นี่เป็นการดูเดี่ยวไมโครโฟนที่ไม่ได้จัดโดยนักพูดมืออาชีพ

แต่จริงใจและเป็นกันเองที่สุดเท่าที่เคยดูมา

เราตอบตัวเองได้ทันทีหลังงาน THE MILLI SHOW LIVE IN BANGKOK จบลง

11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ มิลลิ หรือ มินนี่-ดนุภา คณาธีรกุล แรปเปอร์ระดับโลกที่ทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศมาทั้งปี ขึ้นมาหมดแล้วทั้งเวทีหลักสิบคนไปจนถึงหลักหมื่น มีโชว์แรกอย่างเป็นทางการในบ้านเกิด 

ไม่ใช่คอนเสิร์ตในฮอลล์กว้างใหญ่ แต่เจ้าตัวคว้าไมค์มาเดี่ยวไมโครโฟนในโรงละครที่จุคนได้เพียง 400 ที่นั่ง พร้อมจัดแฟนมีตติ้งกับแฟนคลับอย่างใกล้ชิด ภายในตกแต่งด้วยของเล่นสนุก ๆ ที่มินนี่เท่านั้นจะทำได้ อย่างรูปเซลฟี่หน้าตลก หรือซุ้มลูกโป่งที่ทำจากกระดาษ บรรยากาศดูอบอุ่นจนให้ความรู้สึกเหมือนงานจบการศึกษาของเด็กมัธยมที่ทุกคนเอาใจช่วย

แน่ล่ะ ความจริง 1 ข้อย้ำเตือนเสมอ คือเธอเพิ่งอายุ 21 ปี แม้ชื่อเสียงและความสำเร็จที่มีจะยิ่งใหญ่เกินกว่านั้น

มินนี่โลดแล่นอยู่ในวงการเพียง 3 ปี ตัดสายสะดือด้วยการแข่งขันรายการ THE RAPPER THAILAND Season 2 เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในค่าย YUPP! แม้ไม่ใช่ผู้ชนะ แต่โด่งดังเป็นพลุแตกตั้งแต่เพลงเปิดตัว จนค่ายเพลง 88rising จากสหรัฐอเมริกาต้องจีบไปร่วมงานด้วย ทั้งยังเป็นศิลปินเดี่ยวไทยคนแรกที่ได้ขึ้นเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง Coachella แบบคนเรียนไปทำงานไป

แต่มินนี่กำลังจะเรียนจบใน พ.ศ. 2567 เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากของเธอ ขอให้จับตาดูร่างทองในปีหน้าเอาไว้ เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องบันทึกว่าบนเส้นทางนี้ของเธอไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ 

นี่คือเรื่องราวของเด็กสาวที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งแห่งยุคสมัย ก่อนก้าวสู่บทถัดไปของชีวิต

Welcome to Me

โชว์นี้มีของที่ระลึกเป็นโบรชัวร์สีจัดจ้าน ข้างในบรรจุภาพเด็กหญิงมินนี่โพสท่าแก่นเซี้ยวไว้มากมาย จนสัมผัสได้ว่าเธอร่าเริงและช่างเจรจามาแต่ไหนแต่ไร

แม้จะเป็นการเดี่ยวไมโครโฟนครั้งแรก แต่เธอก็เอาคนดูได้อยู่หมัดตั้งแต่เปิดโชว์ 

ข้อได้เปรียบของเธอคือมินนี่เติบโตมากับพ่อแม่ที่เป็นไกด์

ใครจะรู้ ก่อนคว้าไมค์มาแรปไฟไหม้ เธอเคยคว้าไมค์แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวมาก่อน

มินนี่ขึ้นเหนือล่องใต้ช่วย พ่อแอ้ม (ภูดิท คณาธีรกุล) กับ แม่แหม่ม (นันท์นิชา จารุจารีต)

ทำทัวร์ตั้งแต่เด็ก ๆ ทั้งยกของ แจกของ เล่นเกม คอยเอนเตอร์เทน ภาพที่เธอเห็นจนชินตาคือรอยยิ้มของลูกทัวร์และความเหน็ดเหนื่อยของพ่อแม่

มินนี่เคยทำทัวร์ลงเรือแล้วเมาเรือจนอ้วก แต่สิ่งที่โหดหินกว่านั้นคือการพยายามเข้าใจคนอื่นตามประสางานบริการ 

เป็นธรรมดาที่เด็กรุ่นใหม่มักไม่อยากสานต่อกิจการครอบครัว มินนี่ก็เช่นกัน แต่เธอก็ได้ทักษะการพูดมาจากพวกเขา ทำให้เธอกล้าแสดงออกและชอบทำกิจกรรมมาก

จากยืนถือไมค์ต่อหน้าผู้คนในรถบัสคันใหญ่ ความฝันของเธอคือการยืนต่อหน้าแสงไฟในวงการบันเทิง

โชคดีที่พ่อกับแม่ไม่ได้ขัดขวางอะไร แต่ยื่นคำขาดว่า ถ้าเกรดตกจะให้เลิกทำทุกอย่างที่อยากทำ – เธอพยักหน้าตกลง

Hit the beat, Change some shit

ขาว พูดน้อย เรียบร้อย น่ารัก สำหรับคนอื่น นี่คือองค์ประกอบของการเป็นดารา

สำหรับเด็กผิวสองสี พูดมาก กระโตกกระตาก ไม่ไว้หน้าใคร นี่คืออุปสรรค

ตอนมัธยมที่โรงเรียนสตรีนนทบุรี เธอเคยพยายามเป็นคนอื่นเพื่อให้ทุกคนพอใจอยู่ช่วงหนึ่ง ถึงขนาดทดลองเป็นสาวบ้องแบ๊วเพื่อให้ผู้ชายชื่นชอบ ทั้งบีบเสียงให้เล็กแหลม กินข้าวแค่พออิ่ม แต่ฝืนธรรมชาติขนาดนั้น สุดท้ายเธอก็กินแห้ว 

มินนี่เล่าเรื่องนี้ในโชว์ของเธอด้วย เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ทั้งโรงละคร

พอมองย้อนกลับไป ตอนนั้นเธอขำไม่ออก

มินนี่เหนื่อยกับการวิ่งไล่ตามบรรทัดฐานของสังคมที่ไม่มีที่สิ้นสุด เธอกลับมาเป็นตัวเอง เข้าชมรมการแสดง ประกวดตอบคำถาม ชนะเลิศการแข่งขันเล่านิทาน แบกรางวัลมากมายกลับบ้านจนมีรูปตัวเองประดับอยู่หน้าโรงเรียน ใช้อุปสรรคที่มีมาแต่กำเนิดบวกกับความสามารถ ตระเวนสมัครเวทีต่าง ๆ ทั้งรายการร้องเพลง The Voice Thailand การประกวดนางงาม Miss Teen Thailand ไปจนถึงออดิชันวง BNK48 เพื่อเป็นไอดอล แต่ก็ได้รับการปฏิเสธกลับมาเป็นคำตอบ

เมื่อเอาดีทางไหนก็ไม่รอด ยังเหลือความชอบอีกอย่างที่เธอไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นอาชีพได้ – มินนี่ชอบฟังเพลงฮิปฮอปมาก เพราะรายการ THE RAPPER THAILAND ทำให้รู้ว่าการแรปนั้นอาศัยความคิดสร้างสรรค์และไม่จำเป็นต้องหยาบคาย

เธอเริ่มฝึกแรปด้วยตัวเองตามศิลปินโปรดอย่าง Nicki Minaj, Cardi B ตั้งแต่นั้น คนแรกที่เธอเลือกโชว์ความสามารถให้เห็นไม่ใช่พ่อแม่ แต่เป็นกรรมการรายการ THE RAPPER THAILAND Season 2 จนผ่านออดิชัน แบบที่ครอบครัวเองก็ไม่รู้ว่าลูกสาวตัวดีกำลังทำอะไร 

ไม่รู้แม้กระทั่งว่าชื่อ มิลลิ ที่ลูกสาวใช้ คือ มิลลิลิตร มาจากคำสอนของพ่อที่บอกให้เธอทำตัวเป็นน้ำ เพราะน้ำแปรเปลี่ยนได้ตามภาชนะที่บรรจุ

แม้จะไปอย่างใจกล้า ๆ กลัว ๆ เด็กสาวอายุ 16 ก็ประกาศกร้าวในรายการประกวดแรปเปอร์อย่างห้าวหาญว่า “ถ้าโค้ชเลือกหนูนะคะ พี่จะได้พบกับความแปลกใหม่ของวงการนี้แน่นอน หนูจะเป็นตัวประหลาดให้พี่เอง” 

มินนี่จบการแข่งขันด้วยการคว้าที่ 3 มาครอบครอง ถึงจะไม่ใช่ผู้ชนะ แต่ค่าย YUPP! ก็ช้อนเธอขึ้นมาเป็นศิลปินหญิงคนแรกใน พ.ศ. 2562 ก่อนเพลงแรกในชีวิตอย่าง พักก่อน จะพาชื่อมิลลิขึ้นแท่นแรปเปอร์ที่มาแรงสุดแห่งยุคด้วยยอดวิวเกือบ 100 ล้าน ปลุกกระแสภาษาลูให้กลับมาฮิตกันทั้งประเทศ

ทุกอย่างในชีวิตเธอเปลี่ยนไป 

มิลลิเผชิญหน้ากับความโด่งดังชั่วข้ามคืน ในอีกทางหนึ่ง มินนี่ก็ต้องเป็นเด็กเรียนเก่งและไม่ผิดพลาด

นั่นแลกมากับการเข้าพบจิตแพทย์ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต

Somebody says I’m a cheater

‘Cause I’m release just one song and, boom, everybody knows me

การเข้ามหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเธอมาก 

มินนี่ได้ทุนการศึกษาจาก ABAC School of Music มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เลือกเรียนวิชาเปียโนแจ๊สซึ่งยากที่สุดทั้งที่ไม่เคยจับมันมาก่อน อ่านโน้ตก็ไม่ออก และไม่มีพื้นฐานทฤษฎีดนตรีแม้แต่นิดเดียว 

เธอแต่งเนื้อเพลงเองได้ แต่ก็อยากทำได้ดีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ทั้งภาคปฏิบัติและทฤษฎี เธอหวังว่าเปียโนแจ๊สที่เป็นเครื่องดนตรีพื้นฐานในการทำเพลงจะช่วยให้เธอแต่งทำนองให้ทั้งตัวเองและคนอื่นได้แปลกใหม่มากขึ้น ซึ่งนั่นจะเป็นอีกขุมกำลังที่ทำให้เธอเป็นแรปเปอร์มากฝีมือหาตัวจับยาก

มิลลิเริ่มชีวิตศิลปินในช่วงนี้เช่นกัน หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญของการเซ็นสัญญาเข้าค่าย ระบุว่าเธอขอไม่รับงานวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 – 16.30 น. เพื่อทุ่มเทเวลาให้กับการเรียน เราจึงพบเห็นเธอบนหน้าสื่อน้อยมาก เพราะเธอทำงานได้แค่วันเสาร์-อาทิตย์ หรือตอนปิดเทอมเท่านั้น YUPP! เองก็เคยเสนอว่าดรอปเรียนเพื่อคว้าโอกาสที่หลั่งไหลเข้ามาไว้ก่อนดีไหม แม้จะเสียดาย แต่เธอยังยืนยันว่าไม่ 

แม้เป็นศิลปินไม่เต็มเวลา มิลลิก็ประสบความสำเร็จเป็นพลุแตกจนทุกคนในประเทศนี้รู้จักชื่อ ความโด่งดังเพียงข้ามคืนทำให้เธอต้องพยายามหนักขึ้นเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอสมควรได้รับมัน 

ไม่ใช่เพราะความเข้มงวดของแม่อย่างเคย แต่เป็นเธอต่างหากที่กดดันตัวเอง 

“สำหรับหนู การเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยไม่ได้เสียหายอะไร เรายังไหว เรายังทำได้” 

เธอบอกเรา แม้จะรู้ว่ามันไม่จริงหรอก

มินนี่เข้าพบจิตแพทย์เพื่อจัดระบบความคิดและจัดสรรชีวิตตัวเองใหม่ ด้วยการสนับสนุนจากครอบครัว เพื่อนพ้อง และค่ายอันเป็นที่รัก

การอยู่กับดนตรีอย่างเป็นสุขช่วยให้เธอเอาชนะช่วงเวลาที่ยากลำบากของตัวเองมาได้ มินนี่จึงหวังจะเรียนต่อด้านดนตรีบำบัด เพื่อส่งต่อประสบการณ์เหล่านี้ให้ผู้คนในอนาคต

สำหรับเธอ ดนตรีคือศิลปะที่สื่อสารความรู้สึกออกมาได้อย่างซื่อตรงที่สุด 

ดนตรีทำให้เธอได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนที่พูดภาษาเดียวกัน ดนตรีทำให้เธอเกลียดกลัวการมีชื่อเสียง แต่ก็เป็นดนตรีอีกเช่นกันที่ทำให้เธอก้าวข้ามผ่านมาได้

บันทึกในปีเปลี่ยนชีวิตของ MILLI กับเส้นทางบนขวากหนามและคราบน้ำตาสู่แรปเปอร์ระดับโลก

เมื่อแข็งแกร่งพอ มินนี่ลงมือเขียน แบบ เบิ้ม เบิ้ม อัลบัมแรกในชีวิต ใช้เวลา 1 ปีครึ่งในการสรรสร้าง ไม่รวมความกล้าหาญที่ต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ในใจที่ยังขจัดออกไปไม่ได้อีกไม่รู้เท่าไร เพราะเธอตั้งใจเขียนเรื่องชีวิตตัวเอง

อัลบัมนี้เปรียบเหมือน Concept Album สำหรับมินนี่ เธอสร้างเกิร์ลกรุ๊ป MINUS ที่ไม่มีอยู่จริงขึ้นมา โดยแบ่งตัวเองเป็น 4 คน เป็นตัวแทนชีวิตแต่ละด้าน คือ 

มิลลิ แรปเปอร์ที่อยากเป็นไอดอลแต่ออดิชันไม่ผ่าน

มินจี นักร้องหลักที่ไม่มั่นใจในเสียงตัวเอง

มินนี่ หน้าตาของวงที่เปลี่ยนตัวเองให้ตรงตามมาตรฐานของสังคม 

และ มินนวย แดนเซอร์อินเนอร์แรงแต่ไลน์เต้นไม่สวยเท่าเพื่อน 

ภายใต้คอนเซปต์ The Imperfect Girls ร้องได้เท่านี้ เต้นได้เท่านี้ แรปได้เท่านี้ สวยได้เท่านี้ เพื่อเล่าว่าชีวิตจริงหลังม่านของแรปเปอร์บ้าพลัง ไม่ได้เพอร์เฟกต์อย่างใครคิด 

มินนี่เล่าเบื้องหลังของเพลง Welcome ที่เราชอบที่สุดให้ฟังว่า เย็นวันหนึ่งของการนั่งรถไปซื้อของกับแม่ เธอหยิบอูคูเลเล่มาร้องเพลงให้แม่ฟังเป็นครั้งแรก 

วาดหวังว่าแม่จะชื่นชมที่ลูกสาวมีความสามารถ แต่แม่กลับตอบว่า “ทำไมต้องร้องเพลงจีบปากจีบคอ กระแดะมาก” 

ถูกปฏิเสธมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่ความมั่นใจของมินนี่พังทลายเท่าการถูกปฏิเสธจากคนที่รักที่สุด เธอหยุดร้องเพลงไป 1 ปี และตั้งคำถามกับตัวเองมาตลอดว่า เธอเป็นมินนี่ที่ดีพอแล้วหรือยัง

มินนี่ไม่เพียงเปิดเผยความลับของเธอ เธอยังเปิดเผยความลับของแม่ ด้วยการเล่าว่าเคยใช้เพจ MILLI ส่องเฟซบุ๊กส่วนตัวของแม่จนเจอโพสต์หนึ่ง ใจความว่า

ไม่รู้เลยว่าคำที่พูดเล่น ๆ ไปหลายปีก่อน 

จะทำให้ลูกหยุดร้องเพลงไปปีหนึ่ง แม่ขอโทษนะ แม่ไม่รู้

“แม้ยอดวิวจะไม่ดังเท่าเพลงอื่น แต่เพลงนี้ประสบความสำเร็จในใจหนูแล้ว”

Welcome เขียนออกมาเป็นเพลงสุดท้ายในอัลบัม เต็มไปด้วยเรื่องราวในชีวิตสุดเข้มข้น อุทิศให้แม่ และเธอเขียนมันด้วยน้ำตา

หลังมินนี่เรียกความมั่นใจตัวเองกลับมาและก้าวขาขึ้นเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลก Coachella ในวัยเพียง 19 ปี

If you tell me to jump, I’ll ask how high

มินนี่มอบความประหลาดให้วงการเพลงไทยอย่างไม่หยุดยั้งตามที่เคยลั่นวาจาไว้ทุกอย่าง 

เธอกลายเป็นแรปเปอร์หญิงที่ใครได้ทำงานด้วยก็รับประกันว่าต้องดัง จนลิสต์เพลงที่เธอไป Featuring มีมากกว่าเพลงตัวเอง

หากเราคุยกับเธอเร็วกว่านี้ การขึ้นเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลก Coachella พร้อมกินข้าวเหนียวมะม่วงจนไวรัลไปทั่วโลกคงเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เวลาผ่านล่วงเลยไป Coachella กลายเป็นเพียงบันไดขั้นแรก

เธอก้าวสู่ระดับอินเตอร์ด้วยการร่วมงานกับ 88rising ค่ายเพลงที่มีเป้าหมายในการผลักดันศิลปินในภูมิภาคเอเชีย มีเพื่อนร่วมค่ายเป็น แจ็คสัน หวัง สมาชิกวง GOT7 มีผลงานร่วมกันในเพลง Mind Games, BIBI จากเกาหลี มีผลงานร่วมกันในเพลง The Weekend, NIKI และ Rich Brian จากอินโดนีเซีย, Joji ลูกครึ่งญี่ปุ่น-ออสเตรเลีย ฯลฯ เชื่อเหลือเกินว่านอกจากมีดีเอ็นเอที่น่าสนใจ เธอเองก็มีความสามารถเตะตาในแบบที่ใครก็เถียงไม่ออก

แน่นอน เธอยังเด็ก ตัวเล็ก เป็นผู้หญิงเอเชียหัวดำ แต่หากได้ดูโชว์ของเธอสักครั้ง จะเข้าใจว่าเธอไม่ใช่แค่นักร้อง แต่เป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ชั้นยอดที่พร้อมจะเปลี่ยนเวทีให้ลุกเป็นไฟ 

Head in the Clouds Festival เป็นเทศกาลดนตรีที่จัดโดยค่ายนี้ ทำให้เธอมีโอกาสโบยบินไปสร้างความประหลาดใจถึงนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนียในประเทศสหรัฐอเมริกา, จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย, มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยทำทั้งกระโดดเชือก เล่นตบแผละ เต้นแอโรบิก แม้แต่สวดมนต์ ต่อหน้าคนดูนับหมื่น 

ไม่รวมเทศกาลใหญ่ ๆ ระดับโลกอีกมาก เช่น SUMMER SONIC ที่ญี่ปุ่น หรือ Rolling Loud Festival ที่เพิ่งจัดที่ไทยในปีนี้ แม้แต่ DJ Snake ดีเจสาย EDM ชื่อดังยังเชิญเธอไปขึ้นแสดงโชว์ด้วยในงาน 808 Festival 2022 

มากกว่าชื่อเสียงที่กว้างขวางขึ้น ประสบการณ์ทำให้มินนี่ได้เห็นว่าวงการดนตรีระดับโลกเขาทำกันยังไง มีอะไรที่ประเทศไทยพอจะพัฒนาให้เทียบเท่าเขาได้บ้าง ซึ่งไม่ยากเกินคณามือ เธอบอกว่าศิลปินที่เป็นตัวของตัวเองจะไม่มีทางเหมือนใคร เพราะมีคาแรกเตอร์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และตลาดโลกต้องการสิ่งเหล่านี้

“หนูบอกพี่ในค่าย YUPP! ทุกคนว่าหนูอยากเป็นนกอินทรี แบกทุกคนขึ้นปีกแล้วก็บินไปด้วยกัน ถ้าหนูโตขึ้นไป หนูคงฮุบค่ายนี้ซะ เรารู้ว่าเขาเก่งขนาดไหน ไม่ใช่แค่ค่าย ศิลปินในวงการดนตรีบ้านเราเก่งมาก ๆ แค่ไม่ได้รับการสนับสนุนและผลักดันมากพอ หนูอยากเอาทุกคนที่มีแพสชันไปด้วยกันให้หมดเลย”

ถ้าเป็นเราก็คงไปเอาดีต่างประเทศให้รู้แล้วรู้รอด แต่นกน้อยตัวนี้ก็ยังบินกลับบ้าน ถามว่าทำไม

“หนูเกิดที่ไทย เติบโตที่ไทย แฟนคลับชาวไทยสำคัญกับหนูมาก หนูดังจากเพลง พักก่อน คนแรกที่รู้จักหนูคือคนไทย หนูไม่เห็นความจำเป็นเลยที่จะไม่แคร์ เราไปที่อื่นได้ก็จริง แต่ที่นี่เป็นบ้านของหนู

“การโกอินเตอร์อาจทำให้เสียเวลาส่วนตัวไปบ้าง เสียเวลาอยู่กับคนที่เรารักไปเยอะ แต่หนูก็อยากให้เขาเข้าใจว่าเรากำลังทำสิ่งที่เรารักมากที่สุด เหมือนที่เรารักคนเหล่านั้น”

หากการมีกัลยาณมิตรรายล้อมถือเป็นพรสวรรค์ได้ เธอคงเก่งกาจกว่าใครในโลกนี้ไปแล้ว

Welcome everything ’cause I need to be the best of me

การได้ร่วมทัวร์กับศิลปินโคตรดังของโลก ได้โอกาสที่บางศิลปินไม่เคยเอื้อมถึง ไม่ได้ทำให้เธอเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างที่ใครเข้าใจ

“หนูกลัวการเป็นผู้ใหญ่มากค่ะ อยากอายุเท่านี้ตลอดไป ไม่อยากแก่เลย แต่มันห้ามเวลาไม่ได้ ถ้าโตขึ้นแล้วต้องเครียดขึ้นด้วย หนูคงเลือกที่จะลั้นลามากขึ้นอีกสักนิดหนึ่ง การโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ทำตัวเหมือนเด็กได้ก็เป็นความฝันของหนูเหมือนกัน”

ทีมงานและครอบครัวเซอร์ไพรส์วันเกิด 21 ปีของเธอด้วยเค้กก้อนใหญ่หลังจบการแสดง THE MILLI SHOW LIVE IN BANGKOK

หลังแบกความกดดันมามาก มินนี่กำลังจะเรียนจบ เป้าหมายน้อย ๆ ของเธอคือการหายไปสักอาทิตย์ ไปที่ไหนก็ได้ อาจจะเข้าป่า ลงทะเล หรือไปต่างประเทศ มีชีวิตอย่างใจอยาก คือการเข้ายิมทุกวัน ทำงานอดิเรกใหม่ที่ชื่นชอบคือต่อยมวยและซ้อมเปียโนอยู่ในห้อง ก่อนเริ่มรับงานอย่างเต็มระบบแบบที่อัดอั้นมานาน

เราไม่แปลกใจถ้าวัยรุ่นมากมายจะมีเธอเป็นไอดอล ในฐานะเด็กสาวที่เชื่อมั่นในความฝันและประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่มินนี่บอกว่า คนเราไม่ต้องมีฝันก็ได้ ขอแค่มีความสุขก็พอ เพราะพ่อสอนไว้ว่า ถ้าชอบอะไรจริง ๆ สุดท้ายมันจะมีหนทางเสมอ

“สิ่งที่หนูเจอมาตลอดชีวิตคือคนชอบคิดว่าหนูติดเล่น ไม่จริงจัง หนูไม่ชอบให้ใครมาตัดสินในสิ่งที่หนูไม่ได้เป็น” มิลลิยอมรับ “แต่หนูก็ทำให้เห็นที่ผลงาน คนเราไม่จำเป็นต้องเครียดตลอดเวลา ซึ่งไม่ได้หมายความว่าหนูจะไม่เครียด แล้วการที่หนูไม่ได้พูดออกไป ก็ไม่ได้หมายความหนูจะไม่คิด จุดเริ่มต้นของการทำทุกอย่างคือแค่อยากทำสิ่งที่สนุกและเรามีความสุขที่จะทำ หนูไม่รู้สึกผิดแม้แต่วินาทีเดียวกับการก้าวมาเป็นมิลลิในวันนี้ 

“เมื่อก่อนหนูจะเขินมากถ้ามีคนบอกว่าหนูเป็นไอดอลของเขา แต่ตอนนี้หนูจะบอกว่า ลองดูค่ะ หนูเองก็พยายามเป็นศิลปินที่ดีขึ้นอยู่ทุกวัน

“ไม่รู้ว่าทุกคนมองภาพมิลลิเป็นยังไง ถ้ามองว่าเป็นเด็กกเฬวรากคนหนึ่งก็โอเค หนูไม่อยากถูกมองว่าเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ ทุกชีวิตเหนื่อยกันหมด ความเหนื่อยของหนูไม่ได้มากไปกว่าใครเท่าไรหรอก” เธอยิ้ม 

หลังได้ทำความรู้จักเธอผ่านการสนทนาตัวต่อตัวและได้ดูโชว์ของเธอในวันนั้น เราไม่สงสัยเลยว่าทำไมทุกคนถึงได้รักและเอาใจช่วยเด็กคนนี้ให้ประสบความสำเร็จอย่างสุดกำลัง 

มินนี่เก่ง เปี่ยมไปด้วยพลัง เหนื่อยก็แค่พักจิบน้ำ เส้นผมพันกันก็แค่ดึงออก ไม่มีอะไรขวางทางเธอได้อีกแล้วบนเส้นทางดนตรีที่ทอดยาวไปข้างหน้า ครบเครื่องทั้งร้อง เล่น เต้น โชว์ แต่ก็มีเรื่องปวดร้าวและข้ามผ่านมันได้แบบที่คนวัย 21 เขาทำกัน

ถึงจะไม่ชอบฟังเพลงของเธอก็ไม่เป็นไร แต่เธอก็เป็นอนาคตของวงการเพลงไทยอย่างไม่มีข้อกังขาใด ๆ เลย

Don’t you think I deserve this?

Writer

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

นักอยากเขียน บ้านอยู่ชานเมือง ไม่ชอบชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้ มีคติประจำใจว่าอย่าเชื่ออะไรจนกว่าหมอบีจะทัก รักการดูหนังและเล่นกับแมว

Photographer

โตมร เช้าสาคร

โตมร เช้าสาคร

ชอบถ่ายวิวมากกว่าคน ชอบกินเผ็ดและกาแฟมาก เป็นคนอีโค่เฟรนลี่ รักสีเขียว ชวนไปไหนก็ได้ไม่ติด ถ้ามีตัง