ทุกวันนี้ธุรกิจค้าปลีกก้าวเลยจุดที่คิดแยกส่วนออนไลน์หรือออฟไลน์ไปแล้ว แต่เป็นการผสมผสานเพื่อสร้างประสบการณ์ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า นี่คือหน้าที่สำคัญของ Chief Commercial Officer ของ Central Retail ในยุคนี้

75 ปีของเซ็นทรัล คือเส้นทางอันยาวนานของต้นแบบธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย วิถีชีวิตของคนไทยใกล้ชิดกับห้างสรรพสินค้าแทบทุกมิติ ผ่านยุคสมัยของรูปแบบการบริโภคที่หลากหลาย ไปพร้อมกับการเติบโตของสังคมเมือง ชุมชน และความเจริญทางเศรษฐกิจ 

ตลาดออนไลน์เติบโตขนาดนี้ แล้วห้างสรรพสินค้ายังจำเป็นอยู่หรือไม่

The Cloud นั่งคุยกับ ณัฐธีรา บุญศรี Chief Commercial Officer ของ Central Retail ที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้บริหารขององค์กรแห่งนี้ แต่ยังเป็นสมาชิกครอบครัวของตระกูลผู้บุกเบิกห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของไทยด้วย เมื่อจังหวะสนทนาเดินหน้าต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ประสบการณ์และความภาคภูมิใจของเธอที่เติบโตมาใต้ร่มเงาของเซ็นทรัลก็เปล่งประกายมากขึ้น  

จากเรื่องราวของห้างแรกที่เริ่มใช้บาร์โค้ด มาถึงบริบทใหม่ของถุงพลาสติก ถูกเล่าอย่างไร้รอยต่อผ่านบทความนี้

ณัฐธีรา บุญศรี กับการทำให้ Central Retail อยู่ได้ในยุคที่การซื้อของออนไลน์รุ่งเรือง

รับผิดชอบงานด้านใดใน Central Retail บ้าง

หน้าที่หลักอันแรกคือดูแลเรื่องการเติบโตของธุรกิจทั้งด้านยอดขายและผลกำไร โดยรับผิดชอบเรื่อง Store Transformation เช่น การปรับปรุงห้างที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลเวิลด์ หรือเซ็นทรัลพระราม 2 ซึ่งเป็นโครงการที่เราทำ Renovation ปรับลุค ปรับสินค้า ปรับไลฟ์สไตล์ให้เข้ากับลูกค้า รวมถึงการทำ Brand and Category Management ด้วยค่ะ 

ส่วนที่สองคือเรื่องการตลาดค้าปลีกแบบผสมผสาน Omni Channel เราต้องการเป็น Omni Channel Retailer ซึ่งขายของทั้งหน้าร้าน ช่องทางออนไลน์รวมถึงช่องทางการขายอื่น ๆ ไปด้วยกัน ทุกอย่างที่ทำเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ Seamless ไม่ว่าจะมาที่ห้าง ซื้อของออนไลน์ หรือเป็น Social Commerce อย่างในไลน์ Chat&Shop หรือทาง Facebook ก็ตาม เราต้องการให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกช่องทาง ซึ่งต้องทำอย่างต่อเนื่อง

เรื่องที่สามคือ Group Synergy เป็นการผนึกกำลังกันใน Central Retail ซึ่งเรามีทั้งแฟชั่น อาหาร ฮาร์ดไลน์ และพร็อพเพอร์ตี้ และกลุ่มเซ็นทรัล เราทำเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และการสร้างคุณค่าทางสังคมร่วมกัน (CSV) เราให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม อันนี้จะเป็นหน้าที่โดยรวมค่ะ

ภารกิจเยอะมากเลย ไม่เหนื่อยหรือ

โอ๊ดถือว่าเป็นความท้าทายมากกว่าค่ะ มีอะไรให้ทำเรื่อย ๆ ก็สนุกไปกับมัน และเซ็นทรัล รีเทล มีทีมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว  นอกจากนี้สิ่งที่ทำไม่เพียงช่วยพัฒนาธุรกิจของเรา แต่ช่วยพัฒนาเมือง ชุมชน และประเทศของเราด้วย 

ณัฐธีรา บุญศรี กับการทำให้ Central Retail อยู่ได้ในยุคที่การซื้อของออนไลน์รุ่งเรือง
ณัฐธีรา บุญศรี กับการทำให้ Central Retail อยู่ได้ในยุคที่การซื้อของออนไลน์รุ่งเรือง

พูดถึง Store Transformation เราก็เห็นร้านค้าหลายรูปแบบแล้ว จะยังทำอะไรเพิ่มได้อีกบ้าง

การพัฒนาร้านทำได้ตลอด ธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกรวมทั้งเซ็นทรัลของเราก็พัฒนาตลอดเวลานะคะ ย้อนไปตั้งแต่การเป็นห้างแรกที่ขายสินค้าโดยกำหนดราคาแน่นอนเพื่อเป็นมาตรฐาน ไม่ต้องมาต่อรองกัน รวมถึงการใช้บาร์โค้ดก็เริ่มต้นที่เซ็นทรัล ตอนนี้ที่เราทำจะเน้นเรื่องไลฟ์สไตล์มากขึ้น เมื่อก่อนเราเน้นเรื่องขายของเป็นหลัก แต่ตอนนี้เซ็นทรัลเน้นการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เพื่อให้เป็นที่ที่ลูกค้ามาแฮงก์เอาต์ โดยมีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ป๊อปอัพ หรืออีเวนต์สเปซที่นำเสนอเทรนด์ใหม่ ๆ ในห้างของเรา เราร่วมมือกับพันธมิตร แบรนด์ รวมทั้งศิลปินอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและอยากมาที่ห้างของเรา

อย่างที่เซ็นทรัลลาดพร้าวเราก็ปรับปรุงแผนกอาหารและแผนกของเด็ก หรือเซ็นทรัลเวิลด์เราก็เอาร้านอาหารมาผสมกับแผนกของใช้ในบ้าน แล้วก็จะมีกิจกรรมไลฟ์สไตล์ตามจุดต่าง ๆ ในอนาคตก็น่าจะมีรูปแบบใหม่ ๆ มาอีก ซึ่งต้องพัฒนากันต่อไป

พัฒนาธุรกิจร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ อย่างไรบ้าง และสนับสนุนแบรนด์ไทยอย่างไร

เรามองว่าแบรนด์ต่าง ๆ รวมทั้งพันธมิตรสำคัญมาก เราเหมือนบ้านหลังใหญ่ที่รวบรวมหลากหลายแบรนด์ที่ลูกค้าต้องการ ดังนั้นจึงต้องจับมือเติบโตไปด้วยกัน นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทุกคนทำงานด้วยกันได้ดีและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในทุกช่องทางที่เรามี ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด หรือช่องทางออนไลน์ เราวางแผนธุรกิจร่วมกันกับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อกำหนดเป้าหมายและสร้างความสำเร็จร่วมกันอย่างชัดเจน 

เซ็นทรัลให้ความสำคัญกับแบรนด์ไทยมากนะคะ เช่น เรามีส่วนที่เป็นแบรนด์ไทยดีไซเนอร์  ซึ่งจะทำให้คนไทยและชาวต่างชาติเห็นถึงศักยภาพของแบรนด์ไทย และเราอยากให้แบรนด์ไทยขยายไปที่เวียดนามด้วย เราอยากช่วยคนไทยให้พัฒนาไปด้วยกัน

มุมมองของ ณัฐธีรา บุญศรี แห่ง Central Retail ธุรกิจค้าปลีกที่อยู่ได้ในยุคที่การซื้อของออนไลน์รุ่งเรือง

คิดว่าลูกค้ายุคใหม่เอาใจยากขึ้นหรือไม่

โอ๊ดมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกค้าต้องการความสะดวกสบายสูงสุดค่ะ ซึ่งเราต้องตอบสนองส่วนนี้ให้กับลูกค้า และยังมีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกสบายมากขึ้นให้กับลูกค้าในหลากหลายช่องทาง โอ๊ดมองลูกค้าเป็นที่ตั้ง ไม่ว่าช่องทางไหนก็ต้องดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด เซ็นทรัลมีจุดแข็งเรื่องการขายของหน้าร้านมา 75 ปีแล้ว ตอนนี้ก็รุกช่องทางออนไลน์ให้หนักขึ้น เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

ทำไมยังเชื่อเรื่องหน้าร้าน

เชื่อมากค่ะ ลูกค้าจำนวนมากยังชอบมาเดินห้าง มาสัมผัสกับสินค้าด้วยตัวเอง มาลองเสื้อผ้า หรือใครอยากมานัดเจอเพื่อนที่ห้างและเดินช้อปปิ้งต่อ เราก็ตอบโจทย์ ลูกค้าอาจตรวจสอบข้อมูลจากช่องทางออนไลน์ก่อนแล้วมาซื้อของที่หน้าร้าน ซึ่งจะใช้เวลาตัดสินใจได้เร็วขึ้น เราจึงเชื่อว่าหน้าร้านยังสำคัญมากและจะยังคงอยู่ต่อไป เพราะลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ต่างจากการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยโจทย์สำคัญคือต้องทำให้ลูกค้าสนุกที่จะได้มา

เติบโตมากับภาคค้าปลีก เห็นวิถีของธุรกิจนี้อย่างไร

เซ็นทรัลเน้นเรื่องนวัตกรรมและการพัฒนา เพื่อเข้าใจไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปตลอด จึงต้องคิดสิ่งใหม่เสมอ เราเป็นห้างแรกที่ห้ามสูบบุหรี่ในห้าง ก่อนที่กฎหมายในยุคนั้นจะประกาศเสียอีก หรือการขยายสาขาในต่างจังหวัดเราก็ทำก่อน เช่นเดียวกับความตั้งใจลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งด้วย ที่ทำตลอดคือการปรับปรุงห้างต่าง ๆ ให้น่าสนใจ ทันสมัย อย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลเวิลด์ เราก็ปรับปรุงบ่อย หรืออย่างเซ็นทรัลชิดลม ก็อยู่ระหว่างการปรับปรุงให้ยิ่งใหญ่ขึ้นค่ะ

เซ็นทรัลชิดลมเป็นสัญลักษณ์สำคัญของธุรกิจ จะปรับปรุงอย่างไร

เราอยากทำให้เซ็นทรัลชิดลมเป็นห้างหรูระดับโลกเหมือนห้างในยุโรปที่เราไปลงทุนมา อย่าง Rinascente ที่ประเทศอิตาลี ห้าง Kadewe ที่ประเทศเยอรมนี หรือ Selfridges ที่ประเทศอังกฤษซึ่งเป็นห้างอันดับหนึ่งของโลกที่เราเพิ่งเข้าไปลงทุน เราต้องการยกระดับเซ็นทรัลชิดลมไปให้ถึงระดับนั้น ทั้งแบรนด์ไปจนถึงไลฟ์สไตล์ต้องไปในทิศทางเดียวกัน และแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการปรับปรุง จะทำให้แฟน ๆ ของเซ็นทรัลชิดลมมีความสุขค่ะ

มุมมองของ ณัฐธีรา บุญศรี แห่ง Central Retail ธุรกิจค้าปลีกที่อยู่ได้ในยุคที่การซื้อของออนไลน์รุ่งเรือง
มุมมองของ ณัฐธีรา บุญศรี แห่ง Central Retail ธุรกิจค้าปลีกที่อยู่ได้ในยุคที่การซื้อของออนไลน์รุ่งเรือง

การผลักดันทีมทำงานร่วมกันขององค์กรในเครือเซ็นทรัลยากหรือไม่

ไม่ยาก เพราะทุกคนมีเป้าหมายในการเติบโตร่วมกัน เป้าหมายของเราคือการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ต้องร่วมมือกันทำงานผ่านโครงการต่าง ๆ อย่างเรามีกลุ่มธุรกิจอาหารและแฟชั่น ก็มาคุยกันว่าแต่ละส่วนจะร่วมกันพัฒนาอย่างไรให้ห้างของเราดีขึ้นตามโจทย์ที่ต้องการ อย่างตอนทำ Say No to Plastic Bag ทุกหน่วยงานร่วมมือกันโดยมีเป้าหมายว่า ต้องการเป็นผู้นำของค้าปลีกในการปลุกจิตสำนึกและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมร่วมกันเพื่อโลกยุค
ใหม่

เซ็นทรัลให้ความสำคัญเรื่องการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนอย่างไร

เซ็นทรัลทำเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะ เพราะเราตั้งใจจะเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกของไทย เรามีโครงการที่ทำไปแล้วมากมาย เช่น จริงใจ Farmers’ Market ซึ่งร่วมกับภาคการเกษตร ให้เกษตรกรนำสินค้าปลอดสารพิษมาขายในห้างของเราโดยไม่ผ่านคนกลาง ช่วยสร้างรายได้ไปถึงมือพวกเขาโดยตรง ปีที่ผ่านมาทำยอดขายได้มากกว่า 220 ล้านบาท เม็ดเงินกระจายไปถึงเกษตรกร 2.4 หมื่นราย ซึ่งเราจะทำเรื่องนี้ต่อเนื่องไปในอนาคตแน่นอน 

นอกจากเรื่องชุมชนแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับเรื่องสังคม อย่างล่าสุดที่เราเพิ่งเปิดตัวโครงการ Gift to Gifted ส่งเสริมเด็กไทยที่มีความสามารถ และสนับสนุนความเท่าเทียมด้านการศึกษา 

รวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม นอกจากถุงพลาสติกแล้ว ยังมีโครงการรวบรวมฝาขวดน้ำ เพื่อเอาไปสร้างมูลค่าเพิ่มต่อเป็นชั้นวางหรือตู้ แล้วเอาไปบริจาคให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน เราเน้นเรื่องชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

งานเยอะขนาดนี้ คุณแบ่งบทบาทของการเป็นแม่และผู้บริหารอย่างไร

เป็นคำถามที่ยังหาคำตอบที่ดีที่สุดอยู่เลยค่ะ (หัวเราะ) คิดเรื่องนี้ตลอด คือเป็นทั้งสองบทบาทมาพักหนึ่งแล้ว เราทำงานค้าปลีก ก็ต้องไปเยี่ยมสาขาบ่อย ๆ รวมถึงช้อปปิ้งออนไลน์ผ่าน Central Application ซึ่งโอ๊ดพยายามปลูกฝังลูก ๆ ในสิ่งที่เราทำ อย่างช่วงที่ปรับปรุงเซ็นทรัลลาดพร้าวหรือเซ็นทรัลพระราม 2 ก็พาลูกไปเดินดูด้วย เป็นการผสมผสานเวลาทำงานกับเวลาที่ใช้กับลูกไปในตัว

หรืออย่างให้ลูกลองเล่น Central Application แล้วฟังความเห็นจากเขาว่าชอบหรือไม่ชอบตรงไหน ขนาดเขาเพิ่ง 9 ขวบแต่ให้ไอเดียได้ ทั้งหมดก็ตอบโจทย์ว่า แม้เราจะมีเวลาไม่มาก แต่ก็ตั้งใจทำทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด 

บางครั้งโอ๊ดก็เอาสิ่งที่สอนลูกมาปรับใช้กับการทำงานด้วย เวลาเลี้ยงลูก เราอยากให้เขาเติบโตได้อย่างดีด้วยตัวเอง ให้เขารู้จักวิธีคิดที่ดี มองโลกที่ดี อดทน ขยัน มีความพยายาม และทำสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้นำมาถ่ายทอดให้กับทีมได้เหมือนกัน 

โอ๊ดมีหน้าที่ทั้งกำหนดทิศทางและเสริมแรงให้ทีมได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ให้คำแนะนำและกำลังใจเพื่อให้พวกเขาได้ลอง

ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ในบางครั้งเราต้องเลิกทำแบบเดิม ๆ และคิดสิ่งใหม่ ๆ  เช่นเดียวกันกับลูกและทีม พวกเขามีโอกาสผิดพลาด ที่สำคัญคือต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นและพัฒนาต่อไป 

หลักสำคัญในการทำงานคืออะไร

การทำงานต้องสร้างทีมที่ดี โอ๊ดได้เรียนรู้ว่า ไปคนเดียวไปได้ไม่ไกลหรอก มันต้อง We before Me เรื่องนี้สำคัญมาก  รวมถึงเมื่อก่อนโอ๊ดชอบทำงานมากจนลืมใส่ใจเรื่องสำคัญ แต่ตอนนี้ได้ให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ใช้เวลากับพวกเขา พยายามกลับให้ถึงบ้านตอนทุ่มครึ่ง จะได้มีเวลาคุยกับลูก ส่วนวันหยุดก็จะให้กับลูกเต็ม ๆ เลย

ณัฐธีรา บุญศรี กับการทำให้ Central Retail อยู่ได้ในยุคที่การซื้อของออนไลน์รุ่งเรือง

Writer

มนต์ชัย วงษ์กิตติไกรวัล

มนต์ชัย วงษ์กิตติไกรวัล

นักข่าวธุรกิจที่ชอบตั้งคำถามใหม่ๆ กับโลกใบเดิม เชื่อว่าตัวเองอายุ 20 ปีเสมอ และมีเพจชื่อ BizKlass

Photographer

Avatar

ปฏิพล รัชตอาภา

ช่างภาพอิสระที่สนใจอาหาร วัฒนธรรมและศิลปะร่วมสมัย มีความฝันว่าอยากทำงานศิลปะเล็กๆ ไปเรื่อยๆ