มูมินตัวกลมๆ นั้นเป็นที่รักของผู้คนทั่วโลก เด็กๆ และผู้ใหญ่ (หัวใจเด็ก) มากมายตกหลุมรักตัวละครจากวรรณกรรมเยาวชนสัญชาติฟินแลนด์ครอบครัวนี้ บ้างก็ด้วยหน้าตาที่แสนใจดี บ้างก็ด้วยเรื่องราวผจญภัยแสนสนุก และบ้างก็ด้วยความคิดคมคายของเหล่ามูมินและผองเพื่อน

คุยกับ Sophia Jansson หลานรัก Tove Jansson ผู้ดูแลมรดก Moomins ที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก

ตูเว ยานซอน (Tove Jansson) นักเขียนและนักวาดชาวฟินแลนด์ให้กำเนิดครอบครัวมูมินเมื่อเธออายุ 20 ปลายๆ และเรื่องราวของเหล่ามูมินได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกใน ค.ศ. 1945 นั่นหมายความว่า ผู้คนทั่วโลกตกหลุมรักครอบครัวนี้มานานถึง 75 ปีแล้ว

ปัจจุบัน เหล่ามูมินผู้รักการผจญภัยนั้นได้เดินทางไปทั่วโลกแล้วจริงๆ ทั้งในรูปแบบหนังสือ ของใช้น่ารัก สวนสนุก หรือแม้แต่ร้านชานมไข่มุก (ในประเทศไทย!)

คุยกับ Sophia Jansson หลานรัก Tove Jansson ผู้ดูแลมรดก Moomins ที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก, มูมิน

โซเฟีย ยานซอน (Sophia Jansson) คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้ของมูมิน นอกจากจะเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของบริษัท มูมิน คาแรกเตอร์ ที่กำลังเติบโตในระดับนานาชาติ เธอยังเป็นหลานสาวที่รักของ ตูเว ยานซอน ซึ่งต้องการดูแลมรดกที่ครอบครัวทิ้งไว้ให้แก่ชาวโลกด้วยความตั้งใจยิ่ง

The Cloud ได้รับโอกาสสัมภาษณ์ โซเฟีย ยานซอน เด็กหญิงในครอบครัวศิลปินที่เติบโตมาต่อยอดมรดกตกทอดให้เจริญงอกงามจนกลายเป็นที่รักของผู้คน เธอเล่าให้เล่าฟังถึงชีวิตท่ามกลางธรรมชาติของครอบครัวยานซอนซึ่งมีอิทธิพลต่อการเขียนงานของตูเว เรื่องการดูแลงานศิลปะที่กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์อันเป็นที่รักของผู้คนมากมาย รวมไปถึงการเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ของคนในครอบครัวยานซอนและผู้อ่านรุ่นเยาว์ด้วย

ครอบครัวมูมินและครอบครัวยานซอน

แม้จะมีทั้งชื่อเสียงและเงินทอง แต่ตูเว ยานซอน นั้นขึ้นชื่อเรื่องการใช้ชีวิตเรียบง่าย ทุกหน้าร้อน เธอจะออกไปอยู่บนเกาะที่เล็กมากๆ แห่งหนึ่งในอ่าวฟินแลนด์ และอยู่ในกระท่อมที่มีเพียงห้องเดียวซึ่งปราศจากเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ เธอเฝ้าดูทั้งความสวยงามและความโหดร้ายของธรรมชาติ ออกสำรวจป่าและทะเล และเขียนเรื่องราวการผจญภัยมากมาย ณ บ้านน้อยหลังนี้

โซเฟีย ยานซอน เล่าถึงความทรงจำในวัยเด็กมีต่อป้าของเธอว่า

“ฉันคิดว่าความทรงจำแรกที่มีต่อตูเวก็คือวันหยุดหน้าร้อนบนเกาะ พ่อแม่ของตูเวจะไปอยู่ที่เกาะทางใต้ของเมืองปอร์โว (Porvoo) (ทางใต้ของฟินแลนด์ ตัวเมืองอยู่ห่างจากเฮลซิงกิไปทางตะวันออกประมาณห้าสิบกิโลเมตร) เธอและพี่น้องทุกคน ทั้งพี่ชายคนโต เพียร์ โอลอฟ ยานซอน (Per Olov Jansson) และพ่อของฉัน ลาร์ส ยานซอน (Lars Jansson) ก็ไปที่นั่น ตูเวก็เคยอยู่ที่เกาะนี้ แต่ภายหลังตูเวย้ายไปอยู่เกาะที่ไกลออกไปอีก และอยู่ที่นั่นกับคู่ชีวิตของเธอที่ชื่อว่า ตูลิกกิ เปียติลา (Tuulikki Pietilä) ครอบครัวเราสนิทกันมาก จึงเจอกันเกือบทุกอาทิตย์

“ฤดูหนาวของฟินแลนด์มืด หนาวเย็น และยาวนานมาก ทุกคนจึงใช้ชีวิตเต็มที่ในหน้าร้อน ชาวฟินน์แทบจะกลายเป็นคนละคนเลย พวกเขาจะมีชีวิตชีวาและทำกิจกรรมมากมายในฤดูอันแสนสั้นนี้ อย่างไรก็ตาม วันในฤดูร้อนนั้นยาวนาน กว่าพระอาทิตย์จะตกก็สามสี่ทุ่มแล้ว เราจะท่องไปตามเกาะต่างๆ ไปปิกนิก ตั้งเต็นท์ พายเรือ ว่ายน้ำ เล่นว่าว ตูเวและคู่ชีวิตของเธอก็จะมาด้วยเสมอ เราจะเดินหาหินสวยๆ กัน ว่ายน้ำ สำรวจเกาะที่ใหม่ๆ ผ่อนคลาย นั่งดูพระอาทิตย์ตก หรือทำอาหารง่ายๆ บนกองไฟ”

คุยกับ Sophia Jansson หลานรัก Tove Jansson ผู้ดูแลมรดก Moomins ที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก, มูมิน

คำบรรยายชีวิตในหน้าร้อนของครอบครัวยานซอนนั้นฟังดูคุ้นๆ เพราะคล้ายกับเรื่องราวของเหล่ามูมินที่มักมีเหตุให้ได้ออกสำรวจป่าและทะเลอยู่เสมอ นักอ่านหลายคนบอกว่า ครอบครัวมูมินได้รับแรงบันดาลใจมากจากครอบครัวยานซอน และช่วงเวลาบนเกาะนั้นก็ส่งผลต่องานทั้งเขียนและวาดของตูเวอย่างไม่ต้องสงสัย

“ตูเวรักอิสระมาก เธอมีอิสระที่จะตัดสินใจเอง มีอิสระที่จะได้ทำในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งหลายครั้งหมายถึงเรื่องการทำงานด้วย เธอต้องการอิสระที่จะได้วาดรูป ได้เขียนหนังสือ ในหน้าร้อน บางครั้งเธอเลือกทำกิจกรรมยากๆ ในสายตาคนอื่น แต่สุดท้ายสิ่งที่เธอทำกลับเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน และแน่นอนว่าสะท้อนอยู่ในหนังสือด้วย

“ถ้าคุณได้อ่านเรื่องมูมิน ครอบครัวนี้ใช้เวลามากมายอยู่บนชายหาด บนเรือ ท่องทะเล สำรวจเกาะต่างๆ เฝ้าฝันถึงการผจญภัย ไปในที่ที่ไม่รู้จักมาก่อน และได้เจอสิ่งใหม่ๆ ตลอด

“ตูเวใช้หมู่เกาะนี้ในเรื่องของเธอ และเธอก็ชอบอยู่ที่นั่นด้วย เพราะเกาะให้ความรู้สึกอิสระ และการไม่ต้องมีธรรมเนียมหรือกฎของสังคม เธอเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ในสิ่งแวดล้อมนั้น”

คุยกับ Sophia Jansson หลานรัก Tove Jansson ผู้ดูแลมรดก Moomins ที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก, มูมิน

โซเฟียดูแลบริษัทที่ทำงานในแวดวงนานาชาติแห่งนี้ด้วยคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการได้เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมเดียวกับที่เป็นแรงบันดาลใจให้ตูเว ยานซอน สร้างสรรค์งานมากมาย และหมู่เกาะเดียวกันนี้ก็เป็นแหล่งความคิดความสร้างสรรค์ของเธอเช่นกัน

“ฉันรักเกาะและคุ้นเคยกับพื้นที่แห่งเดียวกันนี้อย่างยิ่ง ฉันนึกออกว่าตูเวบรรยายอะไรในงาน ฉันเข้าใจว่าตูเวเขียนถึงมูมินและสิ่งต่างๆ อย่างไร เรื่องราวเหล่านี้คือปรัชญาชีวิตของเธอ ทั้งเรื่องการผจญภัย มิตรภาพ การมีเมตตาและยอมรับคนที่แตกต่างจากเรา คนที่อาจเหงาและคนเล็กคนน้อยอื่นๆ หลายแนวคิดที่ตูเวเขียนนั้นมีคุณค่าต่อชีวิตของเธอบนเกาะ และฉันหวังว่ายังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ในปัจจุบัน”

คุยกับ Sophia Jansson หลานรัก Tove Jansson ผู้ดูแลมรดก Moomins ที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก, มูมิน

ใน ค.ศ. 2020 เหล่ามูมินฉลองวันเกิดอายุครบ 75 ปีในยามที่โลกต้องเผชิญวิกฤตการณ์ที่ชื่อว่า COVID-19 เรื่องนี้ช่างพอเหมาะพอเจาะในแง่ที่ว่า ท่ามกลางความวุ่นวายแบบที่ไม่มีใครเคยพบเจอมาก่อนนี้ ผู้คนมากมายหันกลับมาอ่านหนังสือชุดดังกล่าวเพื่อพักใจ และค้นหา ‘ปัญญา’ แบบเหล่ามูมินที่ผจญ ‘ภัย’ มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และในช่วงต้นของวิกฤตครั้งใหญ่นี้ โซเฟีย ยานซอน ก็นั่งลงอ่านเรื่องราวการผจญภัยของเหล่ามูมินลงในช่องยูทูบของพวกเขาด้วย

“เราเฝ้าดูแฟนๆ ของมูมินทั่วโลกอยู่ ไม่เฉพาะแฟนๆ ของตูเวนะ แต่รวมถึงผู้คนมากมายที่กังวลอย่างยิ่ง ในช่วงแรกที่ COVID-19 ระบาด พวกเขาต้องการความสบายใจและต้องการเชื่อใจโลกนี้ได้อีกครั้ง หลายคนพูดถึงหนังสือชุดมูมิน เพราะหนังสือชุดนี้ทำให้รู้สึกดีขึ้นในช่วงเวลาแห่งความกังวลเสมอ เราจึงทำคลิปวิดีโอลงอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ความหวังและยืนยันกับผู้คนว่า แม้จะมีเรื่องร้ายๆ หรือเหตุการณ์ที่น่ากังวล แต่ก็มีทางที่เราจะออกจากเรื่องนี้ได้ และยังมีเรื่องดีๆ รออยู่”

หลานสาวผู้ดูแลครอบครัวมูมิน

โซเฟีย ยานซอน เป็นลูกสาวของลาร์ส ยานซอน (Lars Jansson) น้องชายของตูเวที่เคยช่วยเขียนเรื่องสำหรับการ์ตูนมูมิน และมีส่วนในการพัฒนาการ์ตูนมูมินร่วมกับชาวญี่ปุ่นเพื่อออกฉายทางโทรทัศน์ในทศวรรษ 1990 (ผู้อ่านที่อายุ 30 ปีขึ้นไปคงจำการ์ตูนชุดนี้ที่ฉายทางช่อง 7 ตอนเช้าหลังรายการ เจ้าขุนทอง ได้ดี) เธอจึงผูกพันและเข้าใจเหล่ามูมินเป็นอย่างยิ่ง นี่เองส่งผลให้เธอมองธุรกิจนี้ต่างจากธุรกิจทั่วไปด้วย โซเฟียเล่าว่า

คุยกับ Sophia Jansson หลานรัก Tove Jansson ผู้ดูแลมรดก Moomins ที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก, มูมิน

“จุดสำคัญก็คือ มูมินไม่ใช่แบรนด์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมบันเทิงหรือเพื่อการพาณิชย์เลย มูมินมาจากงานศิลปะของตูเว ตอนที่สร้างสรรค์เหล่ามูมินเธอไม่ได้คิดถึงการค้าหรือแบรนด์ใดๆ เธอเขียนหนังสือเพื่อเด็กๆ และเพื่อตัวเอง

“เธอวาดรูป สร้างสรรค์งานศิลปะ และทำภาพประกอบนิตยสารที่ผู้คนค่อยไม่ค่อยได้เห็นนักด้วย เธอเป็นศิลปินร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่คือจุดแข็ง งานของเราก็มีพื้นฐานมาจากสิ่งนี้ เธอเป็นศิลปินและนักเขียน และไม่ว่าเวลาจะผ่านไป งานของเธอก็ยังได้รับการยอมรับอยู่

คุยกับ Sophia Jansson หลานรัก Tove Jansson ผู้ดูแลมรดก Moomins ที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก, มูมิน
คุยกับ Sophia Jansson หลานรัก Tove Jansson ผู้ดูแลมรดก Moomins ที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก, มูมิน

“สิ่งนี้ทำให้มูมินมีเอกลักษณ์ ฉันคิดว่า มีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่เกิดจากงานมรดกทางวรรณกรรมที่ตกทอดกันมา เช่น ปีเตอร์ แรบบิท (Peter Rabbit) ของบีอาทริกซ์ พอตเตอร์ (Beatrix Potter) หรือ ลอร์ดออฟเดอะริงส์ (The Lord of the Rings) โดย โทลคีน (Tolkien)

“ตูเวเองก็อยู่ในหมวดนี้ ในวงการการค้าลิขสิทธิ์ เราเรียกงานกลุ่มนี้ว่าแบรนด์มรดกทางวัฒนธรรม (Heritage Brand ที่เหนือไปกว่านั้นก็คือ ชีวิตของเธอคืองานศิลปะชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีคุณค่าต่อคนรุ่นหลังอย่างยิ่ง

ฉันคิดว่าเราไม่ได้สอนคนอื่น แต่ผู้คนมากมายพบทางไปสู่ความสุขและสมดุลในชีวิตผ่านงานของเธอ สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่ง คุณจะมองข้ามเรื่องนี้ไม่ได้เลย พวกเราเป็นมนุษย์และโลกนี้ก็เป็นไปอย่างที่มันเป็น เราต้องการสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข แข็งแรง และกล้าหาญในเวลาที่ยากลำบาก และงานของตูเวก็ให้สิ่งนี้”

คุยกับ Sophia Jansson หลานรัก Tove Jansson ผู้ดูแลมรดก Moomins ที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก, มูมิน

ตูเว ยานซอน เสียชีวิตใน ค.ศ. 2001 หมายความว่า ภาพมูมินที่มาจากปลายปากกาของตูเวภาพสุดท้ายต้องมีอายุกว่า 20 ปีอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นโซเฟียให้ชีวิตใหม่กับภาพวาดและงานเขียนเก่า และทำให้งานเหล่านี้เป็นที่ชื่นชอบอยู่เสมอได้อย่างไร

“การทำเช่นนี้กับงานอื่นๆ คงจะยาก แต่ตูเวเป็นอัจฉริยะ ผลงานเธอเป็นสากล เราจึงสนุกมากเพราะความเป็นไปได้ไม่รู้จบ ความลับอยู่ที่งานของตูเว ซึ่งมีแนวคิดที่สุดยอดบางประการ

“งานของเธอไม่มีเวลา ไม่มีขอบเขต ไม่ขึ้นกับศาสนา ไม่ขึ้นกับเพศสภาพ และไม่ได้เจาะจงว่าเป็นพื้นที่หรือประเทศใดประเทศหนึ่ง ทุกคนจึงเข้าใจงานของเธอ เช่น เข้าใจความเหงาและสิ่งที่ตรงข้ามจากความเหงา นั่นก็คือความอบอุ่นในบ้านของเหล่ามูมิน เข้าใจเรื่องมิตรภาพและการเป็นที่ต้อนรับ ใครๆ ก็เข้าใจเรื่องเหล่านี้ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนในโลก การทำให้งานของตูเวทันสมัยจึงไม่ยากเลย เพราะหัวข้อเหล่านี้ไม่เคยเก่า เรื่องราวของเธอจึงเข้ากับทุกยุคสมัย

“อย่างไรก็ตาม คุณก็ต้องใส่แรงลงไปให้เกิดงานใหม่ๆ คุณคงรู้ว่าปีที่แล้วมีการเปิดสวนสนุกมูมินในญี่ปุ่น นี่คือวิธีทำให้คนเข้าใจงานของตูเวมากขึ้น และยังมีวิธีอื่นๆ อีก เช่น กำลังจะมีหนังชีวประวัติของตูเวออกมา เราเพิ่งไปงานเปิดตัวหนังกันมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีโครงการทั้งเล็กและใหญ่ที่จะช่วยให้คนยังระลึกถึงงานของเธออยู่เสมอ”

คุยกับ Sophia Jansson หลานรัก Tove Jansson ผู้ดูแลมรดก Moomins ที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก, มูมิน

เติบโตอย่างสร้างสรรค์

โซเฟีย ยานซอน เติบโตมาในครอบครัวของคนทำงานสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ปู่ของเธอ (พ่อของตูเว) เป็นประติมากร และย่าก็เป็นจิตรกรและนักวาดภาพประกอบ ลุงของเธอเป็นช่างภาพ ส่วนพ่อและป้าก็สร้างสรรค์โลกของมูมินทั้งในหนังสือและจอโทรทัศน์

‘ความคิดสร้างสรรค์’ คือผลงานที่แท้จริงของครอบครัวยานซอนและบริษัทมูมิน ซึ่งต่อยอดตัวละครในหนังสือไปเป็นสินค้าและบริการมากมาย โซเฟียเล่าถึงการเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมนี้ว่า

“ในยุคของตูเว ครอบครัวสอนให้เธออ่านหนังสือและวาดรูปตั้งแต่ยังเด็ก พ่อและแม่สอนให้เธอแสดงความคิดและความรู้สึกผ่านทางการเขียนและงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ สำคัญอย่างยิ่งที่เราจะไม่ชี้นิ้ว แต่ส่งเสริมให้เด็กๆ สะสมและฝึกฝนการใช้เครื่องมือที่จะถ่ายทอดความคิดความรู้สึก เครื่องมือนั้นอาจเป็นการเต้น การเล่นดนตรี การเขียน หรือการวาดรูปก็ได้

คุยกับ Sophia Jansson หลานรัก Tove Jansson ผู้ดูแลมรดก Moomins ที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก, มูมิน

“สำหรับฉัน สิ่งสำคัญคือการสอนให้เด็กๆ อ่านหนังสือ และพูดคุยเรื่องเรื่องราวที่อ่าน เพราะเรื่องราวและภาษาคือความนึกคิดและจิตใต้สำนึก ถ้าคุณมีคำศัพท์มาก การบรรยายความซับซ้อนต่างๆ ที่อยู่ในความคิดและจิตใจคุณก็จะง่ายขึ้นด้วย เราถึงอยากให้มีการตีพิมพ์งานของตูเวอยู่ตลอด เพราะหนังสือของเธอช่วยให้ผู้ค้นหา ‘เครื่องมือ’ ของตัวเองเจอ พวกเขามักบอกว่า “นี่แหละ สิ่งที่ฉันกำลังรู้สึก” เมื่ออ่านหนังสือมูมิน พวกเขาจะได้แรงบันดาลใจไปลงมือถ่ายทอดความรู้สึกเดียวกันนี้แต่ด้วยวิธีการของตัวเอง

“นอกจากนี้ ฉันคิดว่า เราต้องมีทัศนคติที่ดีต่อการแสดงออกของเด็กๆ ด้วย บางครั้งคุณจะเห็นว่า พวกเขามีอะไรในหัว แต่ไม่รู้จะแสดงออกได้อย่างไร การให้เด็กๆ รู้จักศิลปะแขนงต่างๆ นั้นช่วยให้พวกเขารับมือกับความเป็นจริงในชีวิตได้ พวกเราอาจต้องการถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในหัวและในใจในระดับที่มากน้อยแตกต่างกันไป แต่ตูเวมีพลังและแรงผลักดันมากในการทำเช่นนี้ เธอเขียนจดหมาย เต้น ร้องเพลง รัก และท่องเที่ยว เพราะมีแรงผลักดันที่วิเศษ หลายคนมีแรงผลักดันแบบนี้ เราสามารถสร้างงานศิลปะที่ดีซึ่งให้แรงบันดาลใจ รวมถึงให้เครื่องมือนี้แก่ผู้คนได้”

โซเฟีย

นอกจากวรรณกรรมเยาวชนแล้ว ตูเว ยานซอนยังเขียนงานสำหรับผู้ใหญ่ไว้มากมาย หนึ่งในผลงานชิ้นเอกของเธอคือหนังสือรวมเรื่องสั้นชื่อ The Summer Book เล่าเรื่องเด็กผู้หญิงอายุ 6ขวบที่ชื่อว่า โซเฟียซึ่งอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งกับย่าของเธอในช่วงฤดูร้อน สองย่าหลานใช้เวลาหน้าร้อนสำรวจเกาะแก่งต่างๆ และเรียนรู้เรื่องธรรมชาติอย่างเรียบง่าย (แต่เต็มไปด้วยปัญญาจากการสังเกตโลกรอบตัว) ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างเช่น หมาแมว ไปจนถึงเรื่องชีวิตและความตายของสรรพสิ่ง หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า โซเฟียในเรื่องนี้คือ โซเฟีย ยานซอน หรือเปล่า

คุยกับ Sophia Jansson หลานรัก Tove Jansson ผู้ดูแลมรดก Moomins ที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก, มูมิน

“นี่คือหนึ่งในงานโปรดของฉันเลย แน่นอนว่าส่วนตัว ฉันอยากจะเชื่อว่าโซเฟียในเล่มนี้คือฉัน แต่โซเฟียก็เป็นคนที่ตูเวแต่งขึ้นมาด้วย เธอเป็นศิลปินและเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง อย่างไรก็ตาม หลายเหตุการณ์ในเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นจริง แต่บางเรื่องก็อาจเป็นเรื่องของตูเวเองในวัยเด็ก สำหรับฉัน มันดีมากที่มีบันทึกเรื่องราวที่อาจเป็นเรื่องในวัยเด็กของฉันไว้ ฉันรู้สึกพิเศษมากที่ชื่อเดียวกับโซเฟีย”

ไม่ว่าโซเฟีย ยานซอน จะเป็นตัวละครใน The Summer Book มากน้อยอย่างไร ทุกวันนี้ เธอได้พาเรือของเหล่ามูมินล่องออกมาไกลแสนไกลจากเกาะน้อยๆ ในอ่าวฟินแลนด์ พวกเขาได้มอบความสุขกับคนทั่วโลกทั้งในยามเหตุการณ์ปกติและยามที่ต้องเผชิญความท้าทายต่างๆ จวบจนวันนี้ สมาชิกหุบเขามูมินทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังมาสองชั่วอายุคนหรือนับได้ 75 ปีเต็มแล้ว

ภาพ : Moomins Characters Oy 

ขอขอบคุณ

คุณโซเฟีย ยานซอน บริษัท มูมิน คาแรกเตอร์ จำกัด (Moomin Characters Oy) และสำนักพิมพ์แพรวเยาวชน

Writer

Avatar

กัญญ์ชลา นาวานุเคราะห์

จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยยูวาสกูลา ประเทศฟินแลนด์ ปัจจุบันกำลังปลูกปั้นสำนักพิมพ์ ‘นาวา’ ซึ่งนำหนังสือภาพสำหรับเด็กจากฟินแลนด์มาตีพิมพ์เป็นภาษาไทย โดยเริ่มจากหนังสือชุด ‘ตาตุและปาตุ