คอลัมน์ Big Brand รอบนี้ ขอพาคุณผู้อ่านมาสร้างความสนิทสนมกับ ‘ไมโล (Milo)’ แบรนด์สุดคลาสสิก และเป็นที่รักมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก
ในปี 2023 แบรนด์นี้จะมีอายุครบ 89 ปี แต่ยังมีภาพลักษณ์เป็นคนแข็งแรงและเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย ด้วยภาพลักษณ์สปอร์ตี้ ดื่มอร่อย และเข้าถึงง่ายแบบไม่ถือตัว
แบรนด์เครื่องดื่มอายุเกือบศตวรรษนี้สร้างแบรนด์มาอย่างมั่นคงและสม่ำเสมอทั่วโลก ตั้งแต่วันแรกที่อยากเป็นเครื่องดื่มแสนอร่อยและเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ จนถึงทุกวันนี้ที่ก็ยังคงออกผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ๆ และส่งเสริมการเติบโตของเยาวชนผ่านการเล่นกีฬาที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและเสริมสร้างทักษะชีวิต
The Cloud จึงติดต่อ คุณไชยงค์ สกุลบริรักษ์ ผู้อำนวยการธุรกิจผลิตภัณฑ์นมและโภชนาการสำหรับผู้ใหญ่ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด นักการตลาดที่บริหารไมโลมายาวนาน เพื่อขอฟังเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์นี้
และนี่คือ 10 เรื่องที่เราคัดมาเล่าสู่กันฟัง

1. ไมโลเป็นแบรนด์ลำดับต้น ๆ ของเนสท์เล่ และเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 1953 ต่อจากนมตราหมีและแม็กกี้
ปีนี้จะครบรอบ 89 ปีที่คนไทยได้รู้จักกับไมโลแล้ว ที่ผ่านมาไมโลประเทศไทยออกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์นี้มา 10 กว่าชนิด ไล่ตั้งแต่แบบผงดั้งเดิม แบบ 3 in 1 ที่ทำให้ชงสะดวกขึ้น แบบพร้อมดื่มในกล่อง แล้วก็เคยมีแบบกระป๋อง รวมไปถึงผลิตภัณฑ์สนุก ๆ อย่างช็อกโกแลต นักเก็ตส์ และไอศกรีมด้วย
2. ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ทุกชนิด เชื่อมโยงกันด้วยความเป็นผลิตภัณฑ์ให้พลังงานที่ดี
ถ้าใครเห็นไมโลช็อกโกแลตหรือนักเก็ตส์ในร้านสะดวกซื้อแล้วไม่กล้าหยิบ ทีมไมโลขอชวนให้ลองหยิบมาพลิกดูปริมาณแคลลอรี แล้วคุณอาจจะตกใจกับตัวเลขที่ต่ำผิดกับขนมกินเล่นทั่ว ๆ ไป เพราะคุณค่าที่แบรนด์ยึดถือ คือการผลิตสินค้าที่อร่อยไปพร้อม ๆ กับโภชนาการที่ดี

3. ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เด็ก ๆ ชื่นชอบจนติดใจต่อเนื่องมาถึงวันที่พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ก็คือ ‘ไมโลสูตรรถโรงเรียน’
เครื่องดื่มเย็น ๆ แก้วเล็ก ๆ มีรสชาติแบบที่หาซื้อไม่ได้ แต่ต้องแลกมาด้วยการทำกิจกรรมและต่อแถวรอรับนี้ ร่ายมนต์ใส่เด็กไทยมายาวนานถึง 50 ปี
เนื่องจากเป็นของหายาก อย่างมากก็มาที่โรงเรียนปีละครั้งและแทบหาไม่ได้เลยหลังจากโตมาเป็นผู้ใหญ่ จึงมีการถามหาสูตรไมโลรถโรงเรียนกันในโลกออนไลน์อยู่เสมอ
The Cloud เองก็อยากรู้ เพราะสูตรเท่าที่เคยเห็นมา เอามาชงยังไงก็ยังไม่ได้รสชาติเหมือนในความทรงจำ


4. ทีมงานยอมแง้มว่า ไมโลสูตรรถโรงเรียนที่ทุกคนติดใจ ไม่ได้มีส่วนประกอบลับอะไรที่หาไม่ได้จากสิ่งที่ขายกันตามท้องตลาด แต่มีเคล็ดลับอยู่ที่ความเย็นและฝีมือการเขย่ากับน้ำแข็ง!
“เวลาเราดื่มไมโลที่ชงจากรถไมโล เขาจะชงในปริมาณมาก มีการกำหนดอุณหภูมิของถังน้ำแข็งที่ใช้ชงและวิธีการเขย่าที่ตกทอดกันมา ไมโลแก้วนั้นจึงมีอุณภูมิที่พอดีและรสสัมผัสที่พิเศษจนทุกคนติดใจ” คุณไชยงค์อธิบายอย่างใจดี และฝากถึงคนที่ชงเองแล้วยังได้รสชาติไม่เหมือนว่า ให้ลองเขย่าและทำตามสูตรที่แนะนำ ก็จะได้รสชาติแบบที่ทุกคนชอบแน่นอน
5. ไมโล 3 in 1 คือรูปแบบที่เอามาชงเองแล้วจะได้รสชาติใกล้เคียงสูตรรถโรงเรียนมากที่สุด
และสัดส่วนแห่งความอร่อย คือ ไมโล 3 in 1 2 ซอง กับ น้ำร้อน 75 มิลลิลิตร แล้วเติมน้ำแข็ง

6. แบรนด์ดิ้ง ‘ไมโลรถโรงเรียน’ ถูกนำไปใช้โดยร้านค้าและแบรนด์เครื่องดื่มต่าง ๆ และชงในสูตรที่แตกต่างไป ซึ่งพวกเขาไม่ได้หวง แต่กลับยินดีที่เป็นที่ชื่นชอบและมีสูตรหลากหลายให้ผู้บริโภคเลือกดื่ม
ทุกวันนี้มีคนนำ ‘ไมโลรถโรงเรียน’ ไปเป็นชื่อเมนูประจำร้าน ขายทั้งขึ้นห้าง ตามตลาดนัด และงานแฟร์ต่าง ๆ ซึ่งทีมไมโลรู้สึกขอบคุณที่ทุกคนชื่นชอบ คิดค้นสูตรของตัวเองและทำเป็นธุรกิจได้เลย
เนสท์เล่มีหน่วยงานดูแลร้านค้าที่อยากนำผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ไปใช้โดยเฉพาะ เรียกว่า Nestle Professional ทางไมโลจึงฝากเชิญชวนผู้ที่สนใจ ติดต่อเข้ามาเพื่อจะได้พัฒนาสูตรไมโลรถโรงเรียนให้เป็นเอกลักษณ์ของร้าน แต่ยังรักษาเสน่ห์ของไมโลสูตรรถโรงเรียนนี้ไว้ร่วมกัน
แบรนด์ที่สนใจก็ติดต่อไปทางเว็บไซต์ www.nestleprofessional.co.th ได้ทุกเมื่อ

7. ไมโลคือเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ที่คิดค้นโดยวิศวกรเคมีชาวออสเตรเลีย
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1934 โลกเผชิญภาวะวิกฤตในหลายด้าน เด็กทั่วโลกมีภาวะขาดสารอาหาร โธมัส เมย์น (Thomas Mayne) วิศวกรเคมีชาวออสเตรเลียจึงคิดค้นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์จากโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ที่สำคัญคือต้องมีรสชาติอร่อย และตั้งชื่อว่า ‘ไมโล’
ในเว็บไซต์ Nestle.com เล่าว่า โธมัสดื่มไมโลทุกวัน วันละแก้ว ก่อนจะเสียชีวิตในวัย 93 ปี


8. ไมโล คือชื่อของแชมป์โอลิมปิกผู้มีร่างกายแข็งแกร่งระดับตำนาน
‘ไมโลแห่งโครตอน’ เป็นนักกีฬาในสมัยโอลิมปิกกรีกโบราณ เขาฝึกความแข็งแรงเพื่อลงแข่งขัน โดยฝึกฝนร่างกายต่อเนื่องหลายปีด้วยวิธีการยกวัวตั้งแต่ยังเป็นลูกวัว จนเป็นวัวที่โตเต็มวัย เขาลงแข่งโอลิมปิกติดต่อกัน 6 ครั้ง และมีการบันทึกไว้ว่า เขาคือชายผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จัก

9. ร่างกายที่แข็งแรง บทเรียนจากกีฬา และการเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ จึงเป็นสิ่งที่มีอยู่ในดีเอ็นเอของแบรนด์
แม้ทุกวันนี้เด็กจะขาดสารอาหารกันน้อยลงแล้ว ไมโลทั่วโลกก็ยังมีกิจกรรมสนับสนุนให้เยาวชนรู้จักออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬา แล้วก็สอนปรัชญา ‘กีฬาคือครูชีวิต’ สอดแทรกไปในกิจกรรมต่าง ๆ ด้วย
ในประเทศไทย ไมโลเคยมีการจัดแข่งขันฟุตซอลสำหรับเด็กประถมวัย 7 – 12 ปี เป็นทัวร์นาเมนต์สำหรับนักกีฬารุ่นจิ๋วที่แข่งกันทั่วประเทศ ก่อนจะมาชิงชนะเลิศรอบสุดท้ายกันที่กรุงเทพมหานคร
แม้จะเป็นทัวร์นาเมนต์เด็กประถม แต่บรรยากาศการเชียร์ก็สนุกประหนึ่งบอลโลก เพราะนี่มักจะเป็นสนามแรก ๆ ของนักกีฬา ครอบครัวจึงขนทีมมาเชียร์ข้างสนามกันแบบจัดเต็ม
ในปี 2017 ไมโลเคยเชิญโค้ชผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมคัดเลือกน้อง ๆ นักกีฬาซึ่งแม้จะไม่ใช่ทีมที่ชนะ แต่มีสปิริตน้ำใจนักกีฬาโดดเด่น เพื่อส่งไปฝึกซ้อมกับสโมสรฟุตบอลบาเซโลน่า ประเทศสเปน เป็นปีแรก ก่อนจะจัดต่อเนื่องมาอีกหลายปี
ครั้งนั้น The Cloud ก็ได้มีโอกาสบันทึกประสบการณ์ของน้อง ๆ รวมทั้งบทเรียนที่ผู้คนหลากหลายได้เรียนรู้จากการเล่นกีฬาไว้ในคอลัมน์ Sport is a Great Teacher ด้วย

10. ไมโลเป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบรวมศูนย์ แต่ให้อิสระทีมการตลาดแต่ละประเทศเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับประเทศตัวเองไปทำการตลาด
ไมโลผลิตที่แรกในโรงงานที่เมืองสมิทธ์ทาวน์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งก็ยังใช้เป็นโรงงานผลิตมาจนถึงวันนี้ เคียงข้างกับอีก 24 โรงงาน เพื่อขายใน 40 ประเทศทั่วโลก
แบรนด์มีผลิตภัณฑ์และระดับความนิยมที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ อย่างในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ไมโลถือว่าเป็นเครื่องดื่มประจำชาติเลยก็ว่าได้ จึงมีเครื่องดื่มรูปแบบต่าง ๆ รสชาติใหม่ ๆ วางขายอยู่ที่นั่น
ไมโลบางรูปแบบยังไม่มีในประเทศไทย แต่หาได้ในออสเตรเลีย แอฟริกา สวิตเซอร์แลนด์ ถ้าไปเจอที่ไหนก็เอามาเล่าให้กันฟังบ้างนะ

ภาพ : milo.com.au


ข้อมูลอ้างอิง
- www.britannica.com