ไม่นานมานี้เรามีโอกาสรู้จักกับร้านหนังสือน่าสนใจแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนห้วยแก้ว เยื้องกับกาดสวนแก้ว ร้านหนังสือนี้มีชื่อว่า ‘Nowhere Bookstore’ เมื่อเข้าไปทำความรู้จัก ก็ยิ่งพบความน่าสนใจของต้นความคิดที่ทำให้เกิดร้านหนังสือนี้ขึ้นมา ตั้งแต่เบื้องหลังชื่อของร้านที่ตั้งใจเขียนให้กำกวม อ่านได้ทั้ง No Where (ไม่มีที่ไป) และจริง ๆ อ่านว่า Now Here (คุณอยู่ตรงนี้ หรือ ที่นี่คือที่ของคุณ) ซึ่งเหตุผลของชื่อร้านมาจากความตั้งใจดีที่อยากสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางความคิดให้กับชาวจีนที่ต้องย้ายถิ่นฐานออกจากประเทศมาอยู่เชียงใหม่ และยังตั้งใจเป็นสะพานที่สร้างความเข้าใจระหว่างคนจีนกับคนท้องถิ่น ผ่านหนังสือภาษาจีนต่าง ๆ ภายในร้าน และกิจกรรมในร้านที่จัดขึ้นทุกสัปดาห์
ความตั้งใจอยากให้ Nowhere Bookstore มีบทบาทในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีนั้นเริ่มต้นมาจากความคิดของ แอนนี่ เจียผิง จาง (Annie Jieping Zhang) สื่อมวลชนและนักข่าวชาวจีนที่ออกจากประเทศจีนเช่นเดียวกับอีกหลายคน


แอนนี่เล่าให้ฟังถึงที่มาของร้านหนังสือว่า เริ่มต้นจากช่วงปี 2020 ฮ่องกงประกาศใช้กฎหมาย International Law ทำให้ผู้คนนับหมื่นที่ทำงานเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและความคิดอย่างนักเขียน ผู้กำกับภาพยนตร์ ศิลปิน รวมถึงนักข่าวอย่างเธอต้องย้ายออกจากฮ่องกงไปอยู่ไต้หวันเป็นจำนวนมาก ช่วงเวลาที่อยู่ไต้หวัน เธอเจอร้านหนังสือร้านหนึ่งก่อตั้งโดยชาวฮ่องกงที่ย้ายมาอยู่ไต้หวัน เป็นร้านหนังสือที่จัดกิจกรรมเป็นประจำ และเป็นพื้นที่ให้ผู้คนมาแลกเปลี่ยนทางความคิดกันอย่างเสรี ร้านหนังสือที่ว่านี้จึงกลายเป็นพื้นที่อุดมปัญญา มีผู้คนเข้ามาจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่แอนนี่เจอร้านหนังสือนี้แล้ว ไม่กี่วัน เธอก็ทราบจากเจ้าของว่าเขาจำเป็นต้องย้ายไปอังกฤษและจะปิดร้านหนังสือแห่งนี้แล้ว
“พอทราบข่าวการปิดตัวของร้านหนังสือ ฉันและชาวฮ่องกงหลายคนรู้สึกเสียใจและเสียดายมาก ๆ เพราะร้านนี้เป็นเหมือนพื้นที่สาธารณะที่ผู้คนมาเรียนรู้และแสดงความคิดกัน” แอนนี่ย้อนความ
หลังจากทราบข่าวร้ายไม่นาน ด้วยความเสียดายในบทบาทที่ร้านหนังสือแห่งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ได้ ในที่สุดแอนนี่ก็ตัดสินใจรับช่วงต่อร้านหนังสือนี้เอาไว้ เธอปรับให้ร้านหนังสือจัดกิจกรรมมากขึ้นกว่าเดิม ล้วนเป็นกิจกรรมทางความคิด ไม่ว่าจะเป็นงานเสวนา บุ๊กคลับ มูฟวี่คลับ รวมถึงงานดนตรี ร้านนี้จึงกลายเป็นพื้นที่สาธารณะของผู้คนฮ่องกงและคนท้องถิ่นในไต้หวันที่ตบเท้าเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดกันเป็นจำนวนมาก และเธอก็ตั้งชื่อร้านหนังสือนี้ว่า ‘Nowhere Bookstore’


ปัจจุบัน Nowhere Bookstore มีสาขาทั้งหมด 4 แห่ง สาขาแรกอยู่ที่ไต้หวัน ตามมาด้วยเชียงใหม่ ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ เพื่อทำหน้าที่เป็นพื้นที่สาธารณะและพื้นที่เปิดกว้างทางความคิดให้กับชาวจีนรวมถึงผู้คนท้องถิ่นในประเทศต่าง ๆ ที่ร้านหนังสือไปตั้งอยู่ แอนนี่อธิบายว่าการเกิดขึ้นของสาขาต่าง ๆ นั้นล้วนเกิดขึ้นมาจากความต้องการของผู้คนที่นั่น
“หลังจากเปิดร้านที่ไต้หวันได้ 1 ปี ฉันมีโอกาสเดินทางไปทั่วโลกเพื่อบอกเล่าเรื่องราวและบทเรียนจากการทำร้านหนังสือนี้ ซึ่งร้านสาขาต่าง ๆ ที่ตามมารวมถึงที่เชียงใหม่ ฉันก็มีโอกาสได้เจอกับคนที่นั่น ที่เข้ามาถามฉันว่า จะมีร้าน Nowhere Bookstore ที่เชียงใหม่หรือประเทศต่าง ๆ ที่ฉันไปบ้างไหม เพราะแต่ละสาขาที่เปิด เราทำงานกันเป็นหุ้นส่วนกับผู้คนในประเทศนั้น ๆ
“สำหรับเชียงใหม่ ฉันตกใจมาก ๆ เพราะไม่รู้มาก่อนว่าที่เชียงใหม่มีคนจีนอาศัยอยู่เยอะมาก พวกเขาอธิบายถึงชุมชนชาวจีนในเชียงใหม่ให้ฉันฟังว่า ชาวจีนที่นี่คล้ายกับที่ไต้หวัน แต่ก่อนเคยมีบทบาทเป็นนักเขียน นักข่าว นักสิทธิมนุษยชน กลุ่ม LGBTQ+ คนทำงานสร้างสรรค์ด้านต่าง ๆ และอีกมาก พวกเขาต้องย้ายมาเชียงใหม่เพราะที่นี่เปิดกว้างกว่า พวกเขาจึงทำงานสร้างสรรค์และแสดงความคิดกันได้อย่างเสรี
“ร้านของเราจึงขึ้นอยู่กับผู้คนมากกว่าสถานที่ ฉันไม่ได้เปิดแผนที่เพื่อเลือกเมือง แต่ละร้านเริ่มต้นมาจากฉันมีโอกาสได้ไปอยู่ที่นั่นแล้วมีผู้คนเดินมาขอให้ช่วยเปิดร้านที่ที่พวกเขาอยู่ได้ไหม ซึ่งพอมองย้อนกลับไป ฉันก็ค้นพบว่ามันก็มีหลักการอยู่หน่อยนะ เพราะผู้คนที่เข้ามาขอให้เปิดร้านในเมืองที่พวกเขาอยู่นั้น ส่วนใหญ่ก็คือเมืองที่มีผู้อพยพหรือผู้คนที่จำต้องย้ายมาอยู่เป็นจำนวนพอสมควร”
เดือนตุลาคม ปี 2023 ร้าน Nowhere Bookstore สาขาเชียงใหม่จึงเกิดขึ้นมาจากความคิดและความต้องการที่เธอเล่า
การออกแบบเนื้อหาของหนังสือและกิจกรรมภายในร้านก็ขึ้นอยู่กับผู้คนในพื้นที่เช่นเดียวกัน
“ฉันคิดว่าร้านเป็นพื้นที่สาธารณะที่พวกเขามารวมตัวพูดคุยเรื่องหนังที่ชอบ หนังสือที่ชอบ แสดงความคิดเห็น หรือร่วมหัวข้อเสวนาต่าง ๆ ซึ่งเนื้อหาก็ปรับเปลี่ยนตามผู้คนในประเทศที่ร้านตั้งอยู่ แต่ฉันก็มีการเลือกผู้คนก่อนเช่นกัน อาจเพราะทำงานด้านสื่อมวลชนมา จึงเข้าใจว่าการคัดเลือกเนื้อหาการสื่อสารนั้นมีพลังที่จะสร้างให้เกิดชุมชนแบบใดขึ้นมาได้ และเป็นที่มาของหนังสือต่าง ๆ ที่เอามาขาย
“ช่วงแรกเราเลือกหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวของผู้คนที่ต้องอพยพและเรื่องราวของอาเซียน รวมถึงหนังสืออีกหลายเล่มที่คุณไม่มีทางเห็นได้ที่ประเทศจีน ต่อมาเราพบว่าชุมชนจีนที่เชียงใหม่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับสิทธิสตรี เชียงใหม่มีกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่ค่อนข้างมากที่เป็นนักขับเคลื่อนสังคม นักเรียกร้องสิทธิมนุษยชน NGO ศิลปิน สื่อมวลชน ผู้คนที่ห่วงใยต่อความเป็นอยู่ของสังคม ซึ่งพวกเขาสนใจเรียนรู้ประสบการณ์ของนักเคลื่อนไหวที่สะท้อนประสบการณ์ของตัวพวกเขาเองที่จีนได้ ด้วยเหตุนี้เราเลยเลือกหนังสือเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของประชาชนในประเทศต่าง ๆ มาไว้ภายในร้าน และหนังสือมีเนื้อหาเกี่ยวกับ LGBTQ+ ก็มีคนสนใจเป็นจำนวนมาก”


นอกจากการคัดเลือกเนื้อหา เธอมีความตั้งใจที่จะทำให้พื้นที่ร้านเป็นเสมือน ‘หน้าต่าง’
“ฉันคิดว่าร้านของเราเหมือน ‘หน้าต่าง’ ที่เป็นพื้นที่ให้คนมาสำรวจ เรียนรู้เกี่ยวกับจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ในทางเดียวกันก็เป็นหน้าต่างที่ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเชียงใหม่ ประเทศไทย และประเทศใกล้เคียง ผ่านกิจกรรมที่ร้านหนังสือจัดขึ้น เราจะชวนนักวิชาการหรือศิลปินไทยมาเล่าเรื่องราวประเทศของพวกเขา เพื่อให้ชุมชนชาวจีนที่นี่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความเป็นอยู่ และความหลากหลายของประเทศไทย
“ฉันมองว่าความเข้าใจระหว่างกันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับชุมชนชาวจีน เพราะไม่ว่าจะอพยพแบบไหนในประเทศใด ถ้าขาดความเข้าใจและห่วงใยต่อชุมชนในท้องถิ่นที่เขาย้ายไปอาศัย ฉันคิดว่ามันจะไม่แข็งแรง และอาจเกิดปัญหาในอนาคต หากผู้คนที่ย้ายไปไม่รับรู้ถึงความสำคัญนี้
“เราพบว่าภาพลักษณ์ของชาวจีนในไทยหรือประเทศงต่าง ๆ ไม่ค่อยดี เห็นได้จากท่าทีของผู้คนเวลาทราบว่าเราเป็นคนจีน เขามีท่าทีเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เราต้องยอมรับ มีคนจากจีนที่เข้ามาเพื่อหาผลประโยชน์จากประเทศที่เขาไปจริง ๆ แต่ไม่ใช่ส่วนใหญ่ ซึ่งมันทำให้ผู้คนมองคนจีนในทางที่ไม่ดี เพราะความเป็นจริงจีนเป็นประเทศใหญ่ มีคนจำนวนมากและหลากหลาย จึงมีทั้งคนที่ดีและไม่ดี เพราะเหตุนี้เราถึงอยากให้กิจกรรมของร้าน ช่วยเชื่อมโยงคนจีนกับคนท้องถิ่นที่นี่ให้ได้เข้าหากัน ทำความเข้าใจกันมากขึ้น


“Nowhere Bookstore เลยทำหน้าที่เป็นสะพานในการสื่อสารวิถีชีวิต ปัญหา และความยากลำบากของผู้คนท้องถิ่นให้กับชุมชนชาวจีนที่ย้ายมาได้รับรู้ ทำความเข้าใจ เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ร่วมกันและยังเกื้อกูลกันได้ด้วย ซึ่งฉันก็พบว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่เอื้อกับความตั้งใจนี้ของเรามาก ๆ ค่ะ
“เชียงใหม่มีมนต์เสน่ห์มาก ๆ ฉันเคยมาที่นี่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว และได้มาอีกหลาย ๆ ครั้ง สำหรับฉันเชียงใหม่ไม่ได้มีแค่ความเป็นเมือง แต่มีความเป็นชุมชนขนาดใหญ่ เป็นสังคมที่เปิดกว้างให้กับทุกคน ซึ่งฉันว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และเป็นเหตุผลที่ทำให้เชียงใหม่มีนักสร้างสรรค์ มีศิลปินเข้ามาจำนวนมาก และเป็นเหตุผลทำให้ผู้คนหลงรักเมืองนี้”
ความตั้งใจที่เธออยากให้เกิดขึ้นจาก Nowhere Bookstore ได้แสดงออกมาให้เห็นจากจำนวนกิจกรรมที่ร้านหนังสือแห่งนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เปิด ปลายปีที่แล้วร้านจัดกิจกรรมไปแล้ว 80 งาน ตามความตั้งใจที่อยากให้มีกิจกรรมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 งาน ซึ่งล้วนเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมทางความคิด เสรีภาพการแสดงออก ประเด็นทางสิทธิ รวมถึงเรื่องราววัฒนธรรมต่าง ๆ


“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พวกเขา (ชาวจีนอพยพ) จะได้รับประสบการณ์เหล่านี้ สำหรับบางคน นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เข้าใจความหมายของ ‘เสรีภาพ’ ว่าคุณคิดเรื่องนี้ได้นะ คุณออกมาพูดเรื่องนี้ได้นะ หรือคุณลงไปบนถนนเพื่อร่วมกันเคลื่อนไหวทางสังคมในด้านต่าง ๆ ที่คุณเชื่อได้นะ
“เสรีภาพ เป็นเรื่องที่ฉันคิดว่าต้องฝึกฝนเรียนรู้นะคะว่ามีวิธีการอย่างไร ทำอย่างไร ขอบเขตอยู่ที่ไหน สำหรับคนที่อยู่ในประเทศที่ไม่มีพื้นฐานเรื่องนี้มาก่อนเลยเป็นเวลานาน วันหนึ่งพอเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา เขาสับสน ไม่เข้าใจ และหวาดกลัว นี่เลยเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราพยายามจัดกิจกรรมจำนวนมาก เพื่อช่วยส่งเสริมประเด็นนี้ในหัวข้อต่าง ๆ เปิดโอกาสให้ผู้คนออกมาแสดงความคิด แลกเปลี่ยนกันและกัน โดยร้านของเราจะเป็นพื้นที่ที่ให้โอกาสนั้นกับพวกเขาค่ะ”
แอนนี่เล่าให้ฟังว่าเธอมีความหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในประเทศจีน เราถามเธอตามตรงถึงสถานการณ์ที่จีนในปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการที่ผู้คนพยายามย้ายออกจากประเทศจำนวนมาก
“ฉันคิดว่าจำนวนของคนที่ออกมาน่าจะเพิ่มขึ้นนะคะ เท่าที่สังเกตจากคนรอบตัว ฉันไม่ได้เห็นตัวเลขทางการจริง ๆ ฉันคิดว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่นานนี้แน่ ๆ อะไรเก่า ๆ ยืนยงในอนาคตไม่ได้แน่ ๆ เราเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่ก็มองเห็นปัญหานี้เช่นกัน และพยายามที่จะหาหนทางในการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันมองจีนเป็นเหมือนกระบวนการ ฉันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ ถ้าฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ จีนก็เปลี่ยนแปลงได้ นี่คือสิ่งที่ฉันเชื่อ ฉันไม่ได้มีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงทั้งประเทศได้ แต่ฉันเปลี่ยนตัวเองหรืออาจจะเปลี่ยนคนรอบข้างสัก 10 คนได้
“ฉันเชื่อในความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ เหล่านี้ที่มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่ดีในอนาคต นี่คือบทบาทของฉัน และบทบาทของ Nowhere Bookstore ที่ฉันตั้งใจจะทำให้เกิดขึ้น”

Nowhere Bookstore Chiang Mai
ขณะนี้ร้านปิดบริการชั่วคราว จะเปิดทำการอีกครั้งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2568