“Sawasdee krab Bangkok”

โพสต์แรกของบัญชีผู้ใช้อินสตาแกรม ‘onibuscoffee_bkk’ เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา สร้างความตื่นเต้นให้คอกาแฟและนักท่องเที่ยวที่เคยไปจิบกาแฟของร้าน ONIBUS ที่โตเกียวกันไม่น้อย จำนวนผู้ติดตามพุ่งทะยานทะลุพันไปอย่างง่ายดายแม้ยังไม่ได้เปิดร้านหรือบอกโลเคชันด้วยซ้ำ 

ONIBUS คือร้านกาแฟ Specialty และโรงคั่วกาแฟเจ้าแรก ๆ ในโตเกียวตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีร้านกาแฟกรุบกริบให้กินสักเท่าไหร่ และได้รับความนิยมเรื่อยมา จนตอนนี้นับว่าเป็นตัวท็อปที่ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติชื่นชอบ เรียกได้ว่านิตยสารเล่มไหนทำเรื่องกาแฟ ต้องได้เห็นชื่อ ONIBUS ในนั้น นอกจากจะคั่วเอง ขายเอง ยังรับเป็นที่ปรึกษาให้ร้านกาแฟและคั่วกาแฟส่งร้านในญี่ปุ่นมากกว่า 120 แห่ง และส่งคาเฟ่ต่างประเทศด้วย 

ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นมีทั้งหมด 7 สาขา ต่างประเทศ 3 สาขา ได้แก่ เวียดนาม ไต้หวัน และไทย ซึ่ง ONIBUS สาขากรุงเทพฯ เปิดอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ณ ชั้น 1 ของ Once Again Hostel ย่านประตูผี

ก่อนแวะไปชิม มาทำความรู้จักกับ ONIBUS ให้มากขึ้นผ่านมุมมองของ Atsushi Sakao ผู้ก่อตั้งกันดีกว่า

เส้นทางของ Onibus Coffee จากคาเฟ่ฮอตแห่งโตเกียว สู่ร้านกาแฟชุมชนย่านพระนคร

Konnichiwa Coffee จุดเริ่มต้นของ ONIBUS 

Atsushi เปิดสาขาแรกที่ย่าน Okusawa ในปี 2012 ซึ่งเป็นทั้งโรงคั่วและคาเฟ่ ความสนใจในกาแฟของเขาจุดประกายขึ้นที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อ 15 ปีก่อนตอนไปเที่ยวแบ็กแพ็กระยะยาว ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่เขาได้อยู่ที่นั่น ความแตกต่างทางวัฒนธรรมการกินกาแฟของออสเตรเลียกับญี่ปุ่นสร้างแรงบันดาลใจให้เขาอยากเปิดร้านแบบนั้นบ้าง

“ร้านกาแฟที่โน่นมักมีคนในชุมชนมานั่งกินทุกวัน บาริสต้ากับลูกค้าได้คุยกันจนรู้จักกันและกลายเป็นคอมมูนิตี้ ผมว่าเรื่องนี้ดีมาก ซึ่งสมัยนั้นที่ญี่ปุ่นยังไม่มีร้านแบบนี้” เจ้าของหนุ่มเริ่มเล่า

เมื่อกลับญี่ปุ่น Atsushi เลยตั้งใจศึกษาเรื่องกาแฟจริงจังจนเชี่ยวชาญก่อนเปิดร้านและโรงคั่ว ความประทับใจในความสัมพันธ์ของผู้คนที่เกิดขึ้นผ่านกาแฟถูกนำไปขยายต่อเป็นคอนเซปต์หลักของร้านด้วย Atsushi บอกเราว่า ชื่อร้าน ONIBUS เป็นภาษาโปรตุเกส แปลว่า รถบัสสาธารณะ เพราะเขาอยากให้ร้านกาแฟเป็นสถานที่ที่เชื่อมโยงผู้คนเอาไว้ด้วยกันเหมือนรถบัสสาธารณะนั่นเอง ส่วนวิสัยทัศน์ของแบรนด์คือ ‘Coffee enriches our life as well as our cities’ 

เส้นทางของ Onibus Coffee จากคาเฟ่ฮอตแห่งโตเกียว สู่ร้านกาแฟชุมชนย่านพระนคร

“ทุกสาขามีคอนเซปต์เดียวกันครับ คืออยากให้ร้านกาแฟทำให้ผู้คนในชุมชนนั้น ๆ มีความสุขมากขึ้น โดยที่เมืองก็เจริญยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังอยากให้คนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน มีแนวคิดใกล้เคียงกันได้แวะมาชิม ได้พูดคุยกัน จนกลายเป็นชุมชนเล็ก ๆ

“อาจจะพูดเรื่องคอมมูนิตี้บ่อย แต่จริงๆ แล้วไม่เชิงว่าอยากสร้างคอมมูนิตี้นะครับ ผมมองว่าร้านกาแฟที่เราแวะไปได้ทุกวันเป็นสถานที่ที่ดี เพราะการได้พูดคุยกับผู้คนอย่างตรงไปตรงมา ได้แบ่งปันเรื่องราวในชีวิตของกันและกันจนกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ดี จะทำให้เกิดชุมชนที่ดีครับ”

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงให้ความสำคัญกับการสื่อสารมาก

“คาเฟ่เป็นสถานที่ที่ถ้าอยู่แถวบ้าน เราแวะไปได้บ่อย ๆ จริงมั้ยครับ อาจจะอาทิตย์ละ 3 – 4 ครั้ง เจอกันจนคุ้นหน้า อาจจะไม่ได้ถึงกับเป็นเพื่อนกัน แต่อย่างน้อยก็ได้รู้จักกัน ผมเลยอยากให้พนักงานทักทาย พูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เกิดความสัมพันธ์ ลดระยะห่างระหว่างเรากับลูกค้า”

แนวคิดนี้ทำให้ ONIBUS ได้มาเปิดที่ประเทศไทยด้วยนะ 

“จริง ๆ แล้วผมไม่ค่อยเน้นว่าต้องเป็นประเทศไหน ขึ้นอยู่กับว่าได้เจอพาร์ตเนอร์ที่อยากทำงานร่วมกันรึเปล่าครับ สิ่งสำคัญคือต้องมีแนวคิด ค่านิยมสอดคล้องกัน เช่น ให้ความสำคัญกับชุมชน คุณภาพ และ Traceability

เส้นทางของ Onibus Coffee จากคาเฟ่ฮอตแห่งโตเกียว สู่ร้านกาแฟชุมชนย่านพระนคร
เส้นทางของ Onibus Coffee จากคาเฟ่ฮอตแห่งโตเกียว สู่ร้านกาแฟชุมชนย่านพระนคร

“อีกอย่างคือผมว่าประเทศไทยยังไม่ค่อยมีร้านกาแฟที่คนในชุมชนแวะไปกินได้บ่อย ๆ อาทิตย์ละ 3 – 4 วันจนคุ้นหน้า รู้จักกันจนกลายเป็นคอมมูนิตี้ ซึ่งร้านแบบนั้นมีที่ออสเตรเลียหรือสแกนดิเนเวียเยอะแล้ว ผมคิดว่าไปเปิดในที่ที่ยังไม่มีชุมชนแบบนั้นเท่าไหร่ดีกว่า” 

หลังจากมีคนแนะนำให้รู้จักทีม Once Again Hostel และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันพอสมควร Atsushi ก็มั่นใจว่า รถบัสจากญี่ปุ่นคันนี้พร้อมออกเดินทางสู่ประเทศไทย

“ผมเคยมาเที่ยวประเทศไทยอยู่เดือนกว่า ๆ ตอนปี 2006 ทำให้ชอบที่นี่มาก แต่สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจว่าจะมาเปิดร้าน คือการได้โอกาสทำงานร่วมกับคนที่เราชื่นชมและมีแนวคิดคล้ายกันครับ”

เส้นทางของ Onibus Coffee จากคาเฟ่ฮอตแห่งโตเกียว สู่ร้านกาแฟชุมชนย่านพระนคร

หัวใจสำคัญ : Quality, Sustainability & Traceability และ Hospitality

“Quality, Sustainability & Traceability, Hospitality 3 อย่างนี้คือแกนหลักในการทำร้าน ONIBUS ครับ คุณภาพกาแฟต้องไม่ลดลง ต้องส่งเสริมความยั่งยืน การปลูกกาแฟต้องไม่ทำลายป่า ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง อีกอย่างคือการดูแลลูกค้าและการสื่อสารกับลูกค้า ผมให้ความสำคัญกับ 3 สิ่งนี้มากครับ” ผู้บริหารหนุ่มเน้นย้ำ

เรื่องความใส่ใจลูกค้า ผู้บริหารหนุ่มเล่าให้ฟังไปบ้างแล้ว มาดูเรื่องคุณภาพและความยั่งยืนกันบ้าง 

80% ของกาแฟที่ ONIBUS ใช้ ทีมงานเดินทางไปยังไร่ปลูกกาแฟในประเทศต่าง ๆ และซื้อกาแฟคุณภาพดีโดยตรงจากเกษตรกรเพื่อความโปร่งใสและความยั่งยืน ในอนาคตตั้งเป้าว่าจะใช้กาแฟที่เดินทางไปยังไร่เอง 100% เพื่อควบคุมคุณภาพ นอกจากนี้ยังใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมตามจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย เช่น แก้วกระดาษและหลอดกระดาษสำหรับซื้อกลับบ้านย่อยสลายได้ทั้งหมด 

เส้นทางของ Onibus Coffee จากคาเฟ่ฮอตแห่งโตเกียว สู่ร้านกาแฟชุมชนย่านพระนคร
เส้นทางของ Onibus Coffee จากคาเฟ่ฮอตแห่งโตเกียว สู่ร้านกาแฟชุมชนย่านพระนคร

ร้าน ONIBUS COFFEE สาขา Yakumo ใช้ไม้จากถังบ่มสาเกเก่าทำชานไม้หน้าร้าน และใช้ประตูไม้อายุ 100 ปี สาขา Jiyugaoka ก็ไม่น้อยหน้า ใช้ไม้จากการตัดขยายระยะป่าเพื่อลดความหนาแน่น (Thinning) ในจังหวัดชิซูโอกะสำหรับตกแต่งร้าน นอกจากนี้ยังทดลองนำกากกาแฟ 9,000 แก้วมาอัดเป็นพื้นของร้านสาขา Nasu ด้วย เก้าอี้ในร้านที่ดูเป็นท่อนไม้ก็ใช้ไม้จากต้นซากุระที่ล้มลงมาเพราะแรงพายุหรือฟ้าผ่า 

ความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ สมเป็นร้านญี่ปุ่นจริง ๆ

เส้นทางของ Onibus Coffee จากคาเฟ่ฮอตแห่งโตเกียว สู่ร้านกาแฟชุมชนย่านพระนคร

ONIBUS กับสาขาทั้ง 7 (และน้องใหม่ที่กรุงเทพฯ)

ONIBUS ทั้ง 7 สาขาที่ญี่ปุ่นแบ่งเป็น 2 แบรนด์ คือ ONIBUS 5 สาขา และ About Life Coffee Brewers 2 สาขา ถ้าแฟนคลับเคยแวะไปมากกว่า 1 ที่ จะพบว่าร้านให้บรรยากาศคล้ายคลึงกัน แต่รายละเอียดการตกแต่งไม่ได้เหมือนกันมากนัก 

แต่ละที่มีธีมที่แตกต่างกันออกไป เช่น สาขายอดฮิตอย่าง Nakameguro นอกจากอยู่ในโลเคชันดีมาก เพราะใกล้สถานีรถไฟ ชั้น 2 มองเห็นวิวซากุระและรถไฟแล่นผ่านเพลิน ๆ ยังเลือกนำบ้านเก่าแก่ของญี่ปุ่นมารีโนเวตให้สวยสะอาด โดยยังคงกลิ่นอายของบ้านเก่าเอาไว้ สาขา Jiyugaoka รับบทเป็นคาเฟ่เต็มตัวสาขาแรกที่มีทั้งอาหารและของหวานจัดเต็ม ส่วน About Life Coffee Brewers สาขา Dogenzaka เป็น Coffee Stand ที่มีพื้นที่แค่ 5 ตร.ม. เท่านั้น แต่เก๋กรุบจนขึ้นปกนิตยสารหลายเล่ม และมียอดขายมากกว่า 3 ล้านแก้ว นอกจากแนวเอิร์ธโทน About Life Coffee Brewers สาขา Shibuya 1 Chome ยังดูสดใสจากการใช้กระเบื้องสีเขียวสด ซึ่งคอลแล็บกับ Mikkeller คราฟต์เบียร์ชื่อดังจากเดนมาร์ก 

ความหลากหลายเหล่านี้ทำให้เราสนใจมากว่า ONIBUS กำหนดธีมแต่ละร้านอย่างไร แล้วร้านสาขากรุงเทพฯ จะพกเกอิชาหรือแมวกวักมาประกาศความเป็นญี่ปุ่นรึเปล่านะ คำตอบจาก Atsushi ทำให้เราประหลาดใจเลยทีเดียว

“จริง ๆ แล้วคอนเซปต์เหมือนกันครับ ไม่ว่าจะเปิดร้านที่ไหน เราเน้นเรื่องบรรยากาศมากกว่า หลัก ๆ คือทำให้สวย สะอาด ตอนทำร้านที่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีธีมชัดว่าต้องทำเป็นแนวไหน เน้นสร้างบรรยากาศที่ดีที่ผู้คนในชุมชนแวะมากินกาแฟได้อย่างรื่นรมย์ 

คุยกับ Atsushi Sakao ผู้ก่อตั้ง Onibus Coffee เพราะอยากสร้างความสุขให้ผู้คน-ชุมชนผ่านกาแฟ และสาขาใหม่ย่านพระนครในกรุงเทพฯ
คุยกับ Atsushi Sakao ผู้ก่อตั้ง Onibus Coffee เพราะอยากสร้างความสุขให้ผู้คน-ชุมชนผ่านกาแฟ และสาขาใหม่ย่านพระนครในกรุงเทพฯ

“ส่วนร้านที่กรุงเทพฯ ตอนไปเมืองไทย ผมรู้สึกว่าไทยมีคาเฟ่แนว Industrial ค่อนข้างเยอะ เลยพยายามไม่ให้เหมือนกัน เน้นความเป็นธรรมชาติ ความเรียบง่าย และไม่ได้เน้นขายว่าเราเป็นร้านกาแฟมาจากญี่ปุ่นครับ”

ความเป็นญี่ปุ่นอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่บอกเล่าผ่านแนวคิด แต่ที่แน่ ๆ คนญี่ปุ่นก็น่าจะอยากมาลอง ONIBUS Bangkok กันบ้างล่ะ เพราะมีทั้งกาแฟที่คุณภาพเหมือนร้านที่ญี่ปุ่นเป๊ะ และมีกาแฟไทยที่คัดมาแล้วด้วย 

คุยกับ Atsushi Sakao ผู้ก่อตั้ง Onibus Coffee เพราะอยากสร้างความสุขให้ผู้คน-ชุมชนผ่านกาแฟ และสาขาใหม่ย่านพระนครในกรุงเทพฯ

ONIBUS COFFEE = ความเรียบง่าย

ในขณะที่บ้านเรามีกาแฟโอเลี้ยงและเอสเย็น ญี่ปุ่นเองก็มีร้านกาแฟที่เรียกว่า Kissaten ซึ่งเป็นรูปแบบร้านกาแฟเก่าแก่ที่มีมานาน กาแฟจะเข้มขมสุด ๆ ต่างจากกาแฟ Specialty แม้ปัจจุบันเราจะเห็นร้านกาแฟ Specialty ทั่วญี่ปุ่น แต่ตอน ONIBUS เปิดร้านใหม่ ๆ กาแฟแบบนี้ก็ยังไม่เป็นที่นิยมนัก

“การสื่อสารให้คนเปิดใจลองกาแฟคั่วอ่อน ช่วงแรกถือว่าเหนื่อยเหมือนกันครับ ร้านเราใช้กาแฟ Specialty Coffee แบบคั่วอ่อน แต่ที่ญี่ปุ่นมีคนชอบกาแฟคั่วแบบเข้มเยอะเหมือนกัน ลูกค้าอาจจะขอใส่น้ำตาลบ้าง หรือคนที่บอกว่ากินอะไรก็ได้ ขอให้เป็นกาแฟก็มี แต่คิดว่าทุกประเทศก็เจอปัญหานี้คล้าย ๆ กันนะครับ”

ด้วยเหตุนี้ ก่อนโควิดระบาด ONIBUS จึงจัดเวิร์กช็อปเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มความเข้าใจให้ผู้คน ในเว็บไซต์เองก็มีข้อมูลเกี่ยวกับกาแฟและการคั่วกาแฟมากมาย ยิ่งถ้าเป็นกิจกรรมสอนชงกาแฟ คนยิ่งให้ความสนใจ เพราะคนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยชงกาแฟกินเองที่บ้าน

ส่วนที่กรุงเทพฯ ก่อนจะเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ ONIBUS ขอลองแนะนำตัวกับคนไทยด้วยการจัดอีเวนต์ Cupping และนำเสนอความเรียบง่ายของกาแฟ

“ผมเห็นแต่ละคาเฟ่ที่ประเทศไทยมีเมนูเยอะเลยนะครับ แต่เมนูของร้านเราส่วนมากเรียบง่าย มีไม่กี่อย่าง แค่ไซซ์ต่างกัน เราเน้นเรียบง่าย อธิบายความอร่อยของกาแฟให้ลูกค้าฟัง

“ตอนนี้เพิ่งเปิดที่กรุงเทพฯ อาจจะยังตอบไม่ได้นะครับว่าจะมีเมนูพิเศษเฉพาะที่ไทยไหม แต่ก่อนอื่นผมอยากให้คนไทยได้ลองชิม Specialty Coffee ลองกินกาแฟที่เรียบง่ายแต่อร่อยของเราครับ”

คุยกับ Atsushi Sakao ผู้ก่อตั้ง Onibus Coffee เพราะอยากสร้างความสุขให้ผู้คน-ชุมชนผ่านกาแฟ และสาขาใหม่ย่านพระนครในกรุงเทพฯ

สุดท้ายนี้ เราขอให้เขาฝากอะไรถึงชาวไทยหน่อย

“ผมว่าวัฒนธรรมการกินกาแฟในไทยน่าจะยังเติบโตอีกมาก ก่อนอื่นผมอยากให้มีคนชอบ Specialty Coffee มากขึ้น หรือถ้ามีคนหันมาสนใจกาแฟแบบนี้เพราะได้ลองกาแฟ ONIBUS ก็จะดีใจมากครับ”

รถบัสมาจอดรอแล้ว ถ้าอยากรู้จักกาแฟของ ONIBUS มากกว่าตัวหนังสือก็แวะไปได้เลย

คุยกับ Atsushi Sakao ผู้ก่อตั้ง Onibus Coffee เพราะอยากสร้างความสุขให้ผู้คน-ชุมชนผ่านกาแฟ และสาขาใหม่ย่านพระนครในกรุงเทพฯ
ONIBUS COFFEE Bangkok
  • Once Agian Hostel ซอยสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
  • เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.
  • Onibus Coffee Bangkok

Writer

Avatar

ณิชมน หิรัญพฤกษ์

นักศึกษาเอกภาษาญี่ปุ่นที่คิดเลขไม่ได้ อ่านแผนที่ไม่ออก แต่รักการเดินทาง / ผู้ประสานงานใน a day และ HUMAN RIDE ฉบับญี่ปุ่น / เจ้าของคอลัมน์ made in japan และหนังสือ 'ซะกะ กัมบัตเตะ!' ปัจจุบันใช้เวลาว่างจากการหาร้านคาเฟ่กรุบกริบไปนั่งเรียนปริญญาโทที่โตเกียว และโดนยัดเยียดความเป็นไกด์เถื่อนให้อยู่เป็นระยะ

Photographer

โตมร เช้าสาคร

โตมร เช้าสาคร

ชอบถ่ายวิวมากกว่าคน ชอบกินเผ็ดและกาแฟมาก เป็นคนอีโค่เฟรนลี่ รักสีเขียว ชวนไปไหนก็ได้ไม่ติด ถ้ามีตัง