หลังจากแวะทำเวิร์กช็อปของฝากหนึ่งเดียวในโลกจากพลาสติกบนเกาะเต่า ที่ Plas-Tao เราแวะไปพูดคุยกับ เมย์-วิชชุดา ดำเนินยุทธ สาวเจ้าของร้าน ‘May&Co.’ ซึ่งอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าวเดิน
ก่อนหน้านั้นเพียงวัน 2 วัน เราเคยเปิดประตูบานนี้ไปสอดส่องข้าวของในร้านของเธอ จะว่าเหมือนร้านชำก็ใช่ จะว่าเหมือน Selected Store รวมของเก๋ก็ใช่ เธอว่าร้านแห่งนี้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ มีส่วนผสมปลอดภัย เป็นมิตรกับผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม โดยเมย์รับหน้าที่คัดสรรสินค้าดี ๆ จากทั่วประเทศมาวางขายที่นี่ และน่ารักดีที่สินค้าเหล่านี้มีโอกาสเดินทางไปทั่วโลก โดยลูกค้าจากทุกสารทิศที่แวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย
เมย์ชวนเรานั่งสนทนาสบาย ๆ บริเวณบาร์ไม้ติดกระจก เธอแวบเข้ามุมชงชา-กาแฟ ก่อนปรากฏตัวพร้อมแก้วเซรามิก เหยือกใส และกลิ่นหอม ๆ ของชาเมล็ดโกโก้ ซึ่งมาจากสวนโกโก้ของเธอ
“โกโก้เป็นความทรงจำวัยเด็กของเรา จำได้ว่าโตมาก็เห็นคุณปู่ปลูกแล้ว ลูกโกโก้แปลกดี ผลใหญ่ สีสด ตอนหลังเราได้ที่ดินเป็นสวนปาล์ม เลยอยากปลูกพืชที่ไม่ทำลายหน้าดิน ก็นึกถึงโกโก้ ประกอบกับมีเพื่อนทำคราฟต์โกโก้อยู่ด้วย เลยลองปลูก ซึ่งในอดีต ชุมพรบ้านเราก็เป็นแหล่งปลูกโกโก้อยู่แล้ว”
โกโก้พันธุ์ที่เธอปลูกคือชุมพร 1 และเพิ่งออกผลปีนี้ปีแรก เธอค่อย ๆ รินผลผลิตตรงหน้าลงแก้วชา
เมย์เป็นสาวชุมพร เธอเทียวไปเทียวมาเกาะเต่าอยู่บ่อยครั้ง ทั้งมาท่องเที่ยวและมาหาเพื่อน (เพื่อนเป็นครูสอนดำน้ำ) แต่ราว 10 ปีก่อน เธอมาเริ่มต้นอาชีพผู้จัดการร้านอาหารที่นี่ ทำได้ไม่นาน เธอก็รู้ตัวว่าอยากประกอบกิจการของตัวเอง จนมาเจอทำเลที่เตะตาโดนใจ ไม่ได้ตั้งอยู่ริมถนน แต่เป็นห้องแถวขนาดกำลังพอดีในซอยเล็ก ๆ ย่านทรายรี เดินไม่ถึง 2 นาทีก็เจอหาดทราย สายลม และแสงแดด
“เห็นป้ายไหมคะ” เธอชี้นิ้วไปที่ป้าย ‘May&Co. Pharmacy & General Store’
“เราเริ่มต้นเปิดร้านนี้จากร้านขายยา เพราะเรียนจบคณะเภสัชศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ทำไปทำมาเราไม่ค่อยได้จ่ายยา เลยทำในสิ่งที่เราอินมากกว่า นั่นคือการหาสินค้าจากธรรมชาติและไม่รบกวนสิ่งแวดล้อมมาขายเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้ร้าน ตอนช่วงเปิดแรก ๆ ทุกคนบอกว่าบ้า”
เราถามเจ้าของร้านทันที “ทำไม” พร้อมสีหน้าและคิ้วผูกโบแสดงเครื่องหมายคำถาม
“เพราะซอยนี้เพิ่งเปิดใหม่ ค่อนข้างเงียบ นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเดิน ตอนมาดูทำเลก็มีหลายร้านเจ๊งไปก่อนแล้ว และคนก็งงว่าเราขายอะไร มีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ คนแถวนี้ไม่เข้าใจ เพื่อนก็ไม่เข้าใจ แต่เราคิดว่า ยังไม่มีใครทำร้านแบบนี้บนเกาะเต่า บวกกับความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่เรามี เลยลองดู”
May&Co. (General Store) ดำเนินกิจการเข้าสู่ปีที่ 7 จากร้านขายยากึ่งร้านชำ จนกลายเป็นร้านชำที่ขายของในชีวิตประจำวันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้สอยได้ยาวนาน และลดการสร้างขยะ
“เราเป็นคนค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ค่อยซื้อของฟุ่มเฟือย แต่ชอบเลือกของดี ๆ ที่ใช้งานได้นาน เลยอยากเลือกของแบบนั้นมาขายให้ลูกค้า ในร้านมีมุมชา-กาแฟ เล็ก ๆ ให้เพื่อนมานั่งกินกาแฟ เราไม่อยากทำเป็นคาเฟ่ เลยมีเคาน์เตอร์บาร์ไว้รับแขก อยากให้บรรยากาศโดยรวมของร้านเหมือนห้องนั่งเล่น”
ผลิตภัณฑ์ภายในร้านมีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จริงอย่างที่เธอว่า แถมมาจากหลายพื้นที่ในประเทศไทย เดินเลือกเพลินมาก มีสินค้าวางแทบทุกมุม ซื้อใช้เองก็เหมาะ เป็นของฝากก็เหมาะ
เช่น เสื้อย้อมสีธรรมชาติ สมุดทำมือจากเชียงใหม่ ผ้าขาวม้า เครื่องประดับเงินทำมือ โปสต์การ์ดจากศิลปินรุ่นใหม่ ของเล่นไม้ กระเป๋าผ้า กระเป๋าถัก กระเป๋าสาน เครื่องหอมจากเชียงใหม่ ผลิตภัณฑ์เซรามิกจากกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และลำปาง ไม้กวาดไม้ไผ่ เครื่องจักสาน ชาดอกไม้ เมล็ดกาแฟ เครื่องประทินผิว-ผมจากธรรมชาติ แว่นตาจากพลาสติกรีไซเคิล ครก-สาก แม่พิมพ์ขนม ฯลฯ
รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เมย์ผลิตขึ้นเองจากทักษะความรู้ที่เคยร่ำเรียนมาด้วย เช่น บาล์ม เทียนหอมสารพัดกลิ่นจากไขถั่วเหลือง ออยล์บำรุงผิว-ผม ทรีตเมนต์สำหรับผม สบู่ รูมสเปรย์ ฯลฯ
ในร้านมีสินค้างานคราฟต์ไทยค่อนข้างเยอะ ดีใจที่เป็นเช่นนั้น เพราะเป็นการสนับสนุนงานฝีมือภูมิปัญญา และท้องถิ่นของไทย ตลอดจนสนับสนุนศิลปินให้ผลิตผลงานสร้างสรรค์ออกมาเยอะ ๆ
และสินค้าที่เล่าสู่ท่านฟังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของร้าน ยังมีสินค้าสนุก ๆ ให้จับจ่ายอีกเพียบ อ้อ ที่นี่มีมุมรีฟิลล์สเตชันด้วยนะ มีตั้งแต่สบู่ แชมพู ครีมนวดผม โลชั่น ครีมกันแดด ยันผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เพราะเธอเห็นว่าเกาะเต่ามีปัญหาขยะจำนวนมาก จึงอยากให้ร้านนี้เป็นทางเลือกให้กับนักเดินทาง
“ของในร้านส่วนมากเป็นของที่เราชอบและใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน แล้วคิดว่าคนอื่นก็น่าจะชอบเหมือนเรา” เธอหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะเล่าต่อ “เราพยายามเลือกของที่คนทำเขามีแพสชันกับมันมาก ๆ และเขาต้องเชื่อในสินค้าของเขาด้วย ส่วนเราก็ทำหน้าที่พรีเซนต์สินค้าของเขาผ่านร้านของเรา
“เคยมีลูกค้าบอกว่า Vibes ของร้านนี้น่าจะไปตั้งอยู่แถว ๆ แคลิฟอร์เนียนะ”
ตลอดการสนทนาระหว่างเรากับสาวเจ้าของร้าน มีลูกค้าต่างชาติเปิดประตูมาอุดหนุนไม่ขาดสาย บ้างพูดคุยกันสนุกสนานและสนิทสนม ชวนให้นึกถึงบรรยากาศห้องนั่งเล่น สบายและเป็นกันเอง
เรารินชาเมล็ดโกโก้ลงแก้วเซรามิกตรงหน้าครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ อาจเป็นเพราะบทสนทนาเป็นไปอย่างไม่รีบร้อน นั่งดูผู้คนเดินเข้า-ออกร้าน ฟังสำเนียงและภาษาไม่คุ้นหูเพลิดเพลินจนลืมเวลา
เมย์พาเรากลับสู่บทสนทนาอีกครั้ง หลังลูกค้า (คนที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้) เดินออกจากร้าน
“ช่วงแรก ๆ ของการเปิดร้าน เราเคยปิดร้านเพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยนะ” เธอยิ้ม
“เราชอบไลฟ์สไตล์ที่เกาะเต่า อยู่ง่าย เดินทางง่าย ถ้าอยากเห็นทะเล เดิน 1 นาทีก็ถึงแล้ว อีกอย่างมันตอบโจทย์เราที่เป็นคนชอบเรียนรู้ ชอบทดลอง เพราะมีเวลาให้ทำสิ่งใหม่ ๆ เยอะขึ้น
“การทำร้านมา 7 ปี ทำให้เราเรียนรู้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไรจริง ๆ จากตอนแรกสับสนว่าจะเป็นเภสัชกรไหม แต่เราก็ชัดเจนกับตัวเองว่าควรทำในสิ่งที่ชอบ และได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด พอได้ทำในสิ่งที่อยากทำ แล้วคนตอบรับกับสิ่งที่เราทำ ถือว่าเราประสบความสำเร็จในตัวเอง รู้สึกมั่นใจขึ้นนะ
“จากวันแรกจนถึงวันนี้ ร้านเราของครบและเยอะขึ้นมาก ๆ” เมย์หัวเราะ
เธอสอดส่ายสายตาไปรอบร้าน ราวกับเห็นภาพตรงหน้าเมื่อ 7 ปีที่แล้ว
บทสนทนาจบลงด้วยเสียงหัวเราะและจิบสุดท้ายของชาเมล็ดโกโก้
เราบอกลาเธอ ขอตัวไปสัมผัสพระอาทิตย์ตกดินริมชายหาด (ว่าคุ้มกับที่เธอยอมปิดร้านไหม)
และสัญญาว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
