17 ธันวาคม 2022
3 K

สิ้นสุดการรอคอยของโรงแรมพิพิธภัณฑ์อันทาเคียที่ใช้เวลายาวนานถึงเกือบ 10 ปี เมื่อการเนรมิตความทันสมัยได้ถูกจัดวางให้อยู่ร่วมกับร่องรอยอารยธรรมได้อย่างกลมกลืน

เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.​ 2564 ความตั้งใจก็ได้กลายเป็นความจริง เมื่อพวกเราได้มีโอกาสเข้าพักใน Museum Hotel ที่เมืองอันทาเคีย โรงแรมที่ออกแบบด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์และทันสมัย ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่โบราณสถานเปลือย

เยือนโรงแรมพิพิธภัณฑ์อันทาเคีย ที่พักสุดโมเดิร์นเหนือแหล่งโบราณคดี 2,300 ปีของตุรกี

ความรู้สึกแรกที่ได้ก้าวย่างเข้าในโรงแรมและทอดสายตาบนสถาปัตยกรรมภายในที่ทันสมัย และผนวกเอาความโบราณการอย่างกลมกลืน คือความทึ่งเกินคำบรรยาย เพราะใครจะไปนึกว่าโรงแรมจะมาตั้งอยู่บนซากก่อสร้างปรักหักพังกว่า 2,000 ปี และที่เหลือเชื่อไปกว่านั้นคือ ก้อนหินเก่า ๆ เหล่านี้ได้เสริมสร้างมนตร์เสน่ห์ให้กับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างลงตัว

จะหาที่พักใดในโลกพิเศษเท่านี้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ห้องพักที่ตั้งอยู่บนพื้นที่โบราณสถานซึ่งเริ่มต้นขึ้นในยุคโรมัน 2,000 ปี และมีศิลปะกระเบื้องโมเสกโรมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก คุณเคยนึกมั้ยว่า ตื่นนอนมาหรือก่อนเข้านอนจะได้เห็นร่องรอยของอาคารที่สร้างขึ้นเมื่อ 2 สหัสวรรษก่อน

จะมีใครบ้างที่ไม่ตั้งคำถามว่า โรงแรมแห่งนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร มีเรื่องราวใดบ้าง กว่าจะมาถึงวันนี้ที่พวกเราสามารถเข้าไปมีประสบการณ์พักอาศัย

ความน่าประทับใจและคุณค่าคงไม่ใช่แค่การออกแบบอันทันสมัย เป็นตู้คอนเทนเนอร์ที่แขวนอยู่เหนือโบราณสถาน แต่เป็นเรื่องราวและเส้นทางของการก่อสร้างโรงแรมแห่งนี้ต่างหาก

จุดเริ่มต้นของสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า

เมื่อ พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) Necmi Asfuroğlu นักธุรกิจตุรกีมีแผนสร้างโรงแรมแห่งใหม่ในเมืองอันทาเคีย แต่หารู้ไม่ว่า นั่นคือการเปิดศักราชหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล

ขณะเริ่มเตรียมพื้นที่นั้น ได้มีการขุดพบหลักฐานทางอารยธรรมบางอย่างขนาด 95 x 190 ม. ทำให้ทีมงานเรียกทีมขุดค้นมาสำรวจ สิ่งนี้อาจไม่ใช่เรื่องแปลกนักในตุรกีที่เป็นแหล่งอารยธรรมโบราณของโลกและมีการขุดค้นชิ้นส่วนโบราณวัตถุอยู่เรื่อยมา ทว่าการค้นพบนี้ทำให้ระบุได้ว่า หลักฐานที่เจอเป็นโบราณวัตถุเก่าแก่นับพันปี ระบุอายุได้ว่าอยู่ในยุคสมัยศตวรรษที่ 4 – 6 โดยประมาณ

ส่งผลให้ Adana Regional Council for Cultural Heritage Protection ภายใต้การกำกับดูแลของ Hatay Archeology Museum อนุมัติการสำรวจพื้นที่โดยรอบ

เยือนโรงแรมพิพิธภัณฑ์อันทาเคีย ที่พักสุดโมเดิร์นเหนือแหล่งโบราณคดี 2,300 ปีของตุรกี

ในขณะนั้นยังไม่มีใครคาดคิดว่าจะพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งเท่าที่พบมาในศตวรรษที่ 21 ทีมงานวางแผนเริ่มขุดบ่อน้ำกว่า 29 บ่อ และเคลียร์พื้นที่โดยรอบ จึงเริ่มปรากฏหลักฐานแหล่งอารยธรรมโบราณที่เชื่อว่าเป็นอาคารสาธารณะ (Forum) บนพื้นที่กว่า 17,132 ตร.ม. ถือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองอันทาเคียตั้งแต่ ค.ศ. 1930 เลยทีเดียว

หลังจากนั้นมาโครงการนี้กลายเป็นวาระแห่งชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวตุรกี ซึ่งดำเนินเรื่อยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) นักสำรวจและผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง 120 คน นักโบราณคดี 35 คน ที่ล้วนเป็นชาวตุรกี เดินทางมาจากทั่วประเทศ พร้อมด้วยเครื่องจักร 3 เครื่อง รถบรรทุก 10 คัน เพื่อขุดค้นและสำรวจพื้นที่กว่า 100,000 ลูกบาศก์เมตร

การขุดค้นนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงมากขึ้นไปอีกครั้ง เมื่อทีมสำรวจค้นเจอกระเบื้องหินโมเสกโรมันชิ้นเดี่ยวขนาด 1,050 ตร.ม. นับว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงวิลล่าและโรงอาบน้ำโรมันโบราณ อันเป็นหลักฐานบ่งบอกชั้นดินทางโบราณคดี 5 ชั้น สะท้อนอารยธรรมความรุ่งเรืองกว่า 13 ยุค รวมอายุมากกว่า 2,300 ปี ตั้งแต่ยุคกรีกเฮลเลนิสติก โรมัน ไบเซนไทน์ เซลจุก อาหรับ จนถึงจักรวรรดิอิสลามออตโตมัน พร้อมด้วยวัตถุโบราณอีกมากกว่า 30,000 ชิ้น

เยือนโรงแรมพิพิธภัณฑ์อันทาเคีย ที่พักสุดโมเดิร์นเหนือแหล่งโบราณคดี 2,300 ปีของตุรกี

กระเบื้องหินโมเสกที่ค้นพบนี้ยังมีความพิเศษไปกว่านั้น เนื่องจากมันได้รอดพ้นภัยพิบัติ ทั้งน้ำท่วมและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในช่วง ค.ศ. 526 – 528 มาแล้ว เป็นเหตุให้ฐานบางช่วงของงานศิลปะที่ผ่านแรงสั่นสะเทือนมีความโค้งลอนและรอยแยก ดูเป็นความสวยงามไปอีกแบบ โดยเฉพาะเมื่อสะท้อนแสงแดด ยังมีการใช้งานต่อเป็นศิลปะประดับพื้นอาคารสาธารณะของยุคต่อมาช่วงศตวรรษที่ 6 ด้วย

เยือนโรงแรมพิพิธภัณฑ์อันทาเคีย ที่พักสุดโมเดิร์นเหนือแหล่งโบราณคดี 2,300 ปีของตุรกี

โบราณวัตถุที่งดงามและคงอยู่กับกาลเวลาเหล่านี้ อาทิ กระเบื้องหินโมเสกภาพม้าบินเพกาซัสและนางไม้ (Bathing Pegasus and Three Fairies Nymphs) ที่มีความซับซ้อนและใช้สีมากถึง 160 เฉดสี ภาพเทพเจ้า Apollo and the Muses และกำแพงกรีกแห่งศตวรรษที่ 2 รูปปั้นหินอ่อน Eros เทพเจ้าความรักและความเสน่หาของกรีก สูงขนาด 70 เซนติเมตร จากศตวรรษที่ 2 บริเวณพื้นหินอ่อนแห่งศตวรรษที่ 3 กระเบื้องหินโมเสกชิ้นเดี่ยวลายเลขาคณิตซับซ้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งศตวรรษที่ 4 กระเบื้องหินโมเสกภาพ Megalopsychia (Greatness of soul) ผู้มีจิตใจสูงส่งและมีศีลธรรมรายล้อมด้วยนกนานาพันธุ์ ภาพกระเบื้องโมเสกต่าง ๆ ในวิลล่าโรมัน พื้นที่โรงอาบน้ำโบราณขนาดใหญ่ 

รวมถึงพื้นที่พักรอ สวนเปิดโล่ง สระน้ำ (Nymphaion) ห้องทานอาหาร และส่วนอาคารพบปะสังสรรค์ (Triclinium หรือ Banquet Hall) แห่งศตวรรษที่ 5 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะทางสังคมของชาวโรมันในวิลล่ายุคนั้น

สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

โจทย์สำคัญต่อมา คือ เมื่อค้นพบแล้ว ตระกูล Asfuroğlu จะเดินหน้าต่อหรือไม่ และจะทำอย่างไรกับโครงการสร้างโรงแรมไฮเอนด์บนพื้นที่โบราณสถานที่ประเมินค่ามิได้แห่งนี้

จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) ตระกูล Asfuroğlu ได้ตัดสินใจมอบหมายภารกิจสำคัญนี้ให้ตกอยู่ในมือ Emre Arolat Architect หรือที่รู้จักกันดีในนาม ‘EAA’ สถาปนิกชื่อดังที่มาจากตระกูลสถาปนิกเก่าแก่ของตุรกี ผู้มีผลงานสถาปัตยกรรมเลื่องชื่อหลายแห่ง และได้รับรางวัลสูงสุดของการประกวดการออกแบบสถาปัตยกรรมหลายรายการทั้งในตุรกีและระดับนานาชาติ

เยือนโรงแรมพิพิธภัณฑ์อันทาเคีย ที่พักสุดโมเดิร์นเหนือแหล่งโบราณคดี 2,300 ปีของตุรกี

เจ้าของโครงการนักธุรกิจท่านนี้ได้ยืนกรานเดินหน้าและกดปุ่มไฟเขียว ถึงแม้สมาชิกในครอบครัวขณะนั้นทัดทานและทราบดีว่าต้องใช้เวลายาวนาน แถมงบประมาณสูงลิ่วแบบคาดการณ์ไม่ได้ ถึงขั้นมีมุกตลกที่นายธนาคารท่านหนึ่งกล่าวกับเขาว่า “มันเป็นงานที่ยากมาก และขอให้คุณมีอายุอยู่ถึงได้เห็นอาคารแห่งนี้สร้างเสร็จสิ้น!”

สถาปนิกและทีมงานไม่รอช้า รื้อผังใหม่และออกแบบพื้นที่โรงแรมให้ยกตัวสูงจากพื้น 15 เมตร เพื่อรักษาสมบัติชาติทุกชิ้นที่อยู่ที่ฐานของโรงแรมโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายใด ๆ พวกเขาใช้โครงสร้างเหล็กที่เชื่อมด้วยมือมากถึง 20,000 ตัน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าหอไอเฟลถึง 4 เท่า และวางเสาหลัก 66 แท่งในตำแหน่งที่มีการคำนวณอย่างดีเพื่อหลบหลีกวัตถุโบราณทั้งหลาย ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 4 เท่า จากประมาณ 30 – 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 122 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งลดจำนวนห้องพักจากแผนเดิม 400 ห้อง เหลือ 200 ห้อง รวมระยะเวลาของการขุดค้น การสร้าง และการตกแต่งยาวนานเกือบ 10 ปีเต็ม

ความพิเศษของการออกแบบ

สำหรับเราสองคนนั้น การเข้าพักที่ The Museum Hotel Antakya ในครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่พิเศษยิ่ง เพราะทำให้ได้สัมผัสถึงการออกแบบที่ผสมผสานความทันสมัย และการอนุรักษ์อารยธรรมของโลกได้อย่างกลมกลืนและลงตัว 

ไม่ว่าจะเป็นการให้พื้นที่ใช้สอยทั้งหมดลอยตัวเหนือพื้นที่พิพิธภัณฑ์ การออกแบบอาคารเปิดโล่งคล้ายพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ทางเดินเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างสองฝั่งอาคาร การวางรูปแบบห้องพักให้เป็นเหมือนตู้คอนเทนเนอร์ที่มีผนังกระจกเหลื่อมสลับไปมา รายละเอียดการตกแต่งภายในที่ไร้ที่ติ โดยมีความประณีต สุขุม ทั้งสอดแทรกเอกลักษณ์ของศิลปะออตโตมันและหินโมเสกในรูปแบบทันสมัย ไม่รู้สึกยัดเยียดจนเกินไป มีการเล่นสีที่เป็นกลางออกไปทางเอิร์ธโทน สอดรับไปกับพื้นที่และสภาพแวดล้อม ใช้วัสดุที่มีลูกเล่นของทองแดง พื้นไม้ และไฟตกแต่งโทนอุ่น

เยือนโรงแรมพิพิธภัณฑ์อันทาเคีย ที่พักสุดโมเดิร์นเหนือแหล่งโบราณคดี 2,300 ปีของตุรกี

นอกจากนี้ ส่วนตัวแล้วคิดว่า ความโดดเด่นที่สุดของโรงแรมอีกประการ คือการที่เราชมศิลปะกระเบื้องโมเสกและพื้นที่ด้านล่างทั้งหมดได้จากทุกส่วนของโรงแรม รวมทั้งซึมซับบรรยากาศแบบใกล้ชิดจากหน้าต่างและระเบียงห้องพัก (ลองนึกภาพดูว่า ยิ่งกว่าคุณนอนอยู่ที่โรงแรมใกล้ปราสาทนครวัดที่เสียมราฐ กัมพูชา หรือเจดีย์วัดช้างล้อม จังหวัดสุโขทัยของไทยเลยทีเดียว)

ในขณะเดียวกัน ผู้ต้องการชมบรรยากาศโดยรอบสามารถเลือกห้องพักที่หันออกเห็นวิวเมืองและภูเขาได้ด้วย บริเวณร้านอาหารและบาร์ของชั้นดาดฟ้ายังสามารถเห็นวิวโบสถ์ Saint Peter ซึ่งเป็นโบสถ์ถ้ำที่สลักเข้าไปในภูเขาแห่งแรกของโลก และเหล่านักรบครูเสดเป็นผู้สร้าง โดยมีหลักฐานปรากฏว่า Saint Paul และ Saint Barnabas เดินทางมาที่นี่ในช่วงคริสต์ศักราชที่ 1100 เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำพิธีกรรมสำคัญ โดยปัจจุบันยังเป็นหนึ่งในสถานที่แสวงบุญของคริสต์ศาสนิกชนด้วย

เยือนโรงแรมพิพิธภัณฑ์อันทาเคีย ที่พักสุดโมเดิร์นเหนือแหล่งโบราณคดี 2,300 ปีของตุรกี

ในภาพรวมนั้น พื้นที่ใช้สอยของอาคารทั้งหมดแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ Necmi Asfuroğlu Archeology Museum (NAAM) ที่บริเวณชั้นพื้นและชั้น 1 กับ The Museum Hotel Antakya ประกอบด้วยห้องพักหลากประเภท ตั้งแต่บริเวณต้อนรับของโรงแรม ห้องอาหารและคาเฟ่รวม 5 ห้อง ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง Fitness Complex สระว่ายน้ำ ซาวน่า และ Turkish Hammam อีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถชมงานศิลป์อย่างหนำใจ พร้อมความสะดวกสบายแบบครบวงจรเลยทีเดียว

เมื่อแผนสร้างโรงแรมหรูเกิดขึ้นบนชั้นดินทางโบราณคดี ความทันสมัยกับโบราณกาลจึงมาบรรจบกันในรูปของพิพิธภัณฑ์ชั้นใต้ดิน

เมืองอันทาเคีย

แม้การได้มาพักโรงแรมนี้เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วสำหรับการมาเมืองอันทาเคีย แต่เมืองนี้มีอะไรมากมายที่จะ ให้ผู้มาเยือนต้องหลงเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมของบ้านเมืองและอาคาร อาหารที่มีชื่อเสียงด้านอาหารแสนอร่อยรสชาติ จัดจ้านจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกด้านอาหาร UNESCO Creative City of Gastronomy

เมืองอันทาเคียตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้สุดของตุรกี ติดกับชายแดนซีเรีย เปรียบเหมือนหมุดเชื่อมเวลาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และส่งต่อไปยังอนาคต ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรแอนติออค (Antioch) ในยุคอาณาจักร Seleucid หรือรัฐอารยธรรมกรีกโบราณที่ก่อตั้งโดย Seleucus I Nicator นายทหารคนสำคัญผู้สืบทอดอำนาจจากอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) 

รัฐนี้พุ่งสู่ความรุ่งเรืองถึงขีดสุดช่วงปี 312 – 63 ก่อนคริสตกาล สามารถขยายอาณาจักรไกลตั้งแต่มาซิโดเนียจนถึงอินเดียในปัจจุบัน จนต่อมาถูกชาวโรมันบุกยึดครองและเปลี่ยนชื่อเป็น Antioch on the Orontes กลายเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรโรมันทางฝั่งตะวันออก และเมืองหลวงของมณฑลซีเรียในขณะนั้น

จากหลักฐานเมืองบนเส้นทางถนนสายหลัก Antioch-Aleppo อีกทั้งแอนติออคยังเป็นเมืองสำคัญบนเส้นทางสายไหม และหนึ่งในเมืองศูนย์กลางของศาสนจักร และจักรวรรดิออตโตมัน ดังที่ได้เห็นจากมรดกทางวัฒนธรรมต่าง ๆ

ปัจจุบันอันทาเคียเป็นเมืองหลวงของจังหวัดฮาทัย (Hatay) ทางตอนใต้ของตุรกีใกล้ชายแดนซีเรีย ตลอดจนมัสยิด ถนนที่ปูด้วยหิน ตลาดท้องถิ่น และอาคารบ้านเรือนในเขตเมืองเก่า ที่ได้รับการบูรณะยึดแบบดั้งเดิมอย่างมีเอกลักษณ์ให้กลายเป็นโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ที่สร้างสีสันได้เป็นอย่างดี

อาหารสมองและจิตใจ

เมื่อแผนสร้างโรงแรมหรูเกิดขึ้นบนชั้นดินทางโบราณคดี ความทันสมัยกับโบราณกาลจึงมาบรรจบกันในรูปของพิพิธภัณฑ์ชั้นใต้ดิน

เมื่อจบทริปด้วยความปลื้มปริ่มแล้ว ก็อดคิดไม่ได้ว่าสถานที่แห่งหนึ่งจะมีประวัติศาสตร์และเรื่องเล่ามากมายเช่นนี้ ทำให้ฉุกคิดและหวนนึกไปว่า บนพื้นที่เรายืนอยู่นั้น จะเหยียบอะไรอยู่บ้างไหมนะ

นอกจากเราได้เรียนรู้ถึงแนวคิดการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในบริบทของโลกสมัยใหม่ที่มีพลวัตรสูงแล้ว ยังเห็นถึงความสอดรับของการอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างมีความสุขด้วยในเวลาเดียวกัน สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแค่ตอกย้ำบทบาทของอันทาเคียในฐานะเมืองแห่งอารยธรรมเท่านั้น แต่ยังเรียกได้ว่า ช่วยฟื้นฟูชุมชนและชุบชีวิตเมืองให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อแผนสร้างโรงแรมหรูเกิดขึ้นบนชั้นดินทางโบราณคดี ความทันสมัยกับโบราณกาลจึงมาบรรจบกันในรูปของพิพิธภัณฑ์ชั้นใต้ดิน

ข้อคิดอีกอย่างสำหรับพวกเราคือ ‘บางอย่างที่เราไม่คาดคิด อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เพียงแค่เราเชื่อมั่นและตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อเดินหน้าต่อไปให้ถึงเป้าหมาย’ อย่างเช่นผลลัพธ์ของการตั้งใจจะทำให้โรงแรมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้กลายเป็นความจริง ซึ่งเรียกได้ว่าคุ้มค่าและกลายเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสาธารณรัฐตุรกีและของโลกเลยทีเดียว

Write on The Cloud

Travelogue

ถ้าคุณมีประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งสมุดลิมิเต็ดอิดิชัน จาก ZEQUENZ แบรนด์สมุดสัญชาติไทย ทำมือ 100 % เปิดได้ 360 องศา ให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

Writers

สุชญา ตันเจริญผล

สุชญา ตันเจริญผล

นักการทูต ผู้ผันมารับบทบาทลาติดตาม (ชั่วคราว) รักการเดินทาง ธรรมชาติ และการผจญภัยเหนือสิ่งอื่นใด สนุกกับการเรียนรู้ผู้คนและสิ่งรอบตัว เจ้าของร่วมเว็บไซต์ www.talonTWOgether.com

ธีรวัฒน์ ว่องแก้ว

ธีรวัฒน์ ว่องแก้ว

นักการทูต ผู้ซึ่งตามหานิยามของชีวิตและถอดบทเรียนใหม่ๆ จากการเดินทาง รักธรรมชาติ การผจญภัย ภายใต้แนวคิด ‘การเดินทางคือการค้นพบดวงตาใหม่’ โดยมีกล้องเป็นอาวุธ เจ้าของร่วม เว็บไซต์ www.talonTWOgether.com

Photographer

ธีรวัฒน์ ว่องแก้ว

ธีรวัฒน์ ว่องแก้ว

นักการทูต ผู้ซึ่งตามหานิยามของชีวิตและถอดบทเรียนใหม่ๆ จากการเดินทาง รักธรรมชาติ การผจญภัย ภายใต้แนวคิด ‘การเดินทางคือการค้นพบดวงตาใหม่’ โดยมีกล้องเป็นอาวุธ เจ้าของร่วม เว็บไซต์ www.talonTWOgether.com