดีที่ว่ายน้ำมาก่อน เพราะกีฬาว่ายน้ำค่อนข้างปูพื้นฐานยาก ใช้เวลาเรียนรู้นานกว่ากีฬาชนิดอื่น ๆ ในความรู้สึกผมนะ ส่วนกีฬาอื่น ๆ เรามาฝึกซ้อมเพิ่ม วิ่ง ยิงปืน ฟันดาบ ขี่ม้า

ว่ายน้ำ ฟันดาบ ขี่ม้า วิ่ง และยิงปืน กีฬาไหนยากและง่ายที่สุดสำหรับคุณ

(นิ่งคิด) ถ้ายากที่สุดคงเป็นฟันดาบกับขี่ม้า ฟันดาบเราต้องอยู่กับคู่ต่อสู้ มีความกดดันมาเกี่ยวข้อง ส่วนขี่ม้าไม่ใช่แค่ตัวเราแต่มีม้าด้วย ซึ่งกฎของปัญจกีฬาสมัยใหม่ นักกีฬาต้องสุ่มม้า ทำให้เรามีเวลารู้จักเขาประมาณ 15 นาทีก่อนแข่งขัน ไม่เหมือนการที่เราได้ขี่ม้าที่คุ้นเคย ฉะนั้น เวลาซ้อมขี่ม้า ผมต้องเปลี่ยนม้าไปเรื่อย ๆ เพื่อความเคยชิน 

กีฬาที่ง่ายที่สุดคงเป็นยิงปืน แต่ถ้าเอาไปรวมกับวิ่งก็ยากเหมือนกันครับ (หัวเราะ) เพราะวิ่งเสร็จมายิงปืนต่อ มีทั้งความเหนื่อยล้าและความกดดัน 

ถ้างั้นความสนุกของปัญจกีฬาอยู่ตรงไหน

ความสนุกคือความหลากหลายที่เราต้องทำทุกอย่างให้ได้ภายในคนคนเดียว และท้าทายตรงที่ไม่ใช่แค่เราทำให้ผ่าน ๆ เท่านั้น แต่ต้องทำให้ดีเพื่อที่จะชนะ เพราะกติกาจะดูเวลาที่ใช้แข่งในกีฬาแต่ละประเภท ถ้าทำเวลาดีก็ได้คะแนนดี ผมว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของกีฬาชนิดนี้นะ

เสน่ห์อีกอย่างผมว่าอยู่ที่การขี่ม้า เพราะเป็นอะไรที่ควบคุมไม่ได้ คนที่ได้ที่ 1 อาจกลายเป็นที่สุดท้ายได้ ขณะเดียวกันคนที่ได้ที่สุดท้ายก็อาจกลายเป็นที่ 1 ได้ 

ในระยะเวลา 7 ปีที่คุณฝึกซ้อมและลงสนามแข่งมากมาย เคยมีความคิดท้อหรืออยากเลิกทำไหม

ถ้าเลิกทำไม่มี แต่ท้อมีบ้างเวลาหลังจบการแข่งขัน บางครั้งเราหวังว่าใช้เวลาซ้อมเท่านี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง แต่มันก็ยังไม่ใช่วันของเรา ยิ่งถ้าเป็นรายการแข่งใหญ่ ๆ จะยิ่งรู้สึกผิดหวัง

อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีแรงฮึดฝึกซ้อมต่อไปเรื่อย ๆ 

ผมว่าน่าจะเป็นตัวผมกับความอยากของผม ผมก็เหมือนนักกีฬาหลายคนที่ตั้งเป้าอยากไปโอลิมปิกสักครั้งในชีวิต ผมมองว่าปัญจกีฬาจะพาผมไปสู่โอลิมปิกได้

ทหารเรือ 

คุณเป็นนักปัญกีฬาที่พ่วงมาด้วยยศทหารเรือด้วย 

ตอนจบ ม.6 ผมอยู่ในช่วงตัดสินใจว่าจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยหรือเป็นทหารเรือดี เพราะทางสมาคมฯ แนะนำมาว่าการเป็นทหารเรือเอื้อต่อการเป็นนักปัญจกีฬา ผมจึงตัดสินใจสอบเข้าทหารเรือควบคู่กับการเป็นนักปัญจกีฬา

นักปัญจกีฬาจำเป็นต้องเป็นทหารเรือไหม 

ไม่จำเป็นเลย ข้อสำคัญของกีฬานี้คือเวลา คุณมีเวลาฝึกซ้อมเพียงพอไหม ถ้าผมเลือกทางอื่นก็ไม่แน่ใจว่าจะแบ่งเวลามาฝึกซ้อมได้เต็มที่ไหม

การเป็นทหารเรือมีความได้เปรียบเชิงการเล่นกีฬาไหม

ได้เปรียบเรื่องวินัยและความอดทนมากกว่า ในการซ้อม 5 ชนิดกีฬา ถ้าเราไม่มีวินัย ก็จะขาดความสม่ำเสมอ ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญของการเล่นปัญจกีฬา

โอลิมปิกครั้งแรก 

คุณบอกว่าโอลิมปิกเป็นความฝันของคุณ คุณทำอย่างไรถึงได้ไป

ก่อนหน้าผมได้ไปเอเชียนเกมส์ที่หางโจว โค้ชบอกว่ามีโควตา 5 ที่สำหรับไปโอลิมปิกนะ เราน่าจะมีโอกาสได้ที่ 5 เพราะ 4 ลำดับแรกน่าจะเป็นของเกาหลี ญี่ปุ่น จีน และคาซัคสถาน เราได้เปรียบเรื่องขี่ม้าด้วย เพราะประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนเขาไม่ถนัดขี่ม้า นี่เป็นความได้เปรียบของเรา สุดท้ายก็ได้โควตา

การแข่งขันปัญจกีฬาจะมี 5 ทัวร์นาเมนต์ที่สำคัญในแต่ละปี แบ่งเป็นระดับ World Cup 4 ครั้ง และ World Championship 1 ครั้ง นักกีฬาจะเก็บสะสมคะแนนไปเรื่อย ๆ ถ้าคะแนนผ่านก็ได้ไปโอลิมปิก นอกนั้นเป็นพวกโควตาต่าง ๆ อย่างที่เอเชียนเกมส์

 ได้ยินว่าก่อนไปโอลิมปิกคุณไปเก็บตัวที่โปรตุเกส ทำไมถึงเลือกที่นี่ 

โปรตุเกสเป็นประเทศที่ผมไปแข่งบ่อย โค้ชผม (เบิร์นฮาร์ด อันเดรส) ดูสถานที่แล้วว่าโอเค เหมาะที่จะเก็บตัว มีสนามฝึก อาหารการกิน สภาพอากาศก็ดี ทางโปรตุเกสก็สนับสนุน เลยเลือกที่จะเก็บตัวที่นี่ประมาณ 8 เดือน

ชีวิตนักกีฬาโอลิมปิกเป็นอย่างไรบ้าง 

อย่างแรกคือว้าวสถานที่แข่งก่อน จริง ๆ ว้าวตั้งแต่ที่สนามบินแล้วที่มีคนมารอต้อนรับเต็มไปหมดเลย สนามแข่งก็สวย อย่างสนามขี่ม้ามีฉากหลังเป็นพระราชวังแวร์ซายส์ ผมว่ายากมากที่จะหาสนามได้สวยขนาดนี้ 

ผมรู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นมาก ๆ (เน้นเสียง) เพราะเป็นโอลิมปิกครั้งแรก แต่พอไปอยู่ในสนาม ความตื่นเต้นกลับหายไป เหมือนไปโฟกัสที่กีฬาแทน ผมพยายามไม่คิดว่านี่เป็นการแข่งขันใหญ่ คิดว่าเป็นแค่แมตช์หนึ่งที่กำลังแข่งกับตัวเอง ความกดดันและตื่นเต้นเลยลดลงไปบ้าง

แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมเพิ่งเคยเจอ คือกองเชียร์ การแข่งที่ผ่านมาของผมคนเชียร์จะไม่เกินพันคน แต่คราวนี้หลักหมื่นทำให้ผมหวั่น ๆ เวลาได้ยินเสียงเขาเฮ บางทีเรายิงปืนได้นัดหนึ่งคนก็เฮหนึ่งที ส่วนเราก็โอ๊ย ขาสั่น (หัวเราะ) เป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างตกใจ แต่ผมว่าคงต้องหาทางรับมือต่อไป 

ระหว่างที่แข่งคุณมีการบริหารหรือวางกลยุทธ์ไว้อย่างไร

การแข่งขันจะเป็นการจับกลุ่ม นักกีฬาแต่ละคนจะเริ่มหาข้อมูลคนในกลุ่มนั้น ๆ ผมก็ใช้วิธีนี้แหละ ศึกษาคนในกลุ่ม สมมติคนนี้อ่อนด้านว่ายน้ำ ผมก็จะเอาทุกอย่างไปลงที่ว่ายน้ำเพื่อให้ได้คะแนนห่างจากเขามากที่สุด บางคนโค้ชมาถ่ายคลิปไปดูตอนซ้อมก็มี หรือศึกษาจากการแข่งครั้งที่ผ่านมา เป็นข้อดีที่ผมไม่ค่อยลงแข่งเยอะ คนจะไม่รู้สไตล์การเล่นของเรามาก 

น่าจะมีอารมณ์ความรู้สึกเกิดขึ้นกับคุณเยอะในระหว่างนี้ คุณมีวิธีจัดการอย่างไร

ผมใช้วิธีพูดกับตัวเอง ดึงตัวเองให้อยู่กับปัจจุบัน บางทีเอาน้ำแข็งมาประคบหัวให้ร่างกายเย็นลง จะได้นิ่งขึ้น ให้ไปโฟกัสจุดเดียว เพราะเวลาคิดมาก ต้องตัดทุกอย่างให้ไปโฟกัสที่จุดเดียว หรือให้คนทำอะไรที่เบี่ยงเบน อย่างตบมือหรือตบตามตัวเราก็ได้ 

เรื่องที่ทำให้คุณคิดมากคืออะไร

เวลาแข่งเสร็จแล้วรู้ว่าตัวเองพลาดอะไรไป เช่น ตอนผมขี่ม้าผมพลาดขาไปโดนเครื่องกีดขวาง โชคดีที่ม้าไม่ล้ม โค้ชก็ตะโกนมาว่าให้ไปต่อ พอจะข้ามเครื่องถัดไปผมดันยกตัวก่อนม้า ทำให้หัวเราไปกระแทกคอม้าเสียการควบคุม จนไปข้ามเครื่องถัดไปไม่ทันต้องวนไปใหม่ มันติดอยู่ในใจว่าเราพลาด แต่โค้ชบอกว่าผมแก้สถานการณ์ได้ดีแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะยอมแพ้ไปแล้วก็ได้ เพราะตอนนั้นขาข้างหนึ่งผมหลุดจากที่ใส่เท้าแล้ว ตัวอาจเอียงหล่นจากม้าเมื่อไรก็ได้ ผมก็คิดในใจว่าถ้าหล่นจะไปต่อไหม แต่คิดอีกทีว่านี่เป็นโอลิมปิกนะ ครั้งหน้าไม่รู้จะได้มาไหม เลยพยายามทำให้เต็มที่

ตอนว่ายน้ำเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกหมดแรง (หัวเราะ) หมดแรงจริง ๆ แขนแทบจะไม่รู้สึกอะไร เหมือนว่ายไปด้วยความรู้สึกอยากทำให้สำเร็จ คือร่างกายหมดแล้วแต่ใจยังไปต่อ เราอยากจบแบบเคลียร์ ๆ ตอนเห็นผลเวลาเลยแปลกใจ

ได้เรียนรู้อะไรจากการมาโอลิมปิก 

ได้ประสบการณ์ ได้ความรู้ใหม่ ๆ จากนักกีฬาคนอื่น ๆ ด้วย ได้ภาษาด้วย

โค้ช

คุณเรียกโค้ชว่าเป็นเหมือนพ่อคนหนึ่ง เขาอยู่มาตั้งแต่วันแรกไหม

ใช่ครับ โค้ชเบิร์นฮาร์ด อันเดรส เขาเป็นคนเยอรมัน อยู่กับผมตั้งแต่วันแรก ดูแลผมเหมือนพ่อคนหนึ่งเลย อำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง แต่จะมีเว้นระยะห่างให้เราได้ใช้ชีวิต โค้ชขอแค่เรามาซ้อมตามตารางที่วางไว้กับทำให้เต็มที่

ตารางที่โค้ชวางไว้เป็นยังไง

สมมติอาทิตย์นี้เน้นว่ายน้ำ วันแรกว่ายน้ำตอนเช้า บ่ายเข้ายิม เย็นไปวิ่ง วันถัดไปวิ่งตอนเช้า ว่ายน้ำตอนกลางวัน ฟันดาบตอนเย็น แต่ตารางปรับเปลี่ยนได้ โค้ชดีตรงที่ไม่ฝืนถ้าเห็นว่าผมไม่ไหว สมมติวันนี้ผมฟันดาบไม่ได้เลย โค้ชจะสลับไปยิงปืนแทน เขาจะคอยถามผมตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง

โค้ชว่ายังไงบ้างที่คุณได้ไปโอลิมปิก

โค้ชเคยเป็นนักกีฬามาก่อน เขาก็มีความฝันเหมือนกันว่าอยากไปโอลิมปิก เขาบอกผมว่าเขาไปไม่ได้แล้วในฐานะนักกีฬา คิดว่าสักครั้งในชีวิตถ้านักกีฬาที่ตัวเองดูแลได้ไปคงภูมิใจ

โค้ชแฮปปี้ตั้งแต่ผมได้ไปเอเชียนเกมส์แล้วนะ เขาภูมิใจสุด ๆ แล้วในจุดนั้น

ชีวิตบทถัดไป

ชีวิตหลังจากจบโอลิมปิกของคุณเป็นอย่างไร 

ผมขอพัก 2 อาทิตย์ จริง ๆ ไม่ได้ขอหรอกแต่โค้ชให้ไปพัก เขาให้เหตุผลว่าเราใช้เวลากับโอลิมปิกมาเยอะแล้ว ควรกลับไปพักผ่อนใช้เวลากับครอบครัว นี่ครบ 2 อาทิตย์ ผมเริ่มกลับมาวิ่งแล้ว ร่างกายมันชิน (ยิ้ม)

เริ่มวางแผนชีวิตวัย 22 ปีหรือยัง 

วางไว้บ้างแล้วครับ ผมอยากไปเรียนต่อ ตอนนี้เลือกอยู่ในช่วงเลือกว่าจะเรียนคณะอะไรดีระหว่างรัฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์การกีฬา และบริหารธุรกิจ เพื่อชีวิตในอนาคต แล้วก็มีเป้าหมายอีกอย่าง คือผมอยากไปญี่ปุ่นครับ (ยิ้ม) พอดีเอเชียนเกมส์ครั้งหน้าจัดที่ญี่ปุ่น เลยอยากไปสักครั้ง (หัวเราะ) เป็นเป้าหมายทางกีฬาที่ผมตั้งขึ้นมาตอนนี้

ก่อนคุณก้าวขาออกจากปารีส ได้ชิมมัฟฟินช็อกโกแลตอันเลื่องชื่อไหม 

ไม่ได้ชิม! โค้ชไม่ให้ผมกินเพราะมันจะทำให้ผมอ้วน (หัวเราะ) ผมไม่ได้กินเลย วันสุดท้ายก่อนจะกลับก็ไม่ได้กิน เข้าไปวันแรกเห็นวางอยู่เลย แต่ผมไม่ได้หยิบขึ้นมากิน ถ้ากลับไปได้ก็อยากไปลองครับ เพราะมีคนมาขอให้ลองไปกินเยอะเหมือนกัน

Writer

เพ็ญสินี ธิติธรรมรักษา

เพ็ญสินี ธิติธรรมรักษา

ชีวิตขับเคลื่อนด้วยแสงแดดและหวานร้อย

Photographer

โตมร เช้าสาคร

โตมร เช้าสาคร

ชอบถ่ายวิวมากกว่าคน ชอบกินเผ็ดและกาแฟมาก เป็นคนอีโค่เฟรนลี่ รักสีเขียว ชวนไปไหนก็ได้ไม่ติด ถ้ามีตัง