ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่บ่อยนักที่เราจะมีโอกาสสัมภาษณ์แบบเจอหน้า แต่วันนี้เราได้รับอนุญาตให้แวะมาที่ออฟฟิศของค่ายเพลงสไปร์ซซี่ ดิสก์ เพื่อพูดคุยกับศิลปินน้องใหม่ที่เพิ่งปล่อยเพลงไปสด ๆ ร้อน ๆ

โม-ธันยา เลิศสินธวานนท์ คือสาวใสวัย 26 เจ้าของช่อง MOJIKO ยูทูบแชนแนลแนวไลฟ์สไตล์ที่มีผู้ติดตามกว่า 3 ล้าน

ก่อนจะเข้าสู่โลกของยูทูบเบอร์ เธอคือเด็กน้อยนักฝันที่มุ่งมั่นในเส้นทางแห่งเสียงดนตรี

โมเริ่มเรียนร้องเพลงตั้งแต่อายุ 6 ขวบ หลงรักการจับไมค์โดยไม่รู้ตัว จึงเอาจริงเอาจังด้านนี้เรื่อยมา ถึงขนาดที่ว่าเคยพักการเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อเตรียมไปเรียนต่อด้านเพลงคลาสสิกที่ต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี หลังจากที่ได้ไปเที่ยวสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ เธอก็เกิดเปลี่ยนใจไม่ไปเรียนต่อ พร้อมหันมาตั้งหน้าตั้งตาทำยูทูบอย่างจริงจัง

ภายในหนึ่งปี ช่อง MOJIKO ก็มีผู้ติดตามทะลุ 8 แสน เธอปล่อยเนื้อหาสัปดาห์ละ 3 ตัว เป็นเวลาต่อเนื่องกว่า 7 ปีจนมีคลิปไม่ต่ำกว่า 800 คลิปให้คนดูได้แวะชม

ขณะที่บทบาทยูทูบเบอร์พาเธอบินสูง ความฝันที่จะเป็นศิลปินก็ไม่เคยหายไปไหน MOJIKO ยังตั้งใจหาโอกาสให้ตัวเองอยู่เสมอ เผื่อจะเจอเวทีที่ช่วยให้เสียงร้องของเธอถูกส่งถึงผู้ฟัง

เธอต้องผิดหวังจากการส่งคลิปเข้าประกวดรายการ The Voice Thailand 

พยายามอีกสักตั้งกับรายการ The X Factor Thailand แต่ก็ยังไปไม่ถึงฝันอยู่ดี

ในที่สุด เมื่อไม่นานมานี้ เธอได้เปิดตัวในฐานะศิลปินน้องใหม่แห่งค่ายสไปร์ซซี่ ดิสก์ พร้อมปล่อยซิงเกิลแรกในชีวิตอย่างเพลง ‘เฮ้อ.. (แทบจะไม่ใช่แฟนคนหนึ่ง)’

แม้จะไปได้ดีในแพลตฟอร์มโซเชียลแบบไม่ต้องสงสัย แต่เส้นทางในฐานะศิลปินของ MOJIKO ยังอีกยาวไกล และมีความท้าทายมากมายรออยู่ เราจึงอยากคุยกับเธอ ทั้งชีวิตฟากที่เป็นศิลปิน หน้าที่ฝั่งยูทูบเบอร์ ตลอดจนตัวตนของเธอเวลาอยู่หลังกล้อง

สาวหมวยในชุดเบลเซอร์สีครีมเดินเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจ เสียดายที่หน้ากากอนามัยไม่เปิดโอกาสให้เราได้เห็นรอยยิ้มอันสดใสของเธอ ถึงอย่างนั้น ความขี้เล่นเป็นกันเองไม่ต่างจากที่เห็นในคลิปทำให้นี่เป็นการพูดคุยที่สนุกที่สุดครั้งหนึ่ง ซึ่งหวังว่าผู้อ่านจะรู้สึกถึงความสนุกนั้นได้ไม่ต่างกัน

แต่ก่อนที่การถามตอบจะเริ่มต้น เราก็อยากเกริ่นกับทุกคนต่ออีกสักนิดถึงคำว่า ‘รถไฟขบวนแห่งความฝัน’ ในชื่อบทสัมภาษณ์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แต่ชีวิตของผู้หญิงคนนี้มีความเกี่ยวข้องกับรถไฟจริง ๆ แต่จะเป็นรถไฟขบวนไหนและเกี่ยวข้องอย่างไรนั้น คงต้องติดตามกันในเรื่องราวที่ทุกคนจะได้อ่านต่อไปนี้

“ป.1 ถึง ป.ตรี ไม่มีวันไหนไม่ร้องเพลง”

การได้มีเพลงแรกในชีวิตเรียกว่าความฝันของคุณเป็นจริงได้รึเปล่า

เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของหนึ่งในความฝันมากกว่า

แสดงว่าคุณมีความฝันหลายอย่าง

ใช่ คนเรามีหลายความฝันอยู่แล้ว แต่การออกซิงเกิลก็เป็นหนึ่งในความฝันใหญ่ ๆ ของชีวิต โมเรียนและหลงใหลการร้องเพลงตั้งแต่ ป.1 การได้เป็นศิลปินจึงเป็นหนึ่งในความฝันของเรามาตลอด

ทำไมคุณถึงชอบร้องเพลงขนาดนั้น

เราเริ่มร้องเพลงเพราะที่บ้านส่งไปเรียนตอน ป.1 น่าจะ 6 ขวบเองมั้ง อาโกวส่งไปเรียนเพราะตอนเด็กเราไม่กล้าแสดงออก เขาอยากให้เราเป็นเด็กที่กล้าคุยกับคนอื่นมากขึ้น เรียนไปเรียนมากลายเป็นว่าหลงรักการร้องเพลงโดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่ตอนนั้น เราก็เรียนมาตลอด ร้องเพลงทุกอาทิตย์ตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.3 พอ ม.ปลาย ก็เข้าวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหิดล แถมหลังจากนั้นก็เรียนต่อด้านนี้อีก พูดง่าย ๆ คือ ป.1 ถึง ป.ตรี เป็น 20 ปีที่แทบไม่มีวันไหนไม่ร้องเพลง อาบน้ำก็ร้องเพลง เครียดก็ร้องเพลง ขับรถก็ร้องเพลง

ตอนประกวดรายการ The X Factor กับ The Voice แล้วไปไม่ถึงฝัน คุณเคยบอกว่าการเป็นนักร้องอาชีพอาจเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อม วันนี้คุณคิดกับเรื่องนี้ยังไง

ทุกวันนี้ไม่กล้ากลับไปดูคลิปตัวเองเลย (หัวเราะ) การเป็นนักร้องคือหนึ่งในความฝันของชีวิตโมจริง ๆ หลังจากวันนั้นที่ตกรอบในรายการ เราก็ค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาเรื่อย ๆ จนวันนี้ได้มีซิงเกิลแรกในชีวิต ก็คิดกับตัวเองว่า ‘เอ๊อ เราก็มาไกลเหมือนกันนะเนี่ย’ (เน้นเสียง)

คุณทำได้ดีในเส้นทางสายยูทูบเบอร์ การพลิกบทบาทมาเป็นศิลปินถือเป็นเรื่องยากสำหรับคุณมั้ย

อย่าเรียกพลิกบทบาทเลย เรียกเพิ่มบทบาทดีกว่า เพราะเราก็ยังเป็นยูทูบเบอร์อยู่ แค่ตอนนี้เป็นศิลปินด้วย นี่เป็นบทบาทในฝันเลยนะ เราสนุกตลอด ไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อยมากขึ้นเลย ยังอยากทำเต็มที่ มีความสุขมากกับทุกขั้นตอน

จริงๆ คุณทำเพลงลงช่องยูทูบเองก็ได้ เพราะอะไรการอยู่ค่ายเพลงจึงสำคัญกับคุณ

สำคัญเพราะโมรู้สึกว่า การอยู่ค่ายทำให้เราได้อยู่กับมืออาชีพ ทำงานกับคนที่รู้จริงในวงการ เราไม่ต้องนั่งล้มลุกคลุกคลาน เริ่มสร้างใหม่จากศูนย์ สไปร์ซซี่ ดิสก์ ซัพพอร์ตความฝันและความชอบของเราได้ ไม่ว่าจะชอบอะไร ค่ายไม่เคยขัดเลย เขาช่วยต่อยอดจากสิ่งที่เราเป็น

คุณกับค่ายสไปร์ซซี่ ดิสก์ เจอกันได้ยังไง

เพราะ พี่ส้ม มารี (มารี เออเจนี เลอเลย์) ค่ะ พี่ส้มทำยูทูบเหมือนกัน เราทั้งคู่รู้จักกันในฐานะยูทูบเบอร์ ก็เลยปรึกษาเขา ถามว่าวงการศิลปินเป็นยังไง มีบ้านไหนบ้าง ควรทำเองหรือควรเข้าค่ายเพลง พี่ส้มเป็นเหมือนประตูบานแรกที่เริ่มทาบทามให้เราเข้ามาอยู่ที่นี่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เข้ามาแล้วก็ต้องทำทุกอย่างตามขั้นตอน ทำเดโม่ส่ง พูดคุยกับผู้ใหญ่เรื่องสัญญาต่าง ๆ ตามกระบวนการเหมือนศิลปินคนอื่น

พูดง่ายๆ ว่าคุณเหมือนมี ส้ม มารี เป็นพี่เลี้ยง

ใช่ ยกให้เขาเป็นเหมือนคนที่จูงมือเราเข้ามาเป็นศิลปิน

MOJIKO ยูทูบเบอร์ผู้ติดตาม 3 ล้าน การไล่ตามฝัน และวันที่ได้เป็นศิลปินค่าย SPICYDISC

“Sign Contract From Home”

การเริ่มต้นชีวิตศิลปินในช่วงโควิดมีอุปสรรคบ้างรึเปล่า

ที่สุด โมน่าจะเป็นศิลปินคนเดียวของค่ายสไปร์ซซี่ ดิสก์ ที่ต้องเซ็นสัญญาออนไลน์ เรียกได้ว่าเป็น ‘Sign Contract From Home’ คือต้องมีคนส่งของจากสไปร์ซซี่ ดิสก์ เอาเอกสารให้ พี่ก้อ (ณฐพล ศรีจอมขวัญ) เซ็นก่อน แล้วเขาก็ต้องรับเอกสาร นั่งมอเตอร์ไซค์มาที่บ้านเพื่อให้เราเซ็น ยังไม่จบนะ เราเซ็นเสร็จก็ยังต้องเอาไปที่บ้าน พี่เต้ง (พิชัย จิราธิวัฒน์) อีก เป็นการเซ็นสัญญาที่ไม่ได้เจอหน้ากันเลย เรียกว่าศิลปินยุคใหม่ของจริง

อุปสรรคนอกเหนือจากนั้นก็คงเป็นการประชุมออนไลน์ โมมาที่ออฟฟิศยังไม่ถึง 10 ครั้งเลยด้วยซ้ำ อ๋อ ตอนทำมิวสิกวิดีโอก็ลำบาก ออกกองห้ามเกิน 20 คน หรือเพลงที่ 2 ที่กำลังซุ่มทำอยู่ นัดอัดเสียงกัน 3 รอบแล้ว แต่ต้องยกเลิกทั้ง 3 รอบ วันนี้คนนี้เสี่ยง อาทิตย์ถัดมาอีกคนเสี่ยง เป็นแบบนี้เรื่อย ๆ อุปสรรคเยอะ 

คุณคิดว่า MOJIKO เป็นศิลปินแนวไหน

โมยังไม่กล้านิยามตัวเองนะ คงต้องใช้เวลาทำเพลงมากกว่านี้ ตอนนี้เราทำมาแค่เพลงเดียว กลัวว่าพูดไปแล้วจะไม่ใช่การนิยาม แต่เป็นการล้อมกรอบตัวเองแทน ระหว่างนี้ขอนิยามว่าคือศิลปินที่กำลังค้นหาตัวตนของตัวเอง แล้วก็หวังว่าทั้งเราและผู้ฟังจะได้เห็นการเติบโตของ MOJIKO ผ่านผลงานแต่ละชิ้นที่ออกมา

คนส่วนมากคุ้นกับ MOJIKO ในลุคที่ร่าเริงสดใส ทำไมเพลงแรกที่คุณปล่อยจึงเป็นเพลงเศร้า

ตอนวางโจทย์ เราคิดว่าคนเห็น MOJIKO ในมุมของความสดใสร่าเริงเยอะแล้ว อยากทำให้คนฟังเห็นว่า ผู้หญิงคนหนึ่งที่ร่าเริง ก็มีมุมมองความรักที่หลายครั้งไม่ได้สวยงามเสมอไป ความรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เลยออกมาเป็นเพลง เฮ้อ.. (แทบจะไม่ใช่แฟนคนหนึ่งแล้ว) เพื่อแสดงออกในมุมมองของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในความรัก

รู้สึกยังไงที่ทำเพลงแรกก็มี พี่เอก Season Five มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้

ดีใจมาก โมชอบเพลงของ พี่เอก (สุดเขต จึงเจริญ) อยู่แล้ว เห็นผลงานที่พี่เอกทำให้ศิลปินหลายคน ตอนทำงานด้วยกันก็สัมผัสได้ถึงความเนี้ยบ เขาเนี้ยบในทุกรายละเอียดจริง ๆ และเราดีใจมากที่พี่เอกให้เรามีส่วนร่วมเยอะมากในเพลง ๆ นี้

คุณมีส่วนร่วมในส่วนไหนบ้าง

ทุกขั้นตอนเลย ตั้งแต่ออกไอเดีย ร่วมทำเมโลดี้ท่อนฮุก ทำดนตรี ประสานเสียง 60 ไลน์ด้วยตัวเอง วันมิกซ์เสียงก็ไปนั่งทำด้วยกัน เรามีส่วนในหลายองค์ประกอบมาก ๆ เขารู้ว่านี่เป็นเพลงแรก เลยอยากให้เราได้แสดงออกอย่างเต็มที่ แสดงความคิดเห็นเต็มที่ โดยที่พี่เอกจะคอยประคับประคองให้อยู่ในสไตล์ ในทิศทางที่ควรจะเป็น

เสียงตอบรับของผลงานชิ้นแรกเป็นยังไงบ้าง

เฮ้ย ว้าวนะ ดีใจมาก วันนี้เท่าไหร่แล้ว 6 แสนวิวมั้ง แต่สิ่งที่เติมเต็มความฝันเรามากที่สุดไม่ใช่ยอดวิวหรอก เราเป็นยูทูบเบอร์ เห็นคลิปตัวเองในยูทูบมาตลอด แต่เราไม่เคยเห็นตัวเองไปโผล่ตามสตรีมมิ่งฟังเพลงมาก่อนเลย พอได้เห็นชื่อและเพลงของตัวเองไปอยู่ตรงนั้นก็ภูมิใจมาก ๆ ตื้นตันที่มีคนฟังเพลงที่เราร้อง

ถึงตรงนี้คุณอยากขอบคุณใครมากที่สุด

ส่วนหนึ่งก็ขอบคุณตัวเองที่พยายามมาถึงตรงนี้ แต่อีกส่วนก็ต้องขอบคุณทีมงานทุกคน เพลงที่ปล่อยออกไปไม่ใช่ผลงานของเราคนเดียว เราแค่เป็นมาสคอตที่อยู่หน้าสุด แต่จริง ๆ แล้วผลงานเป็นของทุกคน

เห็นช่อง MOJIKO ไปคอมเมนต์ขอบคุณทีมงานที่ใต้เพลงด้วย

ใช่ค่ะ ด้วยความเป็นยูทูบเบอร์ก็เลยเคยชินกับการทำงานเบื้องหลัง เรารู้ดีว่างานเบื้องหลังไม่ได้เหนื่อยน้อยกว่างานเบื้องหน้าเลย เผลอ ๆ งานหนักกว่าด้วยซ้ำ แต่ในคลิป ในเพลง หรือกระทั่งในมิวสิกวิดีโอ คนดูจะเห็นแค่คนเบื้องหน้าอย่างเดียว เราที่เห็นการทำงานหนักและความตั้งใจของคนเบื้องหลังมาตลอด ถ้ามีโอกาสก็พยายามขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนเท่าที่ทำได้

MOJIKO ยูทูบเบอร์ผู้ติดตาม 3 ล้าน การไล่ตามฝัน และวันที่ได้เป็นศิลปินค่าย SPICYDISC

“ทุกครั้งที่หันไปมอง จะรู้ว่าความฝันของเราคืออะไร”

7 ปีที่แล้ว แทนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ คุณกลับเลือกอยู่ไทยเพื่อประกอบอาชีพเป็นยูทูบเบอร์ คุณเห็นโอกาสอะไรในงานนี้

จริง ๆ เรื่องนี้เกี่ยวกับการได้เป็นนักร้องในวันนี้ด้วยนะ ตอนแรกโมตั้งใจจะไปเรียนต่อด้านการร้องเพลงคลาสสิก ก็ดรอปเรียนเรียบร้อย พร้อมไป แต่มีอยู่วันหนึ่งเราไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ที่ฮ่องกง ได้เห็นการแสดงที่มีคนยืนร้องเพลงและเต้นบนเวที มีแสงสีเสียงพร้อม มีคนดูเต็มไปหมด วินาทีนั้นเราเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ได้กลับมาคิดกับตัวเองว่า จริง ๆ แล้วฉันน่ะมีความฝันคืออยากร้องเพลงบนเวที อยากเป็นศิลปิน เลยตัดสินใจไม่ไปเรียนต่อแล้ว เพราะถ้าไปเรียนต่อด้านเพลงคลาสสิกก็จะไม่มีแสงสีเสียง อดเต้น อดแต่งตัว (หัวเราะ)

พอดูเสร็จปุ๊บ จำได้เลยว่าวันนั้น โมซื้อของชิ้นหนึ่งกลับมาจากดิสนีย์แลนด์ เป็นโมเดลรถไฟ โมตั้งมันไว้ที่บ้าน ทุกครั้งที่หันไปมอง จะรู้เลยว่าจุดยืนของเราอยู่ตรงไหน ความฝันของเราคืออะไร

เหมือนคุณตัดสินใจเลือกรถไฟขบวนนี้แล้ว

ใช่ ๆ เหมือนเราเลือกรถไฟขบวนนี้ แล้วพอตัดสินใจไม่ไปเรียนต่อ สิ่งที่มาพร้อมกันคือการเริ่มทำยูทูบ คลิปแรกของเรามีคนดู 5 พัน ทั้งที่เป็นแค่คลิปแต่งหน้าธรรมดา เลยคิดว่าอยากลองตั้งใจทำยูทูบดู ตอนนั้นก็ไปคุยกับอาจารย์ว่า เราดรอปไปหนึ่งเทอม แต่อยากขอจบพร้อมเพื่อนได้มั้ย อาจารย์ก็โอเค ให้เรียนเสริมบ้าง นั่งเรียนเดี่ยวบ้าง สุดท้ายก็ได้จบพร้อมเพื่อน ระหว่างนั้นก็เรียนรู้และทำยูทูบไปด้วย สรุปคือโมได้เป็นยูทูบเบอร์เพราะเห็นคนร้องเพลงที่ดิสนีย์แลนด์นี่แหละ

คุณตัดสินใจแบบนี้ ที่บ้านไม่ตกใจเหรอ

เขาน่าจะตกใจจนชินแล้วนะ คงงงตั้งแต่โมตัดสินใจเรียนดุริยางคศิลป์ ตอน ม.4 แล้วแหละ ความจริงตอนเด็ก ๆ ที่บ้านดุมาก แต่พอเข้า ม.ปลาย พ่อก็บอกเลยว่าจะเปลี่ยนวิธีเลี้ยงลูกนะ หลังจากนี้จะคอยซัพพอร์ตอย่างเดียว ไม่ชี้แล้วว่าต้องทำยังไงบ้าง โมรู้สึกโชคดีและขอบคุณที่บ้านมาก ๆ ที่เชื่อในตัวโมและความฝันของโม เขาต้องเปิดใจพอสมควรเลย คิดดูนะ 7 ปีที่แล้ว แต่กล้าให้ลูกอัดคลิปทำยูทูบ จำได้เลย ครั้งแรกที่โมบอกพ่อว่าจะทำช่องยูทูบ พ่อยังถามอยู่เลยว่าคืออะไร รู้จักแต่ช่อง 3 ช่อง 7 เธอจะไปสู้อะไรกับเขาได้ แต่ทุกวันนี้พ่อเก่งมากเรื่องยูทูบ เรื่องช้อปปิ้งออนไลน์ เหมือนเห็นลูกไปทางไหน เขาก็ไปตามลูก ไม่มีห้าม ไม่มีขวางเลย

แล้วตอนคุณตัดสินใจทำยูทูบเบอร์เป็นอาชีพ เขาไม่ขวางบ้างเลยเหรอ

ไม่มีเลย เขาเห็นว่าเราดูแลตัวเองได้ มีรายได้เข้ามา แต่ระหว่างที่ทำเราก็ปรึกษาพ่อตลอด ไม่เคยทำแล้วหายตัวออกจากบ้าน ทุกวันนี้ก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน กินข้าวเช้าด้วยกันทุกวัน คอยอัปเดตให้ทุกคนฟังตลอด ที่บ้านก็เลยไม่ได้ตะขิดตะขวงอะไร ช่วยผลักดันเราเต็มที่

ช่อง MOJIKO มีเนื้อหาหลากหลายมาก เล่าให้ฟังหน่อยว่าจริง ๆ แล้วคุณพยายามสื่อสารอะไรกันแน่

เราอยากให้คนดูมีเพื่อน หลายคนดูคลิปเราตอนกินข้าวหรือก่อนนอน เราอยากให้เขารู้สึกเหมือนได้คุยกับเพื่อน เลยพยายามทำเนื้อหาที่เข้าถึงง่าย ต่อให้เป็นคลิปแนวสารคดี เราก็จะพยายามย่อยข้อมูลให้เข้าใจง่ายที่สุด อย่างคลิปที่พาไปดูวิถีชีวิตชาวประมง เราก็ทำออกมาเหมือนเพื่อนพาเพื่อนไปเที่ยว

ยูทูบเบอร์คนอื่นก็ทำเนื้อหาไม่ต่างจากคุณ อะไรทำให้ช่อง MOJIKO โดดเด่นกว่าช่องอื่น

จริง ๆ โมก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอบยากนะ แต่ที่หลายคนพูดก็คือเรากินอร่อย (หัวเราะ)

เรามีเป้าหมายใหม่ ๆ มาฝากคนดูตลอด อย่างปีนี้ก็มีภารกิจพาคนดูไปรู้จักร้านอาหารใหม่ 100 ร้าน ป่าวประกาศบอกคนดูไปเรียบร้อย ตอนนี้เดือนมีนาคม โมถ่ายไปแล้ว 37 ร้าน เพราะฉะนั้นทันแน่นอน ก็มานั่งคิดกับตัวเองว่า เฮ้ย เราไปเยอะมากเลยนะ ดีไม่ดีครึ่งปีก็อาจจะครบแล้ว

คุณดูเป็นคนชอบสร้างเป้าหมายให้ตัวเองนะ

จริง ๆ ภารกิจ 100 ร้านอาหาร เราทำเพื่อให้คนดูอยากติดตามไปกับเราเฉย ๆ ไม่ได้สร้างให้เป็นเป้าหมายอะไรขนาดนั้น คิดว่าตัวเองก็ไม่ใช่คนชอบสร้างเป้าหมายนะ 

(นิ่งไป) เอ๊ะ หรือว่าจริง ๆ โมชอบสร้างกันนะ

ครั้งหนึ่งคุณเคยตั้งเป้าว่าต้องมียอดผู้ติดตามเกิน 1 ล้าน ไม่งั้นจะเลิกทำยูทูบ

โอเค ใช่ค่ะ MOJIKO เป็นคนชอบสร้างเป้าหมายให้กับตัวเอง ทุกปีเราจะมีภารกิจ 3 ข้อ ก็จะเขียนเลยว่า 3 อย่างที่อยากทำของปีนี้คืออะไร แล้วก็จะพยายามทำให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม อย่างการเป็นศิลปินเป็นเป้าหมายที่เราเขียนไว้ปีที่แล้ว ก็ท้าทายชีวิตดีเหมือนกัน นั่นแหละ โมเลยไม่กล้าพูดว่าการเป็นศิลปินคือความฝันเดียว เพราะทุกปีเราจะมีความฝันใหม่ 3 อย่างเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ

 คุณรู้สึกยังไงในวินาทีที่ช่อง MOJIKO มีผู้ติดตามครบล้าน

ดีใจ ตอนนั้นเราพยายามพิสูจน์ว่านี่ต้องเป็นอาชีพที่ดูแลตัวเองได้ ดูแลครอบครัวได้ พอครบปี คนติดตามเพิ่มขึ้นจาก 1 แสนเป็น 8 แสน ไม่ถึงล้านก็จริง แต่ 8 แสนก็โอเคแล้ว ไม่น้อยเลย น่าจะไปต่อได้ สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดเป็นบริษัทตั้งแต่ตอนนั้น

รถไฟขบวนแห่งความฝันของ 'โม-ธันยา เลิศสินธวานนท์' ยูทูบเบอร์ที่ร้องเพลงตั้งแต่ ป.1 แต่เพิ่งได้เป็นศิลปินตอนอายุ 26

“ไม่มีคลิปไหนเลยที่เราไม่อยากทำ”

ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าเบื้องหลังการเป็นยูทูบเบอร์เหนื่อยมาก เล่าให้ฟังหน่อยว่าเหนื่อยยังไง

เหนื่อยที่สุดน่าจะเป็นช่วงแรกที่ทำ เราต้องทำทุกอย่างเอง คนที่เป็นยูทูบเบอร์คนเดียวได้ต้องเป็นได้ทั้งตากล้อง จัดแสง ครีเอทีฟ เขียนบท กราฟิก ตัดต่อ ดีไม่ดีต้องติดต่อกับลูกค้าเองด้วย มีภาระและสิ่งที่ต้องทำเยอะมากในช่วงแรกที่ยังไม่มีทีม ยากและท้าทายมากจริง ๆ 

ทุกวันนี้พอมีทีมก็เลยรู้ว่าเบื้องหลังสำคัญมาก กว่าจะมาเป็นคลิปความยาวแค่ 10 นาทีที่ทุกคนเห็นต้องผ่านขั้นตอนเยอะมาก บางคลิปเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน ทีมเบื้องหลังแต่ละคนช่วยกันปั้นคนละส่วนเพื่อให้ผลงานออกมาสมบูรณ์ เรากับทีมงานอยู่กันเหมือนเป็นครอบครัว เหนื่อยก็ช่วยกัน มีอะไรก็คุยกันตรง ๆ 

การทำคลิปหนึ่งครั้ง คุณให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุด

สิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด ณ ตอนนี้คือตัวโมต้องมีความสุขในการถ่ายทำ เราไม่อยากให้คนเข้ามาดูแล้วได้รับความรู้สึกแย่ ๆ กลับไป ถ้าคนในคลิปไม่ได้มีความสุขจริง เราว่าคนสมัยนี้ดูออกนะ เขารู้ว่าอันนี้ปลอม อันนี้ฝืน เพราะฉะนั้น ทุกคลิปที่ทำ เราต้องอยากทำมันจริง ๆ เพื่อคนดูจะได้มีความสุขไปกับเรา ไม่มีคลิปไหนเลยที่เราไม่อยากทำ

อีกเรื่องที่สำคัญคือหลักการทำงาน โมจะบอกคนในทีมตลอดว่าให้คิดเผื่อคนอื่นเยอะ ๆ อย่าคิดว่าฉันจะเอาอย่างนี้ แต่ต้องคิดเผื่อคนอื่นด้วย เราไม่ได้ทำผลงานให้ตัวเองดู แต่ทำให้ทุกคนดู แถมยังทำงานกันเป็นทีม เพราะฉะนั้นทำอะไรต้องคิดในมุมกว้าง เอาใจเขามาใส่ใจเรา

คงไม่ใช่ทุกครั้งที่คุณจะได้ทำเนื้อหาที่ตัวเองถูกใจ คุณมีเคล็ดลับยังไงในการหาตรงกลางระหว่างตัวตนกับสิ่งที่คนดูและลูกค้าชอบ

เราแทบไม่ต้องหาตรงกลางเลย อย่างที่บอก เราจะทำเฉพาะคลิปที่อยากทำจริง ๆ ความโชคดีคือลูกค้าที่เข้ามาหา MOJIKO จะรู้อยู่แล้วว่าเราคือใคร ความชอบของเราและคนดูคืออะไร เพราะฉะนั้น ลูกค้าจะเปิดกว้างกับคอนเทนต์ของเรามาก ไม่เคยบังคับให้เราต้องแต่งหน้าก่อนกินอาหารหรืออะไรเลย รักลูกค้ามาก (หัวเราะ)

ว่ากันว่าเมนูไข่ดองน้ำปลามีที่มาจากช่อง MOJIKO เรื่องนี้เป็นความจริงรึเปล่า

จริง คือมีช่วงหนึ่งที่ปูดองฮิตมาก เราทำคอนเทนต์ปูดองก็ผลตอบรับดี ทีนี้เห็นคนญี่ปุ่นชอบกินไข่ดองโชยุเลยเกิดความสงสัยว่า ถ้าเอาไข่มาดองน้ำปลาบ้างจะเป็นยังไง ตอนนั้นก็ลองเอาน้ำที่ดองปูดองมาดองไข่ ตื่นเต้นมาก ออกข่าวกันเลยทีเดียว มีดราม่าด้วย เพราะบางที่ไม่ยอมใช้ไข่ปลอดสาร แต่เรื่องผ่านมาถึงวันนี้ เราดีใจมากที่มันกลายเป็นหนึ่งในเมนูของร้านอาหารหลายแห่ง นี่ถ้าวันนั้นโมเปิดร้านอาหารนะ แหม วันนี้ก็คงจะหลายออเดอร์ ขายไข่ไปเป็นล้านฟองแล้ว

รถไฟขบวนแห่งความฝันของ 'โม-ธันยา เลิศสินธวานนท์' ยูทูบเบอร์ที่ร้องเพลงตั้งแต่ ป.1 แต่เพิ่งได้เป็นศิลปินตอนอายุ 26
รถไฟขบวนแห่งความฝันของ 'โม-ธันยา เลิศสินธวานนท์' ยูทูบเบอร์ที่ร้องเพลงตั้งแต่ ป.1 แต่เพิ่งได้เป็นศิลปินตอนอายุ 26

“ความชอบเปลี่ยนไม่ได้”

คุณเคยบอกว่าไม่ชอบให้ใครเรียกตัวเองว่าคุณหนู แล้วคุณอยากให้เขาเรียกว่าอะไร

เรียกว่าโมเฉย ๆ เราเคยไปถ่ายคลิปกับพี่คนหนึ่ง มีคนมาคอมเมนต์เยอะมากว่าเราเป็นคุณหนู ทำอะไรไม่เป็น หน้าอย่างเธอจะทำอะไรได้เหรอ รู้สึกวูบไปถึงตาตุ่มเลย ไม่ชอบมาก ๆ ทำไมต้องจำกัดให้ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคุณหนู ที่สำคัญคือทำไมคุณหนูต้องทำอะไรไม่เป็นด้วย

แต่ก็ต้องขอบคุณคอมเมนต์วันนั้นที่ทำให้เราอยากพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า ฉันไม่ใช่แบบที่คุณคิด ฉันไม่ได้เป็นแค่อาหมวยคนหนึ่งที่ที่บ้านดูแลดีแล้วทำอะไรไม่เป็น ไม่ใช่ ฉันก็ทำอะไรได้หลายอย่างไม่ต่างจากคนทั่วไป หลังจากนั้นก็ลองทำอะไรเยอะขึ้น กล้าลุยมากขึ้น ห่วงสวยน้อยลง ไปลองดำนา จับปูนา ลุยโคลน ลองเป็นชาวประมง เออ เราก็ทำได้นะ ไม่ได้เป็นคุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็นซะหน่อย

ทุกวันนี้ยังมีคนเรียกคุณแบบนั้นอยู่มั้ย

ไม่มีเลย แต่ถึงมีคนบอกว่าเราเป็นคุณหนูก็คงไม่รู้สึกแย่กับตัวเองแล้ว บอกตัวเองแล้วว่าจริง ๆ ฉันก็เป็นคนปกติ ทำอะไรได้หลายอย่าง ได้พิสูจน์ตัวเองและลบคำสบประมาทไปแล้ว

ชีวิตการทำยูทูบจนมีผู้ติดตาม 3 ล้านให้อะไรและเอาอะไรไปจากคุณบ้าง

ทำให้โมได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ได้แสดงตัวตนของตัวเอง รู้จักเพื่อนมากขึ้น และขณะเดียวกันก็มีคนรู้จักเรามากขึ้นด้วย

ที่บอกว่ารู้จักตัวเองมากขึ้นหมายความว่ายังไง

เคยรู้สึกมั้ยว่าบางทีเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ยูทูบเก็บความทรงจำบางอย่างไว้ เก็บการพูดจา น้ำเสียง ภาพเคลื่อนไหว เหมือนให้เราได้ย้อนกลับมาดูว่าตัวเองเป็นคนยังไงกันแน่ แล้วก็ต้องขอบคุณยูทูบมากที่ให้ประสบการณ์ชีวิตกับโมหลายอย่าง 800 คลิปที่ทำพาโมไปลองปีนเขา ขึ้นเรือ นั่งพารามอเตอร์ ถ้าไม่ได้เป็นยูทูบเบอร์ เราคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ คงไม่ได้เจอชาวบ้าน ชาวประมง ไม่มีโอกาสเรียนรู้วิถีชีวิตของเขา

แล้วการเป็นยูทูบเบอร์เอาอะไรไปจากคุณบ้างรึเปล่า

ไม่นะ เหมือนกับที่โมเรียนร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ร้องทุกวันจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ยูทูบเองเราก็ทำมานาน แต่ก่อนก็เคยรู้สึกฝืนเวลาต้องถ่ายคลิปบ่อย ๆ แต่ทุกวันนี้รู้สึกปกติมากที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายตัวเองพูด ยิ่งต้องทำอาทิตย์ละ 3 คลิป มันกลายเป็นกิจวัตรเหมือนตื่นเช้ามาต้องแปรงฟัน ก็เลยไม่รู้สึกว่ามันเอาอะไรไปจากเราเลย

ถ้าวันหนึ่งคนดูคลิปของ MOJIKO น้อยลง คุณจะรู้สึกอย่างไร

จริง ๆ ก็มีช่วงที่คนดูคลิปเราเยอะกว่านี้นะ เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกอย่างเป็นไปตามกาลเวลา ทุกอย่างมีวงจรของมัน สิ่งที่สำคัญคือเราก็แค่จับจุดความสุขให้ถูก ไม่มีอะไรที่ยั่งยืนจีรังอยู่แล้ว

คุณคิดจะเป็นยูทูบเบอร์ไปถึงเมื่อไหร่

ตราบใดที่ทุกคนยังดูอยู่ ไม่สิ เอาใหม่ โมคงทำยูทูบต่อไปเรื่อย ๆ ยกเว้นว่าจะหมดแรงขั้นสุด แต่ทุกวันนี้คือไม่มีกำหนดเลยว่าจะเลิกทำมั้ยหรือเลิกทำเพราะอะไร

วันนี้ในวัย 26 คุณคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วหรือยัง

ณ วัย 26 โมก็ยังทำตามเป้าหมายของตัวเองไปเรื่อย ๆ แต่ก็มีเป้าหมายใหม่เพิ่มขึ้นตลอด ถามว่าประสบความสำเร็จในชีวิตมั้ย คงไม่ เพราะชีวิตเราไม่ได้จบวันนี้ แต่เราก็ทำได้ตามเป้าหมายที่เขียนมาในแต่ละปี คงเรียกได้แหละว่าประสบความสำเร็จ แต่ยังไม่ใช่ทั้งชีวิต

แล้วคุณจะสร้างเป้าหมายปีละ 3 ข้อตลอดไปเลยเหรอ

ก็ต้องรอดูต่อไป แต่ตราบใดที่เรายังสนุกกับการเป็นแบบนี้ ก็คงมีเป้าหมายไปเรื่อย ๆ มันสนุกดีนะกับการมีโจทย์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมา

ไม่เหนื่อยเหรอที่จะต้องไล่ล่าเป้าหมายเหล่านี้ทุกปี

มีช่วงที่เหนื่อย แต่เราจะไม่เหนื่อยเกิน 1 วัน โมจะร้องไห้ฟูมฟาย จะเป็นบ้าไปเลย แต่ให้เวลาตัวเองแค่ 1 วันเท่านั้น วันต่อไปก็หาย อาจจะไม่ได้หายเอง แต่ตารางชีวิตวางไว้แล้วว่ามีงานต้องทำต่อ (หัวเราะพร้อมเปิดปฏิทินในโทรศัพท์ให้ดู)

เยอะใช่มั้ย แต่โมเป็นคนที่มีวันหยุดนะ เราพยายามสมดุลเวลาทำงานกับพักผ่อนตลอด ทุกวันนี้นอนวันละ 8 ชั่วโมง แล้วก็แบ่งเวลาอยู่กับครอบครัว อยู่กับเพื่อนด้วย เพราะถ้าทำงานอย่างเดียวก็ไม่รู้ชีวิตจะอยู่ไปเพื่ออะไร

ถ้าวันนั้นไม่เลือกรถไฟขบวนนี้ คุณว่าวันนี้ โม ธันยา น่าจะกำลังทำอะไรอยู่

คงทำยูทูบอยู่เหมือนกัน ไม่รู้แฮะ ต่อให้ไปเรียนต่อต่างประเทศก็คงกลับมามั้ง เราว่าความชอบเปลี่ยนกันไม่ได้ เราอาจจะหลงทางบ้างบางเวลา แต่สุดท้ายเราก็คงกลับมาในที่ที่มันควรจะเป็น

รถไฟขบวนแห่งความฝันของ 'โม-ธันยา เลิศสินธวานนท์' ยูทูบเบอร์ที่ร้องเพลงตั้งแต่ ป.1 แต่เพิ่งได้เป็นศิลปินตอนอายุ 26

Writer

สิรวิชญ์ บุญประสิทธิการ

สิรวิชญ์ บุญประสิทธิการ

มนุษย์ภูเก็ต เด็กนิเทศที่ทำงานพิเศษเป็นนักเล่าเรื่อง โกโก้ หนัง และฟุตบอล ช่วยให้เข้านอนอย่างมีคุณภาพ

Photographer

Avatar

ณัฐวุฒิ เตจา

เกิดและโตที่ภาคอีสาน เรียนจบจากสาขาศิลปะการถ่ายภาพ สนใจเรื่องราวธรรมดาแต่ยั่งยืน ตอนนี้ถ่ายภาพเพื่อเข้าใจตนเอง ในอนาคตอยากทำเพื่อเข้าใจคนอื่นบ้าง