จุดหมายของเราในวันนี้อยู่ที่เมืองอูซัวยา (Ushuaia) ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเตียร์รา เดล ฟวยโก (Tierra del Fuego) หมู่เกาะขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ 2 ประเทศคือชิลีและอาร์เจนตินา ตัวเกาะแยกออกมาจากแผ่นดินของทวีปอเมริกาใต้ทั้งทวีป มีช่องแคบมาเจลลัน (Strait of Magellan) ซึ่งเป็นช่องทางเดินเรือเล็ก ๆ คั่นอยู่ตรงกลาง

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

เมื่อข้ามฝั่งจากแผ่นดินใหญ่มาถึงเกาะนี้ด้วยเรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก ป้ายบอกเส้นทางสู่ดินแดนสุดขอบโลก (Ruta del Fin del Mundo) ที่ติดอยู่สองข้างทางก็โผล่มาให้เห็นถี่ขึ้นเรื่อยๆ การขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าลมหนาว ฝ่าฝุ่นและถนนลูกรัง ติดต่อกันกว่า 8 ชั่วโมงของวันนี้กำลังจะสิ้นสุดลง เราสองคนมาถึงโรงแรมในสภาพมอมแมมยิ่งกว่าไปคลุกฝุ่นมาและล้าจนแทบจะหลับทั้งยืน แต่คำว่า ‘สุดขอบโลก’ ที่อยู่บนป้ายร้านอาหาร ร้านกาแฟ และโรงแรมหลายแห่งในเมืองนี้ ทำให้เราตัดสินใจโยนกล่องสัมภาระไว้ที่ห้อง เช็ดหน้าเช็ดตา แล้วชวนกันออกไปเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ ก่อนพระอาทิตย์จะลับฟ้า

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

อูซัวยาเป็นเมืองท่าสำคัญและเป็นประตูสู่ทวีปแอนตาร์กติกา (Antarctica) เนื่องจากเรือสำราญและเรือนักสำรวจส่วนใหญ่ใช้ท่าเรือนี้เป็นจุดตั้งต้นหรือจุดจอดสุดท้ายก่อนออกเดินทางสู่ทวีปน้ำแข็งฝั่งขั้วโลกใต้

และแน่นอนว่า อูซัวยาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของ ‘เมืองที่อยู่ใต้สุดของโลก’ (The Southermost City in the World) แต่ถ้าหากไปกางแผนที่ดูกันจริงๆ จังๆ แล้วก็จะเจอหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อปวยร์โต วิลเลียมส์ (Puerto Wolliams) ในฝั่งของประเทศชิลีที่ตั้งอยู่ทางใต้ลงไปอีก แต่ด้วยจำนวนประชากรที่น้อยกว่าหลายเท่าตัว จึงเป็นที่ยอมรับกันกลายๆ ว่าอูซัวยามีฐานะเป็น ‘เมือง’ มากกว่าและเป็นที่รู้จักมากกว่านั่นเอง

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

อูซัวยามีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ทำหลายอย่าง หนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากคือการไปดูเพนกวินบนเกาะมาร์ติญโญ (Martillo Island) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณช่องแคบบีเกิล (Beagle Channel) แต่เนื่องจากเกาะแห่งนี้อยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล ถึงแม้จะมีบริษัททัวร์มากมายที่จัดโปรแกรมพาไปดูเพนกวินที่เกาะ แต่มีเพียงบริษัททัวร์แห่งเดียวเท่านั้นที่ได้รับสัมปทานให้พานักท่องเที่ยวลงไปเดินกับนกเพนกวินบนเกาะได้ ส่วนทัวร์อื่นๆ จะทำได้แค่นำเรือไปจอดใกล้ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเพนกวินจากบนเรือ

 

เตาะแตะกับเจ้าตัวซนใส่สูท

“ห้ามเดินเข้าใกล้เพนกวินเกิน 1.5 เมตร แต่ถ้าเพนกวินเป็นฝ่ายเดินเข้ามาใกล้เราเองก็ไม่เป็นไร ห้ามแตะต้องตัวเพนกวิน ห้ามใช้ไม้ถ่ายเซลฟียื่นเข้าไปถ่ายรูปเพนกวินใกล้ๆ ห้ามใช้แฟลชในการถ่ายรูป ห้ามให้อาหาร ห้ามทำเสียงดังรบกวนเพนกวิน ห้ามเก็บชิ้นส่วนใดๆ ของเพนกวินที่อยู่บนเกาะกลับออกมา ห้ามเดินออกไปนอกบริเวณที่กำหนดไว้ให้ ห้ามเดินออกจากกลุ่มหรือเดินรั้งท้ายจนตามเพื่อนๆ ในกลุ่มไม่ทัน…”

เสียงนุ่มๆ ที่พูดถึงระเบียบข้อบังคับต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษสลับสเปนของลอเรนโซ มัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ให้เรามาเจอกันตั้งแต่ 8 โมงเช้าวันนี้ ช่วยปลุกให้ทุกคนที่กำลังง่วงงุนรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น มีเสียงถามตอบเป็นระยะตลอดการเดินทางบนรถบัสจากอูซัวยาไปยังฟาร์มเอสแทนเซีย ฮาร์เบอร์ตัน (Estancia Haberton) ซึ่งเป็นฟาร์มที่เก่าแก่ที่สุดบนเกาะเตียร์รา เดล ฟวยโก และตระกูลบริดจ์ (Bridge) ที่เป็นเจ้าของฟาร์มแห่งนี้ ก็เป็นเจ้าของเกาะเล็กๆ หลายแห่งในช่องแคบบีเกิล รวมถึงเกาะมาร์ติญโญด้วย

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

ลอเรนโซเล่าให้ฟังว่า เดิมเกาะมาร์ติญโญเป็นทุ่งเลี้ยงแกะของตระกูลบริดจ์มาตั้งแต่ ค.ศ 1886 แต่ด้วยสภาพอากาศที่เหน็บหนาวและกลุ่มสุนัขป่่าที่ลอบเข้ามากินแกะ ทำให้ฟาร์มแห่งนี้เสียปศุสัตว์ไปเป็นจำนวนมาก จึงค่อยๆ ปรับเปลี่ยนมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และเชิงอนุรักษ์อย่างเต็มตัวใน ค.ศ. 1999

เมื่อมีการย้ายแกะออกจากเกาะมาร์ติญโญ ก็มีเพนกวินมาผสมพันธุ์และวางไข่บนเกาะแห่งนี้ ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีความสมบูรณ์สูง ทั้งมีแหล่งอาหาร มีพุ่มไม้และโพรงที่เหมาะแก่การทำรัง และแทบไม่มีสัตว์ผู้ล่าอยู่ในบริเวณนี้เลย จึงทำให้จำนวนเพนกวินบนเกาะมาร์ติญโญเพิ่มสูงขึ้นเป็นจำนวนมากทุกปี จากการสำรวจครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 2009 พบว่ามีเพนกวินเกือบ 3,500 คู่

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

รถบัสพาเราไปส่งที่ฟาร์ม และหลังจากเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเลที่อยู่ในฟาร์มเสร็จแล้ว เราก็ลงเรือเล็กอีกประมาณ 15 นาทีเพื่อไปยังเกาะมาร์ติญโญ

ในระหว่างที่เดินทาง เราก็อดไม่ได้ที่จะคอยชะเง้อไปด้านนู้นทีด้านนี้ทีเพื่อมองหาเกาะเพนกวินที่ว่า และจากสุดขอบฟ้าที่ตอนแรกเป็นพื้นน้ำ ก็เริ่มมีพื้นดินเล็กๆ โผล่ขึ้นมา มีสีเขียวของต้นไม้ปะปนเล็กน้อยตรงสุดขอบฟ้า ระยะทางที่ใกล้ขึ้นทำให้จุดสีขาวดำบนเกาะค่อยๆ โดดเด่น การเคลื่อนไหวสะเปะสะปะแบบไร้ทิศทางของจุดเหล่านั้นทำให้เรานึกรู้ว่ามันคือฝูงเพนกวิน

“เพนกวิน!”

เสียงใครสักคนในเรือตะโกนออกมาพร้อมกับชี้ไปทิศทางเดียวกับที่เรามองอยู่ เพนกวินกว่าหลายพันตัวกำลังยืนท้าแสงแดดและสายลมอยู่บนเกาะ

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

ในช่วงระยะเวลาที่ยืนรอเรือเข้าจอดเทียบชายหาด เราเห็นถึงความวุ่นวายของเจ้าตัวซนทั้งหลาย ลอเรนโซหันมาทำสัญญาณมือบอกให้ทุกคนค่อยๆ ก้าวลงบนพื้นอย่างช้าๆ เพื่อไม่ทำให้ฝูงเพนกวินแตกตื่น ทุกคนในทีมให้ความร่วมมือกับลอเรนโซเป็นอย่างดี กลุ่มเพนกวินที่อยู่ใกล้เรือแทบไม่สนใจผู้บุกรุกอย่างเราด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าแค่หันมามองครั้งเดียวแล้วก็ดำผุดดำว่ายต่อ ส่วนกลุ่มที่อยู่บนเกาะถ้าไม่นอนหลับตาอาบแดด ก็วิ่งไล่ตีกันเองเป็นที่สนุกสนาน

ถึงตอนนี้เราเริ่มเข้าใจสาเหตุที่ลอเรนโซย้ำนักย้ำหนาว่า

“ต่อให้เพนกวินน่ารักแค่ก็ไหน ก็ต้องห้ามใจว่าอย่าไปจับมันเด็ดขาดนะ คุณจะทำร้ายมัน”  

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

ทุกคนลงมายืนซึมซับกับบรรยากาศตรงหน้า ทุกอย่างรอบตัวเราเคลื่อนไหวพร้อมๆ กันหมดจนไม่รู้จะโฟกัสที่ตรงไหนดี เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นรอบๆ ตัว บางคนก็นอนราบลงไปกับพื้นเพื่อมองเจ้าตัวซนในระดับสายตา เราลองทำดูบ้าง…

ก็ดูเหมือนจะจะได้รับความสนอกสนใจจากเจ้าหนูตัวนี้

ทุกคนในนั้นพร้อมใจกันหัวเราะแบบอดไม่อยู่ แต่ก็ต้องรีบเงียบเสียงเพราะลอเรนโซหันมาส่งสัญญาณให้ลดเสียงหน่อย

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

เมื่อทุกคนรู้สึกผ่อนคลายลง ลอเรนโซก็ออกเดินนำทุกคนลึกเข้าไปด้านใน พวกเราเดินเรียงหนึ่งตามกันเข้าไปอย่างระมัดระวัง ช่วงแรกของเส้นทางจะมีเชือกกั้นเป็นเส้นทางเดินอย่างชัดเจน แต่เมื่อเข้าไปถึงด้านในก็เหลือเพียงสัญลักษณ์เล็กๆ ตามพื้นที่ต้องคอยก้มดู บางช่วงที่เป็นบันไดก็เจอเจ้าถิ่นวิ่งตัดหน้ากันดื้อๆ บางตัวก็นอนพิงบันไดเล่นอย่างสบายอกสบายใจ

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

ในขณะที่เดินไปเรื่อยๆ เราเริ่มเห็นว่าความแตกต่างของเพนกวินที่อยู่บนเกาะนี้ ลอเรนโซหันมาอธิบายให้ฟังว่า อูซัวยาเป็นบ้านของเพนกวินทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือเพนกวินมาเจลลัน (Magellanic Penguin) เพนกวินเจนทู (Gentoo Penguin) และเพนกวินราชา (King Penguin) โดยแต่ละสายพันธุ์ก็จะพบได้ในแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติของชายฝั่งทางใต้ในทวีปนี้ เช่น เพนกวินราชาที่อ่าวอินูติล (ฺBahia Inutil) เพนกวินมาเจลลันที่เกาะมักดาเลนา (Magdalena Island) ฝั่งประเทศชิลี และที่ปันตา ตอมโบ (Punta Tombo) ทางฝั่งอาร์เจนตินา

ส่วนเกาะมาร์ติญโญคือจุดที่พิเศษที่สุดเพราะสามารถพบเห็นเพนกวินทั้งสามสายพันธุ์อยู่รวมกันบนเกาะแห่งนี้

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

เพนกวินมาเจลลันเป็นสายพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุดบนเกาะแห่งนี้และมากที่สุดในเพนกวินสกุลเดียวกันทั่วโลก มีลักษณะเป็นสีดำเกือบทั้งตัว ยกเว้นสีขาวบริเวณหัวและปีก เพนกวินมาเจลลันเป็นเพนกวินขนาดกลาง ตัวโตเต็มที่สูงประมาณ 61 – 76 เซนติเมตร หนักประมาณ 2.7- 6.5 กิโลกรัม เพนกวินชนิดนี้จะอยู่กันเป็นคู่และจับคู่กันเป็นระยะเวลานานหลายปี ช่วงหน้าหนาวเพนกวินมาเจลลันจะอพยพขึ้นทางเหนือ บางครั้งไปไกลถึงประเทศเปรูหรือบราซิล

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

เพนกวินเจนทูเป็นพันธุ์ที่สังเกตได้ง่ายจากปากล่างที่เป็นสีส้มหรือแดง แต้มสีขาวเหนือตาที่มีลักษณะคล้ายคิ้ว ซึ่งจะเห็นชัดในตัวที่มีอายุมากกว่า 14 เดือน และพังผืดที่เท้าเป็นสีเหลืองสด เพนกวินชนิดนี้เมื่อยืนจะสูงประมาณ 75 เซนติเมตร จัดเป็นเพนกวินที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองลงมาจากเพนกวินจักรพรรดิและเพนกวินราชา 

เมื่ออยู่ในน้ำเพนกวินเจนทูสามารถว่ายน้ำด้วยความเร็ว 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นนกที่ว่ายน้ำได้เร็วที่สุดในโลก

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

เพนกวินราชาเป็นเพนกวินที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเพนกวินจักรพรรดิ มีน้ำหนักประมาณ 11 – 16 กิโลกรัม สูงเกือบ 1 เมตร ลักษณะเด่นแก้มเป็นสีส้มเข้ม ท้องสีขาวและหลังสีเทาอ่อน เพนกวินราชามักจะอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่และเป็นสัตว์ที่หวงที่ วางไข่ใบเดียวและฟักบนแผ่นหนังที่เท้า เพนกวินชนิดนี้ใช้เลี้ยงลูกยาวนานที่สุดคือ 14 -16 เดือน

วันนั้นมีเพนกวินราชาทั้งหมด 4 ตัวบนเกาะ และทุกตัวก็มีพฤติกรรมใกล้เคียงกันหมด คือนอนนิ่งๆ และไม่สนใจความวุ่นวายของเพนกวินนับพันรอบตัวเลย  

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

เพนกวินเหล่านี้จะมาผสมพันธุ์และวางไข่ที่เกาะในช่วงต้นเดือนตุลาคม เพนกวินมาเจลลันจะกลับมารังเดิมกับคู่ตัวเดิมทุกปี ตัวเมียจะใช้วิธีหาคู่ของตัวเองด้วยการจำเสียงร้อง

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

เพนกวินเป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์ทางสังคมคล้ายมนุษย์ เมื่อตัวเมียวางไข่ ทั้งคู่จะช่วยกันดูแลไข่ เมื่อลูกเพนกวินออกจากไข่แล้ว พ่อและแม่เพนกวินจะป้อนอาหารให้ลูกด้วยการขย้อนอาหารที่ย่อยแล้วออกมาป้อนลูก

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

ลูกเพนกวินที่ออกจากไข่มาได้ไม่นานจะมีขนปุยที่ช่วยเก็บความร้อน แต่ต้องคอยรักษาให้แห้งอยู่ตลอด ลูกเพนกวินพวกนี้จึงไม่ลงน้ำจนกว่าขนชุดนี้จะหลุดและขนชุดใหม่ที่มีลักษณะคล้ายเกล็ดขึ้นมา เมื่อขนชุดสองของลูกเพนกวินขึ้นจนสมบูรณ์แล้ว เพนกวินทั้งฝูงก็จะมุ่งหน้าลงใต้ไปยังน้ำที่เย็นกว่าในทวีปแอนตาร์กติกา

นักท่องเที่ยวที่อยากจะมาเห็นลูกเพนกวินที่ยังขนปุกปุยอยู่ในรังจึงนิยมมาช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงมกราคม (แต่ก็ต้องเตรียมใจว่าอาจจะได้เห็นฉากฆาตรกรรมแบบเลือดสาดกระจายเป็นของแถม เพราะลูกเพนกวินมักตกเป็นอาหารของนกประเภทอื่นๆ ที่หากินบนเกาะนี้)

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา

ในระหว่างทางนั่งเรือกลับไปอูซัวยา ลอเรนโซเชิญชวนแต่ละคนพูดถึงความประทับใจในวันนี้ เราทุกคนต่างบอกเล่าและแบ่งปันความรู้สึกกันด้วยรอยยิ้ม ก่อนจากกันลอเรนโซบอกลาพร้อมกับทิ้งท้ายว่า แม้ทุกคนจะมาจากประเทศอื่นๆ ที่ห่างไกลจากบ้านเกิดของเขา แต่เราทุกคนสามารถมีส่วนช่วยในการลดภาวะโลกร้อนได้ ถ้าวันนี้เราได้รับความสุขจากการได้เห็นเพนกวินเหล่านี้ใช้ชีวิตในแหล่งธรรมชาติ เราก็ควรจะตระหนักว่าเรามีหน้าที่ที่ต้องรักษาสิ่งแวดล้อมของสัตว์เหล่านี้ ของเราเอง และของทุกคน ให้ดียิ่งกว่าที่เคยทำมา 🙂

เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา เพนกวิน, ประเทศอาร์เจนตินา