ปลายหัวเข็มเซาะร่องแผ่นเสียงพอดีกับทำนองเพลง หนึ่งในดวงใจ ของ The Impossibles ดังขึ้นช้า ๆ 

เอ๊ะ-ชนุดม พึ่งน้อย บอกว่าเป็นเพลงที่เหมาะจะต้อนรับพวกเราชาว The Cloud เพราะเข้ากับมู้ดของวันนี้

มือหนึ่งหมุน มือหนึ่งกำประคองที่บดกาแฟ เสียงเมล็ดกระทบฟันเฟือง เสียงกาน้ำร้อน เสียงหยดกาแฟไหลผ่านกระดาษกรองสู่แก้วดังเป็นจังหวะชั่วครู่ ไม่ทันเพลงจบ เครื่องดื่มหอมกรุ่นก็มาเสิร์ฟตรงหน้าบนโต๊ะกินข้าวขนาด 4 ที่นั่ง ข้างกันเป็นบาร์ย่อม ๆ ที่ยืมพื้นที่เคาน์เตอร์ครัววางอุปกรณ์อย่างถนัดมือ

เราอยู่ใน ‘นักเลงบาร์ หมาป่าเมืองนนท์’ หรือจะเรียกบ้านที่เสิร์ฟกาแฟเลี้ยงชีพของชายหนุ่มผู้อยากอยู่บ้านแบบมีงานทำ และทำสิ่งนั้นได้เรื่อย ๆ จนเบลนด์เข้ากับชีวิตอย่างไม่ต้องปั้นแต่งใด ๆ บ้านหน้าตาเรียบง่าย จึงคงฟังก์ชันของการเป็นที่อยู่อาศัยเช่นเดิม ชั้นบนเป็นห้องส่วนตัวของสมาชิกในบ้าน ชั้นล่างเป็นพื้นที่รับแขก มุมต่าง ๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากกว่าการจัดให้ดูเข้าที่เข้าทาง ตรงมุมห้องนั่งเล่นมีโซฟา โต๊ะ ชั้นวางทีวี ตู้เก็บแผ่นเสียง ก็เป็นของที่ใช้งานอยู่ก่อน

ใช่อย่างที่เอ๊ะว่า มันสร้างความคุ้นเคย

เขาสบายใจที่ได้อยู่บ้าน ส่วนเราก็สบายใจเหมือนได้มานั่งจิบกาแฟและชิมขนมฝีมือเพื่อนในทาวน์โฮมขนาดสองชั้น ณ หมู่บ้านเปี่ยมสุข

เยือนรังหมาป่าเมืองนนท์ สนทนากับนักเลงบาร์ผู้กลับมาทำบ้านกับงานให้เป็นเรื่องเดียวกัน
เยือนรังหมาป่าเมืองนนท์ สนทนากับนักเลงบาร์ผู้กลับมาทำบ้านกับงานให้เป็นเรื่องเดียวกัน

ทั้งหมดเริ่มต้นเพราะอยากกลับมาอยู่บ้าน

สมัยก่อนร้านกาแฟเราอยู่ในเมือง เวลาอยู่บ้านน้อย ในช่วง 1 อาทิตย์อาจจะได้กลับมาบ้านสักวันสองวันหรือวันเดียว บางทีก็ไม่ได้กลับ แต่ที่จริงเราเป็นคนติดบ้าน ไม่ค่อยออกไปไหน คือเป็นคนที่เวลาพักก็อยู่บ้าน งานอดิเรกที่ทำในบ้านทั้งหมด เราสะสมแผ่นเสียง สะสมเพลง ใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องกับการฟังเพลง แล้วก็ยังชอบทำกาแฟกับขนม

พออยู่ข้างนอก เราคิดถึงช่วงที่มีเวลาอยู่บ้าน เมื่อมีเวลาได้เบรกกับการทำงาน ได้อยู่กับตัวเอง อยู่บ้าน อยู่กับครอบครัวมากขึ้น เลยรู้สึกว่าไม่อยากไปไหนแล้ว มันก็คิดขึ้นมาเองว่า คงจะดีถ้าเราทำงานอยู่ในที่ที่ทำให้จิตใจสงบแล้วก็เป็นสุขได้ในระยะยาวด้วย เลยคิดว่าทำในสิ่งที่ถนัดนี่แหละ คือการทำกาแฟ แต่การทำกาแฟที่บ้านเราไม่ได้จะทำให้ที่นี่เป็นร้าน ยังมองว่ามันเป็นบ้านเหมือนเดิม ทุกเวลา และทุกอย่างเป็นทั้งงานอดิเรกและเป็นส่วนประกอบในอาชีพอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าการอยู่บ้านมันเหมือนเราได้พักตลอดเวลาแบบมีงานทำ ใช้คำนี้ดีกว่า

ซึ่งพอคิดอยากทำวันนี้ พรุ่งนี้ก็มีของพร้อมเปิดได้เลย

ตอนเริ่มเกิดขึ้นแบบไม่ได้วางแผนไว้ก่อน แค่อยากทำก็ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำก็จะไม่รู้ว่าทำได้ไหม

องค์ประกอบในบ้านเลยเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่แรก ไม่ได้ถูกเซ็ตขึ้นมา เราซื้อเฟอร์นิเจอร์มาพร้อมกับบ้าน ด้วยความที่ทุกคนชอบอยู่บ้าน ชอบมีเวลาพักผ่อน เฟอร์นิเจอร์มันจึงรองรับการพักผ่อนอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ซื้อเข้าใหม่ อุปกรณ์บางอย่างเป็นของใช้เอง เราคิดว่าถ้ามันโอเคก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน แค่จัดบ้านให้สะอาดหูสะอาดตามากขึ้น ก่อนเริ่มรับลูกค้ามันรกกว่านี้ มีอะไรที่ไม่เข้าที่ เพราะเป็นบ้านที่มีคนอยู่จริง ๆ แต่ละคนก็มีหลายสไตล์

ที่บ้านเราชอบมีเวลาอยู่ด้วยกัน ดูทีวี เลยมีโซนโซฟาไว้นั่งเล่น ถ้าวันไหนไม่มีอะไรดูก็นั่งฟังเพลงกัน ก็แล้วแต่แม่เขา บางทีเบื่อก็หมุนฝั่งนี้ หรือเอาตัวยาวไปก็ไปไว้อีกฝั่ง ส่วนตัวเดย์เบดเหล็ก สมัยก่อนอยู่ข้างบนบ้านไม่ค่อยได้ใช้ เลยเอาลงมาเป็นที่นั่งเพิ่มสำหรับแขก บริเวณนี้มีมุมชั้นวางแผ่นเสียงของเรา มีหนังสือที่อยากหยิบอ่านได้เร็ว ๆ โต๊ะวางซื้อมาให้เข้ากับเครื่องเสียงวินเทจ พวกตู้คอนโซลก็ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ด้วยความที่ทรงบ้านเป็นสไตล์ยุโรป เลยพยายามให้เฟอร์นิเจอร์มันไปด้วย ส่วนใหญ่ช่วยกันเลือกกับแม่สองคน พี่สาวจะยังไงก็ได้ ให้แม่กับน้องชอบก็พอ

เยือนรังหมาป่าเมืองนนท์ สนทนากับนักเลงบาร์ผู้กลับมาทำบ้านกับงานให้เป็นเรื่องเดียวกัน
เยือนรังหมาป่าเมืองนนท์ สนทนากับนักเลงบาร์ผู้กลับมาทำบ้านกับงานให้เป็นเรื่องเดียวกัน
เยือนรังหมาป่าเมืองนนท์ สนทนากับนักเลงบาร์ผู้กลับมาทำบ้านกับงานให้เป็นเรื่องเดียวกัน

ตรงนี้เป็นโซนที่เราเสิร์ฟกาแฟ เรามีเครื่องชงกาแฟเก่าอยู่แล้ว โต๊ะก็เป็นโต๊ะกินข้าวที่ขยายได้อีก 2 ตอน นั่งได้ 8 – 10 คน เราเลือกไซส์เล็กกำลังดี ถ้าโต๊ะใหญ่ปุ๊บ พื้นที่โต๊ะจะใหญ่เกินบ้าน ส่วนเคาน์เตอร์ตู้ครัวติดไว้เพื่อเป็นบาร์สำหรับเตรียมของ วางพวกอุปกรณ์ครัว แต่ปกติเราไม่ได้ทำกับข้าวในบ้านเท่าไหร่ สมัยก่อนมีเวลาอยู่บ้านกันน้อย เพราะทำงานข้างนอก หยุดก็ไม่ตรงกัน

นักเลงบาร์ (Nugleng Bar) ทาวน์โฮมสองชั้นที่แบ่งข้างล่างไว้ชงกาแฟที่ชอบ เสิร์ฟให้คนที่ใช่ และใช้ชีวิตในบ้านหลังที่คุ้นเคย
นักเลงบาร์ (Nugleng Bar) ทาวน์โฮมสองชั้นที่แบ่งข้างล่างไว้ชงกาแฟที่ชอบ เสิร์ฟให้คนที่ใช่ และใช้ชีวิตในบ้านหลังที่คุ้นเคย
นักเลงบาร์ (Nugleng Bar) ทาวน์โฮมสองชั้นที่แบ่งข้างล่างไว้ชงกาแฟที่ชอบ เสิร์ฟให้คนที่ใช่ และใช้ชีวิตในบ้านหลังที่คุ้นเคย

พูดง่าย ๆ คือคิดว่าเดี๋ยวจะเปิดพรุ่งนี้ วันนี้ของก็มีแล้ว (หัวเราะ) แขกที่มาจะนั่งตรงไหนก็ได้ แต่ว่าไม่ได้ให้ขึ้นข้างบน แบ่งความเป็นส่วนตัวแค่นี้เลย ข้างล่างเป็นโซนรับแขก แต่ข้างบนเป็นโซนส่วนตัว วันไหนพี่สาวหรือแม่จะลงมาใช้พื้นที่ข้างล่างก็ใช้ได้ปกติ ซึ่งแม่เองเขาเป็นคนที่เจอคนได้ ชอบมีเพื่อนมาเที่ยวบ้าน เลยไม่ต้องปรับการใช้ชีวิตอะไร

นักเลงบาร์ (Nugleng Bar) ทาวน์โฮมสองชั้นที่แบ่งข้างล่างไว้ชงกาแฟที่ชอบ เสิร์ฟให้คนที่ใช่ และใช้ชีวิตในบ้านหลังที่คุ้นเคย

แต่ก็อยากคงความเรียบง่ายของการทำกาแฟที่บ้าน

ภูมิลำเนาบ้านเกิดเดิมของครอบครัวอยู่วิเศษชัยชาญ อ่างทอง อากงอาม่าก็ทำกาแฟโบราณที่นั่น แม่เป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ฟังตั้งแต่เด็ก ชอบแอบกินกาแฟแบบโบราณที่ชงนม (หัวเราะ) พอวัยรุ่นเวลาแม่ไปทำงานก็พาไปฝากบ้านคุณป้า เขาขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่บ้านและมีกาแฟโบราณด้วย ก็เลยทำให้เราคุ้นเคยกับรสชาติแบบนี้ เห็นผู้ใหญ่ที่เป็นลูกค้า เพื่อนบ้านย่านใกล้เรือนเคียง เขาจะมานั่งคุย นั่งกินกาแฟกันตอนเช้าก่อนที่ก๋วยเตี๋ยวเริ่มขาย มันเรียบง่ายมาก แล้วเรารู้สึกว่า เออ ดีนะ บ้านเราเหมือนเป็นคอมมูนิตี้หนึ่ง ทำให้เรามีความรู้สึกผูกพันกับอะไรแบบนี้ทั้งบรรยากาศและกาแฟ

เป็นคนชอบเจอคนเยอะในบริบทที่เราสร้างขึ้น เลยรู้สึกดีมาก ๆ เหมือนทุกวันนี้มี Exhibition ตลอดเวลา แล้วเราก็อยากให้คนมาดู Exhibition นั้นเรื่อย ๆ อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้มองนักเลงบาร์เป็นบ้านหรือเป็นร้านกาแฟอย่างเดียว แต่มองว่ามันคือชีวิตจริงที่เราอยากแชร์ในสิ่งที่ทำหรือสิ่งที่ทุกคนรู้สึก มีอะไรอยากมาเล่าให้ฟัง ไม่เจอตั้งนานหรือว่าเพิ่งเจอกันครั้งแรก เราอยากคุยกันเรื่องอะไร ต่อให้ไม่อยากคุยเลย อยากมานั่งเงียบ ๆ กินกาแฟ เอาหนังสือมานั่งอ่าน คุณก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ เรามีที่นั่งให้ มีเครื่องดื่มที่ตั้งใจทำ มีบรรยากาศแบบนี้ให้ จริง ๆ มันมีเท่านี้เอง

เราคิดว่าอยากทำสถานที่กินกาแฟที่มัน Comfortable สบายอกสบายใจมาตั้งนานแล้ว แต่สิ่งเหล่านี้ทำไม่ได้จริงเวลาไปเปิดข้างนอกเพราะมีหลายเงื่อนไข การกลับมาอยู่ในบรรยากาศที่เรารัก เปิดเพลงเดิม ๆ ที่เราชอบ จากแผ่นเสียงแผ่นเดิม เครื่องเสียงชุดเดิม มันดีในความรู้สึกเรา แล้วเราก็คิดว่าน่าจะดี ถ้าแขกที่มาเขาได้มีประสบการณ์แบบนี้ร่วมกัน เลยคงบรรยากาศเอาไว้ให้รู้สึกว่ามาบ้านเรา ไม่ได้มาร้าน เหมือนเพื่อนมาเที่ยวบ้าน มากินกาแฟบ้านเพื่อน ซึ่งกลายเป็นว่าผมมีเพื่อนเยอะมากเลย (หัวเราะ)

อยากให้บ้านเราเป็นห้องนั่งเล่นของเขาได้จริง ๆ แล้วก็มีเครื่องดื่มดี ๆ ให้เขากิน มีเพลงดี ๆ ให้เขาฟัง ใช้ชีวิตข้างนอกมันยุ่งยากมากพอ อยากให้การกินกาแฟเป็นเรื่องที่ไม่ต้องมาซีเรียสหรือเครียดขนาดนั้น อยากให้ง่ายขึ้นทั้งกับตัวเราที่เป็นคนชง แล้วก็ง่ายขึ้นกับลูกค้าที่เป็นคนกินด้วย

มันก็เป็นไปในแบบที่เราอยากให้เป็น คือทุกคนที่มาก็ได้พัก ได้ใช้ความเข้าอกเข้าใจความเป็นมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันในบ้านหลังหนึ่ง มากกว่าการเป็นคนขายกับคนซื้อ

พอกลับมาอยู่บ้าน มันทำให้คิดแบบเรียบง่ายขึ้น

คิดแบบธรรมชาติมากขึ้น แล้วก็คิดจากจุดเล็ก ๆ สงบมากขึ้น ไม่รู้สึกว่าเราต้องมีอะไรเยอะแยะ คนอาจเห็นว่าวิธีชง อุปกรณ์อะไรบางอย่างต่างไปจากวันแรก แต่ก็แค่เป็นการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นในจุดที่เราคิดว่าจำเป็นและได้ใช้จริง

กาแฟทำให้ง่ายมันก็ง่าย ทำให้ยากมันก็ยากได้ เราพยายามใช้ชีวิตกับอาชีพนี้แบบไม่ต้องมีการคาดหวังใด ๆ เพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบสุขให้ได้จริง ๆ สักที ถ้าเป็นเมื่อ 4 – 5 ปีก่อน เวลาชงกาแฟจะคิดว่าต้องมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพื่อทำให้กาแฟที่สุด แต่จริง ๆ มันคือการพึ่งพาปัจจัยภายนอก แต่วันนี้ที่เราคิด กาแฟที่ดีไม่ได้มีอะไรมาก แค่เลือกให้ถูกตามผลลัพธ์ที่ต้องการก่อนชง ส่วนเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ อะไรทดแทนกันได้หรือใช้สเกล มันก็ได้ผลลัพธ์ที่โอเคเหมือนกัน

การทำนักเลงบาร์ที่บ้านสอนให้เราคิดแบบเรียบง่ายได้ เราใช้คำนี้ค่อนข้างบ่อย เพราะว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ มันทำให้เรามองจากจุดเล็กๆ แล้วให้คิดถึงผลลัพธ์เป็นหลัก ขั้นตอนใด ๆ จะจำเป็นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากทำแบบไหน

คิดว่าความเป็นธรรมชาติจะอยู่ร่วมกับชีวิตของแต่ละคนได้ ความเป็นธรรมชาติของเราก็คือ ไม่อยากให้ชีวิตยุ่งยากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ก่อนหน้านี้มันต้องยุ่ง แต่เราปฏิเสธความยุ่งนั้นมาตลอด ซึ่งเราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมชีวิตต้องยุ่งขนาดนั้น คนเราต้องมีช่วงชีวิตที่เอ็นจอยกับชีวิตได้จริง ๆ บ้าง ไม่ใช่ทำงานหนักไปวัน ๆ แล้วพอวันหยุดก็พัก เรามองว่าชีวิตคนมันไม่ได้ยาวนานมากนัก เราไม่รู้ว่าจะอยู่ไปได้ถึงอายุเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น ถ้าเลือกได้ก็ยังอยากทำในสิ่งที่รัก แต่ทำให้มันอยู่แบบสงบสุขทั้งกายและใจ ไม่ได้หมายความว่าอยากให้ร้านเงียบหรือไม่มีคนนะ (หัวเราะ) แต่มองว่าตัดความวุ่นวายของชีวิตบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกบ้าง ให้แค่เราเลี้ยงตัวเองได้ อย่างของเรามันยังได้อยู่ ได้อยู่ที่แปลว่าได้นะ (หัวเราะ) ถ้าไม่ได้จริงๆ เราก็คงต้องหยุดไปนานแล้ว

นักเลงบาร์ (Nugleng Bar) ทาวน์โฮมสองชั้นที่แบ่งข้างล่างไว้ชงกาแฟที่ชอบ เสิร์ฟให้คนที่ใช่ และใช้ชีวิตในบ้านหลังที่คุ้นเคย

และสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นอะไร บ้านก็คือที่ที่มีครอบครัวอยู่

คำว่าบ้านของเราคือสถานที่ใดสถานที่หนึ่งที่อยู่แล้วเกิดความสบายใจ ก่อนซื้อบ้านหลังนี้กับครอบครัว เราอยู่อพาร์ตเมนทต์ อยู่ห้องเช่า บ้านเช่า อยู่บ้านญาติ แต่เรามองทุกที่ว่าเป็นบ้านหมดนะ เพราะว่ามันมีครอบครัวเราอยู่ด้วย ถ้าสมมติว่าบ้านหลังนี้ไม่มีแม่ ไม่มีพี่สาวอยู่ด้วย ยังเป็นบ้านไหม ก็ยังเป็นบ้านแหละ แต่ว่ามันไม่เต็มสำหรับเรา เพราะคำว่าบ้านต้องประกอบไปด้วยคำว่าครอบครัวเสมอ

ตอนนี้เราโชคดีอย่างหนึ่งที่สมาชิกในครอบครัวทำงานนอกบ้าน ฉะนั้น ฟังก์ชันที่เป็นบ้านจริง ๆ จะเกิดขึ้นตอนเย็น หลังเวลาที่ทุกคนเลิกงาน แค่เรามาใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่มันยังไม่เป็นบ้าน มาทำอาชีพ ทำกาแฟให้ลูกค้าได้มานั่งเล่นเท่านั้นเอง

Writer

Avatar

ปาริฉัตร คำวาส

อดีตบรรณาธิการสื่อสังคมและบทความศิลปวัฒนธรรม ผู้เชื่อว่าบ้านคือตัวตนของคนอยู่ เชื่อว่าความเรียบง่ายคือสิ่งซับซ้อนที่สุด และสนใจงานออกแบบเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี (กับเธอ)

Photographer

Avatar

เธียรสิน สุวรรณรังสิกุล

ปัจจุบันกำลังหัดนอนก่อนเที่ยงคืน