The Cloud X Park Origin

นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา บอกกับเราว่า ชีวิตวัยเด็กของเธอเป็นแบบเดียวกับดากานดาในหนังเรื่อง เพื่อนสนิท เปี๊ยบ เด็กสาวผู้เติบโตมาพร้อมกับธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่ และการผจญภัยไม่รู้จบ

หลังเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โชคชะตาพาเธอออกห่างจากธรรมชาติที่คุ้นเคย สู่เมืองใหญ่และเส้นทางการเป็นนักแสดงอาชีพ จนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่เธอโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง ผ่านบทบาทและคว้ารางวัลการันตีฝีมือทางการแสดงมาแล้วมากมาย

นอกจากบทบาทนักแสดงสาวมากฝีมือแล้ว นุ่นลงขันทำธุรกิจออกแบบด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อสังคม ( Social Enterprise) กับ ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร สามีของเธอ ธุรกิจของนุ่นและท็อปไม่ใช่ธุรกิจของคนแค่ 2 คนเท่านั้น แต่เกี่ยวพันเชื่อมโยงไปยังผู้คน สังคมและธรรมชาติรอบตัวอย่างลึกซึ้ง

แม้ชีวิตใหม่ในเมืองกรุงของนุ่นจะแตกต่างจากชีวิตในวัยเด็กแบบคนละฝั่งแม่น้ำ เพราะที่นี่ไม่มีทิวเขาและผืนป่าชอุ่มสุดลูกหูลูกตาแบบที่ๆ เธอจากมา แต่ชีวิตแบบคนเมืองแสนวุ่นวาย รายล้อมไปด้วยตึกสูงระฟ้าและรถรา ไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้ชีวิตของเธอหมดความสุขแต่อย่างใด เพราะเธอเข้าใจถึงองค์ประกอบของการทำให้ชีวิตของตัวเองสมบูรณ์แบบ เธอเข้าใจความต้องการของตัวเองดีว่า Perfect Living ในเมืองกรุงของเธอ ต้องเป็นที่ชีวิตที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ

เช่นเดียวกับ A Perfect Living Platform คอนเซปต์ล่าสุดของการสร้างที่อยู่อาศัยของ Park Origin ซึ่งเชื่อว่า ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกล สังคมจะไปเร็วแค่ไหน แต่ ‘ธรรมชาติ’ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ จึงออกแบบ Landscape ให้ใช้พื้นที่อย่างมีคุณค่า โดยนักออกแบบชั้นนำเพื่ออนุรักษ์พันธุ์ไม้ใหญ่ในพื้นที่เดิมใว้ และอาคารรูปแบบใหม่ในแนวคิด ‘Vertical Garden’ มีพื้นที่สีเขียวเล่นระดับเป็นขั้นบันไดถึง 1,500 ขั้น ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนไหล่เขา เสมือนสวนป่าคอนกรีตที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับคนเมือง รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานเพื่อสร้างกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติให้มีรายล้อมอยู่ภายในโครงการ ตลอดจนมี Facility ที่ให้ความรู้สึกว่าธรรมชาติยังอยู่รายล้อมรอบตัวเรา เพื่อให้ทุกจังหวะชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด แม้จะเป็นในเมืองใหญ่ที่วุ่นวาย

ทุกวันนี้นุ่นใช้ชีวิตอย่างสมดุล มีธรรมชาติที่เธอรักอยู่ในทุกจังหวะของ Perfect Living เธอทำได้อย่างไร บทสนทนาใต้ต้นไม้ในเมืองใหญ่ ว่าด้วยเรื่องธรรมชาติ การเยียวยา และความยั่งยืนชิ้นนี้ จะมอบคำตอบให้กับคุณ

“ทำไมนุ่นต้องเชื่อมโยงชีวิตไปหาธรรมชาติด้วย” เราถาม

“เพราะธรรมชาติคือบ้านหลังใหญ่ที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ” เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม

นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, Park Origin

วัยเด็กของคุณเติบโตมาอย่างไร ผูกพันกับธรรมชาติมากแค่ไหน

นุ่นโตที่จังหวัดลำปาง บ้านอยู่ในค่ายทหารที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ เราจึงเป็นเด็กที่เติบโตมากับดิน หญ้า และต้นไม้ ที่เรารู้สึกหวงแหนเป็นเจ้าของ เราสามารถปั่นจักรยานไปได้อย่างอิสระ ความทรงจำในวัยเด็กของนุ่นจึงมีธรรมชาติอยู่ด้วยเสมอ

บ้านนุ่นมีต้นมะม่วงที่ใหญ่ที่สุดในค่ายทหาร ช่วงฤดูออกผล ลูกมะม่วงดกมาก กลางคืนจะได้ยินเสียงคนแอบยิงหนังสติ๊กดีดมะม่วงบ้านเราตลอดเวลา (หัวเราะ) มีต้นกล้วยอยู่หลังบ้าน เวลาลอยกระทงจะมีต้นกล้วยถูกสังเวยหนึ่งต้น เพื่อเอาทุกส่วนตั้งแต่ลำต้นไปจนถึงใบมาทำกระทง

ดังนั้น เราจึงเป็นเด็กหญิงนุ่นที่อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมาตั้งแต่เด็ก ทุกวันนี้เวลาพี่ท็อปบอกว่าอยากปลูกนั่นปลูกนี้ เราก็จะแซวเขาเสมอว่า ชีวิตนี้เคยปลูกอะไรบ้างพ่อหนุ่มเมืองกรุง (หัวเราะ)

นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, Park Origin

การที่มีธรรมชาติอยู่รอบบ้านส่งผลอย่างไรต่อชีวิตบ้าง

ธรรมเนียมบ้านนุ่น เวลาทำอาหารกินกันเราจะใช้วัตถุดิบจากรอบรั้ว ถ้าพ่อบอกว่าวันนี้อยากกินยำยอดมะขาม หน้าที่นุ่นคือถือตะกร้า เดินออกไปเด็ดยอดมะขาม เดินรอบบ้านก็ได้ครบกะละมังใหญ่ ถ้าพ่ออยากกินน้ำพริก นุ่นก็จะไปเด็ดยอดกระถิน มีต้นตำลึงขึ้นตรงต้นมะขาม เราซื้อของเข้าบ้านน้อยมาก เพราะทุกอย่างเราปลูกเอง

อย่างหนึ่งที่เราตระหนักเมื่อโตขึ้น และสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น คือนุ่นเพิ่งมารู้ว่าเราเป็นคนติดหวาน เวลาผัดผักหรือปรุงอาหารอะไรก็ตาม รสชาติหวานจนแทบจะเป็นน้ำเชื่อมเลย จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้นุ่นกลับมารื้อสูตรอาหารที่แม่สอนสมัยเด็กๆ เพื่อทำอาหารกินเอง เพราะเวลาเราทำกับข้าวกินเอง เราจะควบคุมปริมาณน้ำมัน น้ำตาล และเครื่องปรุงชนิดต่างๆ ที่ใส่ลงไปในอาหารได้

ชีวิตคนเราทุกวันนี้อยู่กับการปรุงแต่ง แม้แต่การกินก็เช่นกัน เราจึงพยายามกลับไปสู่ธรรมชาติให้ได้มากที่สุด สู่รสชาติอันดั้งเดิม เลือกใช้วัตถุดิบที่ไม่ปรุงแต่ง เพราะธรรมชาตินั้นพอดีที่สุดแล้ว

นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, Park Origin

คุณได้เรียนรู้อะไรจากธุรกิจออกแบบด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อสังคมที่ทำอยู่บ้าง 

การที่เราก้าวเข้ามาทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ชุมชน และความยั่งยืนอย่างเต็มตัว มันทำให้เราได้พบเจอ พูดคุยกับคนที่ทำงานด้วยนี้จริงๆ จังๆ มากขึ้น เราได้เปิดโลกและรับรู้ถึงพลังงานบางอย่างที่มันไม่ใช่เรื่องของเม็ดเงินอย่างเดียว

ตอนที่ท็อปกับนุ่นทำ Eco Shop ร้านขายสินค้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีน้องคนหนึ่ง เขาได้แรงบันดาลใจจากบทสัมภาษณ์เราเรื่องสิ่งแวดล้อมในหนังสือพิมพ์ แม่ของเขา ทำอาชีพรับเย็บผ้าอยู่ที่โคราช แต่ละวันมีเศษผ้าเหลือเยอะมาก เขาเลยให้แม่เอาเศษผ้าที่เป็นขยะเหล่านั้นเย็บเป็นตุ๊กตาส่งมาขายที่ร้านของเรา สมัยนั้นนุ่นขับรถไปเอาตุ๊กตาที่สถานีขนส่งหมอชิตเองเลย (ยิ้ม)

คอลเลกชันตุ๊กตาเศษผ้าวางขายหมดเกลี้ยงทุกครั้ง เพราะฝรั่งเขาเห็นคุณค่าและอินกับเรื่องราวพวกนี้ ครั้งแรกที่เราโทรไปบอกน้องว่าตุ๊กตาขายหมดนะ แม่ของเขาตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าเศษขยะจะเอามาเพิ่มมูลค่าได้

เราไม่ได้ดีใจที่เขาขายได้ แล้วร้านเราได้เปอร์เซ็นต์จากตุ๊กตาของเขานะ แต่นุ่นโคตรรู้สึกดีที่ทำให้เขาเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมรอบตัว สร้างรายได้ เติบโต และต่อยอดออกไปไม่รู้จบ

นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, Park Origin

บริษัทใหญ่ๆ เขาอาจจะให้ความสำคัญกับเรื่องตัวเลข สถิติ ข้อมูล ให้ความสำคัญกับสิ่งที่มันจับต้องได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจนะ แต่แค่เขาต้องการอะไรที่วัดผลได้ อะไรที่มันเป็นรูปธรรม แต่คนตัวเล็กๆ เขาชอบเรื่องของใจ ความภูมิใจ ความสุขใจ เรื่องพวกนี้ไม่มีตัวเลขอะไรมาวัดได้ ว่าคุณมีความสุขในสิ่งที่คุณทำแค่ไหน มันเป็นเรื่องของใจล้วนๆ

เวลานุ่นทำงานกับคนตัวเล็กและคนตัวใหญ่ เราต้องเข้าใจธรรมชาติของคนทั้งสองกลุ่ม เพราะเราอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง บริษัทยักษ์ใหญ่เขาจะไม่ทำ CSR หรืออะไรพวกนี้ก็ได้ เขาเอาเงินไปต่อยอดธุรกิจให้รวยขึ้นๆ ก็ได้ แต่เขาเลือกจะมาทำบางสิ่งเพื่อสังคม ถือว่าเขามีน้ำใจด้วยซ้ำที่แบ่งปัน ถ้าไม่มีเงินขับเคลื่อน โปรเจกต์มันก็ไม่มีทางไปอยู่ดี

นุ่นกับท็อปจึงเลือกที่จะทำธุรกิจเพื่อสังคม เราอยากช่วยสังคม เราอยากช่วยสิ่งแวดล้อม เราอาจไม่ได้หวังผลกำไร 100 เปอร์เซ็นต์ แต่มันต้องมีเงินเข้ามาหล่อเลี้ยงพนักงานบริษัท ตัวเรา และทำให้ฟันเฟืองของโปรเจกต์ต่างๆ ดำเนินต่อไปได้ และกลายเป็นธุรกิจทีี่มีความยั่งยืน

นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, Park Origin

ชีวิตของคุณในทุกวันนี้ นับเป็น Perfect Living หรือยัง

อาชีพนุ่นตอนนี้คือเป็นแสดงและคนทำธุรกิจ ในเส้นทางการแสดง จากที่เคยเล่นเป็นนางเอก ตอนนี้เริ่มได้รับบทแม่ เราเล่นเป็นแม่น้องบอส วศิน ในละครเรื่อง เรือนเบญจพิศ เราเห็นสัจธรรมบางอย่างว่าทุกอาชีพมีเวลาของมัน

เราทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชุมชนกับพี่ท็อป ถ้าวันหนึ่งเหตุการณ์บ้านเมืองไม่ดี หรือมีเหตุการณ์อะไรก็ตามเกิดขึ้น นักท่องเที่ยวไม่มา ทุกอย่างก็จะชะงักไป แม้กระทั่งเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เป็นหัวใจของงานที่เราทำอยู่ เป็นงานเชิง CSR ร่วมกับบริษัทใหญ่ๆ ถ้าวันหนึ่งเศรษฐกิจโลกฝืดเครือง บริษัทเหล่านั้นขาดยอดกำไร งานในส่วนนี้จะเป็นสิ่งแรกๆ ที่จะถูกตัดออก เราจึงเห็นความไม่แน่นอน ความไม่ยั่งยืน ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ

แล้ว  Perfect Living ในความหมายของคุณเป็นอย่างไร

สำหรับตัวนุ่น Perfect Living จะต้องเป็นชีวิตที่ยั่งยืน แล้วอะไรล่ะที่ยั่งยืน ก็ธรรมชาติยังไงล่ะ

สิ่งหนึ่งที่นุ่นค้นพบและเชื่อว่าเป็น Key Success ของความยั่งยืน คือแนวพระราชดำริเกษตรทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจแบบพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำทุกสิ่งเป็นวงจรที่ขับเคลื่อนและอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง นุ่นรู้สึกว่านี่แหละคือหนทางแห่งความยั่งยืนที่นุ่นมองหา

ความฝันเล็กๆ ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างของนุ่นตอนนี้ คือการทำสวนสมุนไพรบนที่ดินผืนเล็กๆ ริมลำเหมืองที่เชียงใหม่ เราทำอาหารและอยากใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ดังนั้น การปลูกเองจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ยั่งยืน

สวนสมุนไพรขนาด 1 ไร่ของนุ่นจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่เลือกปลูกสมุนไพรก็เพราะมันสามารถแปรรูปไปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อีกมากมายไม่รู้จบ ทั้งเครื่องดื่มสมุนไพร เครื่องสำอาง ยา หรืออาหารแปรรูป

สิ่งที่ทำให้นุ่นมีความสุขในทุกวันนี้ คือการเห็นพืชพรรณต่างๆ งอกงามบนพื้นที่ดินเล็กๆ ของเรา เพราะสิ่งเหล่านี้คือความยั่งยืน

สำหรับเด็กต่างจังหวัดที่ต้องมาใช้ชีวิตแสนวุ่นวายในกรุงเทพฯ คุณมีวิธีเยียวยาตัวเองอย่างไรบ้าง

ตอนนี้นุ่นอายุ 36 ปี ย้อนกลับไปสิบกว่าปีที่แล้ว ตอนที่นุ่นเล่นหนังเรื่อง ‘เพื่อนสนิท’ เราแบกเป้แบ็คแพ็ค นั่งรถทัวร์มากรุงเทพฯ เพื่อเริ่มต้นการทำงานในเมืองใหญ่ที่ไม่คุ้นเคย ชีวิตที่เติบโตมาท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้า พอมาเจอเมืองใหญ่ที่เราไม่รู้จักใครเลย มันไม่ง่ายเลยนะในช่วงเริ่มต้น

นุ่นเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บรรยากาศเหมือนภูเขา อาคารของแต่ละคณะถูกสร้างลดหลั่นกันไปตามเนินต่างๆ ทุกตึกในมหาวิทยาลัยเราจะมีต้นไม้ใหญ่แทรกตัวอยู่ด้วยเสมอ เด็ก มช. ทุกคนจึงคุ้นชินกับการมีเพื่อนตัวใหญ่ผู้มีลำต้น กิ่งก้าน และใบ

นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, Park Origin

วิธีเยียวยาตัวเองที่ง่ายที่สุดที่สามารถทำได้ของนุ่นในสมัยนั้น คือการไปสวนรถไฟช่วงค่ำๆ ถอดรองเท้าและเดินสัมผัสผืนดิน ผืนหญ้า สวนเป็นของเรา ต้นไม้เป็นของเรา ธรรมชาติที่เราคุ้นเคยเป็นของเรา ความเจ๋งก็คือมันไม่ได้มีแค่นุ่นคนเดียว เราพบเจอคนอีกหลายคนที่ใช้วิธีการนี้เยียวยาจิตใจ เป็นมิตรภาพเงียบๆ ของคนแปลกหน้าที่มาเจอกันใต้ต้นไม้ในเมืองใหญ่

แต่พอเราโตขึ้น ด้วยชีวิตและภาระหน้าที่การทำงาน จะให้ไปสวนรถไฟทุกวันก็คงไม่ได้ จากที่ต้องออกไปหาธรรมชาติเพื่อเยียวยา เราจึงเอาธรรมชาติเข้ามาสู่ชีวิตประจำวันของเราแทน เพราะสำหรับนุ่น แม้จะอยู่ในเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยป่าคอนกรีต แต่อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบที่จะทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ ต้องเป็นชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติ 

นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, Park Origin

 ธรรมชาติที่ทำให้เกิด A Perfect Living Platform ในมุมมองของนุ่น

สำหรับนุ่น การใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ เราต้องหาสมดุลของธรรมชาติในชีวิตให้เจอ

บ้านของนุ่นและพี่ท็อปเต็มไปด้วยต้นไม้ มีสีเขียวแทรกอยู่ในทุกอณู เพราะมันดีต่ออารมณ์และความรู้สึก ตอนแรกมีอุดมการณ์แรงกล้ามากว่าเราจะปลูกผักสวนครัว แต่ไปไม่รอดเพราะไม่มีเวลาดูแล (หัวเราะ) การอยู่กับธรรมชาติไม่ได้ยากเย็นและเต็มไปด้วยข้อจำกัดขนาดนั้น เราแค่ต้องหาสมดุลให้เจอ ถ้าชีวิตเรายุ่งมาก ก็เลือกทำเท่าที่ได้ก็เพียงพอแล้ว

เชื่อไหม แค่รดน้ำต้นไม้ก็เป็นการเยียวยาแล้วนะ เหมือนได้ Take a Break และ Shut Out ความวุ่นวายในโลกรอบๆ ออกไป ได้จดจ่ออยู่ที่สายน้ำที่ไหลกระทบต้นไม้เล็กๆ ของเรา สำหรับนุ่นการรดน้ำต้นไม้จึงเป็นเหมือนการนั่งสมาธิเลย

นุ่นมีแอพพลิเคชันเสียงธรรมชาติที่เอาไว้ฟังเวลาขับรถ มีทั้งเสียงฝนตก นกร้อง และอีกหลายเสียง เสียงเหล่านี้ทำให้นุ่นมีสมาธิ เวลากลับจากเล่นละคร ถ้าเป็นบทเกรี้ยวกราด เราจะเปิดเสียงน้ำไหลเพื่อปรับอารมณ์ให้เย็นลง วันเสาร์-อาทิตย์จะเปิดเสียงคลื่นซัดฝั่ง เพราะการใช้ชีวิตในเมืองมันยากที่จะเอาตัวเองไปอยู่ในธรรมชาติ นี่จึงเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่นุ่นใช้เพื่อช่วยเยียวยาบรรเทาการใช้ชีวิตในแต่ละวัน

นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, Park Origin

ในอนาคตนุ่นอยากทำฟาร์มผักในเมือง เพราะรู้ว่าคงเอาตัวเองไปอยู่เชียงใหม่ไม่ได้ และก็รู้ด้วยเช่นกันว่าชีวิตของเราขาดต้นไม้ ใบหญ้า สายลม แสงแดดไม่ได้ สมผัสของธรรมชาติเป็นยาที่บรรเทา แม้แต่เสียงของธรรมชาติยังช่วยเยียวยาเราได้ นุ่นเติบโตมากับความรู้สึกแบบนี้ นุ่นเลยอยากให้คนกรุงเทพฯ รู้สึกและได้รับพลังงานดีๆ จากธรรมชาติแบบที่เราได้รับ

แล้วการเอาธรรมชาติเข้ามาสู่ชีวิตประจำวันและที่อยู่อาศัย มันส่งผลดีอย่างไรกับตัวคุณ

เชื่อไหมว่าเวลาอยู่บ้านนุ่นไม่ชอบเปิดแอร์ โชคดีที่บ้านเป็นช่องลม ทำให้ลมโกรกสบาย เราสามารถนอนเปิดหน้าต่าง ฟังเสียงธรรมชาติรอบบ้านได้ เพลินๆ สบายๆ

ความหมายของธรรมชาติคือสิ่งที่เกิดมาแล้วไม่มีการปรุงแต่ง ไม่มีการบังคับควบคุม สังเกตไหมว่าต้นไม้ที่เราปล่อยให้เขาเติบโต จะงอกงาม แข็งแรงและเขียวขจี มนุษย์ก็เช่นกัน สภาวะแสนสบายตัวสบายใจเหล่านี้ จะทำให้เราอยากออกไปทำสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตด้วยพลังงานที่ได้รับการเติมเต็ม

บ้านของนุ่นจะต้องเป็นที่ที่เป็นได้ทั้งที่อยู่อาศัยและที่เยียวยาตัวเอง หลังจากที่เราออกไปเผชิญโลกข้างนอก เติมเต็มความรู้สึกและเอื้อกับธรรมชาติของเรา เพราะนุ่นเชื่อว่าทุกคนมีธรรมชาติของตัวเองอยู่ บ้านที่สมบูรณ์จะต้องเอื้อกับนิสัย ธรรมชาติ และตัวตน ของเรา พอเราได้อยู่ในที่ที่เป็นตัวของตัวเอง เราก็จะสบายทั้งร่างกายและจิตใจ

เพราะธรรมชาติคือบ้านหลังใหญ่ที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ

นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, Park Origin

A PERFECT LIVING PLATFORM

เพราะมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของ ‘ธรรมชาติ’ เป็นเผ่าพันธ์ที่ต้องสร้าง ‘สังคม’ และปัจจุบันปัจจัยรอบด้านนำพาการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งในโลกเข้าสู่ยุค ‘เทคโนโลยี’ ที่ล้ำหน้าและทันสมัย ทำให้วิถีการใช้ชีวิตของมนุษย์ต้องปรับเปลี่ยน ให้ก้าวทันโลกสมัยใหม่

‘Park Origin’ จึงสร้างขึ้นมาภายใต้คอนเซปท์ ‘A Perfect Living Platform’ ที่เข้าใจการใช้ชีวิตของคนเมืองได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยผสาน เทคโนโลยี สังคม และธรรมชาติ ได้อย่างลงตัว โดยที่ทุกคนไม่ต้องเสียเวลาวิ่งโหยหาสิ่งเหล่านี้จากภายนอก เพราะ 3 สิ่งนี้ได้อยู่ใน Platform นี้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์แล้ว ที่ Park Origin Phayathai, Park Origin Thonglor และ Park Origin Phorm Phong

https://www.parkorigin.co.th/

Writer

Avatar

The Cloud

นิตยสารออนไลน์ที่เล่า 3 เรื่องหลักอย่าง Local, Creative Culture และ Better Living ส่งเนื้อหารายวัน แต่เสิร์ฟความประณีตแบบนิตยสารรายเดือน

Photographer

Avatar

ณัฎฐาจิตรา ชินารมย์รัตน์

ช่างภาพที่ชอบการแต่งตัว อยู่กับเสียงเพลงและหลงรักในความทรงจำ