20 ปีในวงการภาพยนตร์ของ เป็นเอก รัตนเรือง ผู้กำกับคนนี้ทำหนังยาวมา 10 เรื่อง เส้นทางหนังของเขาบรรจุเรื่องเล่ามากมาย เรื่องส่วนตัว เรื่องชาวบ้าน เรื่องรัก เรื่องตลก ไปจนถึงบู๊ล้างผลาญ และแต่ละเรื่องเดินทางไปฉายต่างประเทศมากมาย

ก่อนตัดสินใจดูภาพเคลื่อนไหว สิ่งแรกที่เราเห็นคือโปสเตอร์ภาพนิ่งสุดอาร์ต ดีไซน์ในหนังของเป็นเอกเฉียบคมเสมอ หน้าหนังที่มีหลากหลายเวอร์ชันตามแต่ละประเทศจึงเป็น ‘อุปกรณ์การขาย’ ที่ไม่ได้ทำหน้าที่แค่เชื้อเชิญผู้ชม แต่ยังบอกเล่าความคิดสร้างสรรค์และเรื่องราวเบื้องหลัง

ในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยแผ่นป้ายโฆษณาหนังที่ได้มาจากทั่วโลก เป็นเอกนั่งลง แล้วชี้ให้เราเห็นไอเดียข้างหลังภาพ ดีไซน์ทั้งคุ้นตาและแปลกตา ทำให้เราเห็นมิติทับซ้อนทางวัฒนธรรม ลูกเล่นสนุกๆ และมาร์เก็ตติ้งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน

เราจึงภูมิใจเสนอ มนต์รักโปสเตอร์ มา ณ ที่นี้

 

ฝัน บ้า คาราโอเกะ

Fun Bar Karaoke (2540)

ฝัน บ้า คาราโอเกะ

ตั้งแต่เราทำหนัง 4 – 5 เรื่องแรก มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อ ถก (ปุณลาภ ปุณโณทก) เป็นกราฟิกดีไซเนอร์ที่เก่งมากในยุคนั้นเป็นคนออกแบบให้ ถกมาจาก Propaganda แล้วตอนหลังไปเปิดบริษัทชื่อ Color Party Object

โจทย์ของ ฝัน บ้า คาราโอเกะ คือต้องขาย เร แม็คโดนัลด์ เพราะเป็นดาราคนเดียวในหนัง แล้วตอนนั้นเรดังมาก มีซีนหนึ่งในหนังที่มันนั่งขี้ แล้วเอาหูไปแนบกำแพง ฟังส้วมข้างๆ ว่าเขาตกลงเรื่องจ่ายงงจ่ายเงินอะไรกันไม่รู้ แล้วมันก็ยิงเขาแล้วฆ่าเขาในส้วม เราคิดว่าภาพนี้คงแปลกดี เป็นมันนั่งขี้อยู่แล้วเอาหูฟังและถือปืน ถกก็มาทำเลย์เอาต์ คิดฟอนต์ แล้วก็ทำโปสเตอร์ออกมา

เราทำหนังเรื่องแรกโดยไม่รู้ว่าการถ่ายภาพนิ่งต้องถ่ายให้เหมือนในหนังด้วย ไม่รู้เรื่องเลย ถ่ายมามั่วซั่ว ยำกันเละเทะมาก ต้องเอาโถส้วมมาเซ็ตถ่ายแล้วก็ทำให้มันไม่ค่อยจริงเท่าไหร่ เป็นโปสเตอร์สำหรับตอนไปเมืองนอก

ฝัน บ้า คาราโอเกะ

ของเมืองไทยเป็นภาพเรเหมือนเดิม แต่ข้างหลังมีซีนเล็กๆ จากหนังเต็มไปหมด คล้ายๆ การโฆษณาหนังไทยในสมัยนั้นที่เชื่อว่าต้องเห็นซีนจากหนัง เหมือนสมัยอาเปี๊ยกโปสเตอร์เป็นคนวาด แบบมีหน้าพระเอกนางเอกใหญ่ๆ แล้วข้างหลังเป็นซีนฉึก โอ๊ย อะไรแบบนี้ ก็ทำสีสันให้มันจี๊ดจ๊าดหน่อย ถกก็ทำให้อีกเหมือนกัน

 

เรื่องตลก 69

6ixtynin9 (2542)

เรื่องตลก 69

เรารู้ตั้งแต่เรื่องแรกว่าต่อจากนี้ไปถ้ากูทำหนัง ถ้ากูได้ทำโปสเตอร์เอง กูไม่มีวันเอานักแสดงมานั่งเซ็ตถ่ายใหม่ เพราะมันไม่เหมือนเลย ไม่ชอบ แล้วสมัยนั้นคิดอย่างเดียวว่าโปสเตอร์ต้องเอาภาพแรงๆ ไม่ได้คิดว่าเล่าเรื่องอะไรทั้งสิ้น ในหนังมันมีซีนหนึ่งที่หมิว (ลลิตา ปัญโญภาส) เอาปืนยัดใส่ปากตัวเอง เราเอาภาพนิ่งแตกๆ จากฟิล์ม 35 มม. มาให้ถกทำให้ เราคิดว่าสวยมาก แต่ Five Star บอกว่าโปสเตอร์อะไรภาพแตกขนาดนี้ แต่เราก็ทำออกมาอยู่ดี

เรื่องตลก 69

โปสเตอร์ที่เป็นภาพตีนหมิว ภาพลังไวน์ และมีขาตำรวจยื่นออกมาจากลังไวน์เหมือนศพ ไม่มีหน้า เป็นภาพจากหนัง เฟย์ (เฟย์ อัศเวศน์) นางเอก ฝัน บ้า คาราโอเกะ เป็นคนออกแบบ นี่คือโปสเตอร์ที่ไปเมืองนอก ไปเทศกาลต่างๆ

เรื่องตลก 69 เป็นเรื่องแรกที่ถูกซื้อโดยต่างประเทศ พอหนังถูกซื้อไปเข้าโรงฉายต่างประเทศ แต่ละประเทศเขาก็ไปทำอาร์ตเวิร์กของเขากันใหม่ เราไม่มีสิทธิ์เปลี่ยน แต่ส่วนมากเขาจะให้เราดูว่าแฮปปี้มั้ย เพราะถ้าผู้กำกับไม่แฮปปี้ ตอนเราต้องไปโปรโมตหนัง เราก็จะนั่งทำหน้าเหี้ยใส่นักข่าว เขาก็ไม่อยากได้ภาพนั้น ถูกมั้ย

เรื่องตลก 69

พอหนังไปญี่ปุ่น เขาไปทำฟอนต์คำว่า 6IXTYNIN9 เป็นเหล็กขึ้นมาใหม่ ทำเป็นเหมือนเลขหน้าห้องในเรื่อง สวยเลยฮะ

เวลาหนังไปเข้าประเทศต่างๆ เขาจะดีไซน์กลุ่มเป้าหมายก่อนว่าเป็นใคร เพราะบางเรื่องเขาขายคนละกลุ่มกับบ้านเรา อย่าง เรื่องตลก 69 เราขายความแข็งแกร่งของผู้หญิง เวลาที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แย่ๆ แล้วเอาตัวรอดยังไง แต่ว่าพอไปญี่ปุ่น เขาขายเรื่องเลือด เรื่องฆาตกรรม ดูหนังอาร์ตโหดๆ หน่อย แล้วคนญี่ปุ่นก็ไม่รู้จักดาราไทยอยู่แล้ว ไม่ต้องโชว์ดารา โชว์ความโหดดีกว่า

พอไปอเมริกาก็จะเป็นหมิวยืนทำหน้าเครียดๆ อยู่ แค่นั้นพอแล้ว ผู้จัดจำหน่ายเขาออกแบบเอง

เรื่องตลก 69

 

มนต์รักทรานซิสเตอร์

Transistor Love Story (2544)

มนต์รักทรานซิสเตอร์

มนต์รักทรานซิสเตอร์ ก็เป็นโปสเตอร์ที่เป็นบริษัท Doctor Head ทำ ด็อกเตอร์เฮดคือหัวหมอ เป็นบริษัทที่คุณวิสูตร พูลวรลักษณ์ เปิดบริษัทขึ้นมาทำโปรโมตหนัง ไฟว์สตาร์ก็ไปจ้างเขาตัดตัวอย่างและทำโปสเตอร์ ก็ตามสูตรเลยฮะ โปสเตอร์เป็นต๊อก (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) กับอุ้ม (สิริยากร พุกกะเวส) นั่งหันหลังชนกันกอดเข่า แล้วข้างหลังก็มีชิงช้าสวรรค์ ทำให้ดูลูกทุ่งเท่าที่จะลูกทุ่งได้ เขาอาจทำอะไรบางอย่างถูก เพราะเรื่องนี้เป็นหนังที่ได้รายได้ในไทยมากที่สุดของเรา ได้ยี่สิบกว่าล้าน

มนต์รักทรานซิสเตอร์

มนต์รักทรานซิสเตอร์ เป็นหนังเรื่องแรกที่ไปคานส์ ถกก็ทำโปสเตอร์อีกอันเป็นต๊อกกำลังร้องเพลง เขาทำให้มัน kitsch มากๆ สีสันเปรี้ยงปร้าง มาจากป๊อปคันทรี่ไทยแลนด์ แล้วก็มีไก่อยู่ตรงมุม อะไรที่ exotic ก็ยัดลงไปในโปสเตอร์ พออยู่ในมือถกแม่งก็สวยเลย

เรื่องนี้มีอีกประเด็น คือตอนไปเมืองคานส์ เราก็ทะเลาะกับโปรดิวเซอร์ฝรั่งนิดหน่อย เพราะปีนั้นมีหนังอินเดียชื่อ บาพัค ไปฉาย เราก็อยากใช้ชื่อ มนต์รักทรานซิสเตอร์ ไม่อยากแปล เขาก็จะแปลว่า Transistor Love Story ซึ่งเรารู้สึกว่า ไอ้เหี้ย มีอะไรที่น่าเบื่อกว่านี้อีกไหม แค่ได้ยินชื่อก็หลับแล้ว แต่สุดท้ายก็ยอม เพราะพวกนี้เขามีวิธีสื่อสารให้เรารู้ว่า เดี๋ยวหนังแม่งขายไม่ได้แล้วกูจะโทษมึง

มนต์รักทรานซิสเตอร์

โปสเตอร์ มนต์รักทรานซิสเตอร์ ที่ญี่ปุ่นแม่ง classy สวยมาก งามมาก ที่ญี่ปุ่นเขาไม่สนต๊อกเลยฮะ เขาไม่สนพระเอกทั้งที่มันเป็นเรื่องของไอ้แผน เพราะญี่ปุ่นเขากะขายความวินเทจเรโทรของบ้านนอกไทย กลุ่มเป้าหมายคือผู้หญิง เขาตีความว่ามันเป็นหนังผู้หญิง เพราะฉะนั้น โปสเตอร์ไม่มีต๊อกเลย เป็นอุ้มพายเรือ สวยมาก ใช้ฟอนต์ญี่ปุ่นทุกอย่าง ดูแล้วหนังเรื่องนี้โคตรมีคลาส แล้วตัวอย่างหนังเขาก็ตัดแทบจะมีแต่อุ้ม ตอนหนังเข้าโรงเขาเชิญเราไปกับอุ้ม ต๊อกไม่ได้ไป

 

รัก น้อยนิด มหาศาล

Last Life in the Universe (2546)

รัก น้อยนิด มหาศาล

ตอนไปถ่ายเรารู้เลยว่าซีนนี้แม่งเป็นโปสเตอร์แน่ๆ เป็นนุ่นนอนหนุนตักอาซาโน่แล้วหลับไปทั้งคู่ แล้วอีกรูปให้พลอยมานอนหนุนตักด้วย เพราะมันเป็นช่วงที่พระเอกเห็นผู้หญิงสองคนนี้ผสมกัน น้องกับพี่ เพราะจริงๆ ในเรื่องมันหลงรักพลอยก่อน แล้วพลอยโดนรถชนตาย

รูปนี้เป็น key art ที่ใช้เกือบทุกประเทศทั่วโลก key art นี้ประสบความสำเร็จมาก ทุกที่ใช้เหมือนกันหมด อาจต่างกันแค่เลย์เอาต์ Last Life in the Universe เป็นหนังที่คลุมเครือมาก แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก แล้ว key art มันก็เล่าเรื่องจริงๆ ว่าคนสองคนนี้มันมาเจอกันแบบเหนื่อยๆ

หนังเรื่องนี้ตอนไปเทศกาลได้รับการพูดถึงมาก คนชอบกันเยอะ ได้รางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลที่เวนิสด้วย ดังเลย ตอนนั้นเรายังนึกว่าเรื่องนี้กูแม่งเสร็จละนะ ควบคุมอะไรไม่ได้เลย กลายเป็นว่าฟลุก ออกมาดีที่สุดเฉยเลย ขายได้หลายประเทศมาก เป็นหนังที่ขายเมืองนอกได้เยอะที่สุดของเราเลยมั้ง

 

คำพิพากษาของมหาสมุทร

Invisible Waves (2549)

คำพิพากษาของมหาสมุทร

Invisible Waves เป็นหนังที่ทำให้เราตื่นจากความฝัน เป็นหนังเรื่องที่ 5 ของเรา เรื่องแรกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ตั้งแต่ เรื่องตลก 69 เป็นต้นมา เราทำหนังดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราก็ดังเรื่อยๆ จนถึงตอนที่เราทำ Last Life in the Universe เราคิดเลยว่าแม่งไม่มีอะไรหยุดกูได้ ในเมื่อกูทำหนังได้ทุกอย่างจริงๆ ทำอะไรก็ได้ มันจะออกมาดีแน่ๆ มั่นใจมาก Invisible Waves ก็เลยกดไปเบอร์สุดเลย ไม่ถ่ายโคลสอัพเลยทั้งเรื่อง แม่งล้มหน้าฟาดเลยฮะ เรียกว่าทุกคนพร้อมกระหน่ำด่า ความมั่นใจก็เรียกว่าเสียไปวูบหนึ่ง เพราะฉะนั้น ใครอยากทำโปสเตอร์ไรก็เชิญ (หัวเราะ)

Invisible Waves

ที่ญี่ปุ่นมันออกมาเป็นแบบนี้ น่าสนใจมากเลย เขาเอาภาพนิ่งจากตอนถ่ายหนังมาใช้ ขายมันเป็นหนัง Road Movie แปลว่าโปสเตอร์ต้องมีเป้ มีรถ แต่มันสวยจริงๆ ศิลปะในการทำโปสเตอร์ของญี่ปุ่นแม่งสุดยอด

Invisible Waves

ส่วนที่ฝรั่งเศสตลกมาก โปสเตอร์เป็นอาซาโน่ยืนมึนอยู่ๆ แบ็กกราวนด์เป็นสีดำหมดเลยนะ แล้วตัดต่อใส่ปืนในมือพระเอก ไม่เนียนเลย โฟโต้ช็อประดับเด็กนักเรียนมาก เราเห็นภาพนั้นแล้วขนลุกซู่ไปเลย เอากันอย่างนี้เลยเหรอ แต่ตอนนั้นหมดความมั่นใจเกินกว่าจะเถียงใคร ก็เลยยอมราบคาบ

 

พลอย

Ploy (2550)

พลอย

เรากลับมาเลียแผลด้วยการทำหนังเล็กๆ ควบคุมง่าย ไม่เอาแบบถ่าย 3 ประเทศ นักแสดงจาก 5 ประเทศ มีล่าม 7 คนอยู่ในกองถ่ายแล้ว ก็เลยทำหนังชื่อ พลอย เป็นเรื่องคนทะเลาะกัน ถ่ายในห้องโรงแรมห้องเดียวทั้งเรื่อง มีความสุขมาก

นี่คือโปสเตอร์ที่ไปคานส์ เราถ่ายเองแบบไม่ได้ดูกล้อง เห็นมั้ยว่าผมสายป่านในหนังไม่ได้ทรงนี้นะ ผมในหนังจะฟูๆ วันนั้นคือวันซ้อม เราไปเช่าห้องโรงแรมแล้วลองทำ make up test กัน แล้วสายป่านมันเบื่อเลยไปนอน เราเห็นก็เลยยื่นมือไปถ่าย แชะเก็บไว้ ไม่ได้คิดว่าจะเป็นโปสเตอร์ แต่เราก็เลือกภาพนี้ เพราะอิมแพ็คมาก ตามันเล่าทุกอย่าง

ตอนไปเมืองคานส์ เราก็ทะเลาะกับบริษัทตัวแทน เขาอยากจะใส่ tag line ว่า ‘Love has Expiration Date’ ความรักมีวันหมดอายุ โห นี่ทำซีรีส์เกาหลีเหรอ ขอร้องอย่าใส่ประโยคอะไรเลยได้มั้ย เราก็ทะเลาะกัน เถียงกันอยู่นั่น และในที่สุดก็ประนีประนอมว่าเราชนะ ไม่ใส่ในโปสเตอร์ แต่แอบไปใส่ใน Pressbook แทน

พลอย

ส่วนนี่คือโปสเตอร์ที่ไปฝรั่งเศส จะเห็นได้ว่าเกือบทุกประเทศที่หนังเรื่องนี้เข้าฉาย เด็กคนนี้เป็นสตาร์ของโปสเตอร์เกือบทุกประเทศ

พลอย

ส่วนของไทยไฟว์สตาร์ขอใส่หน้าหมิวเข้าไปด้วย ก็เลยเป็นสายป่านนอนกับหมิวนอน ให้เขาโปรโมตตามสบาย หนังเรื่องนี้ถือว่ารายได้ดีมากในเมืองไทย หนังคนอยู่ในโรงแรม คุยอยู่ 3 คนทั้งเรื่อง ได้สิบกว่าล้าน เราถือว่าเปรี้ยวแล้ว ความมั่นใจกลับมา ไม่ใช่เพราะเงิน แต่เพราะมันเป็นหนังที่เราชอบ เราควบคุมมันได้จริงๆ และมันเป็นธรรมชาติมาก

 

นางไม้

Nymph (2552)

นางไม้

นี่เป็นโปสเตอร์เวอร์ชันอินเตอร์ของ นางไม้ เราไปเจอศิลป์ (รมย์ศิลป์ สุขประเสริฐ) ซึ่งเป็นคนทำอาร์ตเวิร์กแบบไม่มีการใช้คอมพิวเตอร์เลย นั่งทำมือ แล้วแก้ไม่ได้ ถ้าจะแก้ต้องเริ่มใหม่ เราก็ให้เขาทำเพราะมันสวย เราอยากได้โปสเตอร์อาร์ตๆ

สมัยก่อนเราถูกสปอยล์ หมายความว่าเวลาไปเทศกาลหนัง ไปคานส์ ไปเวนิส ไปเบอร์ลิน ทั้งไฟว์สตาร์และ Fortissimo Films ที่เป็นบริษัทตัวแทน เขาเชื่อใจให้เราจัดการ ปกติบริษัทตัวแทนเขาจะเป็นคนทำโปสเตอร์ หรือถ้าเราทำเขาก็จะตรวจ เพราะเขาต้องเป็นคนไปขายหนัง พอเขายอมให้เราใช้โปสเตอร์นี้ตอนหนังไปคานส์ มันไม่ขายของเลย บริษัทตัวแทนก็เลยปวดกบาล เอาตีนก่ายหน้าผาก

ส่วนโปสเตอร์ไทยก็เป็นรูปกิ๊บซี่ เพราะต้องการขายกิ๊บซี่

นางไม้

 

ฝนตกขึ้นฟ้า

Headshot (2554)

ฝนตกขึ้นฟ้า

ฝนตกขึ้นฟ้า key art ของเมืองไทยคือเอาภาพพระเอกมากลับหัว แต่ตอนไปเมืองนอก บริษัทตัวแทนขอเพิ่มเลเซอร์สีแดงเข้าไปเหมือนโดนยิง

ปีนั้นให้ GTH มาช่วยทำการตลาด เขามาเห็นก็บอกว่าต้องขายคริส หอวัง ขายพระเอกนางเอก เลยให้เพื่อนชื่อเป็ดที่ JWT ทำ ออกมาสวยมาก แต่โคตรอาร์ตจนไม่ขายหนักกว่าเดิม เลยไม่ได้ใช้ สุดท้ายเป็ดก็ฝ่าฟันจนได้โปสเตอร์สุดท้ายออกมา สรุปแล้วได้รายได้ 3 ล้านบาท แต่พวกเราก็ใช้โทษน้ำท่วมปีนั้นเอา ถ้าน้ำไม่ท่วมก็ 10 ล้าน นี่คือข้อดีของการมีน้ำท่วม เราจะได้โทษแม่งได้ ว่าหนังกูก็ดีกว่านี้ ทุกวันนี้ยังพูดอยู่เลยน้ำท่วมๆ (หัวเราะ)

ฝนตกขึ้นฟ้า

 

ประชาธิป’ไทย

Paradoxocracy (2556)

ประชาธิป'ไทย

ประชาธิป’ไทย เป็นหนังสารคดี โปสเตอร์สวยมากและดีมาก ไม่มีภาพ มีแต่ตัวหนังสือเขียนว่า ‘สิ่งที่คนไทยควรรู้ที่สุดและกลับรู้น้อยที่สุด’ แล้วพาดเส้นไม่ให้อ่านได้ แค่นี้เอง เป็นโปสเตอร์ที่ฉลาดมาก ยิ่งเป็นหนังที่มีแต่คนพูดทั้งเรื่อง ไม่ต้องมีภาพ มันเป็นเรื่องของคำพูด และในหนังมันมีช่วงที่ถูกเซนเซอร์ด้วย ซับไตเติลภาษาอังกฤษก็โดนคาดดำ ทุกอย่างมันลิงก์กันหมด

คนทำคือดีไซเนอร์ชื่ออาร์ต อาร์ตมีบริษัทของตัวเอง ปัจจุบันเขาไปเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น 

 

ไม่มีสมุยสำหรับเธอ

Samui Song (2561)

ไม่มีสมุยสำหรับเธอ

สำหรับเมืองไทย แน่นอนว่าต้องขายพลอย เฌอมาลย์ มีพลอยก็ต้องใช้พลอยให้เป็นประโยชน์ รูปนี้เป็นรูปถ่ายตอนฟิตติ้ง ซึ่งต้องถ่ายเครื่องประดับทุกอย่าง พอบอกพลอยว่าถ่ายแหวนหน่อยซิ มันทำแบบนี้ เลยได้รูปนี้มาแบบฟลุกๆ

เรย์มอนด์ (เรย์มอนด์ พัฒนวีรางกูร) โปรดิวเซอร์เราเห็นรูปนี้ก็บอกว่าไม่เลวนะ หนังพูดเรื่องการแต่งงาน และ F*ck You พวกอุปกรณ์การขายอย่างโปสเตอร์และหนังตัวอย่างนี่ เราไม่ค่อยยุ่ง ให้โปรดิวเซอร์จัดการ เราก็คิดว่าอิมแพ็คดี ต้น-ธระวุฒิ พลารชุน บริษัท ไซรัป จำกัด เอาภาพพลอยมาปั้นใหม่ ใส่ความเป็น thriller และอารมณ์หม่นๆ จนเปลี่ยนภาพฟิตติ้งใสๆ ได้อย่างที่เห็น

ไม่มีสมุยสำหรับเธอ

โปสเตอร์นี้ต้นทำอีกเหมือนกัน เป็นไอเดียเราว่ามันเป็นหนังซ้อนหนัง โปสเตอร์รูปทะเลโดนฉีก เห็นข้างหลังเป็นฆาตกรรม เป็นไอเดียที่คิดแบบเร็วมาก สุดท้ายต้องพิมพ์แล้ว เลยออกมาเป็นแบบนี้ ต้นเป็นดีไซเนอร์อีกคนที่เราชื่นชมมาก เซนส์ดีมาก และเป็นกวีจริงๆ


Cinema Journey 20 ปี เป็นเอก : หนังกลางแปลง

วันเสาร์-อาทิตย์ที่ 20-21 มกราคม 2561 นี้ จะมีการฉายหนังกลางแปลงที่ The Jam Factory โดยวันที่ 20 มกราคม จะฉายเรื่อง เรื่องตลก 69 และ พลอย และวันที่ 21 มกราคม จะฉายเรื่อง มนตร์รักทรานซิสเตอร์ โดยภายในงานจะมีโปสเตอร์หางตั๋วงาน 20 ปีฯ เทคนิคซิลค์สกรีนรอยเลือด พร้อมรายชื่อผลงานตลอด 20 ปีของเป็นเอก จำหน่าย เป็นของ limited edition ที่มีเพียง 200 ชิ้นเท่านั้น ติดตามรายละเอียดได้ที่นี่

หลังจากนั้น วันเสาร์-อาทิตย์ที่ 27-28 มกราคม 2561 จะมีการจัดฉายหนังเรื่องอื่นๆ ของเป็นเอกที่ House RCA ติดตามโปรแกรมหนังได้ที่นี่20 ปีภาพยนตร์เป็นเอก

Writer

ภัทรียา พัวพงศกร

ภัทรียา พัวพงศกร

บรรณาธิการ นักเขียน ที่สนใจตึกเก่า เสื้อผ้า งานคราฟต์ กลิ่น และละครเวที พอๆ กับการเดินทาง