สำหรับผม น้ำผึ้งแท้เป็นความหวานที่วิเศษ เป็นความหวานที่ได้มาจากการแปรสภาพความหวานจากเกสรดอกไม้ต่างๆ ตามธรรมชาติโดยผึ้ง
น้ำผึ้งมีมาจากหลากหลายแหล่ง หลากหลายสายพันธุ์ผึ้ง ทั้งผึ้งหลวง ผึ้งโพรง หรือชันโรง
เราบริโภคน้ำผึ้งในชีวิตประจำวันกันบ้างไม่มากก็น้อย เพราะเป็นวัตถุให้ความหวานที่มีประโยชน์และสรรพคุณทางยา มากกว่าวัตถุความหวานประเภทอื่น แต่ก็ยังมีข้อควรระวังอยู่ดี สำหรับใครที่ทานหวานไม่ได้ หรือมีคำสั่งห้ามจากแพทย์
คนโบราณเขาเก็บน้ำผึ้งไว้ใช้เพื่อกินเป็นยาหรือนำมาใช้เป็นส่วนผสมของยา เพื่อสรรพคุณบางอย่างที่เป็นทั้งยาทาภายนอก สำหรับช่วยสมานแผล หรือปั้นเป็นยาลูกกลอนสำหรับทานก็มี
สรรพคุณหลักของน้ำผึ้งนั้นคือบำรุงเลือด บำรุงลำไส้ ลดอาการอักเสบ ลดกรดในกระเพาะ บำรุงร่างกายให้มีเรี่ยวมีแรงสดชื่นอย่างรวดเร็ว เพราะร่างกายสามารถดึงความหวานจากน้ำตาลโมเลกุลเล็กอย่างฟรุกโตสหรือกลูโคสไปใช้ได้ทันที และน้ำผึ้งยังอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ต่างๆ หลากหลายชนิด
อย่างที่บอกไปว่าในการแพทย์แผนไทย น้ำผึ้งได้ถูกใช้ในหลายรูปแบบ ครั้งนี้ผมอยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการใช้น้ำผึ้งเพื่อนำมาทำเป็นอาหาร ขนม หรือยาแบบต่าง ๆ
น้ำผึ้งที่ดีที่สุดที่เรียกกันว่าน้ำผึ้งเดือน 5 เพราะเป็นช่วงที่ผึ้งเก็บเกสรดอกไม้จากช่วงหน้าร้อน และความชื้นในน้ำผึ้งจะน้อยที่สุดหากเทียบกับช่วงอื่นๆ ของปี คนโบราณจึงได้เอาน้ำผึ้งในช่วงนี้มารับประทานและทำเป็นยา ประจวบเหมาะกับช่วงนี้สภาพอากาศมีความหลากหลาย ทั้งร้อนอบอ้าว ทั้งฝนปนชื้น เป็นสาเหตุทำให้เราป่วยง่าย ดังนั้นเลยนำสูตรการเข้ายาจากน้ำผึ้งมาฝากทั้งสิ้น 4 สูตร ได้แก่
- น้ำผึ้งกับกล้วยน้ำว้า
- น้ำผึ้งกับว่านหางจระเข้ และเก๊กฮวย
- น้ำผึ้งกับขมิ้น พริกไทย และอบเชย
- น้ำผึ้งกับมะนาว

น้ำผึ้งกับกล้วยน้ำว้า
สรรพคุณของกล้วยน้ำว้าที่มีฤทธิ์เย็น และมีสรรพคุณด้านการบำรุงเลือด เพราะมีธาตุเหล็กสูงเหมือนกับน้ำผึ้ง แต่น้ำผึ้งมีฤทธิ์ร้อนอ่อนๆ ช่วยปรับสภาพให้กล้วยดองน้ำผึ้งเป็นฤทธิ์กลางถึงเย็น เพราะฉะนั้นสูตรนี้จึงช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น กระชุ่มกระชวย เลือดหมุนเวียนได้ดี ในอากาศร้อนๆ แบบนี้ นำมาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มกำลังวังชาให้พร้อมลุยงานได้ดี
ส่วนผสม
- น้ำผึ้ง
- กล้วยน้ำว้าชนิดห่ามเกือบสุก
วิธีทำ

1. ปอกเปลือกและหั่นกล้วยเป็นชิ้นๆ (หากใช้ภาชนะที่ใหญ่ก็หมักทั้งลูกได้เลย)

2. เตรียมภาชนะ ล้างและผึ่งให้แห้ง นำกล้วยใส่ภาชนะ

3. เติมน้ำผึ้งให้ท่วมกล้วย (ถ้าใส่ทั้งลูกและน้ำผึ้งไม่ท่วมอาจเป็นสาเหตุให้เกิดเชื้อราได้)

4. หมักไว้ 3 วันก็นำกล้วยมาทานได้ และถ้าหมดก็เติมกล้วยเพิ่มได้ตลอด แต่อย่าลืมว่าต้องกดกล้วยให้จมหรือเทน้ำผึ้งให้ท่วมเป็นอันเสร็จ
5. ถ้าหมักไว้นานพอ คือ 6 เดือนขึ้นไป นำน้ำผึ้งนั้นมาชงเป็นเครื่องดื่มได้ จะมีรสเปรี้ยวอมหวาน ช่วยแก้อาการเจ็บคอและรักษาโรคกระเพาะได้ดีเลย
น้ำผึ้งกับว่านหางจระเข้และเก๊กฮวย
สูตรนี้ดี ทั้งว่านหางจระเข้และเก๊กฮวยเป็นของฤทธิ์เย็นอยู่แล้ว และในทางการแพทย์แผนไทย ตัวน้ำผึ้งเองเมื่อเข้ากับยาจะเป็นตัวช่วยดึงประสิทธิภาพของยาอื่นๆ ออกมา หรือช่วยประสานตัวยาอื่นๆ ให้เข้ากันได้เร็วขึ้น ผมได้นำว่านหางจระเข้และเก๊กฮวยไปแช่ในน้ำผึ้งเพื่อให้ได้สูตรยาเย็น ที่นำมาทำเป็นขนมดับร้อนคือ ว่างหางจระเข้ลอยแก้ว (ตามสูตรของท่านผู้หญิงวงศานุประพัทธ์) ได้กลิ่นหอมเย็นอ่อนๆ จากเก๊กฮวย ในว่านหางจระเข้เองก็มีวิตามิน A B C และ E สูง ส่วนเก๊กฮวยนอกจากสีและกลิ่นที่โดดเด่น สรรพคุณที่ดีคือช่วยขับพิษ เพิ่มความสดชื่น คอยดูดซับสารก่อมะเร็งต่างๆ

ส่วนผสม
- น้ำผึ้ง
- ว่างหางจระเข้
- เก๊กฮวย
วิธีทำ

1. ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ ล้างให้สะอาดและหั่นเป็นชิ้นๆ

2. เตรียมภาชนะ ล้างและผึ่งให้แห้ง นำว่านหางจระเข้และเก๊กฮวยใส่ลงไปในภาชนะ

3. เทน้ำผึ้งลงให้ท่วม คนให้เข้ากัน
4. หมักไว้ 1 คืน ก็นำมาทานได้ กินกับน้ำแข็งบด ราดน้ำผึ้ง บีบมะนาวเพิ่มได้ตามชอบ
น้ำผึ้งกับขมิ้น พริกไทยและอบเชย
สูตรนี้ได้มาจากหนังสือของ พลตรีพระยาวิบุลอายุรเวท (นายแพทย์ใหญ่ทหารบก) ท่านได้เข้ายาโดยใช้น้ำผึ้งดึงสรรพคุณของขมิ้น นำมาใช้กับพริกไทยดำและอบเชย เพื่อนำมากินเพื่อรักษาโรคหวัด ขับพิษไข้ เพราะขมิ้นมีสรรพคุณในการขับลม ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ขับของเสียที่เกิดขึ้นในร่างกาย และเพิ่มสรรพคุณขับลมจากอบเชย เพิ่มสรรพคุณการขับพิษจากพริกไทยดำที่มีกำมะถันสูง โดยใช้น้ำผึ้งเป็นตัวลดกรดและปรับธาตุ สมานแผลที่เกิดจากฤทธิ์ร้อนของขมิ้นและพริกไทยดำ เมื่อความร้อน ความชื้น หรือลม ที่เกิดขึ้นในร่างกายได้ถูกขับออกทางทวารทั้งห้าก็จะทำให้พิษไข้บรรเทา
ส่วนผสม
- น้ำผึ้ง
- ขมิ้น
- อบเชยก้าน
- พริกไทยดำเม็ด
วิธีทำ

1. ล้างและหั่นขมิ้นชันเป็นชิ้นๆ


2. เตรียมภาชนะและใส่ขมิ้นลงไปพร้อมทั้งอบเชยและพริกไทยดำ

3. เทน้ำผึ้งลงไปให้ท่วม คนให้เข้ากัน
4. แช่ไว้ได้เรื่อยๆ และหากตักน้ำผึ้งไปใช้ใกล้หมดก็เติมน้ำผึ้งหรือขมิ้นเพิ่มได้
น้ำผึ้งกับมะนาว
สูตรนี้ทุกคนน่าจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง ตอนเด็กๆ แม่ชอบชงน้ำผึ้งมะนาวใส่เกลือให้กินเพื่อแก้อาการเจ็บคอ ซึ่งสรรพคุณของมะนาวคือมีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย น้ำผึ้งช่วยสมานแผลจากการอักเสบ และต้องใส่เกลือเพื่อให้ปรับธาตุไม่ทำให้เกิดฤทธิ์ร้อนจนเกินไป ไม่งั้นจะเป็นร้อนในแทน

ส่วนผสม
- น้ำผึ้ง
- มะนาว
วิธีทำ

1. ฝานมะนาวเป็นแผ่นๆ

2. เตรียมภาชนะ บรรจุมะนาวใส่ภาชนะ

3. เติมน้ำผึ้งให้ท่วมมะนาว
4. สูตรนี้แช่ไว้ได้ 7 วัน หมั่นคนทุกวันเพื่อป้องกันเชื้อรา
5. จะทำน้ำผึ้งไปชงน้ำ หรือกินมะนาวที่ฝานได้เลย