เขาว่า ‘ความเป็นไทย’ มีแต่คนไทยเท่านั้นที่เข้าใจ
‘เขา’ คือทีมงาน TypeThai by The Barn เพจล้อเล่นกับความไทยแบบที่ต้องเก็ตมุกวงในก่อนถึงจะขำได้ ตั้งแต่รูปโลโก้ที่ลายเส้นคล้ายภาพวาดฝาผนังวัด ประกอบกับฟอนต์แบบสติกเกอร์แปะหลังสิบล้อ ทำให้ภาพลักษณ์ที่ออกมาเสนอความรู้สึกเสียดสีพอประมาณ แสดงจุดยืนชัดเจนว่า เราคือคนไทยที่จะชวนทุกคนมาดูเรื่องไทยๆ ด้วยกัน
ถ้าใครยังนึกไม่ออกว่า ‘เขา’ ที่ฉันพูดถึงคือใคร หลายคนอาจไม่ได้รู้จักเขาโดยตรง แต่อาจเคยเห็นผลงานของเขาผ่านตา นั่นคือวิดีโอที่แชร์กันทั่วเฟซบุ๊ก ว่าด้วย ‘ชื่อ’ อันยากและยาวเหยียดของเด็กรุ่นใหม่ ที่อาจนำไปสู่ความปวดหัวได้ วิธีการสื่อสารของเขาคือ การจำลองสถานการณ์ร่วมกับนักพากย์มืออาชีพอย่าง เบล ขอบสนาม ว่าถ้าชื่อนักฟุตบอลอ่านยากขนาดนี้ จะพากย์ได้ทันหรือไม่
ด้วยความประทับใจการหยิบความเป็นไทยมาเล่าอย่างสนุก แปลกใหม่ ฉันจึงติดต่อไปพูดคุยกับเหล่าแอดมินเจ้าของเพจ จนมีโอกาสได้สนทนากันออนไลน์
จุดเริ่มต้นของเพจ TypeThai มาจากการรวมตัวกันของทีมงานเบื้องหลังซึ่งมีกันอยู่ 5 – 6 คน หลากหลายอาชีพตั้งแต่ครีเอทีฟจนถึงมีเดียแพลนเนอร์ ในชื่อ The Barn ซึ่งแปลว่ากระท่อมหรือโรงนา (เป็นโรงนาผลิตเนื้อหาแบบไทยๆ-พวกเขาว่าอย่างนั้น) พวกเขาเชื่อในพลังของความคิด และแน่นอน สนใจเรื่องความเป็นไทย
“เราต้องการทำคอนเทนต์นำเสนอเรื่องราวหรือ insight ของคนไทยจริงๆ ชื่อเพจเราก็แปลได้ 2 ความหมายคือ stereotype แบบไทยๆ กับ ไท้…ไทย หรือความเป็นไทยมากๆ” เหล่าแอดมินตอบมาผ่านตัวอักษร
เมื่อขอให้ลองนิยามว่า ความเป็นไทย ของพวกเขาคืออะไร ทีม The Barn ยื่นคำวิเศษณ์กลับมา 1 คำ นั่นคือคำว่า สนุก ก่อนขยายความต่อว่า คนไทยมีนิสัยที่สนุกได้กับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ดีร้ายอย่างไร สุดท้ายก็นำมาทำเป็นเรื่องขำ เรื่องสนุกไปได้เสียหมด
และแม้ความเป็นไทยคือวัตถุดิบยอดนิยมที่มีคนหยิบมาใช้ผลิตงานไม่ขาด แต่ก็อย่างที่บอก ชาว TypeThai หยิบมันมาเล่าใหม่ได้อย่างสร้างสรรค์
“ทุกเนื้อหาที่เราหยิบมานำเสนอ เรามักจะให้ข้อคิดหรือชวนให้คนไทยตั้งคำถาม ให้คนไทย ได้ลองมองเรื่องเดิมๆ ในมุมใหม่ หรือมุมที่เค้าอาจจะแค่ลืมคิดไป” พวกเขาบอก “อีกอย่างคือ เราพยายามทำให้การนำเสนอเรื่องความเป็นไทยที่อาจจะดูเชย ออกมาในรูปแบบที่สนุกขึ้น เข้ากับโลกปัจจุบันหรือคนรุ่นใหม่มากขึ้น”
ไม่ใช่แค่หยิบเรื่องที่เราคุ้นเคยมาพลิกมุมเล่นสนุก แต่ถ้าลองสังเกต จะเห็นว่าเพจนี้หยิบเอาเรื่องที่เข้ากับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลามาพูดถึง นั่นเพราะพวกเขาคัดสรรความเป็นไทยอันมีหัวข้ออยู่มหาศาล ด้วยการเลือกเรื่องที่ทีมงานสนใจ อยากตั้งคำถามกับคนไทย และน่าจะเป็นเรื่องที่สังคมกำลังสนใจอยู่ เราเลยได้เห็นการหยิบเรื่องสังฆทานมาลงเพจในช่วงเข้าพรรษา เพื่อช่วยให้ความรู้และชวนให้คนหันมาสนใจสิ่งของที่ตัวเองถวาย หรือเรื่อง ‘สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ควรบูชา’ ในช่วงวันแม่ เพื่อดึงคนกลับมามอง ‘พระ’ อันแสนมีค่าที่ตนเองมีอยู่ในบ้าน
และความเป็นไทยที่ว่า ชาว TypeThai ก็ไม่ได้มองมันจำกัดแค่ประเพณีหรือวัฒนธรรมตามขนบ แต่มองมันด้วยกรอบกว้างขวาง ไปไกลได้ถึงดราม่าในสังคมหรือแม้แต่เรื่องชื่อยาวยากของเด็กสมัยใหม่ เพราะอยากให้เนื้อหาที่เผยแพร่ร่วมสมัยและเข้าถึงคนยุคนี้
“อะไรก็ได้ ขอให้เป็นสิ่งที่ คนไทยยุคนี้มีส่วนร่วม มีอารมณ์ร่วมได้” พวกเขาบอกฉัน และเล่าถึงอีกประเด็นที่น่าสนใจในการเล่าเรื่องไทยๆ นั่นคือ อะไรจะนับว่าไทยได้จริงบ้าง “ธรรมชาติของการคิดไอเดียทุกอย่างคือการหา insight ของคนก่อน ถึงจะสื่อสารกับพวกเขาได้ เรื่องราวต่างๆ ที่เราเลือกทำเลยต้องมีเชื้อมาจากสิ่งที่ไท้…ไทยอยู่แล้วตั้งแต่ต้น เพียงแต่เราจะมีวิธีนำเสนอที่แตกต่างกันไป เช่น คลิป Shameless Motorshow ที่จริงไม่มีงานมอเตอร์โชว์แบบนั้นหรอก แต่เราบิดเนื้อหามาจากนิสัยมักง่ายของคนไทย แล้วยกมาเล่าเป็นเรื่องงานมอเตอร์โชว์ที่แสดงถึงความมักง่าย”
ด้วยอายุเพจราวครึ่งปี ตอนนี้เพจ TypeThai ยังนับว่าเป็นเพจน้องใหม่ แต่ก็เป็นน้องใหม่คุณภาพที่แฟนเพจอย่างเรารอติดตามเนื้อหาตอนต่อไป
“เรามีคำถามก่อนทำเพจว่า เนื้อหาเรื่องไทยๆ จะโดนใจคนได้ขนาดไหน จะเชยมั้ย จะไม่สนุกหรือเปล่า แต่พอได้ทำเพจ TypeThai เราก็ค้นพบว่า เนื้อหาแบบไทยๆ เป็นสิ่งที่คนจะชอบ สนุก และติดตามต่อได้ คนไทยพร้อมเสพเนื้อหาแบบนี้มากกว่าที่เราคาด อาจเป็นเพราะนี่คือเรื่องที่เขามีความรู้สึกร่วมมาตั้งแต่เกิด ซึ่งที่จริงความเป็นไทยก็เป็นสิ่งที่น่ารัก สนุก บันเทิง และมีสเน่ห์ ในแบบที่คนชาติอื่นๆ ยังไงก็ไม่เข้าใจและไม่รู้สึกร่วมได้นะ เราก็ตั้งใจว่าจะยังคงหยิบเรื่องราวแบบไท้…ไทยตัวที่สนุก โดนใจ มีประเด็นชวนคิดมาเล่า และในอนาคตก็คงเริ่มสร้างสรรค์เนื้อหาในรูปแบบอื่นๆ ไม่จำกัดแค่เป็นคลิปหรือภาพนิ่งที่ตอนนี้ทำอยู่” ชาวแอดมินเพจ TypeThai ทิ้งท้าย