บาส-ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์ นั่งวีลแชร์ด้วยท่าทางสบายๆ โดยมีเจ้า ‘ขนเงิน’ แมวอ้วนขี้อ้อนนอนขดตัวทิ้งน้ำหนัก 7 กิโลกรัมอยู่บนตักมาราวชั่วโมงกว่า ขนสีขาวของมันหลุดร่วงติดเต็มกางเกงช่วงต้นขา อวัยวะส่วนสำคัญที่พาให้เจ้านายคว้าแชมป์จักรยานเสือภูเขาตั้งแต่อายุ 13 กวาดถ้วยรางวัลรุ่นเยาวชนและติดทีมชาติตอนอายุ 19 ก่อนทะยานสู่นักปั่นดาวรุ่งคนที่ 2 ของไทยที่ได้ออกไปเทิร์นโปรค้าแข้งในรายการระดับนานาชาติ รวมถึงทำสถิติสูงสุดซึ่งยังไม่เคยมีนักปั่นไทยคนใดสามารถ ในการแข่งขันร่วมสนามกับสิงห์นักปั่น ตูร์ เดอ ฟรองซ์ (Tour de France)

ทว่านับจากประสบอุบัติเหตุเมื่อกลางปีผ่านมา ขาทั้งสองข้างของบาสก็กลายเป็นอวัยวะไร้ความรู้สึกรู้สา

ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์ โปรจักรยานหมายเลขสองของไทย ผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่บนวีลแชร์

ผมมาถึง Sai Cycling Bike Shop พร้อมสายฝนเทกระหน่ำ ร้านจำหน่ายอุปกรณ์จักรยานขนาดย่อมแห่งนี้เป็นที่รู้จักมักคุ้นกันดีในกลุ่มคนรักจักรยาน และเป็นจุดหมายปลายทางที่บรรดานักปั่นต่างหาโอกาสแวะยามปักหมุดเยือนพะเยา เพราะไม่เพียงสารพัดสินค้าคัดสรรบนชั้นวางที่ดึงดูด แต่หลายคนอยากมาที่นี่เพื่อพบปะพูดคุยกับบาส ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร้านและไอดอลของพวกเขา

แม้วันนี้สภาพร่างกายจะยังไม่ฟื้นคืนเต็มร้อย แต่จิตใจของบาสดูมั่นคงเกินกว่า เขายิ้มแย้มทักทายผมขณะกำลังปั่นจักรยานกายภาพบำบัดไฟฟ้า พลันขยับมาแบ่งปันเรื่องราวตลอดเส้นทางนักปั่นที่ผ่านมา บทเรียนสำคัญในวันที่ล้ม ตลอดจนการลุกขึ้นเผชิญหน้ากับวิถีชีวิตใหม่อย่างมีความหวัง

ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์ โปรจักรยานหมายเลขสองของไทย ผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่บนวีลแชร์

เข้าวงการ

เด็กหลังห้อง ตัวผอมกะหร่อง ชอบเล่นฟุตบอลแต่วิ่งไม่เอาไหน ครั้นลองว่ายน้ำได้ไม่เท่าไรก็ถอดใจเลิกล้ม

หากหมุนเวลาย้อนกลับไป บาสเล่าว่าเขาเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาที่ไม่เก่งทั้งทักษะวิชาการ ส่วนกีฬาก็ไม่โดดเด่น จนช่วงประมาณชั้นประถม 6 นั้นเองที่เขาเริ่มหันมาเอาดีกับการปั่นจักรยาน เมื่อบังเอิญได้ดูการถ่ายทอดการแข่งขันจักรยานทางไกล ตูร์ เดอ ฟรองซ์ เกมกีฬาอันทรหดบนเส้นทางท้าทายและการขับเคี่ยวชิงไหวชิงพริบ จุดประกายความชื่นชอบ 

กอปรกับคำขอซื้อจักรยานคันแรกในชีวิตผ่านการอนุมัติ ทุกเย็นหลังสัญญาณออดเตือนหมดคาบเรียนสุดท้าย บาสจะรีบพุ่งกลับบ้าน สลัดชุดนักเรียนเปลี่ยนชุดกีฬา แล้วควบจักรยานเสือภูเขาคันเก่งออกมารวมกลุ่มซ้อมกับเพื่อนชมรม ‘ธนกรจักรยาน’ ที่มี ธนกร วัฒนปรีดา และ สมศักดิ์ พรพรรณ สองอดีตนักปั่นทีมชาติเป็นผู้ก่อตั้งและฝึกสอน ก่อนจะติดสอยห้อยตามก๊วนสมัครลงแข่ง แทบทุกสนามเขาได้รับเพียงความพ่ายแพ้เป็นกำนัล แต่ในทางกลับกัน สิ่งนี้คือแรงผลักดันให้บาสหมั่นฝึกซ้อม ซ้อมเสริมนอกรอบ และพยายามซ้อมหนักกว่าใคร จนกระทั่งปีถัดมา เขาก็สามารถกำชัยชนะแรกจากการแข่งขันจักรยานเสือภูเขา รุ่นอายุ 13 ปี รายการสิงห์-คาลเท็กซ์ เมาเท่นไบค์ ไทยแลนด์โอเพ่น

จักรยานไม่เพียงปลดล็อกเด็กชายปวกเปียกให้กลายเป็นนักกีฬาที่เข้มแข็ง ทว่ายังหล่อหลอมความมีระเบียบวินัย ซึ่งส่งผลให้การเรียนของเขาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จวบเลื่อนชั้นมัธยมปลาย บาสขยับมาจับจักรยานเสือหมอบ และถูกดึงตัวร่วมสังกัดทีมสยามไบค์ ต่อด้วยสยามบารา เขาค่อยๆ เติบโตเป็นหนุ่มพร้อมโชว์ฟอร์มการปั่นที่จัดจ้าน โดยทำผลงานโดดเด่น อาทิ แชมป์รุ่นเยาวชน 2 สมัยและแชมป์รุ่นทั่วไปจากการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์แห่งประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ รวมถึงก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนทีมชาติ คว้าอันดับ 5 จากการแข่งขันจักรยานประเภทถนน ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ด้วยวัยเพียง 19 ปี

ความมุ่งมั่น เงินรางวัล และเหรียญกีฬาซีเกมส์ เปิดโอกาสให้บาสได้ลงมือทำ 2 สิ่งที่ใฝ่ฝัน 

หนึ่ง ปลุกปั้นร้านจักรยาน Sai Cycling Bike Shop ธุรกิจที่ก่อร่างจากความรักและความสุข 

สอง ประลองฝีแข้งในดินแดนต้นกำเนิด ตูร์ เดอ ฟรองซ์ เพื่อไต่เต้าสู่เส้นทางนักปั่นระดับมืออาชีพ

เทิร์นโปร

“พอจบซีเกมส์ ก็มีนักปั่นชาวญี่ปุ่นแนะนำว่า ถ้าผมอยากพัฒนาไกลกว่านี้ ต้องไปเก็บประสบการณ์ที่ฝรั่งเศสให้ได้สักครั้ง ผมเลยลองปรึกษากับทีมต้นสังกัดและครอบครัว ซึ่งทุกคนพร้อมสนับสนุนเต็มที่ เลยได้ไปใช้ชีวิตอยู่ฝรั่งเศสสามเดือน โดยเข้าร่วมกับทีมระดับสโมสร ตระเวนแข่งหลายรายการ ยอมรับว่าหินกว่าที่คาด เหนื่อยแต่ก็คุ้มค่า เพราะเราได้เรียนรู้อะไรเยอะมากเหมือนกัน” บาสเล่าประสบการณ์เทิร์นโปรครั้งแรกด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ในวัย 20 ต้นๆ เขาเป็นนักปั่นไทยหมายเลขสองรองจาก ประจักษ์ มหาวงศ์ ที่ได้ลงสนามค้าแข้งยังต่างแดน

ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์ โปรจักรยานหมายเลขสองของไทย ผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่บนวีลแชร์
ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์ โปรจักรยานหมายเลขสองของไทย ผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่บนวีลแชร์

ในศึกจักรยานทางไกลนานาชาติ ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2009 บาสกลับมาฉายแววร้อนแรงอีกครั้งและกลายเป็นที่จับตามองทันที เมื่อเขาคว้าตำแหน่งรองแชมป์ พ่วงรางวัล Best ASEAN ซึ่งถือเป็นนักปั่นไทยคนแรกที่คว้ารางวัลนี้ โดยสามารถทำ GC (General Classification) หรืออันดับเวลารวมจากจุดสตาร์ทถึงเส้นชัยได้ยอดเยี่ยมที่สุดในอาเซียน ทำให้ปีต่อๆ มาเขาถูกทาบทามร่วมทีมจักรยานอาชีพ อย่าง Geumsan Ginseng Asia เกาหลี Terengganu Cycling Team มาเลเซีย และ OCBC Singapore Continental Cycling Team สิงคโปร์ สร้างชื่อในตำแหน่ง All Rounder หรือนักปั่นเก่งฉกาจรอบด้าน และโลดแล่นในแวดวงการแข่งขันจักรยานระดับนานาชาตินานกว่า 6 ปี ก่อนกลับมาเสริมทัพนักปั่นชุดบุกเบิกประจำทีม Thailand Continental Cycling Team ทีมจักรยานอาชีพทีมแรกและทีมเดียวของประเทศไทย

“พอย้ายมาทีมไทยแลนด์ คอนติฯ ผมก็สลับมาเป็น Super Domestique ผู้ช่วยหัวหน้าทีมและช่วยเพื่อนร่วมทีมให้คว้าชัยชนะ รวมทั้งวิเคราะห์เกมเฉพาะหน้า เพื่อสร้างเปอร์เซ็นได้เปรียบให้กับทีม” บาสเสริมต่อว่า ล่าสุดเขายังสร้างสถิติใหม่ของนักปั่นไทยที่ร่วมรายการ Japan Cup Cycle Road Race 2019

“รายการนี้เป็นรายการที่ผมชอบมาก เพราะได้ดวลกับนักปั่นระดับโปรทัวร์เก่งๆ ที่มีประสบการณ์ปั่นตูร์ เดอ ฟรองซ์ ซึ่งปีก่อนผมทำผลงานได้อันดับสามสิบสาม ดีที่สุดเท่าที่นักปั่นไทยเคยทำมา แล้วก็เป็นคนไทยคนเดียวที่ปั่นจนจบรายการแข่งขันครั้งนั้นด้วย” น้ำเสียงของเขาเปิดเผยความภูมิใจ

ขณะที่ทุกอย่างดูกำลังไปได้สวยบนเส้นทาง พายุนิรนามก็เหวี่ยงซัดชีวิตบาสให้กระเด็นหล่นในจุดที่ไม่คาดฝัน

ต่ำกว่าปกติ

11 นาฬิกาโดยประมาณ บนเส้นทางขากลับที่ใช้ซ้อมปั่นมาตั้งแต่เด็ก ระหว่างโฉบลงเนินบริเวณจุดชมทิวทัศน์กว๊านพะเยาด้วยความเร็ว 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จู่ๆ บาสก็รู้สึกเหมือนมีสายลมประหลาดพัดวูบ พลันกระชากสัมปชัญญะของเขาให้ดับราวสับสวิตช์ ก่อนสะลึมสะลือคืนสติยังโรงพยาบาล ท่ามกลางสายตาคนรอบข้างที่ไม่อาจเก็บซ่อนอาการวิตกกังวล

นอกจากสไตล์การปั่นที่หลายคนยกให้เป็นสายบู๊ลุยแหลก กล้าแลก และกล้าเสี่ยงสู้หลังชนฝา เพื่อนฝูงทุกคนต่างรู้ดีว่าบาสเป็นนักกีฬาที่มีวินัยสูงและขยันซ้อมจนเป็นนิสัย กระนั้นการฝึกซ้อมนี้เองก็ทำให้เขาประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่มาแล้ว 2 หน

อุบัติเหตุหนแรกเกิดขึ้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2561 ระหว่างฟิตซ้อมสำหรับลงแข่งศึกเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ในจังหวะที่กำลังเร่งทำความเร็วลงเขา บาสก็เสยเข้ากับท้ายรถกระบะที่จอดแอบริมทาง แรงปะทะส่งร่างลอยละลิ่วขึ้นไปอัดกระแทกกับมอเตอร์ไซต์ที่รถคันดังกล่าวบรรทุกมา จนทำให้ไหปลาร้าหัก กรามร้าว และปากฉีก

“การซ้อมครั้งนั้นถือเป็นครั้งแรกที่ผมเจ็บตัวหนักสุดเลยครับ ตอนถูกหามส่งโรงพยาบาลมีแวบคิดเหมือนกันนะว่า คงถึงเวลาที่เราต้องเลิกแล้วละมั้ง” บาสตรองความทรงจำ “แต่พอมาคิดดูอีกที เราก็อดไม่ได้ที่จะไม่ปั่นจักรยาน”

บาสหัวเราะแล้วเล่าให้ฟังต่อว่า ทันทีที่หมอดามเหล็กไหปลาร้าเสร็จสรรพ เขาก็กลับมาจับจักรยาน แล้วในไม่ช้าก็สามารถรับใช้ทีมชาติและคืนฟอร์มดังเดิม

กระทั่งอีก 2 ปีถัดมา ขณะเตรียมร่างกายลุยศึกจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย รายการที่บาสตั้งใจอยากนำถ้วยแชมป์มามอบแด่พ่อผู้ลาลับ ทว่าเขากลับต้องมาพบเจออุบัติเหตุที่พลิกผันชีวิตอย่างเกินความคาดหมาย

“มันเป็นการสูญเสียสองครั้งติดต่อ เพราะพ่อเพิ่งเสียกุมภาพันธ์ แล้วกรกฎาคมผมก็มาล้มอีก” บาสเรียกน้องชายให้หยิบหมวกจักรยานที่เขาสวมในวันนั้นออกมาให้ผมดู สภาพหมวกยับเยิน ปริร้าว และแตกหัก
“ทุกคนต่างบอกว่าไม่น่ามาพลาดเส้นทางบ้านตัวเอง โชดดีที่ยังมีชีวิตรอด ต้องขอบใจหมวกใบนี้ เพราะถ้าไม่มีมัน หัวคงเละ”

ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์ โปรจักรยานหมายเลขสองของไทย ผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่บนวีลแชร์

บาสฟื้นตื่นขึ้นที่โรงพยาบาลในสภาพแขนขาหัก กรามหัก มีเลือดคั่งในสมอง ซี่โครงทิ่มปอด และกระดูกสันหลังหักทับเส้นประสาท ส่งผลให้ช่วงล่างไร้ความรู้สึก โดยสันนิษฐานว่าต้นตอของเหตุการณ์เกิดจากก้อนหินลักษณะคล้ายถูกใช้รองซ่อมล้อรถซึ่งทิ้งไม่พ้นทาง หินเจ้ากรรมพาบาสสะดุดพุ่งเสียหลักหลังฟาดราวกั้นถนน

“ตอนแรกเราคิดว่าแค่กระดูกหัก รักษาตัวสักพักก็คงกลับมาใช้งานได้ แต่พอหาข้อมูลเรื่องกระดูกสันหลังกับแม่ เราก็เริ่มรู้แล้วว่าเปอร์เซ็นที่จะหายเป็นปกติมีน้อยมาก แม้แต่หมอยังไม่กล้าบอกว่าจะกลับมาเดินได้หรือไม่ได้ ช่วงนั้นเราเลยเครียดมาก คิดตลอดว่าทำไมต้องเป็นขา คือเราดูแลรักษาขาอย่างดีมาตลอดชีวิต รักษามันมากกว่าอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย เพราะเป็นเหมือนเครื่องมือหากิน แต่ตอนนี้กลับใช้การไม่ได้” บาสสะอึก
“เหมือนเราไต่จนสูงแล้วตกลงมาต่ำกว่าคนปกติ ทุกอย่างในชีวิตมันล่มสลายไปเลยครับ”

การตกลงมาต่ำกว่าคนปกติบั่นทอนความรู้สึกเขาอย่างสาหัส และมีบ่อยครั้งที่เขายอมรับว่าอยากทิ้งชีวิตนี้ไปเสียที แต่…

วัคซีนใจ

‘แม้ขาจะไร้ความรู้สึก ก็ต้องฝึกยืน’

ปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 บาสโพสสเตตัสสั้นๆ ลงเฟซบุ๊กพร้อมรูปภาพตัวเองในชุดผู้ป่วย ติดอุปกรณ์พยุงหลัง มือทั้งสองข้างกำชับราวจับมั่น เพื่อหัดทรงตัวยืนด้วยสีหน้าแจ่มใสและแววตาทอประกายความหวัง

บาสบอกว่าตลอดช่วงระยะเวลาการพักฟื้น เขาเฝ้ามองแม่ที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขายังมีชีวิตอยู่ต่อ แม่ลางานมาเยี่ยมบ่อยครั้ง จนตัดสินใจเช่าหอพักรายเดือนหน้าโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และคอยอยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจเขาเสมอ สิ่งนี้ส่งแรงพลังให้บาสอยากกลับมาฮึดสู้ เปลี่ยนมุมมองต่อข้อจำกัด ด้วยการยอมรับแต่ไม่สยบยอม เขาเพียรกายภาพบำบัด ฟื้นฟูความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน และปรับตัวเรียนรู้วิถีชีวิตใหม่บนวีลแชร์อย่างมุ่งมั่น

 “หลังกายภาพที่เชียงใหม่ครบแล้ว อาจารย์หมอที่รักษาผมยกให้ผมเป็นคนไข้ดีเด่นเลยนะ เพราะเวลานักกายภาพสอนอะไรมา บางคนอาจทำไม่ได้หรือใช้เวลาฝึกนาน แต่ผมทำได้เลย” บาสเล่ากลั้วหัวเราะ

โปรจักรยานหมายเลขสองของไทย ผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่บนวีลแชร์

“ตอนนี้เราก็พยายามทำกายภาพทุกวัน แต่ไม่ได้หวังเรื่องจะกลับมาเดินมากนัก แค่ขอให้มันกลับมามีความรู้สึกบ้างก็ถือเป็นกำไรชีวิตแล้ว เหมือนที่ผมปั่นจักรยานกายภาพบำบัดไฟฟ้าเมื่อกี้ คือมันช่วยให้ขาผมขยับ กล้ามเนื้อจะได้ไม่ลีบ จากเมื่อก่อนตอนปั่นจักรยานช่วงบนเล็ก ช่วงขาเป็นกล้ามทั้งนั้น ตอนนี้พลิกกันช่วงบนกล้ามเยอะ ส่วนขาเริ่มเล็กลง”
บาสส่งโทรศัพท์มือถือให้ดูภาพที่เขาถอดเสื้อยกวีลแชร์ ด้วยท่าทางคล้ายคนกำลังรีดกล้ามเนื้อหน้าอกในฟิตเนส พลันหัวเราะร่วนตอนผมแซวว่าหุ่นเฟิร์มอย่างกับ เดอะ แพ็คแมน (แมนนี ปาเกียว)

บาสย้ายกลับมาอยู่บ้านกับครอบครัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เขายอมรับว่าการเริ่มต้นชีวิตในรูปแบบใหม่นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย 

“ช่วงแรกๆ ผมคิดสั้นบ่อยมากเลยครับ แต่พอมานึกทบทวนดูว่าหมออุตส่าห์ยื้อชีวิตเราให้ฟื้นขึ้นมา แล้วถ้าเราตายไป แม่ น้องชาย และสำคัญที่สุดคือลูก จะเป็นยังไง ทุกวันนี้ผมจึงคิดว่าอยู่เพื่อลูก เพื่อแม่ และน้องชาย” 

โปรจักรยานหมายเลขสองของไทย ผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่บนวีลแชร์

ทุกเช้าบาสจะตื่นขึ้นมาทำกิจวัตร จัดแจงชงกาแฟและทานอาหารด้วยตัวเอง จากนั้นช่วยน้องชายจัดการธุระภายในร้าน เสร็จสรรพจึงใช้เวลาไปกับการปั่นจักรยานกายภาพบำบัดไฟฟ้า ฝึกยืนโดยใช้ Standing Wheelchair เล่นเวทแขน พอตกเย็นอากาศปลอดโปร่ง บาสจะยกวีลแชร์ขึ้นรถที่ปรับแต่งแฮนด์คอนโทรล ขับออกไปริมกว๊านพะเยา เข็นวีลแชร์ออกกำลังกาย ผ่อนคลายอารมณ์และปลดปล่อยความรู้สึก ก่อนกลับมาซิทอัป 150 ครั้ง เป็นโปรแกรมสุดท้ายของวันเพื่อเสริมแรงการทรงตัว

“ต่อให้ใช้ชีวิตอยู่บนนี้ เราก็ยังมีมือ มีแขน และมีสมอง ทำอะไรได้อีกหลายอย่าง ถึงตอนนี้ประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ผมทำทุกอย่างเองได้โดยไม่ต้องมีใครช่วยเหลือแล้วครับ”

เขาบอกอีกว่า นอกเหนือจากครอบครัวที่เป็นเสมือนวัคซีนใจให้เขาไม่ท้อถอย สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือเรื่องของการปรับมุมมองความคิด และเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบัน

“ถ้าเรามัวมานั่งนึกถึงแต่อดีต คิดว่าเราเคยทำสิ่งนั้นได้ เคยมีความสุขกับอะไรหลายๆ อย่าง แต่ตอนนี้เราทำไม่ได้ มันจะยิ่งท้อ ยิ่งคิดลบ และรู้สึกด้อย ฉะนั้น เราต้องพยายามอย่าหมกมุ่น และคิดเสียว่าเหมือนเกิดใหม่ เมื่อก่อนผมวางแผนอนาคตไว้เยอะ เช่น เรื่องการแต่งงานที่พอพ่อเสียก็เลื่อน แล้วตอนนี้เหมือนแทบจะยกเลิก สิ่งที่เราสูญเสียไม่ใช่แค่ขา แต่สูญเสียหลายอย่างที่มันเคยดี ทุกวันนี้ก็เลยพยายามลบลืมมันบ้าง บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร และอยู่กับปัจจุบันให้ได้มากที่สุด”

โปรจักรยานหมายเลขสองของไทย ผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่บนวีลแชร์

พลิกสังเวียนสู้

ทุกครั้งที่ล้ม เขาจะต้องลุกขึ้นสู้ หากอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่หนักหนา บาสยืนยันว่ายังไงเขาก็ต้องกลับมาจับจักรยานอยู่วันยังค่ำ แต่ในเมื่อไม่อาจเป็นได้ดังใจคิด ก็คงถึงคราวต้องพลิกสังเวียนสู้

คอร์ส ‘Training Camp Online by ภุชงค์’ คือโปรแกรมการฝึกสอนปั่นจักรยานออนไลน์ที่บาสเพิ่งเปิดรับลูกศิษย์ชุดแรกไปหมาดๆ และมีผู้สนใจเข้าร่วม 17 คน โดยในโปรแกรมนี้บาสจะรับหน้าที่เป็นโค้ชออกแบบตารางการฝึกซ้อมระยะ 3 เดือน ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของแต่ละคนมากที่สุด อาทิ ซ้อมเพื่อเตรียมตัวแข่งขัน ซ้อมเพื่อพัฒนาศักยภาพการปั่น หรือปั่นเพื่อลดความอ้วน ซึ่งผู้ร่วมโปรแกรมจะต้องฝึกซ้อมตามตาราง และส่งรายงานผลผ่านแอปพลิชัน Strava เพื่อให้บาสตรวจประเมิน เสริมคำแนะนำ ปรับปรุงแผนให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงจัดวางโปรแกรมการกินอย่างเหมาะสม

โปรจักรยานหมายเลขสองของไทย ผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่บนวีลแชร์

“คือทุกคนพยายามแนะนำว่าไหนๆ เราก็มีประสบการณ์เยอะ น่าจะแบ่งปันให้เกิดประโยชน์ดีกว่า ตอนนี้เราเลยลองทำโค้ชออนไลน์ เอาความรู้และทักษะที่เก็บเกี่ยวตลอดชีวิตมาสอนสำหรับคนที่รักการปั่นจักรยาน หรืออยากจริงจังกับการปั่น เพื่อนำไปปรับพัฒนาการฝึกซ้อมอย่างถูกต้อง”

การแบ่งปันทำให้อิ่มเอมใจและช่วยให้ไม่คิดฟุ่งซ่าน แต่สำหรับบาส ความสุขและเป้าหมายเดียวในชีวิตของเขา ณ ตอนนี้ คือการได้ใช้เวลาอันมีค่าอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด

โปรจักรยานหมายเลขสองของไทย ผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่บนวีลแชร์

Phuchong Saiudomsin Page พื้นที่แบ่งปันสารพันเรื่องราวเกี่ยวกับจักรยาน เทคนิคการปั่น และการฝึกซ้อม พร้อมไลฟ์สดเพื่อตอบทุกข้อสงสัยที่คนรักจักรยานอยากรู้ โดย บาส-ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์ และสำหรับใครที่สนใจเข้าร่วมคอร์ส Training Camp Online by ภุชงค์ เร็วนี้ๆ กำลังจะมีเปิดรับรุ่นสอง ติดตามสอบถามผ่านช่องทางนี้ได้เลย

Writer

Avatar

คุณากร

เป็นคนอ่านช้าที่อาศัยครูพักลักจำ จับพลัดจับผลูจนกลายมาเป็นคนเขียนช้า ที่อยากแบ่งปันเรื่องราวบันดาลใจให้อ่านกันช้าๆ เวลาว่างชอบวิ่งแต่ไม่ชอบแข่งขัน มีเจ้านายเป็นแมวโกญจาที่ชอบคลุกทราย นอนหงาย และกินได้ทั้งวัน

Photographer

Avatar

กรินทร์ มงคลพันธ์

ช่างภาพอิสระชาวเชียงใหม่ ร่ำเรียนมาทางศิลปะจากคณะที่ได้ชื่อว่ามีวงดนตรีลูกทุ่งแสนบันเทิงของเมืองเหนือ มีความสุขกับการกดชัตเตอร์ในแสงเงาธรรมชาติ ชอบแมว หมา และบ้าจักรยานไม่แพ้กิจกรรมกลางแจ้งอื่น ๆ