ฮูปเงา แปลว่า ภาพยนตร์

เฮ็ดเวียก แปลว่า ทำงาน

เราท่อง 2 คำนี้ไว้ขึ้นใจ เมื่อทราบว่าบ่ายวันนี้ The Cloud มีนัดสัมภาษณ์กับ แมตตี้ โด (Mattie Do)

จากผู้อพยพที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินแห่งเสรีภาพ เด็กสาวหัวดำที่ถูกเพืื่อนในโรงเรียนปาก้อนหินใส่ นักเต้นบัลเลต์ไร้พรสวรรค์ที่ผันตัวเองมาเป็นครู เธอจับพลัดจับผลูเป็นผู้กำกับภาพยนตร์หญิงคนแรกและคนเดียวของประเทศลาว

แมตตี้ถ่ายทำ จันทะลี (2012) หนังผีเรื่องแรกด้วยงบเพียง 4,500 เหรียญฯ สร้างชื่อเสียงให้เมืองลาวด้วย น้องฮัก (2016) หนังผีเรื่องที่สอง พา บ่มีวันจาก (2019) หนังผีเรื่องที่สามคว้ารางวัลระดับโลกมาครอง โดยนอกจากความโศกเศร้าและเรื่องเล่าผีในตำนาน เธอก็ไม่มีพื้นฐานการทำหนังแม้แต่นิดเดียว

บทสนทนาข้ามประเทศของเราม่วนอีหลี ผู้กำกับหญิงคนนี้ตอบคำถามได้ดุเด็ดเผ็ดมัน คงเพราะเธออยากให้ทุกคนรู้ว่าการจะเป็นผู้กำกับไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งแล้วใหญ่ถ้าฝันจะเป็นในเมืองเล็ก ๆ ที่ผู้ชมในเทศกาลหนังดังยังไม่รู้จักชื่อ

นี่คือเรื่องราวของแมตตี้ในวัย 42 ปีที่ยังคงแข็งแกร่ง ดุดัน และดำรงชีวิตด้วยคติประจำใจ ‘ให้อภัย แต่ไม่ลืม’

“เขาสนใจเพราะว่าเรามีจิ๋ม” Mattie Do ผกก.หญิงคนเดียวของลาวที่พาตำนานผีขึ้นเวทีหนังโลก

คุณน่าจะโดนถามมาเยอะมากถึงการเป็นผู้กำกับหญิงคนแรกและคนเดียวในลาว 

จริง ทุกคนถามว่าเป็นจังใด๋ที่เป็นผู้กำกับแม่หญิงผู้แรก แต่แมตตี้ไม่รู้สึกว่าต้องภูมิใจหรือเป็นเรืื่องใหม่ เพราะการได้เป็นผู้กำกับมันเป็นเรื่องบังเอิญ เราไม่ได้คิดอยากเป็น ไม่เคยฝันว่าจะเป็นผู้กำกับฮูปเงาเลย 

ตอนสามีแมตตี้เสนอตัวเขียนบทหนัง ถึงได้รู้ว่าประเทศลาวไม่มีผู้กำกับหญิง แต่หลังจากพวกเราเริ่มเขียนบทกันนั่นแหละเป็นปัญหาใหญ่ เพราะมีหลายคนเข้ามาดูถูกเรา เราก็เข้าใจเขานะถ้าจะคิดว่าอีนี่มาจากไหน มันไม่เคยไปเรียน ไม่ได้จบเกี่ยวกับหนัง มันคิดว่ามันจะทำได้เหรอ แมตตี้ก็แบบ WTF อีหลีเด้อ คนมันไม่มีมารยาทหรือเขาเครียดเหรอวะ 

พอถึงหนังเรื่อง น้องฮัก ที่มีคุณภาพดีขึ้นเพราะเรามีงบสูงขึ้น คนก็ยังเชื่อว่ามันบ่แม่นฝีมือของแมตตี้ที่เฮ็ดให้หนังเรื่องนี้สำเร็จได้ เขาคิดว่าเราอาศัยคนต่างประเทศ แต่หนังเป็นทีมเวิร์ก ผู้กำกับคนเดียวทำหนังไม่ได้ เราก็พยายามเทรนผู้กำกับหญิงคนอื่น ๆ ทีมเราก็มีผู้หญิงหลายคน 

ผ่านมา 3 – 4 ปี ก่อนที่คนจะชิลล์ ๆ แต่ก็ยังพูดกันว่านางนี่โชคดีที่เป็นผู้กำกับและมีคนสนใจมัน เมื่อก่อนเคยอายที่เป็นผู้กำกับหญิงคนเดียว แต่หลังจาก น้องฮัก โด่งดัง เราก็ไม่ค่อยแคร์ใครแล้ว

เขาไม่ได้ชื่นชมเราที่หนังสนุก มีคุณภาพดี แปลกใหม่ เขาสนใจเพราะว่าเรามีจิิ๋ม 

รู้สึกยังไงที่คนไม่ได้สนใจหนังที่ตัวหนัง แต่สนใจเพราะคุณเป็นผู้กำกับหญิง 

เราเป็นคนใจร้อนมาก เราก็ว่าต่อหน้าเขาเลย ถ้าเกิดคุณสนใจเราเพราะแค่เราเป็นผู้หญิง เพราะว่าเราบ่มีหำ มันเกี่ยวอะไรกับการยกกล้อง เราไม่ได้ใช้หำยกกล้องนี่ 

ต้องทำให้เขารู้ว่า เขามีปาก เราก็ห้ามเขาพูดไม่ได้ แต่เขาก็ห้ามเราพูดไม่ได้เหมือนกัน คนก็ช็อกว่าเราพูดจารุนแรง แต่แมตตี้ว่าเราต้องพูดตรง ๆ เพราะมันโง่มากที่เขาคิดแบบนั้น เราจะเป็นเพศหญิง เพศชาย เป็นกะเทย เป็นหยังกะซ่าง ไม่ต้องมาแคร์หรอก สนใจที่เราทำหนังได้หรือไม่ได้เถอะ

แต่เดี๋ยวนี้เราปล่อยให้เขาพูดไป เพราะนอกจากเมืองลาว มีอีกหลายเมืองที่การทำหนังเป็นเรื่องยาก เราต้องไปแข่งกับเขา

ถึงจะจับพลัดจับผลูเป็นผู้กำกับแต่ก็มาถึงจุดนี้ได้ คุณมีพรสวรรค์รึเปล่า

ที่จริงก็ต้องมีทั้งพรสวรรค์และพรแสวงแหละ เราเคยเป็นนักเต้นรำบัลเลต์ ซึ่งไม่มีพรสวรรค์เลย แต่มีพรแสวงเยอะมาก เราเห็นคนที่เก่งมาก ๆ มีพรสวรรค์มากมาย แต่เขาไม่มีจิตใจที่จะประสบความสำเร็จ 

ตอนเข้ามาในวงการหนัง พี่คริส (สามี) พี่อนุสรณ์ (เจ้าหน้าที่กรมภาพยนตร์) เขาเห็นว่าเราอาจจะมีพรสวรรค์ธรรมชาติในการทำหนัง เพราะเราเล่าเรื่องให้ทุกคนฟังได้ แต่ถ้าไม่พัฒนาเรื่องสกิลล์ เทคนิค ไม่มีจรรยาบรรณในการทำงาน แมตตี้ก็ไปต่อไม่ได้ 

คนเขาไม่รู้หรอกว่าตอนที่เราทำงาน เราตั้งใจขนาดไหน ยากขนาดไหน เราทำงานทุกวัน เราคุยเรื่องหนังกับพี่คริส เราดูหนังของคนอื่นทั้งที่ชอบและไม่ชอบ เราต้องเข้าใจว่าทำไมถึงไม่ชอบ จุดไหนที่ทำให้เราไม่สนใจมัน แล้วทำไมเราถึงอินกับหนังบางเรื่องขนาดนี้ ตอนทำหนังเราทำงาน 12 – 16 ชั่วโมงต่อวัน มัน Non-stop อีหลี

“เขาสนใจเพราะว่าเรามีจิ๋ม” Mattie Do ผกก.หญิงคนเดียวของลาวที่พาตำนานผีขึ้นเวทีหนังโลก

ถ้าเริ่มต้นจากความบังเอิญ แล้วแมตตี้เริ่มชอบการทำหนังตอนไหน

(หัวเราะ) การทำหนังเป็นเรื่องใหม่ มันสนุกเพราะเราไม่เคยทำ แต่พูดว่าชอบไม่ได้ 

ว่ากันตามตรง เราว่าบัลเลต์ยากกว่าหนัง เพราะว่าหนังเป็นเรื่องของคน ต้องกำกับทีม ต้องกำกับเรื่อง เราไม่ต้องอาศัยตัวเราเองขนาดนั้น แต่บัลเลต์เป็นเรื่องของเรา เรารู้ว่าขามันยกไม่ได้ ตัวเราไม่อ่อนพอ เห็นตัวเองในกระจกแล้วรู้ว่าเฟล เทียบกับคนอื่นแล้วไม่เก่งเท่าเขา ซึ่งหนังไม่ใช่แบบนั้น เรายังพัฒนาตัวเองได้ ยังมีสกิลล์ใหม่ ๆ เราแขนขาดหรือขาขาดก็ยังทำหนังได้ แต่เต้นบัลเลต์ ขาเรามันไม่ยาวไปกว่านี้แล้ว (หัวเราะ) แมตตี้เลยรู้สึกว่าหนังเป็นงานที่รีแลกซ์กว่า และเป็นงานที่ไม่ทำให้เราเสียใจเท่าบัลเลต์ เพราะบัลเลต์ทำให้เราร้องไห้ ซ้อมเท่าไรก็ไม่ได้ ถ้าคุณทำไม่ได้ คุณก็ทำไม่ได้จริง ๆ 

เราไม่คิดว่าหนังจะเป็นงานที่เรารักขนาดนี้ แต่หลังจากฉายหนังเรื่อง จันทะลี ที่เทศกาล Fantastic Fest แล้วผู้ชมเขาไม่เคยเห็นวัฒนธรรมประเพณีลาว เขาไม่เข้าใจว่าข้าวเหนียวคืออะไร ทำไมถึงใช้มือกิน เราว้าวมาก เป็นประสบการณ์ใหม่ เหมือนกำลังเป็นผู้เล่าเรื่องว่ามันมีอีหยังอยู่ที่บ้านเรา ทำให้เรารักหนัง อยากเป็นผู้กำกับ ต้องกลับมาสร้างหนังใหม่ให้เกิดประสบการณ์นี้อีกครั้ง 

คุณดูมีความมั่นใจในตัวเองมาก คุณเป็นผู้กำกับแบบไหนในกองถ่าย

ก็มั่นใจเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่เราไม่ได้สนุกแบบนี้ สมองเราต้องทำงาน 100 กิโลเมตรต่อวินาที (หัวเราะ) เราต้องรู้ว่าทีมงานกำลังทำอะไร คอสตูมกำลังทำอะไร ใครกำลังเอาอาหารมาส่ง สมองเราวุ่นตลอด ตอนอยู่กองถ่ายเราเลยใจเย็นมาก 

คนอื่นอาจจะคิดว่าเรามั่นใจ พูดเยอะ แต่ในกองถ่ายเราไม่ค่อยใช้เสียง เราไม่ชอบตะโกน ตอนกำกับก็จะนั่งใกล้ ๆ เขา ไม่ได้นั่งห่าง ๆ และใช้โทรโข่ง แล้วก็คอยทำให้คนอื่นได้ยิ้ม เพราะทุกคนต้องเครียดงานของตัวเอง หลายคนมากองถ่ายเราแล้วก็ตกใจเพราะไม่เหมือนที่เคยทำงาน 

อะไรที่ทำไม่ได้ก็ไม่ได้ เราไม่ร้องไห้ รู้ว่ามันไม่เวิร์ก ก็ลองทางใหม่ หรือถ้ามั่นใจว่าอยากได้แบบนี้แต่มันไม่เข้ากับเรื่อง เราก็ถามคนอื่น ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเรากำลังช่วยกันพยายามทำให้มันสำเร็จ

“เขาสนใจเพราะว่าเรามีจิ๋ม” Mattie Do ผกก.หญิงคนเดียวของลาวที่พาตำนานผีขึ้นเวทีหนังโลก

จากวันนั้น ประเทศลาวมีผู้กำกับหญิงเพิ่มขึ้นหรือยัง

ตอนนี้มีแต่ผู้กำกับหญิงที่ทำหนังสั้น สารคดี หรือทำคลิปข่าว ภาพยนตร์ยาวไม่มีเลย แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะผู้ชายทำหนังก็ไม่มีเหมือนกันที่ลาว (หัวเราะ) 

ปัญหาคือเมืองลาวไม่มีตังค์ ไม่มีงบสนับสนุน ไม่มีทีมที่จะมาทำได้ เพราะทุกคนก็ต้องทำมาหากิน มาทำงานเต็มเวลาแบบเราไม่ได้หรอก เดี๋ยวนี้เราหาเงินมาทำหนังก็ไม่ใช่เงินจากเมืองลาว เป็นของต่างประเทศ เราเลยต้องไปเทศกาลตลอดเพื่อไปพิตช์โปรเจกต์ของตัวเอง ไปเสาะหาคนที่จะมาซัพพอร์ต แล้วปัญหาเรื่องที่ไม่มีผู้กำกับหญิง เราก็อยากให้มีนั่นแหละ แต่ทั้งหญิงทั้งชายก็ไม่มีอยู่ดี มันเป็น Film Problem ไม่ใช่ Gender Problem 

ถ้าคนรุ่นใหม่มีความฝันอยากเป็นผู้กำกับ คุณจะบอกว่า โอเค เป็นเลย หรือให้เลิกคิด

เราตอบว่า Yes แต่ยากหน่อยหนึ่งเด้อ เราไม่อยากบอกใครให้หยุดคิดหรอก แต่ก็ไม่อยากบอกว่ามันง่าย ใครก็ทำได้ ใจแมตตี้ก็คิดว่าถ้าแมตตี้ทำได้คนอื่นก็ทำได้ เพราะเราก็ไม่ได้เรียนหนัง ไม่ใช่ Cinephile แต่เราต้องเล่าให้ทุกคนรู้ว่ามันยาก ไม่ง่าย ไม่ใช่การเดินพรมแดง ใส่สูททักซิโด้สีงาม ๆ มีปาปารัสซี่มาถ่ายเรา ปีหนึ่งจะมีสักครั้ง ต้องเข้าใจว่างานผู้กำกับไม่ใช่งานที่เลิศเลอ

ถ้าอยากเป็นผู้กำกับต้องวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองได้เก่ง ตอนเป็นนักบัลเลต์ เราต้องรู้ว่าเราผิดตรงไหน มีปัญหายังไง แล้วทำไมเราไม่เก่งเท่าเพื่อน แต่ในวงการหนัง หลายคนไม่มีนิสัยนี้ เขาเห็นใครมีก็คิดว่ามีได้ อิจฉา แต่ไม่ลงแรง เรากลับมาดูงานเก่าตัวเองตลอด มีโน้ตเขียนไว้เป็นปึ๊งว่าจะปรับเปลี่ยนยังไง จะแก้ตรงไหน ถึงจะรู้ว่ามันปรับไม่ได้ แต่ในหนังเรื่องหน้าเราจะไม่ทำให้ผิดพลาดแบบนี้อีก 

เล่าให้ฟังหน่อยว่าการเป็นผู้กำกับยากขนาดไหนในประเทศลาว

ยากมาก (เน้นเสียง) เพราะอยู่ไทยก็ยังมีคนลงทุนให้ได้ มีคนกล้าลอง มีอุปกรณ์ อยู่ลาวมันไม่มี บางคนเขายังใช้โทรศัพท์หรือกล้อง DSLR ถ่าย แล้วก็ไม่มีวิชาชีพภาพยนตร์ ทีมของเราก็เป็นอาสาสมัครที่อยากมาช่วย ไม่มีใครมีประสบการณ์ ข้อผิดพลาดก็เลยมีเยอะมาก 

เราเห็นคนรวยมาก ๆ เห็นไฮโซ ขับรถเบนซ์ มีบ้านหลังใหญ่โต แต่ก็ยังไม่มีใครลงทุนกับหนัง กับวงการศิลปะ กับเด็กน้อยคนรุ่นใหม่ แต่เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขาแหละ แค่เราไม่ชอบที่เขาลงรูปว่า I love Laos แต่เขาไม่เคยสนับสนุนอะไรในเมืองลาวเลย อยู่เมืองไทยยังมีกองทุน รัฐบาลยังมีงบสำหรับอาร์ติสต์ใหม่ ๆ เมืองลาวก็มีแต่ตังค์มันน้อยแฮง คนรุ่นใหม่ก็เครียดที่ทำหนังไม่ได้ 

เรามองว่าปัญหาที่ทุกคนมี แมตตี้ก็มีเหมือนกัน แต่แมตตี้ก็ทำได้ มันยังมีหนทาง ถ้าทำหนังซูเปอร์ฮีโร่ลาวไม่ได้ก็ทำหนังเล็ก ๆ ไปก่อนก็ได้ จันทะลี เป็นหนังทุน 4,500 เหรียญฯ หลังจากนั้นก็เป็น น้องฮัก เป็น บ่มีวันจาก พัฒนาไปทีละเล็กละน้อย ไม่ใช่ว่าเขาทำแบบแมตตี้ไม่ได้ เขาแค่ทำแบบแมตตี้ตอนนี้ไม่ได้ แต่เขาจะทำได้ แล้วถ้าถามว่ามันยากหรือง่าย เราก็จะบอกว่ามันซูเปอร์บ่ง่ายอีหลี (หัวเราะ)

สำคัญคือ Storytelling ในเมืองลาวยังไม่ได้ ต่อให้ไม่มีกล้อง ไม่มีทีม ไม่มีคนช่วยตัดต่อ ปรับสี ก็ยังมองมันเป็นหนังอินดี้ ในเมืองลาวมีวัฒนธรรมสนุก ๆ เยอะมาก คนเขาเบื่อแล้วกับอะไรเดิม ๆ 

“เขาสนใจเพราะว่าเรามีจิ๋ม” Mattie Do ผกก.หญิงคนเดียวของลาวที่พาตำนานผีขึ้นเวทีหนังโลก
“เขาสนใจเพราะว่าเรามีจิ๋ม” Mattie Do ผกก.หญิงคนเดียวของลาวที่พาตำนานผีขึ้นเวทีหนังโลก

การที่คุณพูดภาษาอังกฤษได้ ถือเป็นแต้มต่อในการทำหนังรึเปล่า

หลายคนก็บอกว่าน่าจะง่ายขึ้น แต่ Bullshit! หนัง บงจุนโฮ ก็ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ คนลาวชอบหาจุดอ่อนของตัวเองแล้วยอมแพ้ ถ้าเราไม่ได้ภาษาก็คงทำไม่ได้แบบเขาหรอก มันไม่จริง มีหลายคนที่ทำหนังแต่ไม่ได้ภาษาอังกฤษ คนที่ฝันอยากเป็นผู้กำกับต้องเข้าใจว่าเขามีข้ออ้างไม่ได้ เขาต้องเสาะหาทางแก้ ถ้าไม่พัฒนาตัวเองก็จะจมอยู่อย่างนั้น

เห็นพูดเรื่องผู้กำกับคนอื่น ๆ และเทศกาลภาพยนตร์ จำวันแรกที่เดินพรมแดงได้ไหม

โอ้ แมตตี้ช็อกอีหลี มีเรื่องตลกเล่าให้ฟัง 

เราให้คนคนหนึ่งดูหนัง จันทะลี เพิ่งมารู้ว่าเขาเป็นโปรดิวเซอร์อยู่ในบริษัท XYZ Films แล้วเขาก็กลับมาพร้อมโน้ตว่ามีจุดไหนอยากให้ปรับ เราก็แก้ไขตามที่เขาบอก เขาก็เมลกลับมาหาเราว่า ว้าว ไม่ค่อยเจอผู้กำกับที่เปิดใจและพร้อมรับฟัง ขอส่งหนังเรื่องนี้ไปเทศกาลหนังอื่น ๆ ให้คุณได้ไหม 

วันหนึ่งอยู่บ้าน ระหว่างที่พี่คริสนั่งเล่นคอมก็มีอีเมลเด้งขึ้นมาบอกว่า คุณได้รับเลือกให้เข้าร่วมเทศกาล Fantastic Fest เขาดีใจมาก ส่วนเราไม่รู้ว่ามันคืองานอะไร เขาก็อธิบายให้เราฟัง แล้วบอกว่า You have to go ตอนนั้นเราไม่มีเงินบินไปสหรัฐฯ พี่คริสไปด้วยไม่ได้ เพราะมีเงินไม่พอ

พอไปถึงเราก็ช็อก ตกใจแฮง มีคนเป็นพันกว่าเรียงคิวกันมาดูหนัง แล้วดูหนังเราสิ (หัวเราะ) เขาดูหนังตั้งแต่เช้ายันค่ำ สนทนากันเรื่องหนัง เราก็อยากอินเหมือนเขาบ้าง แล้วก็ตื่นเต้นว่าเขาจะมองหนังเรายังไง มันไม่เหมือนการมาดูหนัง แต่เหมือนการมาเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศอื่น ๆ เราว่าเทศกาลเป็นสถานที่ที่ทำให้รู้หน้าตาคนทำหนังด้วยกัน โปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่คนไปพิตชิ่ง เราก็ชอบไปฟัง เพราะอยากรู้ว่าในอนาคตจะมีหนังแนวไหน แล้วเราต้องทำยังไงเพื่อให้สู้เขาได้ 

ตอนแนะนำตัวว่า ฉันเป็นผู้กำกับจากประเทศลาว ฟีดแบ็กเป็นยังไง

ทุกคนก็ต่างกันไป หลายคนไม่รู้ว่าประเทศลาวอยู่ที่ไหน คือประเทศอะไร ไม่รู้ว่าประเพณี ความเชื่อของเราเป็นยังไง สิ่งเหล่านี้ทำให้เราน่าสนใจมาก เพราะพวกยุโรปคิดว่าเมืองลาวเหมือนเมืองไทย แล้วเขาอยากจะรู้ว่าเราต่างจากประเทศอาเซียนอื่น ๆ ยังไง เลยเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องเล่าเรื่องที่ทั้งสนุกและแปลกให้คนอื่นได้รู้ 

สิ่งที่คนทำหนังลาวควรเรียนรู้ คือในเมืองลาวมีจุดพิเศษที่เรามองว่ามันธรรมดา นั่นคือข้าวเหนียว ศาลพระภูมิ แต่คนอื่นเขาไม่รู้จัก ฉะนั้น เราก็ใช้มันสิ พวกเรามีความรู้สึกแบบที่ทุก ๆ เมืองมี รู้ว่าความรักเป็นยังไง รู้ว่าอะไรตลก แค่ต้องเอามาใช้กับหนังลาวและทำให้มันยูนีก 

“เขาสนใจเพราะว่าเรามีจิ๋ม” Mattie Do ผกก.หญิงคนเดียวของลาวที่พาตำนานผีขึ้นเวทีหนังโลก

แล้วคนลาวล่ะ มีฟีดแบ็กยังไงกับความสำเร็จของแมตตี้ โด

(หัวเราะดัง) ประเทศลาวก็ดูหนังเราได้ยากอยู่ เพราะว่าหนังเรามันแปลก ๆ (หัวเราะ) เป็นหนังสยองขวัญ 50% เป็นหนังอาร์ตเฮาส์ 50% แล้วเมืองลาวไม่ค่อยมีประสบการณ์กับหนังอาร์ตเฮาส์เท่าไหร่ มันไม่ใช่สไตล์ของทุกคน หลายคนงงว่าเป็นหนังอะไร แต่เราก็ว่าเขาไม่ได้ เพราะหลายคนก็ภูมิใจเหมือนกัน 

คนลาวชอบดูหนังตลก หนังแอ็กชัน ถ้ามีใครเอา 50 ล้านเหรียญฯ มาให้แมตตี้ทำหนังอเวนเจอร์สลาว เราก็ทำให้ได้ แต่มีเงินเท่านี้ก็ทำได้เท่านี้แหละ (หัวเราะ)

จากหนังทุกเรื่องของคุณ มันค่อนข้าง Break the Rules นะ

เออ แต่ไม่ใช่ว่าเราชอบนะ แมตตี้บ่ฮู้ว่ามันมี Rules! (หัวเราะ) เราไม่ได้เรียน ไม่ได้ดู เราไม่รู้หรอกว่ามีกฎอะไรบ้าง คนอื่นบอกว่าใน บ่มีวันจาก ก็มีหลายกฎที่เราทำลาย แต่เราไม่รู้สึกเลยว่าทำอะไรไป (หัวเราะ) ไม่รู้เลยว่าถ้าทำหนัง Sci-Fi ต้องเป็นจังซี่ ถ้าทำหนังผีต้องเป็นจังซั่น 

“เขาสนใจเพราะว่าเรามีจิ๋ม” Mattie Do ผกก.หญิงคนเดียวของลาวที่พาตำนานผีขึ้นเวทีหนังโลก

แล้วตัวตนจริง ๆ ของแมตตี้ เป็นคนชอบแหกกฎไหม

ไม่ได้คิดว่าเราชอบแตกต่าง ไม่ได้อยากต่างจากเพื่อน แต่เรามั่นใจ รู้ว่าต้องการอะไร แล้วก็ไม่ชอบให้คนอื่นมาบอกว่าต้องทำอะไร นี่ไม่ถือว่าเป็นกฎของเรา แต่คือความคาดหวังจากคนอื่น เช่น เป็นผู้หญิงลาวต้องทำแบบนี้ ต้องใส่ชุดแบบนี้ ต้องพูดแบบนี้ ไม่อะ เพราะผู้หญิงลาวเป็นแบบไหนก็ได้ ทุกคนต่างกัน ไม่ต้องบอกให้เราเป็นยังไง มันเป็นไปไม่ได้ 

คนจะชอบบอกว่าเราแข็ง เราเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะพี่น้องเป็นผู้ชายหมด เราเป็นผู้หญิงคนเดียวในครอบครัว ก็เลยต้องสู้อยู่ตลอด พ่อกับแม่เคยบอกว่า อีลูกเฮานี่มันจองหองแฮง มันหัวแข็งมาก (หัวเราะ) ครูเคยโทรมาหาแม่ให้มารับเรากลับบ้าน แม่ก็บ่นว่าทำไมเราถึงเป็นเหมือนลูกคนอื่นไม่ได้ ที่อยู่เฉย ๆ พูดดี ๆ เหมือนคนอื่นเขา เราก็ อ้าว ก็เราไม่ได้คิดแบบเขาจะเป็นแบบเขาได้ยังไง พ่อกับแม่พยายามมาก (ลากเสียง) ให้เราเรียบร้อยเหมือนคนอื่น 

ชีวิตม่วนคักของ Mattie Do ผกก.หญิงคนเดียวในลาว ที่เอาชื่อตัวเองไปประดับเวทีโลกได้ด้วยเรื่องเล่าและตำนานผี

ขอ 1 วีรกรรมที่ดื้อที่สุดเท่าที่นึกออก

Oh my god! ขนาดพ่อยังไม่รู้เลยนะ ตอนนี้ยังเป็นความลับอยู่เลย (หัวเราะ)

ตอนเป็นวัยรุ่นยังไม่มีใบขับขี่ เราดื้อมาก พ่อแม่ไม่ให้ออกไปเล่นกับเพื่อน เราเลยปีนออกจากห้อง แอบเอารถของแม่ไป แต่ก็ไม่กล้าสตาร์ตเพราะมันเสียงดัง กลัวแม่ตื่น เลยใส่เกียร์ว่างแล้วเข็นรถออกไปไกล ๆ บ้าน 

ปรากฏ เราเอาไปจอดในโรงรถโดยที่ไม่รู้ว่ามันมีรั้วปิด เอารถออกไม่ได้ จนตำรวจต้องมาดูว่าทำอะไร ใบขับขี่มีไหม โชคดีว่าตำรวจเป็นพ่อเพื่อนเรา เขาเลยไม่แจ้งความแต่จะไปส่งบ้าน แล้วให้รีบกลับมาเอารถก่อนพ่อแม่ตื่น เราเลยให้เขาส่งก่อนถึงบ้าน 2 – 3 หลัง เพราะไม่อยากให้พ่อแม่เห็นรถตำรวจ (หัวเราะ) เราไปเอารถตอน 6 โมงเช้า ใส่เกียร์ว่าง แล้วก็เข็นรถกลับบ้านเหมือนเดิม

เพิ่งรู้ว่าคุณไม่ได้เกิดที่ลาว แล้วก็เพิ่งย้ายมาอยู่ลาวได้ 10 กว่าปี

เราเกิดที่สหรัฐฯ พี่ชายเกิดที่เมืองไทย แมตตี้ออกจากที่สหรัฐฯ ตอนปี 2005 – 2006 ไปอยู่ยุโรป แล้วก็ย้ายมาอยู่ลาวตอนปี 2010 แต่ก่อนนั้นเราก็กลับมาลาวกับไทยตลอด เพราะตอนลาวเปิดประเทศใหม่ ๆ พ่อแม่อยากให้ลูกรู้ว่าเมืองลาวเป็นยังไง ไม่อยากให้เราเสียความรู้สึกของบ้านเกิด แมตตี้ก็เลยพูดภาษาลาวเป็น แล้วก็เลือกใช้ชีวิตที่นี่ 

ชีวิตของเด็กที่เกิดและเติบโตที่สหรัฐฯ เป็นยังไงบ้าง

ยาก เราเป็นลูกครึ่งที่ครอบครัวมีเชื้อสายลาว เวียดนาม ไทย เป็นสาวเอเชียหัวดำ ผิวเข้ม ตาสีน้ำตาล หลายคนก็บอกว่าเราไม่ใช่คนอเมริกัน เป็นคนจีนรึเปล่า แล้วก็มาแกล้งพูดภาษาจีนใส่เรา หรือตอนแม่ทำหมูฝอยเป็นข้าวกล่องมาให้ เขาก็มาบอกว่าเหม็นมาก บางคนโยนก้อนหินใส่ก็ยังมี บอกให้เรา Go back home บอกว่าพ่อมันเป็นคนเวียด มันก็ต้องเป็นคนเวียด พอเราโอเค ก็บอกว่ามันพูดอีสานได้ มันเป็นคนไทย แต่น้องมันเป็นคนลาวนะ เราก็น้อยใจที่เข้ากับคนไหนไม่ได้ อยู่กับกลุ่มไหนก็ไม่ได้ ไม่มีใครรับเราได้เลย 

แต่มันดีตรงที่ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ต้องอาศัยใครก็ได้ เราเป็น Outsider ก็ได้ แล้วเราก็ยังอยู่ได้ มันทำให้เรามีโอกาสพูดหลายภาษา กินอาหารหลายประเทศ เข้าได้กับทุกสังคม แต่ตอนเป็นเด็กก็ไม่ง่ายอย่างนี้หรอก 

เราเคยเสียใจมาก ทำไมเราไม่ได้เป็น One Thing ทำไมไม่ผิวขาว ผมทอง เหมือนคนอเมริกัน ทำไมไม่เป็นคนลาว 100% หรือไทย 100% แต่พออายุ 16 เรากลับรู้สึกภูมิใจว่า I am everything. คนอื่นไม่ได้พิเศษเท่าเรา ไม่ต้องอยู่สหรัฐฯ หรอก ถ้าคุณเป็นเด็กชนเผ่า ทรานส์เจนเดอร์ หรือลูกครึ่ง มันคือสิ่งพิเศษที่ทำให้คุณโดดเด่นกว่าคนอื่น เราควรภูมิใจเข้าไว้

ตอนนั้นเป็นเด็กที่ร้องไห้บ่อยไหม

ตอนเด็กแมตตี้มีหลายประสบการณ์ที่ไม่โอเคยเลย เราอยู่ในย่านของคนที่อพยพมาใหม่ มีแก๊งเยอะมาก คนตีกันบ่อย ทำให้เรากลัวมาก ต้องระมัดระวังตัวตลอด แต่มันก็ทำให้เราเติบโตมามั่นใจ แข็งแกร่ง ตอนนี้พอเจอคนดูถูกเล็ก ๆ น้อย ๆ เราก็ I don’t give a fuck. I don’t care. เพราะเราเห็นอะไรที่หนักกว่านี้มาแล้ว 

แล้วคุณไปเริ่มเรียนบัลเลต์ได้ยังไง

โอ้ นี่เป็นสิ่งที่เรารักมาก 

แมตตี้ได้ดูหนังขาวดำในห้องสมุด มีนักเต้นรำใส่รองเท้าพอยต์ชู ยืนสวย ๆ เรารู้สึกเหมือนเขาเป็นนางฟ้า เราไปแทบทุกห้องสมุดในเมืองที่อยู่เพื่อยืมวิดีโอบัลเลต์มาดูเขาเต้นรำ มันคือโลกใบใหม่ของเราเลย แต่แม่ไม่อยากให้เรียน หนึ่ง เพราะมันจะหาเงินได้ยังไง สอง เพราะลูกไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนเขา แม่ก็พูดตรง ๆ ถ้าจะเรียนแม่จะไม่จ่ายให้ เราก็ดื้อมาก ไปหาสตูดิโอเรียนเอง แล้วก็ทำงานหาเงินมาจ่ายเอง แม่เลยรู้สึกว่าเราตั้งใจมาก ยอมให้เราทำ แต่ขอแค่รู้ว่าพ่อแม่ไม่สนับสนุน แค่เขาหยุดเราไม่ได้ 

เรียนบัลเลต์ตั้งแต่อายุเท่าไร

เริ่มจากอายุประมาณ 10 ปี แล้วก็เรียนได้แค่เฉพาะตอนที่มีเงิน จนอายุ 20 ย้ายมาอยู่อิตาลี ได้มาเจอโรงเรียนสอนบัลเลต์เต็มเวลา มีอาจารย์เก่ง ๆ แต่ก็รู้สึกว่าเราไม่ได้มีพรสวรรค์ เป็นนักเต้นไม่ได้ สุดท้ายเลยได้เรียนภาคเทคนิคแล้วมาสอนนักเรียนเอา 

ชีวิตม่วนคักของ Mattie Do ผกก.หญิงคนเดียวในลาว ที่เอาชื่อตัวเองไปประดับเวทีโลกได้ด้วยเรื่องเล่าและตำนานผี

เหตุผลอะไรทำให้กลับมาลงหลักปักฐานที่ประเทศลาว

เรากลับมาเพราะกลัวพ่อเป็นโรคซึมเศร้า แม่เราเพิ่งเสียไป ไม่ได้มาเพื่อสำรวจเรื่องหนังเลย คิดว่าจะสอนบัลเลต์เด็ก ๆ ที่นี่ แล้วพี่คริสก็เป็นคนสังเกตว่าทำไมเมืองลาวถึงไม่ค่อยมีหนัง เห็นแต่เรื่อง สะบายดี หลวงพระบาง มันแปลกนะ 

จนมาเจอโปรดิวเซอร์ฮูปเงา ถึงรู้ว่าปัญหาของหนังลาวคือไม่มีคนทำหนังหน้าใหม่ ๆ พี่คริสเลยบอกว่า I can help you with that. เขาเคยสอนหนังใน Film School ที่อิตาลี ถ้ามีคนทำหนังสั้นอยู่ก็น่าจะช่วยสอนเขาได้ แต่พี่คริสเป็นคนเขียนบท กำกับไม่ได้ เขาเลยบอกว่า แฟนผมได้ภาษาลาว น่าจะกำกับให้ได้ ทุกคนตื่นเต้นมากที่จะมีผู้กำกับใหม่เป็นผู้หญิงคนแรก ส่วนเรา Oh Shit! เจ้าเป็นบ้าเหรออ้ายคริส ไปบอกเขาแบบนั้น 

แล้วรู้ไหมพี่คริสตอบว่าอะไร เขาบอกให้เราไม่ต้องกังวล ถ้าคุณกำกับเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเต้นรำเป็น 10 นาทีได้ คุณก็กำกับหนังได้ ภาพยนตร์มีคัต มีเทคสอง แต่เด็กน้อยอายุ 7 ขวบมีแค่เทคเดียว แมตตี้ยังทำได้เลย 

พี่คริสเป็น Best Supporter ของคุณเลยนะ

แม่น เป็น Best Supporter แล้วก็เป็น FC ของแมตตี้แท้ ๆ (หัวเราะ) เขาก็เขียนบทให้เหมาะสมกับเรา ดูว่าแมตตี้ชอบอะไร เราเป็นทีมเวิร์ก

ภาพยนตร์ The Long Walk บ่มีวันจาก มีต้นตอมาจากการสูญเสียแม่และหมา คิดว่าถ้าไม่มีการตายนี้จะมีหนังเรื่องนี้ไหม

น่าจะเป็นเรื่องแบบนี้ แต่ไม่ได้มีอารมณ์หนักหน่วงแบบนี้ เพราะ บ่มีวันจาก เป็นเรื่องเศร้า มีความเสียดายเป็นแก่นสำคัญ เรื่องพวกนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจของแมตตี้ตั้งแต่ก่อนแม่เสีย น้องฮัก ก็มาจากประสบการณ์ที่เราโศกเศร้า แต่เรื่องหมาแมงโก้เป็นจุดพิเศษของ บ่มีวันจาก อีหลีเลย 

เพราะเราต้องเป็นคนเลือกเองว่าจะให้แมงโก้ไปไหม โดยที่มันบอกไม่ได้ว่าเจ็บปวดยังไง เราต้องตกลงกับหมอว่าถึงเวลาต้องไปแล้วเพราะแมงโก้ทรมานมาก เป็นจุดที่ทำให้แมตตี้เสียใจที่สุด ถ้าไม่มีประสบการณ์นี้ บ่มีวันจาก ก็จะไม่ได้เป็นแบบนี้เลย 

ชีวิตม่วนคักของ Mattie Do ผกก.หญิงคนเดียวในลาว ที่เอาชื่อตัวเองไปประดับเวทีโลกได้ด้วยเรื่องเล่าและตำนานผี

แล้วอะไรที่ไม่ว่ายังไงก็จะมีให้เห็นในหนัง

หนัง Sci-Fi ในบ้านชนบท เพราะเป็น Commentary ของแมตตี้เอง มีคนฝรั่งหลายคนบอกเราว่า หนังแมตตี้เป็นหนังลาว แต่ดูไม่เหมือนประเทศลาวเลย เราก็งง เจ้าเป็นคนลาวเหรอ รู้ได้ไงว่าประเทศลาวเป็นยังไง คนที่ไม่เคยมาเมืองลาว พูดภาษาลาวไม่เป็น บ่เคยปั้นข้าวเหนียว ไม่กินตำบักหุ่ง แต่มาบอกเราว่าหนัง น้องฮัก หนัง จันทะลี ไม่เหมือนเมืองลาว I was like, what the fuck is that mean? เขาคิดว่าเมืองลาวต้องเป็นชนบท ต้องเป็นถนนดินแดง ทุกคนต้องเป็นชาวนาเหรอ

การสูญเสียแม่และหมา ถือว่าเป็นการสูญเสียที่เปลี่ยนชีวิตเลยไหม

ใช่ ใครก็ตามที่เคยมีความรัก ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ การตายของเขาก็ต้องเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเรา มันจะเป็นรอยแผลอยู่ในใจตลอด จะดีขึ้นยังไงก็ช่าง มันจะอยู่ในใจเรา บางคนจมปลักกลายเป็นทรอม่า บางคนมีความเจ็บอยู่ในใจแต่เยียวยาได้

ถ้าเคยเสียคนที่เจ้าฮักไป มันจะเป็นแบบนี้แหละ

ที่ว่าเปลี่ยน ชีวิตคุณเปลี่ยนไปยังไงหลังเหตุการณ์นี้

เยอะมาก เราบอกว่าเรามั่นใจ เราดื้อ จองหอง แต่พอแม่เราเสียตอนอายุ 49 ปี แล้วตอนนี้แมตตี้อายุ 42 เราก็รู้สึกว่าจะอยู่ได้ถึง 50 ปีไหม คงไม่ได้อยู่ถึงขนาด 80 – 90 ปีหรอก หรือจะตายเหมือนแม่ แล้วถ้ามีอายุแค่ 50 ปี เราจะใช้ชีวิตยังไงให้พอใจที่สุด

แต่ยังไงก็ช่าง ถ้าเกิดพรุ่งนี้เราตาย เราต้องพร้อม เรามีความสุขไหม เราโอเคกับชีวิตรึเปล่า หลังจากแม่กับหมาตายไป ทำให้เรารู้สึกว่าต้องใช้ชีวิตให้ไม่มีความเสียดายเลย ต้องทำสิ่งที่อยากทำก่อนจะตาย และต้องทำดีกับทุก ๆ คน เอาใจใส่คนที่เรารัก ดูแลเขา เพราะคนพวกนี้จะได้มีความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับเราหลังจากเราตาย 

ชีวิตม่วนคักของ Mattie Do ผกก.หญิงคนเดียวในลาว ที่เอาชื่อตัวเองไปประดับเวทีโลกได้ด้วยเรื่องเล่าและตำนานผี

ตอนที่แม่จากไป มีอะไรที่คุณเสียไปพร้อมกับแม่บ้าง 

แน่นอน แมตตี้เสียตัวแมตตี้เองไปเยอะ เยอะมาก แล้วก็เสียพี่เสียน้อง เพราะเราตัดคนไปเยอะมาก เรารู้สึกว่าคนที่ไม่รักจริง ไม่สนับสนุนเรา ก็ตัดเขาออกไปโลด เรามีคนที่เมื่อกี้สนิทมาก ตอนนี้กลายเป็นไม่รู้จักกัน แต่ไม่ใช่ความเสียดายนะ เป็นความรู้สึกที่เราดีขึ้น I’m better this way เรารู้ว่าต้องใช้ชีวิตให้ตัวเองมีความสุข ไม่ใช่เพื่อให้คนอื่นมีความสุข 

ทำให้เป็นคนใจเย็นขึ้นบ้างไหม

เรายังใจร้อนเหมือนเดิม (หัวเราะ) เราโมโหง่ายมาก ใจดำ ภาษาอังกฤษมีคำว่า Forgive and Forget แต่สำหรับเรา ไม่ แมตตี้ Forgive but not Forget เราไม่ใช่คนใจเย็น เราเชื่อว่าชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะทำตัวง้อคนอื่น เราต้องยึดถือความรู้สึกเราไว้ตลอดชีวิต ใครทำอะไรไว้เราจำได้หมดจนวันตาย (หัวเราะ) 

คำถามที่เป็นไอเดียหลักของภาพยนตร์ บ่มีวันจาก คือ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะแก้อะไรในอดีตไหม แมตตี้ตอบตัวเองว่าอะไร

ความคิดแรกของแมตตี้มาจากตอนเสียแมงโก้กับแม่ คือความเสียดาย เนื่องจากเรากลับไปแก้อะไรไม่ได้ สอง มันน่าจะเป็นกรรมที่นำพาชีวิตพวกเรา เกิดใหม่ก็ยังมีกรรมติดตัว และบางอย่างเปลี่ยนไม่ได้ เพราะสันดานของเราเป็นแบบนี้แต่กำเนิด 

ถ้าถามว่าอยากจะแก้อะไรไหม จะเปลี่ยนอะไรไหม มันน่าจะมีปัญหาอื่นตามมา เราอาจจะคิดลบไปหน่อย แต่ถ้าปัญหาเกิดขึ้นแล้ว เราต้องมูฟออน บางคนจมอยู่กับอะไรแบบนี้ไปตลอด

จากทั้งชีวิตที่ผ่านมา คำแนะนำไหน จากใคร ที่ถือว่าเปลี่ยนชีวิตแมตตี้ที่สุด

(คิดนาน)

ยากมาก มีหลายคนที่เคยช่วยเรา เล่าเรื่องที่ฟังแล้วเปลี่ยนชีวิต แต่คนที่มีผลมากที่สุดคงเป็นแม่ 

จะทำอะไรก็ช่าง แม่บอกว่า You don’t have to be the best at what you do. You just need to find people who are better than you to work with. แล้วเราก็จำมาใช้จริง ๆ 

ตอนทำหนัง เราเสาะหาแต่คนที่เก่งกว่ามาร่วมงานกับเรา เพราะเราเป็นตากล้องไม่ได้ ตัดต่อก็ไม่ได้อย่างเขา แต่คำแนะนำของแม่สำคัญที่สุดในชีวิตของแมตตี้ มันช่วยทำให้ผลงานของเราโดดเด่นที่สุด

แล้วถ้าถามคุณ จะแนะนำอะไรให้เปลี่ยนชีวิตคนอื่นได้

(หัวเราะ) 

ชีวิตของพวกเราสั้นมาก อย่ามัวแต่น้อยใจ เสียใจ อิจฉาคนอื่น ทำอะไรก็ได้ให้ชีวิตนี้มีความสุข เพราะเราไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่

ชีวิตม่วนคักของ Mattie Do ผกก.หญิงคนเดียวในลาว ที่เอาชื่อตัวเองไปประดับเวทีโลกได้ด้วยเรื่องเล่าและตำนานผี

ภาพ : Mattie Do

Writer

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

นักอยากเขียน บ้านอยู่ชานเมือง ไม่ชอบชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้ มีคติประจำใจว่าอย่าเชื่ออะไรจนกว่าหมอบีจะทัก รักการดูหนังและเล่นกับแมว