เมื่อการสวมเสื้อเป็นมากกว่าการปกปิดร่างกาย ทว่าเป็นการแสดงตัวตนของคนที่หยิบมันมาไว้บนเรือนกาย มากกว่านั้นยังคลับคล้ายการสวมร่องรอยประวัติศาสตร์ที่หลงเหลืออยู่ อย่างเสื้อวงดนตรีถูกผลิตเป็นครั้งแรกช่วง ค.ศ. 1960 ขนาด The Beatles วงดนตรีระดับตำนาน ยังเคยขายเสื้อวงจนยอดจำหน่ายพุ่งสูงเกือบแซงยอดอัลบั้ม
ยิ่งทศวรรษ 70 – 90 นับเป็นยุคทองของศิลปินที่หันมาทำเสื้อยืดวงดนตรีของตนเอง ซึ่งการครอบครองเสื้อวงดนตรีถือเป็นการอุดหนุนวงนั้น ไม่ก็ถูกมองว่าเป็นสาวกของวงโดยปริยาย เมื่อกาลเวลาผ่านหลายสิบปี เสื้อวงมีจำนวนน้อยลง กลายเป็นของหายาก แถมมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ณ วันนี้ การพบเจอเสื้อยืดวงดนตรีของแท้ฉบับดั้งเดิมไม่ใช่เรื่องง่าย จนกระทั่งผมพบกับ Museum of TEEs Thailand คลังขุมทรัพย์เสื้อยืดหายากแห่งแรกของยุคนี้
Museum of TEEs Thailand เป็นพิพิธภัณฑ์เสื้อยืดของ เบียร์-พันธวิศ ลวเรืองโชค หัวเรือของกิจการรับออกแบบนาม Apostrophys Group ซึ่งเสื้อยืดทั้งหมดมาจากการสะสมตั้งแต่เขาเป็นเด็ก ทั้งจากการคุ้ยกองเสื้อตามตลาด (ที่มักเจอของดีเสมอ) การซื้อขายระหว่างมิตรสหาย จนถึงการประมูลจากในประเทศไทยและต่างประเทศ
เมื่อผมเดินเข้ามาด้านในก็พบเสื้อยืดนับร้อยตัวแขวนเรียงรายบนเพดาน และเสื้อยืดอีกจำนวนมากก็แขวนอยู่บนราวตั้งพื้น โดยมี ช้อปปิ้ง-รุจาภา สัมมาวรรณ ผู้ดูแล Museum of TEEs Thailand เป็นไกด์นำเยือนและชวนผมทำความรู้จักกับพิพิธภัณฑ์เสื้อยืดหายากแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ถ้าพร้อมแล้ว เลือกเสื้อยืดตัวเก่งไปลุยกัน!
พื้นที่ (เสื้อยืด) ส่วนกลาง
วินาทีแรกที่ผมเห็น Museum of TEEs Thailand ดูไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์อย่างที่คิดเอาไว้ ด้วยอาคารที่มีกระจกสะท้อนแสง พ่วงอาคารสองชั้นด้านข้าง สถานที่ตรงหน้าดูเป็นบริษัทแห่งหนึ่งเสียมากกว่า สิ่งที่คิดนั้นไม่ผิดเสียทีเดียว เมื่อมารู้ทีหลังว่า ก่อนจะกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ เบียร์ทำงานเป็นผู้ดูแลบริษัทออกแบบภายในและมีบริษัทในเครือที่ต้องดูแลอีก 3 แห่ง ซึ่งพิพิธภัณฑ์เสื้อยืดเพิ่งเปิดได้เพียง 2 ปี หลังจากเขาย้ายศูนย์กลางการทำงานมาย่านลาดพร้าว
แรกเริ่มเดิมทีเบียร์เป็นคน ‘เล่น’ เสื้อยืดมานานแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเสื้อวงดนตรีหายาก โดยเฉพาะวงดนตรีช่วงยุค 90 อย่างวง Guns N’ Roses, Metallica, Björk, Butthole Surfers, Run-DMC, KISS จนถึงวงชื่อดังตลอดกาลอย่าง Nirvana เมื่อจำนวนเสื้อยืดเพิ่มตามระยะเวลาการสะสม เขามองว่าถ้าเก็บไว้คงเสื่อมสภาพ เลยเกิดความคิดที่จะสร้างพิพิธภัณฑ์เสื้อยืดเป็นของตัวเอง ซึ่ง Museum of TEEs Thailand เป็นพิพิธภัณฑ์เสื้อยืดแห่งแรกในประเทศไทย
มิวเซียมแห่งนี้จัดแสดงเสื้อยืดอันทรงคุณค่าจากคลังแสงของเบียร์สู่สายตาของนักสะสมและคนที่สนใจ
บางเดือนหรือบางเทศกาลจะมีธีมการจัดแสดง อย่างช่วงนี้ (ตุลาคม 2563) เป็นธีมเสื้อยืดสยองขวัญ มีเสื้อยืดสกรีนลายจากภาพยนตร์กระตุกขวัญอย่าง Chucky, Scream, Friday the 13th, Freddy Krueger มีเสื้อยืดวง Queen ที่ทำออกมาตอนวงยังไม่เป็นที่รู้จัก ซึ่งคอลเลกชันจัดแสดงมีทั้งเสื้อยืดสะสมของเบียร์และคนที่ ‘เล่น’ เสื้อเหมือนกับเขา
“เคยมีค่ายเพลงเข้ามาคุยกับเราเกี่ยวกับโปรเจกต์เสื้อ และมีคนทักมาหาเราว่าเขาไม่ได้มีเสื้อวงครบทุกตัวนะ แต่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการจัดแสดงเสื้อวงดนตรีไทย เขาถ่ายภาพมาให้เราดู เป็นของ Bodyslam หมดเลย หมวก เสื้อ ของที่ระลึก เราเลยคิดว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นส่วนกลางที่ให้ใครก็ได้เข้ามาใช้พื้นที่สำหรับจัดแสดงงาน” ไกด์สาวอธิบาย
พื้นที่มิวเซียมแห่งนี้จึงเป็นเสมือนพื้นที่ส่วนกลางสำหรับคนรักเสื้อยืดที่มีความพิเศษต่างกัน บางคนสะสมเสื้อวินเทจมากกว่าพันตัว บางคนสะสมเฉพาะวงดนตรีวงเดียว อย่างเบียร์นอกจากสะสมเสื้อวงที่ตัวเองชอบในยุค 90 ยังมีเสื้อแจ็กเก็ต ของที่ระลึก เช่น เสื้อกีฬาโอลิมปิก เสื้อบอล ถ้าใครมีของดีที่อยากสำแดงก็เอามาจัดแสดงที่มิวเซียมได้นะ
เสื้อยืดที่เป็นมากกว่าเสื้อยืด
“ตัวนี้ราคาประมาณห้าแสนบาท” เรามองตามนิ้วชี้ของช้อปปิ้งที่หันไปทางเสื้อยืดลายกล่องหัวใจ ถ้าใครเป็นบิ๊กแฟนของ Nirvana จะรู้ว่าลายบนเสื้อมาจากเพลง Heart-Shaped Box (อะไรกันนะที่ทำให้เสื้อตัวนี้ราคาครึ่งล้าน)
“มีปัจจัยอะไรบ้างครับที่ทำให้เสื้อยืดราคาสูงขนาดนี้” ผมสงสัย
“เป็นเพราะความพอใจและคนมีชื่อเสียงใส่ลายเดียวกัน” เธอหยิบเสื้อตัวนั้นลงมาให้ผมชมตรงหน้า
“อย่าง Heart-Shaped Box จัสติน บีเบอร์ (Justin Bieber) เคยใส่มาแล้ว หลังจากนั้นราคาเสื้อก็ขึ้นทันที ยิ่งเป็นตัวดั้งเดิมที่ผลิตตั้งแต่ยุคนั้นจะยิ่งแพง เหมือนตัวนี้ที่กลายเป็นหนึ่งในบรรดาเสื้อ OVP (All-Over-Print T-Shirt) ที่อยู่ในเบญจภาคี
“เสื้อเบญจภาคีเป็นเสื้อยอดฮิตที่มีราคาสูง อย่าง Metalica แมงมุม จริงๆ ไม่ได้ชื่อ Metalica แมงมุม พอเสื้อฮิตมากๆ เลยมีชื่อเล่นไว้เรียกกัน ซึ่งเบญจภาคีที่เป็น OVP มีวง KISS, Nirvana, AC/DC และ Ozzy Osbourne”
วิธีการดูเสื้อว่าแท้หรือไม่แท้มีอยู่หลายวิธี ตั้งแต่ป้ายคอเสื้อจนถึงตะเข็บเสื้อ ป้ายที่อยู่บนคอเสื้อนับว่าเป็นสิ่งสำคัญในการแยกว่าเสื้อตัวไหนผลิตในช่วงปีไหน เสื้อยุค 80 -90 มักมีป้ายคอเสื้อ แต่ละปีทำรูปแบบป้ายแตกต่างกันจนแยกได้ ปัจจุบันเสื้อบางตัวไม่ได้ทำป้ายหลังคอเสื้อกันแล้ว แต่เป็นการปั๊มลายตรงคอเสื้อแทนเพื่อลดต้นทุน
ส่วนตะเข็บเสื้อยุค 90 จะเย็บตะเข็บเดี่ยวตรงชายเสื้อและแขนเสื้อ เสื้อบางตัวถึงเป็นของแท้เหมือนกัน แต่เป็นการผลิตซ้ำอีกครั้ง ทำให้ราคาไม่ได้สูงเท่ากับปีแรกที่ผลิต ดังนั้น การซื้อเสื้อที่มีความพิเศษแบบนี้ต้องตรวจเช็กอย่างดี อาศัยความมุ่งมั่นอดทนในการตามหา ซึ่งความยากลำบากในการซื้อกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาเสื้อเพิ่มขึ้น
เพราะมันกลายเป็นเสน่ห์และความพึงพอใจนั่นเอง
“นักสะสมบางคนไม่เหมือนกัน เขาไม่ได้สนเลยว่าคนอื่นซื้อเสื้อตัวนี้มาเท่าไหร่ เขาอาจซื้อมาหลักร้อย แล้วมาขายเราหลักหมื่นก็ได้ ถ้ามันมีคุณค่าทางจิตใจกับเขา วงการมันเป็นแบบนี้” ช้อปปิ้งขยายใจความสำคัญ
MOTT x เชอรี่ สามโคก
Museum of TEEs Thailand ไม่ได้ตั้งใจเป็นร้านขายเสื้อยืดแต่แรก จุดประสงค์หลักมีเพียงแค่จัดแสดงเสื้อยืดหายาก แต่มีบ้างบางตัวที่ปล่อยขาย (จำนวนไม่มากนัก) ตั้งแต่เสื้อราคาหลักร้อยถึงระดับราคาสูง 3 ตัวล้าน!
ช้อปปิ้งพาผมเดินไปที่บริเวณนั่งเล่นสำหรับฟังแผ่นเสียงของมิวเซียมซึ่งรอบล้อมด้วยราวเสื้อยืด ไกด์สาวหยิบเสื้อยืดสีดำสกรีนด้วยลายที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร หลายคนคงไม่คุ้นตาว่าเป็นเสื้อยืดของวงดนตรีวงไหน เพราะนั่นเป็น H.O.C (The Haus of Custom) by MOTT เสื้อแบรนด์ของ Museum of TEEs Thailand
เสื้อออกแบบด้วยลายสกรีนที่มีความสร้างสรรค์ ดีไซเนอร์ได้แรงบันดาลใจจากวงดนตรีและภาพยนตร์ เช่น ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Evangelion ผสมกับวง KISS ด้วยการ Mix and Match อย่างลงตัว ทำให้ผมเกิดความรู้สึกว่า การทำเสื้อยืดไม่ได้ทำเพื่อสวมใส่เพียงอย่างเดียว แต่นั่นเป็นการถ่ายทอดงานศิลปะให้เป็นที่ประจักษ์ต่อทุกสายตา
ความน่าสนใจของเสื้อยืดที่ทำขึ้นมา คือการทำงานร่วมกับ เชอรี่ สามโคก เธอลงทุนถ่ายภาพนู้ดเพื่อสกรีนบนเสื้อ อาจฟังดูเหมือนเสื้อลายนู้ดทั่วไป แต่ความพิเศษอยู่ตรงที่เสื้อยืดได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากเสื้อยืดของวงดนตรีต่างประเทศ มาผสมผสานจนกลายเป็นเสื้อคอลเลกชัน เชอรี่ สามโคก ที่มีความสวยงามจนน่าประหลาดใจ
“เราทำเสื้อขายเองเพื่อสำรวจตลาดว่าเขาชอบแบบไหน เราตั้งกลุ่มทาร์เก็ตถูกมั้ย ผลออกมามีคนซื้อเสื้อแบรนด์เราเยอะมาก ส่วนการสั่งซื้อทางเพจเรียกว่าเพจแตกเลย” แอดมินเพจประจำมิวเซียมพูดด้วยรอยยิ้ม
ส่วนเสื้อแบรนด์ H.O.C ออกมาเพียง 5 เวอร์ชันเท่านั้น ก่อนจะมีเสื้อแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานมานี้ภายใต้ชื่อแบรนด์ ‘UR. YOUR BRAND’ ติดตามรอลุ้นเสื้อลายสวยเท่ได้ที่เพจ Museum of TEEs Thailand นะ
แลนด์มาร์กสำหรับแฟนวงดนตรี
พิพิธภัณฑ์เสื้อยืดตั้งปักหลักอยู่ในสถานที่ที่สัญจรได้ยาก เพราะไม่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ถึงกระนั้นก็ไม่อาจหยุดคนที่สนใจได้ ช้อปปิ้งเล่าให้ผมฟังว่า ผู้มาเยือนมาจากต่างจังหวัดก็มี แถมมีตั้งแต่วัยนักเรียนที่มาถามหาเฉพาะวงดนตรีที่ชอบ ไปจนถึงวัยกลางคนที่เป็นแฟนเพลงจริงๆ แม้แต่ขบวนรถมอเตอร์ไซค์ Harley Davidson ก็เคยแห่กันมาดูถึงที่
“กลายเป็นว่าหลายอย่างมันถูก Shaped ไปเอง บางครั้งเราเจอผู้ชายกับผู้หญิงใส่เสื้อยืดวง Metallica คู่กันแล้วเขาเดินเข้ามาถ่ายรูป เหมือนว่าเสื้อยืดวงดนตรีเป็นยูนิฟอร์มที่เขาใส่มามิวเซียม ซึ่งเขาเลือกเอง ไม่เกี่ยวกับเรา
“คุณเบียร์เคยพูดว่าจะทำมิวเซียมแค่สองปี แต่ถ้าไม่ได้เสียหายอะไร เขาก็อยากให้มันอยู่ต่อ” เธอยิ้ม
หลังจากจบบทสนทนา ผมเดินไปดูเสื้อตัวหนึ่งของวงดนตรี Pink Floyd ซึ่งเป็นหนึ่งในวงผมชื่นชอบมาก และเป็นตัวที่ช้อปปิ้งบอกว่าเป็น ‘ผ้าตาย’ เสื้อที่ผ่านกาลเวลามานานมากจนเนื้อผ้าบางแทบจะขาดตลอดเวลา
การทำให้เสื้อยืดเหล่านี้เหลือรอดมาถึงทุกวันนี้ต้องอาศัยการดูแลอย่างดีมาก แม้ลวดลายจะเลือนลาง แต่ก็ทำเอาผมนึกถึงบรรยากาศที่เสื้อตัวนี้ถูกสวมใส่โดยแฟนเพลงคนใดคนหนึ่ง ที่กำลังตะโกนโหวกเหวกอย่างดีอกดีใจเมื่อเห็น โรเจอร์ วอเทอร์ส (Roger Waters) และ เดวิด กิลมอร์ (David Gilmour) สองสมาชิกจากวง Pink Floyd ขึ้นเวทีและสร้างเสียงดนตรีดังสั่นสะท้านไปทั้งเวที
ผมเชื่อว่ายังมีเสื้อยืดอีกหลายตัวใน Museum of TEEs Thailand ที่ผ่านเรื่องราวและเต็มไปด้วยความทรงจำ
Museum of TEEs Thailand
ที่ตั้ง : 1/14 ซอยลาดปลาเค้า 50 ถนนลาดพร้าว แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230 (แผนที่)
เบอร์โทรติดต่อ : 0 2194 1554
Facebook : Museum of TEEs Thailand