ไม่รู้ว่าคนอื่นมีประสบการณ์กับ ‘มวยไทย’ อย่างไร แต่สำหรับฉัน มันคือช่วงเวลาตอนเที่ยงวันอาทิตย์ที่จะได้ยินเสียงคนในหมู่บ้านส่งเชียร์กันสนั่นหน้าจอทีวีที่กำลังถ่ายทอดมวยไทยเจ็ดสีกันอยู่
เรียกได้ว่าเรื่องราวระหว่างฉันกับมวยไทยนั้นแสนน้อยนิด แต่ใช่ว่าเราจะไม่รู้ว่ากีฬาชนิดนี้มีอะไรน่าสนใจ หากใครสังเกต จะเห็นปรากฏการณ์หนึ่ง คือสาวๆ เริ่มหันมาสนใจกีฬาชนิดนี้ ซึ่งแต่เดิมหญิงสาวกับกีฬามวยไทยดูห่างไกลกันคนละโลก
ท่ามกลางเทรนด์กีฬามวยไทย หนึ่งในธุรกิจที่เติบโตคู่กันมาคือ ธุรกิจอุปกรณ์กีฬามวยไทย และแบรนด์ที่น่าสนใจก็คือแบรนด์ไทยระดับโลกอย่าง Twins
เรานัดพบกับ ปวีณวัช ว่องประเสริฐการ ทายาทรุ่นที่สองของ ‘Twins’ ที่ร้านสาขาสวนหลวงสแควร์ เมื่อเข็มสั้นของนาฬิกาชี้เลขหนึ่ง เข็มยาวชี้เลขสิบสอง ได้เวลาตามที่นัดไว้ พอเปิดประตูเข้าไปในร้านต้องตกใจกับภาพของนวมเป็นร้อยๆ คู่ในสีสันสดใสทั้งแดง น้ำเงิน ดำ ขาว ส้ม เขียว เหลือง ม่วง เดินลึกเข้าไปในร้านอีกหน่อยจะเจอนวมลายมังกรจีน แค่นี้ก็เล่นเอาภาพจำมวยไทยในใจฉันเปลี่ยนไปเลย
“ส่วนตัวผมไม่ชอบกีฬามวยเลย ตอนที่เติบโตมาเรารับรู้ว่าที่บ้านทำธุรกิจอุปกรณ์มวยมาตั้งแต่รุ่นอากง แต่ส่วนตัวเราไม่ชอบมวยเลย” นี่คือประโยคชวนประหลาดใจประโยคแรกจากปากของ ปวีณวัช ทายาทรุ่นที่สองผู้พลิกโฉมแบรนด์ที่คุณพ่อเป็นผู้สร้าง จากห้องแถวเล็กๆ สู่โรงงานระดับมาตรฐาน คนงานกว่า 500 คน ส่งออกนวมเดือนละหมื่นคู่สู่สากล
อะไรทำให้คนที่ออกตัวว่าไม่ชอบกีฬามวยไทย สร้างสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้
เสียงระฆังดังแล้ว ยินดีต้อนรับสู่สังเวียนมวยที่คู่ต่อสู่ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นความท้าทายที่ทยอยเข้ามาให้เขาพิสูจน์ตั้งแต่วันแรกๆ
ธุรกิจ บริษัท ทวินส์ สเปเชี่ยล จำกัด (พ.ศ.2535)
ประเภทธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์กีฬามวยทุกชนิด
อายุ 26 ปี
เจ้าของและผู้ก่อตั้ง ณรงค์ ว่องประเสริฐการ
ทายาทรุ่นที่สอง ปวีณวัช ว่องประเสริฐการ
ยกที่ 1
สู้กับตัวเอง
ปวีณวัชเติบโตมาข้างกองกางเกงมวยที่คุณแม่เป็นคนเย็บในห้องแถวเล็กๆ ที่มีพนักงานในช่วงเริ่มต้นเพียง 4 คน ในวันนั้นเขาไม่รู้เลยว่ากางเกงเหล่านั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล
“ตอนนั้นคุณพ่อผมเป็นคนขับรถส่งกางเกงมวย ส่วนคุณแม่เป็นคนนั่งเย็บผ้า มีพนักงานอีก 2 คนคอยช่วยทำเกี่ยวกับเครื่องหนัง ส่วนเรื่องชื่อแบรนด์ เนื่องจากเป็นลูกฝาแฝด ตอนนั้นคุณแม่ก็เลยตั้งชื่อแบรนด์เป็น Twins ขึ้นมา”
แม้จะอยู่กับอุปกรณ์กีฬามวยไทยมาทุกวัน ตื่นเช้าก็เจอ ก่อนนอนก็เจอ แต่เขากลับไร้ซึ่งความฝันใดๆ เกี่ยวกับมวยไทย ไม่ว่าจะเป็นนักมวยไทยหรือเจ้าของกิจการอุปกรณ์กีฬามวยไทย ก็ล้วนไม่อยู่ในความฝันของเขาทั้งสิ้น
ความฝันของเขาในวัยเด็กคือการเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดอุบัติเหตุกับสมาชิกในครอบครัว จนเป็นจุดหักเหสำคัญให้เขาต้องเข้ามาช่วยดูแลกิจการของครอบครัว
ณ เวลานั้นความจริงย่อมสำคัญกว่าความฝัน
ด้วยความที่ไม่ได้คลั่งไคล้กีฬามวยไทยเป็นทุน ทำให้การเข้ามาดูแลธุรกิจต่อจากคุณพ่อต้องเริ่มใหม่จากศูนย์ และสถานที่ที่เขาใช้เป็นโรงเรียนในการศึกษาธุรกิจอุปกรณ์กีฬามวยไทยในช่วงตั้งไข่หาใช่ออฟฟิศแต่อย่างใด
เขาเลือกไปขลุกอยู่กับสนามมวยไทยและค่ายมวย
“จุดเริ่มต้นผมไม่ได้มานั่งทำงานในออฟฟิศเลยนะ แต่ผมเริ่มจากไปดูมวยก่อน ไปตามสนามมวยลุมพินี ไปนั่งดูมวยไทย ดูให้มันซึมซับว่ามวยไทยเป็นอย่างนี้นะ แล้วก็ไปตามค่ายมวย มีรุ่นพี่เราที่เขาอยู่ในวงการมวย ทำค่ายมวย เราก็ขอเขาเข้าไปนั่งดูในวันที่มีมวยซ้อม ไปคุยกับเขา ไปคุยกับนักมวยไทย จนเรารู้สึกว่ารู้แล้วว่ามวยเป็นยังไง รู้แก่นแท้ว่าคำว่ามวยเป็นยังไง”
“ทำไมเราจึงจำเป็นต้องรู้สิ่งเหล่านี้ มันจำเป็นยังไงในการทำธุรกิจ” ฉันถามในสิ่งที่สงสัย
“ถ้าคุณผลิตอย่างเดียวคุณก็เป็นแค่คนที่ผลิตกางเกง ผลิตนวม ให้คนใส่ แต่ถ้ามีคนมาถามว่าคุณผลิตอุปกรณ์มวยเพราะอะไร คุณอาจจะตอบไม่ได้ เพราะคุณก็แค่ผลิตๆ ให้เขาใส่ไปเท่านั้น การที่ผมไปนั่งดู ไปซึมซับ เพราะผมอยากตอบคนได้ว่าที่เราผลิตอุปกรณ์มวยนั้นเป็นเพราะอะไร เพราะผมรู้ว่านักมวยไทยเป็นมายังไง ประวัติเป็นยังไง มันทำให้เราเคารพอาชีพนี้มากขึ้น
“อย่างน้อยเราก็ใช้จิตวิญญาณของมวยไทยทำผลิตภัณฑ์ขึ้นมา” ชายหนุ่มตอบด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
ยกที่ 2
สู้กับภาพลักษณ์กีฬามวยไทย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในอดีตภาพลักษณ์กีฬามวยไทยไม่ได้เป็นกีฬาที่ดูร่วมสมัยเหมือนปัจจุบัน
ปวีณวัชเล่าสั้นๆ ให้เห็นภาพว่าสังคมสมัยก่อนมวยไทยยังไม่ยอมรับ ไม่มีใครอยากส่งลูกหลานไปเรียนมวยไทย เพราะทุกคนติดภาพว่านี่คือกีฬาที่น่ากลัว โหดร้าย ทำให้ธุรกิจอุปกรณ์กีฬามวยไทยในยุคก่อนจะโฟกัสที่ผู้ชายเป็นส่วนใหญ่
“สมัยก่อนภาพลักษณ์มวยไทยเป็นกีฬาที่ถ้าพูดตรงๆ มันแตกต่างจากตอนนี้มาก ส่วนใหญ่นักมวยก็เป็นคนต่างจังหวัดหมด คนกรุงเทพฯ ไม่มีใครมานั่งต่อยมวยหรอก ใช่มั้ย เรียนสูงๆ กันดีกว่า แต่สมัยนี้คนยอมรับมวยไทยมากขึ้นแล้ว สมัยนี้เราจะเห็นว่ามีผู้หญิงเข้ายิม ผู้หญิงสวมนวม เตะต่อยกันสนุกสนาน แล้วก็ผู้หญิงสามารถซ้อมร่วมกับผู้ชายได้ ภาพลักษณ์มวยไทยไม่ได้ดูโหดร้ายอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นว่าเป็นการออกกำลังกายแบบหนึ่ง”
แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญของแบรนด์ Twins ก็เกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่งปวีณวัชสังเกตเห็นเทรนด์ที่ว่า ผ่านลูกค้าที่เริ่มเปลี่ยนหน้าไป
จากที่มีแต่ชายหนุ่ม เริ่มมีหญิงสาวและเด็กเข้ามาที่ร้านถามหานวมและกางเกงมวย
“สมัยก่อนเราไม่ได้โฟกัสที่ผู้หญิงกับเด็ก ไซส์นวมก็ไซส์ผู้ชาย กางเกงมวยก็มีแต่ของผู้ชาย จุดเปลี่ยนของแบรนด์คือมีผู้หญิงกับเด็กเดินเข้ามาที่ร้านเพื่อจะซื้ออุปกรณ์แต่ไม่มี เขาก็ถามว่าทำไมแบรนด์คุณไม่ทำของผู้หญิงกับของเด็ก เราอยากได้ เราอยากเรียน ผมก็เลยจุดประกายขึ้นมาว่า เออ ทำไมเราไม่ลองทำ ทำให้ผู้หญิงบริโภคได้ ทำให้เด็กสามารถซื้อนวมไปใช้ได้ เราเลยลองทำขึ้นมา พอทำแล้วผลตอบรับก็ดีมาก มีลูกค้าผู้หญิงที่เขาหันมาเรียนมวยมากขึ้น”
นอกจากการผลิตอุปกรณ์มวยให้ผู้หญิงและเด็กใช้ได้ อีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือสีสันคัลเลอร์ฟูลของนวมที่เตะตาเราอยู่ โดยปวีณวัชเล่าว่าไอเดียเบื้องหลังนวมสีสันสดใสนี้เกิดขึ้นจากการที่อยากให้นวมซึ่งเป็นเหมือนแก่นของอุปกรณ์กีฬามวยไม่น่าเบื่อ จากเดิมที่นวมซึ่งใช้แข่งขันมีเพียง 2 สี คือน้ำเงินกับแดง ชายหนุ่มจึงพัฒนาให้นวมมีสีที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์คนสมัยใหม่ให้มากขึ้นด้วย
เหมือนแฟชั่นกระเป๋า รองเท้า-ปวีณวัชว่าอย่างนั้น
แต่แน่นอน ทุกครั้งที่ทำอะไรแหวกขนบเดิม ย่อมต้องฟันฝ่าข้อพิสูจน์บางอย่าง
“ผมเป็นคนที่ทำงานแล้วขัดแย้งกับคุณพ่อเสมอ คุณพ่อผมเป็นคนที่ทำอะไรก็ได้แต่ขอให้ชัวร์ แต่สำหรับเราคือทำอะไรได้กำไรหรือเปล่าไม่รู้ แต่ขอให้เราได้คิด ได้ทำ ซึ่งมันก็จะขัดกับคุณพ่อ คือเขาก็จะคิดว่าอยู่ๆ จะเพิ่มต้นทุนทำไม จะสั่งหนังมาทำไมหลายๆ สี เรามี 3 สี 5 สี ก็ขายได้อยู่แล้ว ผมบอกไม่ได้ ต้องทำ
“ตอนนั้นผมเห็นเทรนด์ฟิตเนสเริ่มเข้ามา แล้วคนเริ่มใช้มวยไทยมาเป็นหนึ่งในการออกกำลังกายมากขึ้น ผมคิดว่าเราควรจะไปขายให้ลูกค้าหรือผู้หญิงในกลุ่มที่เล่นฟิตเนส ให้เขาเห็นว่านวมมันมีหลายสีนะ ไม่ได้จำเจนะ นวมมันไม่ได้น่าเบื่อนะ มันมีสีสัน มีลวดลาย เลยทำให้มันเป็นแฟชั่นเหมือนกระเป๋า รองเท้า”
นวมสีสันแปลกตาและลวดลายที่ออกเป็นซีซั่นเช่นเดียวกับแฟชั่น จึงเป็นจุดเด่นของแบรนด์ Twins ซึ่งผลตอบรับออกมาดีเกินคาด ซึ่งสำหรับเขา การเปลี่ยนภาพลักษณ์ของมวยไทยให้เข้าถึงคนในวงกว้างขึ้น และเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ผ่านการออกแบบผลิตภัณฑ์ ถือเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง
“อย่างที่บอก สมัยนี้ผู้หญิงเข้ายิม ผู้หญิงถือนวม เด็กมีนวม เตะกันแบบสนุกสนานในยิม แล้วก็ผู้หญิงก็ไม่ได้กลัวผู้ชาย หมายความว่าก็ซ้อมด้วยกันได้ มวยไทยไม่ได้ดูโหดร้ายอีกต่อไป กลายเป็นการออกกำลังกายแบบหนึ่ง ที่ทันสมัย และสิ่งที่เราทำก็เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าสมัยนี้”
เมื่อประโยคนี้จบลง เราเห็นแววตาที่ภาคภูมิใจสะท้อนออกมาจากบุคคลตรงหน้า
ยกที่ 3
สู้กับคำว่า ‘Made in Thailand’
แม้ว่าวันนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ของ Twins หรือกว่า 80 เปอร์เซ็นเป็นตลาดต่างประเทศ แต่กว่าจะมีวันนี้ได้เส้นทางที่ผ่านมาไม่ได้ง่ายนัก
สมัยก่อน ทั่วโลกไม่ได้ยอมรับกีฬามวยไทยและสินค้าไทย การทำให้ทั่วโลกยอมรับแบรนด์สินค้าที่ผลิตในเมืองไทยจึงยากมาก พอได้ยินว่าสินค้าตีตรา ‘Made in Thailand’ จะถูกตั้งคำถามทันทีถึงมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ทันที
“มันยากมากนะ ในสมัยก่อน วิธีการของเราคือใครจัดแข่งมวยเราจะเป็นสปอนเซอร์ส่งสินค้าไปให้ใช้ฟรีๆ เลย เราแลกกับความเชื่อใจของลูกค้าก่อน คุณมีเวทีแล้วคุณมีนวมหรือยัง ถ้ายัง คุณเอาไปใช้ จนวันหนึ่งผมกล้าพูดเลยว่าการที่คนรู้จักเรามากขนาดนี้ เป็นเพราะคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เราให้เขาใช้ฟรีๆ เขาเอาไปใช้แล้วบอกปากต่อปากกันว่า Twins ไอเคยใช้แล้วนะ มันดีจริงๆ ต่อยปีหนึ่งยังไม่เคยพังเลย หนังขาดนี่ไม่เคยมี นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดครับที่ทำให้เรามาได้ถึงทุกวันนี้”
ปวีณวัชเล่าว่า คนอาจจะคิดว่า Twins ใช้เครื่องจักรผลิตเสียส่วนใหญ่ แต่ความจริงประมาณเกือบครึ่งหนึ่งของกระบวนการผลิตเป็นงานแฮนด์เมด
“ถ้าคุณไปดูการผลิตจริงๆ จะรู้ว่ากว่าจะได้นวมแต่ละคู่มันคือการใช้มือคนนั่งยัด แล้วก็ดันหนัง ดันทุกอย่างให้ข้างในมันเข้าที่ นั่งตบให้มันมีทรงขึ้นมา เพราะเครื่องจักรไม่สามารถเข้ารายละเอียดลึกๆ ได้ และนี่เป็นจุดขายของ Twins ด้วย คือเป็นแฮนด์เมด”
นอกจากงานแฮนด์เมดและหนังคุณภาพดี ทรงของนวมที่ใส่สบายคือสิ่งที่ Twins ยึดถือ แม้ว่าจะนำมาซึ่งต้นทุนที่สูงเป็นพิเศษ โดยเคล็ดลับในการทดสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์คือการส่งสินค้าให้นักมวยไทยอาชีพทดลองใช้ก่อน
“เราส่งนวมให้นักมวยอาชีพใช้ประมาณเดือนหนึ่ง นี่เป็นการทดสอบที่ดีที่สุด ทดสอบด้วยการต่อยทุกวัน มีการเสียดสีทุกวัน สีและลายมันลอกไหม ถ้าต่อยทุกวันแล้วมันไม่ลอกเนี่ย คนธรรมดาต่อย 4 – 5 เดือนก็ไม่ลอก นักมวยจะเป็นคนบอกเราได้ดีที่สุด เรามีจุดยืนคือ ถ้าลูกค้าซื้อไปแล้วนวมเกิดความเสียหาย ใน 3 – 4 เดือนถ้าลายลอก สีหลุด เราเคลมให้ฟรี คุณไม่ต้องมาพูดเลยว่าคุณไปทำอะไรมา เพราะจุดยืนของเราคือคุณภาพ หนังของเราต้องติดทนนาน ลายต้องติดทน นวมของเราไม่มีการสึกหรือหนังแตก
“คุณภาพสำคัญที่สุด ผมคิดว่าถ้าลูกค้าซื้อไปเขาจะได้ใช้ของที่มีคุณภาพ ต่อมาเขาจะจ่ายตังค์โดยไม่เสียดาย นี่คือประเด็นหลัก เป็นจุดยืนของเรา”
เมื่อชายหนุ่มพูดจบ ฉันเหลือบไปมองนวมคุณภาพที่ชาวต่างชาติยอมรับซึ่งวางอยู่ตรงหน้า
บนนั้นปักชัดเจนว่า Made in Thailand
ยกที่ 4
สู้กับเป้าหมายในอนาคต
ปัจจุบันแบรนด์ Twins ส่งออกนวมกว่าเดือนละหมื่นคู่ มีตัวแทนจำหน่ายทั่วโลกทั้งยุโรป อเมริกา จีน หากวัดกันตามมาตรวัดเงินตรา เรียกได้ว่าแบรนด์ Twins น่าจะสดใสเหมือนสีของที่นวมที่ตั้งอยู่
ตอนนั้นเรานึกสงสัยว่าในอนาคตยังมีอะไรท้าทายสำหรับเขาอีก
“ผมเคยตั้งเป้าไว้ว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ทุกอีเวนต์มวยที่อยู่บนโลกใบนี้ต้องเป็น Twins เป็นภาพฝันเฉยๆ แต่จริงๆ แล้วผมขอให้แค่ในอเมริกาหรืออีเวนต์ถ่ายทอดสดระดับโลกหันมาใช้ Twins ทั้งหมด เป้าหมายคือผมต้องทำแบบนั้นให้ได้ สนับสนุนอีเวนต์แล้วถ่ายทอดสดกลับมายังประเทศไทย และให้คนรู้ว่านี่คือแบรนด์คนไทย”
จบบทสนทนากับทายาทรุ่นที่สองของบริษัทผลิตอุปกรณ์มวยที่ออกตัวว่าแต่ก่อนไม่ชอบมวย เราคุยกันเพลินจนลืมถามเขาไปว่า จากคนที่ออกตัวว่าไม่ชอบมวยไทยในตอนแรก เมื่อได้มีโอกาสคลุกคลีกับธุรกิจอุปกรณ์มวยมากว่า 6 ปี วันนี้เขามองคำว่า ‘มวยไทย’ เปลี่ยนไปอย่างไร
แต่ถึงจะไม่ได้ถามคำถามที่ว่าออกไป เราก็เชื่อว่าประกายในตาของเขาตลอดการสนทนาได้ตอบคำถามนี้แล้ว โดยที่ไม่ต้องอาศัยคำพูดมาขยายความแม้แต่คำเดียว