“เปิดไฟทำไม นี่มันยังไม่มืดเลย เปิดแล้วจะสว่างขึ้นไหมล่ะ”

เล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ตะโกนถามพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ระหว่างที่โพสท่าให้ทีมงานของ The Cloud ถ่ายภาพอย่างคล่องแคล่ว เสียงของเธอดังมากพอจะกลบเสียงอื่นที่อยู่รอบๆ และทำให้บรรยากาศในพื้นที่บ้านปาร์คนายเลิศนิ่งเงียบมากขึ้นไปอีก ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานที่แห่งนี้สง่างาม รื่นรมย์ และมีภูมิสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจมากที่สุดจุดหนึ่งของประเทศ สวยไม่แพ้กับตัวผู้บริหารซึ่งเป็นทายาทรุ่นสี่ของตระกูลที่ได้ชื่อว่าเป็นสาวสังคมที่โดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่ง

ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ผู้ไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่และฝันที่ใหญ่กว่าตัวตนของเล็ก ปาร์คนายเลิศ

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่จะลบภาพเดิมๆ ที่สังคมจดจำ และเขียนเรื่องราวใหม่ๆ ของตัวเองด้วยการพิสูจน์ฝีมือในโลกธุรกิจให้เป็นที่ยอมรับ ยิ่งต้นทุนชีวิตสูงเท่าไหร่ การสร้างส่วนต่างของความสำเร็จให้พ้นจากเงาเดิมของคนรุ่นก่อนก็ยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะความท้าทายของธุรกิจครอบครัวที่ต้องปรับตัวให้ทันต่อการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นทุกขณะ

ทุกสายตาจับจ้องไปที่คุณเล็กเมื่อมีข่าวการขายที่ดิน 15 ไร่ พร้อมโรงแรมสวิส โฮเทล ปาร์คนายเลิศ และอาคารพรอมานาดให้กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพด้วยดีลขนาดใหญ่ถึง 1 หมื่นล้านบาท เมื่อช่วงปลายปี 2559 ปิดตำนานโรงแรมหรูที่ดำเนินกิจการมากว่า 3 ทศวรรษ มีคำถามมากมายเกิดขึ้นตามมาและเกิดแรงกดดันจากคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อผู้บริหารหญิงคนนี้พอสมควร เหมือนกับทุกครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจของตระกูลคหบดีเก่าแก่ทั้งหลาย ที่ผู้คนมักจะคิดเหมารวมเรื่อง ‘ปู่สร้าง พ่อดูแล และลูกหลานทำพัง’

แต่ดูเหมือนคุณเล็กจะไม่สะทกสะท้านกับเรื่องดังกล่าว และนิยามชีวิตของเธอก็ห่างไกลจากคำว่าเปราะบางอยู่พอสมควร เธอแกร่งกว่าภาพลักษณ์ที่สังคมรู้จักอย่างตื้นเขิน และเป็นกัปตันทีมคนสำคัญของตระกูลในการพาธุรกิจ ‘ปาร์คนายเลิศ’ ไปสู่ยุคใหม่

ปัจจุบัน คุณเล็กดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของ บริษัท สมบัติเลิศ จำกัด เป็นผู้รับช่วงต่อการสืบสานตำนานปาร์คนายเลิศ มีธุรกิจในมือทั้งร้านอาหาร Lady L Garden Bistro และ Ma Maison บริการจัดเลี้ยงอาหาร White Bus Catering รวมทั้ง Nai Lert Butler โรงเรียนผลิตผู้ให้การบริการระดับสูงเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย โดยทุกธุรกิจล้วนต่อยอดจากจุดแข็งของแบรนด์ปาร์คนายเลิศที่โดดเด่นเรื่องคุณภาพการบริการและการ ‘เล่าเรื่อง’ เรื่องเล่าที่ยังมีชีวิตบนพื้นที่ 20 ไร่ บนถนนวิทยุแห่งนี้

อะไรอยู่เบื้องหลังความมั่นใจของสุภาพสตรีคนนี้กันแน่ และก้าวต่อไปของปาร์คนายเลิศจะเป็นอย่างไร The Cloud พบว่าเธอเป็นคนที่ตรงไปตรงมามากที่สุดคนหนึ่ง ทำให้การสัมภาษณ์ครั้งนี้มีรสชาติที่จัดจ้านและน่าจดจำพอสมควร

“เล็กเป็นคนเพี้ยนๆ น่ะค่ะ” เธอเล่าเรื่องตัวเองและเป็นการเปิดบทสนทนาที่ดีทีเดียว

ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ผู้ไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่และฝันที่ใหญ่กว่าตัวตนของเล็ก ปาร์คนายเลิศ

ตอนนี้ชีวิตของคุณเล็กเป็นอย่างไรบ้าง

I’m very well ค่ะ (หัวเราะ) ไม่ได้บอกว่า Happy นะแต่ว่ามัน Fulfilled สองคำนี้ไม่เหมือนกัน ตอนนี้เล็กได้ทำในสิ่งที่เล็กรัก ตื่นมาแล้วมีพลัง อยากจะเดินเข้ามาที่นี่ มาทำงาน เล็กไม่ได้เรียกสิ่งที่ทำอยู่นี้ว่างานนะ มันคือชีวิตของเล็กต่างหาก ไม่ได้หมายถึงชีวิตตอนนี้มันสมบูรณ์แบบแล้วนะ ถ้าคิดแบบนั้นเราก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไร เล็กยังชอบที่จะเรียนรู้ ฟังทั้งคำชมและคำติ ถึงจะอยากฟังคำชมมากกว่าก็เถอะ เดี๋ยวนี้โตขึ้นกว่าเดิมเยอะ แต่ก่อนนี่ไม่ฟังเลย คิดว่าตัวเองจบจากเมืองนอก เรานี่เจ๋งมาก แต่พออายุมากขึ้นมันทำให้เรานิ่งขึ้น รับฟังมากขึ้นค่ะ

ทุกคนมีความต้องการของตัวเอง เราสนใจเรื่องนี้แล้วจะคิดว่าคนอื่นสนใจเหมือนกับเราไม่ได้ ต้องฟังคนอื่นด้วยว่าเขาคิดเห็นอย่างไร เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ แต่เล็กก็ไม่ได้ตามเทรนด์สักเท่าไหร่นะคะ ใครบอกว่าเราควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็รับฟังและเก็บเอาไว้ก่อน คือฟังนะคะแต่อาจจะไม่ทำ

คิดว่าตัวเองเป็นคนที่ดื้อหรือไม่

ดื้อมากค่ะ เล็กเป็นคนดื้อมาทั้งชีวิต บ้านเล็กเป็นบ้านที่ดื้อ พ่อแม่ก็ดื้อ แต่ว่าเราดื้อกันคนละแบบ เล็กจะดื้อแบบเสียงดัง คนอื่นอาจจะเงียบๆ เล็กว่าคนทุกคนมีความดื้อ มีอีโก้ในตัวเอง แต่เราต้องใช้มันให้ถูกต้องด้วย เล็กเป็นคนแปลกค่ะ แปลกมาก แต่ก่อนคิดว่าโลกแปลกก็เลยพยายามจะเปลี่ยนโลก แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าตัวเรานี่แหละที่เพี้ยน เพราะฉะนั้น เล็กไม่พยายามเปลี่ยนใคร สมมติเล็กคบกับใครอยู่ แล้วเราเกิดไม่โอเคกัน เล็กก็แค่ออกไปจากชีวิตเขาก็เท่านั้น ไม่ด่าไม่ว่ากันด้วย

คนที่จะเป็นเพื่อนสนิทของเล็ก ณพาภรณ์ ได้ควรจะเป็นคนอย่างไร

  เป็นคนที่เปิดใจ คุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องคอยระวัง ไม่คิดมาก เพราะเล็กเป็นคนคิดน้อย ไม่คิดมาก ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเข้ามาในชีวิต พอหัวถึงหมอนก็นอนหลับได้ เล็กไม่เคยนินทาคนอื่นเพื่อทำให้ตัวเองดูดี เล็กไม่ชอบ เล็กถึงไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิงค่ะ ภาพเล็กที่ออกมาจะค่อนข้างแรง คนอาจมองว่าอยู่แต่กับเพื่อนผู้ชาย แต่งตัวโป๊ แต่เล็กคิดว่าใครจะพูดถึงเราก็ช่างเขาค่ะ

ผู้ไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่และฝันที่ใหญ่กว่าตัวตนของเล็ก ปาร์คนายเลิศ

อะไรที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต

อาจจะเป็นคำพูดของคุณยาย (ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ) ตอนกลับจากอังกฤษใหม่ๆ ท่านถามเล็กว่า “เล็กคิดว่าตัวเองฉลาดหรือไม่” เราก็ตอบไปว่าฉลาดค่ะ เก่งมาก แล้วคุณยายก็บอกว่า “คนฉลาดเขาต้องโง่ให้เป็นด้วยนะ” คนเรามีหลายแบบ ถ้าเราทำธุรกิจ เราไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่าง เงียบบ้างก็ได้ ไม่ต้องเปิดหมด แต่ก่อนจะพูดทุกอย่างตามที่คิดเลย เดี๋ยวนี้เวลาเจอคนแบบนั้นเล็กก็จะมองว่าตลกและคิดว่า นั่นคือตัวฉันเมื่อก่อนนี่นา ที่แกพูดมากเพราะแกไม่ค่อยรู้อะไรหรอก เพราะจริงๆ แล้วคนที่มีของไม่พูดเยอะหรอกค่ะ หรือว่าคนที่เขามีความสุขกับตัวเอง เขาก็ไม่มาโชว์หรอกว่าตัวเองมีอะไรบ้าง

คุณเล็กเคยให้สัมภาษณ์ว่า การขายที่ดิน 15 ไร่ ให้เครือโรงพยาบาลกรุงเทพไม่ใช่ความล้มเหลวทางธุรกิจ ยังยืนยันคำพูดนั้นหรือไม่

บางสื่อเขาลงข่าวยิ่งกว่านั้นอีกค่ะ บอกว่าปาร์คนายเลิศต้องปิดตำนาน เล็กต้องขายโรงแรม ขายพื้นที่ของบรรพบุรุษกิน ซึ่งเล็กก็ดีใจนะคะที่เขาเขียนว่า ‘ตำนาน’ เพราะว่าคนคงไม่พูดว่าตำนานถ้าเราไม่ใช่ตำนานที่แท้จริง เล็กเลือกมองในข้อดี เรารู้ตัวว่าเราทำอะไร พ่อแม่ของเราก็ยังอยู่และรับรู้ ไม่ใช่การตัดสินใจของเล็กคนเดียว อย่างกรณีที่ดินสถานทูตอังกฤษ เดิมเป็นของคุณทวด (เลิศ เศรษฐบุตร) เขาก็ขายไป ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิดพลาดอะไร เราเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ขายที่ดินได้ พัฒนามันหรือเปลี่ยนมือได้ มันเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจมากกว่าค่ะ

คุณเล็กทำอะไรในวันสุดท้ายที่ปิดโรงแรมสวิส โฮเทล ปาร์คนายเลิศ

เล็กจำได้แม่นเลย เล็กกำลังขายของอยู่ เราขายพวกเฟอร์นิเจอร์และของใช้ออกไป เปิดเป็น Open House ประมาณสองอาทิตย์ และเราก็เปิดให้โรงแรมต่างๆ มาออกบูทและรับสมัครพนักงานของปาร์คนายเลิศทั้งหมดไปทำงาน เรามีพนักงานอยู่สี่ร้อยคน ต้องปลดออกสามร้อยคน เหลืออยู่กับเราหนึ่งร้อยคน มันก็เจ็บเหมือนกันนะ แต่ถึงปลดคนก็ยังไม่มีใครตกงาน  

ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ผู้ไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่และฝันที่ใหญ่กว่าตัวตนของเล็ก ปาร์คนายเลิศ

ภาพรวมของธุรกิจในปัจจุบันเป็นอย่างไร

ตอนนี้เราค่อนข้างเน้นเรื่องอาหาร การจัดเลี้ยง และร้านอาหาร เรากำลังจะมีโรงแรมแห่งใหม่ คาดว่าจะสร้างเสร็จในอีกสามปีนับจากนี้ มูลค่าโครงการกว่าสามพันล้านบาท ซึ่งจะยังคงความเป็นปาร์คนายเลิศเอาไว้ครบถ้วน สำหรับเล็ก คำคำนี้ คือการบริการด้วยใจ สิ่งที่เราให้กับลูกค้าต้องมีคุณภาพที่ดี ยกตัวอย่างเช่นชุดห้องครัว เราอาจใช้ของที่แพงกว่าปกติแต่ว่าอยู่ได้นาน ไม่ใช่ต้องเปลี่ยนทุกสองปีเพราะใช้ของคุณภาพแย่ เล็กอาจใช้ครัวมูลค่าร้อยล้านบาท แทนที่จะลงทุนกับครัวแค่สิบล้านบาท แต่มันจะอยู่กับเราไปได้อีกสิบหรือยี่สิบปีเลย

ยืนยันว่าปาร์คนายเลิศไม่เคยปิดตำนานไปนะคะ ตำนานของที่นี่ยังมีอยู่เสมอ ความเป็นปาร์คนายเลิศมันไปไกลและสูงกว่าชีวิตของเล็กเพียงคนเดียว มันยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก

กลัวกับการทำธุรกิจโรงแรมอีกครั้งหรือไม่

ไม่กลัวเลยค่ะ เพราะว่ามันอยู่ในสายเลือดของเล็ก เล็กเติบโตมาในโรงแรม แต่ก่อนคิดว่านี่คือบ้านขนาดใหญ่ที่มีสามร้อยห้องนอน เล็กวิ่งเล่นในนี้ มีละครลิงโชว์ในโรงแรม ที่นี่คือบ้าน การทำธุรกิจก็เหมือนกับการดูแลบ้านนั่นแหละค่ะ ถ้าคุณกลับบ้านไปแล้วมีความสุข บ้านสะอาด อบอุ่น ชีวิตมันก็ดี เรื่องธุรกิจก็เช่นกัน เล็กทำออกมาจากใจ รักสิ่งที่ทำเสมอ งานตรงนี้คือสิ่งที่ชอบ เล็กบอกกับที่บ้านเลยว่า อย่าเอาอะไรที่เล็กไม่ชอบมาให้ทำ เพราะว่าเล็กจะทำแล้วเจ๊ง เล็กทำไม่ได้ค่ะ

บริหารธุรกิจครอบครัวให้ราบรื่นได้อย่างไร

ข้อดีของบ้านเล็กคือพวกเราชัดเจน เราไม่ทะเลาะกัน ทุกคนรู้ว่าชอบทำอะไร ถนัดตรงไหน และไม่ข้ามเส้นกัน ถึงจะเป็นธุรกิจครอบครัวและทุกคนมีความเป็นเจ้าของ แต่ถ้าตกลงกันแล้วว่าให้เล็กดูแลปาร์คนายเลิศ อยากได้อะใรให้มาบอกที่เล็กโดยตรง ไม่ต้องไปบอกพนักงาน เพราะว่าพวกเขาจะงง ทำงานไม่ถูก ให้มาบอกเลยว่าอยากได้กุหลาบสีขาวนะ จะเปลี่ยนให้ เล็กโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวแบบนี้ พ่อแม่ของเล็กเองก็แฟร์มาก ไม่ว่าจะเป็นลูกชายลูกสาวก็ให้เท่ากันหมด ใครชอบทำอะไรก็ไม่เคยห้าม สนับสนุนทุกอย่าง

ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ผู้ไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่และฝันที่ใหญ่กว่าตัวตนของเล็ก ปาร์คนายเลิศ

วางแผนธุรกิจในอนาคตอย่างไร

เล็กอยากจะสืบทอดความเป็นปาร์คนายเลิศ ความเป็นคนไทยของเราให้ชาวต่างชาติได้รู้ว่าของไทยมันมีดี มันเจ๋ง ขนาดไหน เรามีของดีเยอะแต่เราไม่ออกมาพูด เล็กเห็นว่าตอนนี้มีโรงแรมหรูเต็มไปหมด แต่สิ่งที่ยังขาดคือเรื่องคุณภาพการบริการนี่ล่ะค่ะ จริงอยู่ที่คนไทยน่ารัก ยิ้มเก่ง แต่เล็กอยากให้ยิ้มแบบมีเหตุผล ไม่ใช่ยิ้มไปทั่ว ต้องยิ้มออกมาจากใจและให้บริการแบบมืออาชีพ อย่างเช่นเวลาลูกค้าสั่งเครื่องดื่มก็ต้องถามต่อได้ว่าจะกินแบบไหน ใส่น้ำแข็งหรือเปล่า ใส่มะนาวไหม สีเขียวหรือเหลืองดี เพราะคนทุกคนดื่มเครื่องดื่มไม่เหมือนกัน เราต้องไปให้ถึงจุดนั้น 

ประเทศไทยมีโรงแรมหรูเยอะเกินหรือเปล่า

มันคงไม่เกินไปหรอกค่ะ เพราะว่าคนที่มาเที่ยวประเทศไทยมีเยอะ สิ่งที่สำคัญคือ เล็กไม่อยากให้ตัดราคากันเอง ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมโรงแรมห้าดาวถึงตัดราคาขายแข่งกัน เปิดโรงแรมใหม่มาก็จัดโปรโมชันลดราคาเลย มันทำให้ลูกค้าดูถูกเรานะคะ ของเราดีแต่ทำไมเรามาขายถูก เล็กอยากให้ลูกค้าจดจำบริการที่ดีของเราแล้วเอาไปพูดต่อ โดยเฉพาะรายละเอียดเล็กๆ ที่เราตั้งใจทำให้ อย่างเช่นงานแต่งงานบางงาน เล็กจะถามพนักงานว่า เจ้าภาพชอบสีอะไร เขาจะทำอะไรในช่วงเวลาระหว่างงานเช้าและเย็น เราควรเตรียมพนักงานนวดเท้าไว้ให้เจ้าสาวด้วยหรือไม่ 

เรื่องแบบนี้มันไม่ได้เปลืองเลยนะ มันคือความใส่ใจ เขาเองก็ประทับใจและเอาไปบอกต่อ เล็กถือว่าพวกเขาคือแขกของบ้าน ไม่ได้เรียกว่าลูกค้า ไม่ว่าคุณจะจ่ายเงินหนึ่งล้านบาทหรือว่าห้าหมื่นบาทให้เรา เราก็ดูแลคุณอย่างดีที่สุดเหมือนกัน 

อยากให้คนรุ่นหลังของปาร์คนายเลิศจดจำคุณเล็กอย่างไร

ที่แห่งนี้นายเลิศเป็นผู้สร้างมา คุณยายของเล็กท่านก็ทำทุกอย่างแล้ว ตัวเล็กเป็นผู้สืบทอดกิจการต่อ สิ่งที่เล็กอยากให้คนจดจำคือเล็กเป็นผู้ที่สร้างคน เพราะเล็กชอบอยู่กับคน ถ้าแค่มีเงินเราก็สร้างตึกหรือซื้อของได้ แต่การสร้างคนเป็นเรื่องยาก ถ้าทำตึกออกมาสวยแต่คนให้บริหารแย่ มันก็จบ ตัวตึกก็ไม่สวยอย่างที่ควรจะเป็น นั่นคือสิ่งที่เล็กคิด

ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ผู้ไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่และฝันที่ใหญ่กว่าตัวตนของเล็ก ปาร์คนายเลิศ

10 Questions answered by Managing Director of Nai Lert Group

  1. คุณตื่นและเข้านอนกี่โมง : เล็กตื่นนอนตอนหกโมงครึ่งค่ะ แล้วก็จะเดินเล่นในห้องประมาณสองชั่วโมง เลือกเสื้อผ้า เข้าห้องน้ำ ทำโน่นนี่ กว่าจะลากตัวเองมาที่ออฟฟิศได้ก็สิบโมง นี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำอะไรถึงนานขนาดนั้น ส่วนกลางคืนจะเข้านอนตอนห้าทุ่มครึ่งถึงเที่ยงคืน เล็กว่าการกินและนอนสำคัญมาก ใครมาถามเล็กว่าทำงานหนักจะไหวหรือไม่ มีเวลากินหรือจะนอนหลับไหม ก็ตอบไปว่ามันก็ต้องมีเวลาสิ หิวก็กิน ง่วงก็นอน เหนื่อยก็พัก จบค่ะ
  2. ถ้ามีเพื่อนมาบ่นกับคุณเล็กว่าไม่มีเวลาเลย จะแนะนำอย่างไร : That’s bullshit ค่ะ คือคุณจัดเวลาให้ตัวเองไม่เป็นต่างหาก ไม่ฉลาด มันจัดการได้เสมอ เล็กได้ยินบ่อยเวลาคนบ่นว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่จริงเลย ทุกวันนี้เล็กก็ไปเข้าคลาสโยคะทุกวัน วันไหนไปไม่ทันก็วิ่งที่สวนลุมฯ แทน ยังไงก็ต้องออกกำลังกายจะได้มีพลังมาทำงานค่ะ
  3. เคยไม่แต่งหน้าออกจากบ้านหรือไม่ คนจำได้หรือเปล่า : มีบ้างค่ะ วันที่เล็กไม่ต้องเจอกับผู้คน ไม่มีนัด เล็กเคยไปตลาดจตุจักร ไปแบบหน้าสดเลย คุยกับแม่ค้าแล้วชอบสินค้าของเขา เล็กก็เลยชวนมาออกงานที่ปาร์คนายเลิศ เขาตกใจ ถามเราว่านี่ใช่คุณเล็กปาร์คนายเลิศหรือเปล่า เขาจำไม่ได้เพราะว่าเล็กไม่ได้แต่งหน้า ตัวเขาก็ดูเหวอๆ เหมือนกัน
  4. สิ่งแรกที่กินเมื่อตื่นนอน : กาแฟดำใส่นมอัลมอนด์ค่ะ กินวันละสองแก้ว ตอนเช้าและหลังข้าวเที่ยง
  5. คุณเล็กขับรถเองหรือไม่ : ขับเองค่ะ ไม่ชอบมีคนขับรถ เพราะเล็กมีความลับเยอะ เวลาเราคุยโทรศัพท์ก็ไม่อยากให้คนมารู้เรื่องของเรา เล็กไม่ชอบให้ใครรู้ว่าเราทำอะไรที่ไหน ปกติจะมาทำงานช่วงสายรถก็ไม่ติดแล้ว กลับบ้านดึกหน่อย เล็กใช้ชีวิตแถวนี้อยู่แล้ว อย่างรถไฟฟ้าก็ขึ้นบ้างนะคะ จำได้เลยว่าครั้งหนึ่งเคยใส่ชุดราตรียาวขึ้นรถไฟฟ้าเพราะจะไปงานกาลาร์ดินเนอร์แล้วกลัวไปไม่ทัน ก็เลยต้องขึ้นบีทีเอสค่ะ
  6. สิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อออกจากบ้านคืออะไร : สมองค่ะ เพราะอย่างโทรศัพท์มือถือถ้าเราไม่ได้เอามาก็บอกให้เลขาฯ ไปเอาให้ได้ แต่เราต้องใช้สมองตลอด ถ้าไม่มีความคิด ไม่พัฒนาตัวเอง มันก็ไม่มีอะไรดีกับชีวิตของเรา
  7. เคยใส่รองเท้าส้นสูงเดินแล้วขาพลิกหรือไม่ : ไม่เคยค่ะ เล็กเกิดมาก็โตกับรองเท้าส้นสูงแล้ว แม่แทบจะใส่ส้นสูงคลอดเล็กออกมาเลยค่ะ (หัวเราะ) จำได้ว่าเคยใส่ไปเดินในสวน คุณยายก็ว่าเล็กว่ารองเท้าทำพื้นหญ้าเป็นรู ทำไมไม่ใส่รองเท้าผ้าใบแทน เล็กก็บอกว่า ดีสิคะ กำลังพรวนดินให้อยู่นี่ไง
  8. คิดอย่างไรที่เด็กสาวสมัยนี้อยากจะเป็นเล็ก ปาร์คนายเลิศ หรือแพร วทานิกา กันหมด : ก็เป็นสิคะ อย่าทำได้แค่อยาก คุณต้องมั่นใจในตัวเอง ดูว่าเรามีจุดดีจุดด้อยยังไง ชีวิตเราเกิดมามียี่สิบสี่ชั่วโมงเท่ากัน ดังนั้น มีความสุขกับสิ่งที่เป็นเถอะค่ะ
  9. ร้องไห้ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ : ตอนดูหนังบนเครื่องบินมั้งคะ ดูแล้วก็ร้องไห้ เพราะออกซิเจนบนเครื่องบินมันต่ำ อารมณ์เราก็ไม่ปกติเหมือนตอนอยู่ข้างล่าง
  10. เคยร้องไห้เพราะผู้ชายหรือไม่ : (นิ่งชั่วครู่) เคยค่ะ ตอนคุณตาเสีย ตอบแบบนี้ได้ไหมคะ (หัวเราะ) ถ้าพูดถึงแฟน ไม่เคยค่ะ อาจจะเคยตอนเด็กๆ มั้ง แต่ไม่ค่อยเสียน้ำตา ไม่ค่อยเจ็บปวดกับเรื่องแบบนี้หรอกค่ะ เล็กว่ามันขึ้นกับช่วงชีวิต ตอนเด็กเราก็อาจจะมีอารมณ์หึงหวง อยากเป็นเจ้าของ ตอนนี้โตขึ้น รักแบบเป็นเพื่อนมากขึ้น ถ้าใครงี่เง่าเราก็คงคุยด้วยไม่รู้เรื่อง เล็กว่าทุกคนที่เล็กเลือกคบเป็นคนดีหมด แต่มันเป็นเรื่องของจังหวะชีวิตเท่านั้นเองค่ะ

Writer

มนต์ชัย วงษ์กิตติไกรวัล

มนต์ชัย วงษ์กิตติไกรวัล

นักข่าวธุรกิจที่ชอบตั้งคำถามใหม่ๆ กับโลกใบเดิม เชื่อว่าตัวเองอายุ 20 ปีเสมอ และมีเพจชื่อ BizKlass

Photographer

Avatar

ธีรพันธ์ ลีลาวรรณสุข

ช่างภาพ นักออกแบบกราฟิก นัก(หัด)เขียน โปรดิวเซอร์และผู้ดำเนินรายการพอดแคสต์ และอื่นๆอีกมากมายแล้วแต่ว่าไปเจออะไรน่าทำ IG : cteerapan