โต้ง เด็กหนุ่มที่หวนมาเจอเพื่อนสนิทอีกครั้งกลางสยาม
พี่โชน รุ่นพี่ผู้เป็นดั่งรักแรกในวัยเรียนของใครหลายคน
พี่มาก ทหารเพิ่งผ่านศึกกับรักที่ทำให้ทั้งพระโขนงขนลุก
ไอ้แก้ว หนุ่มพเนจรความจำเสื่อมผู้ต่อสู้กับจอมเวทย์
ทองเอก หมอยาสุดปราดเปรื่องแห่งบ้านท่าโฉลง
ก้าวกล้า ทายาทธุรกิจที่ต้องจำใจเกลียดคนเคยรัก
ฯลฯ
รายนามตัวละครที่โลดแล่นอยู่บนจอทั้งหมด รับบทโดย มาริโอ้ เมาเร่อ
นักแสดงผู้ตีบทแตกจนหลายเรื่องกลายเป็นมรดกของวงการหนังไทย
แต่วันนี้ เราอยากรู้เรื่องของเขาในฐานะชายหนุ่มหัวเราะง่าย ลูกชายคนเล็กของบ้าน ผู้สะสมของเก่าเป็นชีวิต ไม่ใช่นักแสดงเจ้าบทบาท
ยอมรับว่าประหม่าเล็กน้อย เพราะผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าก็รูปหล่อสมคำร่ำลือ แต่สิ่งที่มากกว่าความหล่อ คืออัธยศัยและความจริงใจ เขาตอบทุกคำถามอย่างสัตย์ซื่อ เป็นตัวเอง เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน จนหวังใจว่าผู้อ่านจะได้ยินเสียงเล่ากวน ๆ ของเขาจากตัวอักษร
เวลา 1 ชั่วโมงผ่านไปรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว แต่ก็มากพอให้เราบอกได้ว่า หากคิดจะชื่นชอบดาราสักคน มาริโอ้คงเป็นคนนั้นที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง
ก่อนจะไปชมหนังเรื่องใหม่ Six Characters มายาพิศวง ในโรงภาพยนตร์ The Cloud ชวนมาริโอ้มานั่งคุยถึง Six Characters ของตัวเขา เราอธิบายทิศทางการสัมภาษณ์ครั้งนี้ให้เขาฟังอย่างย่อ ว่าจะเริ่มต้นง่าย ๆ จากเรื่องเล่าในวัยเยาว์
“ชีวิตลูกผู้ชายมาริโอ้เหรอ…”
เขาทวนคำถาม ปล่อยเวลาผ่านไปครู่หนึ่งให้ตัวเองได้นั่งไทม์แมชชีนกลับไป ก่อนจะโพล่งออกมาเหมือนเห็นภาพไม่น่าจดจำบางอย่าง
“เอาเรื่องจริงแบบจริง ๆ หรือว่าเรื่องที่แต่งขึ้นครับ เพราะถ้าจะเอาเรียล ๆ มันจะออกไม่ได้นะ”
เรายืนยันกับเขาว่าขอให้เล่าเรื่องจริง (แบบที่ยังออกอากาศได้อยู่น่ะนะ)
มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท ลูกชายแม่
เด็กชายมาริโอ้ที่เติบโตมากับกิจการปั๊มน้ำมันเป็นยังไง
ผมเป็นเด็กฝรั่งผอม ๆ เหมือนที่บ้านไม่ค่อยให้อะไรกิน ตัวแห้งมาก ผอมสุดในบ้าน ส่วนพี่ชายอ้วน ผมช่วยแม่เติมน้ำมันตลอด แล้วก็ดูแลที่จอดรถทั้งหมด มาริโอ้จะวิ่งเข้าไปบอกว่า พี่ครับ ค่าจอดรถ 20 บาท เพราะว่าคนที่มาจอดส่วนใหญ่จะไม่ค่อยจ่ายเงิน แต่ผมไม่ได้ ผมต้องวิ่งเข้าไปขอเลย เขาก็ เฮ้ย น้อง ต้องเสียด้วยหรอ ผมก็บอกว่า ต้องเสียครับพี่ พื้นที่ตรงนี้ของผมครับ
ผมขอทุกคนนะ ตอนนั้นเขาทราย แกแล็คซี่ ดังมาก ขับรถมาในปั๊มแม่ผม ผมยังขอเลย ถ้าจอดรถยังไงก็ต้องเสียเงินให้มาริโอ้ 20 บาท
แล้วเงินนั้นไปถึงมือแม่ไหม
ไม่ถึงครับ มันอยู่ในกระเป๋า มาริโอ้เอาไปซื้อปืนอัดลม
คุณดูเป็นผู้ชายที่สนุกสนาน ร่าเริง อารมณ์ดีมาก ตอนเด็ก ๆ พ่อแม่เลี้ยงคุณมาแบบไหน
แม่เป็นคนดุ ๆ หน่อย เป็น Working Woman พ่อเป็นคนใจดี คุยกันได้ทุกเรื่อง
ทุกวันพ่อจะออกไปทำงานบริษัท แม่ทำปั๊มน้ำมัน สมัยก่อนบ้านผมมีปั๊ม 3 ปั๊ม แม่ผมก็ต้องวิ่ง 3 ปั๊ม พอเรียนเสร็จผมก็ต้องวิ่งหาว่าวันนี้แม่ผมอยู่ปั๊มไหน ชีวิตก็วนเวียนอยู่ในปั๊ม เก็บค่าจอดรถ เย็น ๆ บางทีแม่ก็ไปตลาด ไปซื้อลูกชิ้นมาขาย แม่ผมขายทุกอย่าง ปืนฉีดน้ำ ใบปัดน้ำฝน น้ำมันเครื่อง กระถางต้นไม้ คอมฟอร์ทร้อย
ส่วนผมเติมน้ำมัน เติมลม ล้างรถ ดูดฝุ่น เป่าพรม ส่วนตัวผมชอบเป่าพรมเป็นพิเศษ สนุกมาก เพราะลมมันแรงดี แต่ผมก็ทำช้ามาก จนคนงานต้องเข้ามาบอกให้ออกไปก่อน เพราะว่าค่าจ้าง 20 บาท แต่เราเป่าละเมียดมากเหมือนเขาให้ 200
แล้วความสัมพันธ์กับพี่ชายเป็นยังไง เห็นเคยบอกว่า พี่ชายเป็นคนปกป้องคุณเวลามีเรื่องตลอด
พี่มาร์โค (มาร์โค เมาเร่อ) คอยปกป้องผมตั้งแต่มัธยม เช่น ผมทะเลาะกับเพื่อน เพื่อนก็มีพี่ ผมก็มีพี่ พอเราสู้กันไม่ได้ก็เรียกพี่มาสู้กัน มันเรียกพี่มัน ผมเรียกพี่ผม มาเจอกันหน่อย แต่ไม่มีใครเอาพี่ผมลงนะ เพราะพี่ผมตัวใหญ่มาก แล้วเขาก็เป็นคนไม่ค่อยติ๋มเท่าไหร่
คนจะชอบบอกว่าผมหน้าตากวนตีนเลยโดนหาเรื่องเยอะ ผมเดินในตลาดยังโดนหาเรื่อง ซึ่งตอนเด็ก ๆ ผมก็หน้าตากวนตีนจริง ๆ ผมจะมองคนตั้งแต่หัวจรดเท้า คือไม่ดีเลย
แล้วในใจคิดไม่ดีด้วยไหม
ไม่ ๆ ผมไม่ได้ดูถูกใคร ผมแค่มองเฉย ๆ ว่า เออ คนนี้แต่งตัวดีเว้ย แต่มันกลายเป็นมีเรื่องทุกที สุดท้ายจบด้วยพี่ชายมาเคลียร์ เขาต้องมากระทืบใครสักคนหรือต่อยกับใครสักคน ต้องเห็นเลือดเรื่องถึงจะจบไป ไม่จบที่หน้าบ้านคนนั้น ก็ต้องจบที่โรงพัก จะมีอยู่แค่นี้
มีไหมที่จะจบด้วยการใช้เหตุผล
ไม่มีเลย ตอนนั้นวัยรุ่นเขานิยมใช้กำลังกันครับ (หัวเราะ)
ปัจจุบันคุณกับพี่ชายมีความชอบที่แตกต่างกันมาก มีอะไรที่พวกคุณเหมือนกันบ้างไหม
จริง ๆ ความชอบส่วนใหญ่ของผมมาจากเขาเลยนะ ผมเริ่มแต่งตัว เริ่มเล่นสเก็ตบอร์ด ฟังเพลงฮิปฮอป ก็เพราะเขา พี่มาร์โคเป็นคนเอาวัฒนธรรมนี้มาใส่ในตัวผม เพื่อน ๆ เขาชอบแต่งตัวฮิปฮอป แล้วพี่ผมโตกว่าผม 5 ปี เทรนด์ของผมก็เลยโตเหมือนพี่ เขาแต่งอะไรเขาก็จะเอามาให้ผมด้วย แล้วสมัยนั้นเป็นยุคของฮิปฮอปเลย ไทเทเนียม โจอี้บอย ไปสยามก็ต้องแต่งแบบนั้น เดินไปไหนต้องโดนคนหาเรื่องแน่นอน
มีช่วงที่คุณสองคนไม่ถูกกันบ้างรึเปล่า
มีเด็ก ๆ ตอนแย่งรีโมตทีวีกันเนี่ย ไม่ถูกกันเลย พี่มาร์โคจะดูบอล ส่วนผมจะดูการ์ตูน
แต่เขารักคุณมาก ถึงขนาดสักรูปคุณไว้บนตัวเลยนะ คุณอยากสักรูปพี่ชายลงไปบนตัวไหม
เขาสักเหมือนมากอยู่ที่หน้าอก ผมก็มีคิดนะ แต่ว่าเราเบื่อลบเวลาทำงาน ถ้าอายุแก่ ๆ หน่อยก็ไม่แน่
แล้วความชอบเรื่องรถได้มาจากไหน
มาจากคุณพ่อครับ แต่ก่อนพ่อผมทำอาชีพขนรถส่งที่เยอรมนี พวกรถสิบล้อที่ขนรถได้ 10 คัน พ่อเริ่มจากคันเดียว ตอนหลังก็เป็น 10 กว่าคัน แล้วเขาเกิดปี 1938 ผ่านรถมาทุกยุคตั้งแต่ปี 30 คุยกับเขาเรื่องรถจะสนุกมากเลย ตอนเด็ก ๆ ที่ผมนั่งรถกับพ่อ เขาพูดเรื่องรถอย่างเดียว กลายเป็นว่าผมซึมซับมาจากเขา แล้วบ้านผมก็ไม่ได้มีฐานะดี ผมคิดว่าวันหนึ่งถ้ามีเงินเยอะจะซื้อรถดี ๆ ให้แม่นั่ง คราวนี้แม่บอกว่าโอ้ต้องหยุดซื้อรถได้แล้ว ต้องซื้อบ้าน โอ้ก็บอกว่า แต่บ้านขับไม่ได้ไงแม่ (หัวเราะ)
คนมักจะพูดกันว่า แม่ทุกคนจะมองว่าลูกเป็นเด็กเสมอ มาริโอ้คิดว่าแม่มองคุณอายุเท่าไหร่
น่าจะมองว่าผมยังอายุ 15 16
เด็กคนนั้นเป็นยังไง
ขี้เกียจ ไม่เก็บเสื้อผ้า ถอดกางเกงในไว้เป็นเลข 8 ไม่ทิ้งขยะ ทิ้งคอนแทคเลนส์ที่พื้น แล้วมันก็เหนียว แข็งติดพื้น แม่บ่นว่ามึงเป็นคนใส่แว่นแต่ต้องเดือดร้อนชีวิตกู แม่ต้องซักเสื้อ ซักรองเท้าให้ พับผ้าปูเตียงให้ พับผ้าห่มให้ เก็บเงินให้ ทำกับข้าวให้มันกิน เตรียมน้ำให้มันดื่ม เขาก็คงยังมองว่าผมเป็นเด็กน้อยอยู่
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว
ผมก็ยังเด็กอยู่ครับ (หัวเราะ) ไม่หรอก มันก็มีนิสัยบางอย่างที่แก้ไม่หาย เช่น การซักผ้าห่ม ผมซักไม่ได้เลยครับ
มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท นักแสดง
ถ้าคุณไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง คิดว่าทุกวันนี้จะทำอะไรอยู่
มันคงอยู่ลานสเก็ต หน้าดำคร่ำเครียด
จะเล่นสเก็ตถึงอายุ 30 เลยหรอ
ใช่ครับ
เพราะอะไรถึงชอบขนาดนั้น
ผมมีความสุข เพราะมันไม่ใช่อะไรที่ได้มาง่าย ๆ ต้องใช้เวลา ตอนนั้นคิดว่าอยากเป็นนักสเก็ตบอร์ดมืออาชีพด้วยซ้ำ
แล้วพอได้มาเป็นนักแสดง คุณยังอยากเป็นนักสเก็ตบอร์ดมืออาชีพอยู่ไหม
ยังอยากเป็นอยู่ครับ แต่ความอยากก็จางลงไปเยอะ ทุกวันนี้ไม่ค่อยได้เล่นแล้ว แต่ยังเก็บสะสมสเก็ตบอร์ด
มีนักแสดงหลายคนที่ไม่อยากดูตัวเองในทีวี มาริโอ้ดูละครที่ตัวเองเล่นรึเปล่า
ผมเป็นแบบนั้นแหละครับ (หัวเราะ) แต่มันแล้วแต่เรื่องนะ อย่างเรื่อง คือเธอ ผมไม่ค่อยดู เพราะผมเขินตัวเองมาก รู้สึกว่าคุณคาร์ลทำไมต้องดุขนาดนี้ แล้วพอเป็นนักแสดงเราจะชอบติตัวเอง ทำไมเล่นแบบนี้วะ ทำไมพูดแบบนี้วะ เยอะแยะไปหมด
จริง ๆ ผมก็ดูทุกเรื่อง แค่ไม่กล้าดูสด ๆ กับคนอื่น ผมจะรอทิ้งช่วงให้คนเขาลืมไปแล้วค่อยกลับมาดู มันจะเขินน้อยลง
คุณตั้งใจดูอะไร
อยากดูผลงานตัวเองว่าที่เราเหนื่อยมามันเป็นยังไง เวลาเล่นผมเป็นคนไม่ค่อยดูมอนิเตอร์เท่าไหร่ ส่วนมากจะคุยกับผู้กำกับเลยว่าพี่อยากได้แบบไหน ไม่อยากเสียสมาธิ สลับเป็นตัวเองเพื่อไปดูมอนิเตอร์ แล้วก็กลับมาเล่น ผมเลยไม่ดูเลยดีกว่า ขอโฟกัสกับการเล่น ถ้าเล่นไม่ได้จริง ๆ ค่อยดูมอนิเตอร์ก็ได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ขอไม่ดูครับ
ชอบเล่นบทไหนมากกว่ากัน ระหว่างบทที่คล้าย ๆ ตัวเองกับบทที่ตรงข้ามกับตัวเองโดยสิ้นเชิง
ผมชอบตรงข้ามกับตัวเอง
ตอนเด็ก ๆ จะอยากเล่นอะไรที่ใกล้กับตัวเอง รู้สึกว่ามันง่าย แต่พอโตมาแล้วได้เล่นอะไรที่มันตรงข้ามกับตัวเอง กลายเป็นสนุกมากกว่า เพราะเราไม่ต้องคิดอะไรเลย เล่นอะไรก็ไม่ผิด จะคิดคาแรกเตอร์เขายังไงก็ได้ ให้เขาเป็นแบบไหนก็ได้ มันคือการทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรา
แล้วบทบาท ‘คำรณ’ ในภาพยนตร์เรื่องใหม่ มีความเหมือนหรือต่างกับตัวตนของคุณตรงไหน
ต้องบอกว่ามันต่างจากมาริโอ้ตั้งแต่แบ็กกราวนด์แล้ว เขาเป็นคนบ้านรวย ไม่เหมือนโอ้ เขาไปเรียนเมืองนอก ก็ไม่เหมือนโอ้ เขาเป็นคนซีเรียสกับงานมาก ก็ไม่ใช่โอ้อีก
ส่วนที่เหมือนอาจจะเป็นความใจร้อน จริง ๆ ผมดูเหมือนใจเย็นนะ แต่ผมเป็นคนใจร้อน แล้วในหนังจะมีจุดที่นายคำรณอารมณ์ปรี๊ดแตก เป็นซีนที่ผมเอาอินเนอร์มาจากตัวผมเอง แล้วก็จากการที่ผมสังเกตผู้กำกับคนอื่น
รู้สึกยังไงบ้างที่ต้องประชันฝีมือกับนักแสดงมากฝีมือหลายท่าน
ตื่นเต้นมาก เพราะว่าเจอแต่รุ่นใหญ่ แพนเค้ก เขมนิจ, แอฟ ทักษอร, แต้ว ณฐพร, นิว ชัยพล แต่ละคนคือมาเต็มทั้งนั้น ผมเห็นศักยภาพของพวกเขาตั้งแต่ซ้อมแล้ว
หลายคนเราก็เคยร่วมงานด้วย แต่เรื่องนี้ หม่อมน้อย (ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล) ค่อนข้างซีเรียสมาก กลายเป็นทุกคนต้องมาเข้าคลาสกันใหม่ จริง ๆ ลูกทีมของหม่อมทุกคน เวลาจะเริ่มหนังใหม่ก็เหมือนการเริ่มต้นใหม่ ต่อให้คุณมีประสบการณ์ ยังไงก็ต้องซ้อมใหม่ตั้งแต่แรก
คุณเป็นลูกศิษย์ของหม่อมน้อยมานานมาก ทุกวันนี้ยังมีอะไรที่หม่อมต้องสอนคุณอีก
มีอีกเยอะครับ หม่อมเคยบอกผมว่า วิชาอื่นมันมีจบ แต่วิชาการแสดงไม่มีวันจบ
ถ้าอย่างนั้น คิดว่าตอนนี้คุณเดินทางมาไกลแค่ไหนแล้ว
(คิดนาน) เอาสัก 20 เปอร์เซ็นต์แล้วกัน หม่อมบอกผมเสมอว่า เวลาเริ่มใหม่ เราต้องลืมทุกอย่างที่เคยทำมา ผมก็เลยไม่ค่อยคิดถึงความสำเร็จในอดีต มันจะทำให้เรากังวล แล้วก็เอาจิตไปผูกกับมัน แต่ถ้าเราทิ้งไปหมดแล้วเริ่มใหม่ โฟกัสใหม่ เราก็จะทุ่มไปกับเรื่องใหม่อย่างเต็มที่
เคยคิดกับตัวเองเล่น ๆ ไหมว่า ถ้าไม่ได้รับบทเป็นพระเอก อยากเป็นอะไรในกองถ่าย
ถ้าให้ผมเป็นได้เหรอ ผมอาจจะเล่นเป็นตัวร้าย แล้วก็น่าจะเป็นพร็อพมาสเตอร์ เอาของเข้าฉากครับ
ไม่กลัวของตัวเองพัง
อุ้ย ถ้าพังผมคิดตังค์ดับเบิลเลย ผมวางบิลไว้อยู่แล้ว เพราะค่าซ่อมมันแพง
มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท นักสะสม
มาริโอ้สะสมอะไรบ้าง
ทุกอย่างเลยครับ ตอนเด็ก ๆ เริ่มจากเหรียญก่อน เหรียญพดด้วง เหรียญช้าง เหรียญบาท เหรียญสตางค์รู ธนบัตร โตมาก็เริ่มสะสมมีด มีดขวาน มีดกริช มีดผีเสื้อ มีดสปาร์ต้า เก็บไว้หมดเลย สักพักก็มาเก็บของเล่น รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ป้าย พวงกุญแจ แก้ว ที่รองแก้ว บ้าบอเหมือนเด็ก
คิดว่ามีของประมาณกี่ชิ้นอยู่ในบ้าน
โห เป็นหมื่น
หมื่นชิ้น!
เกินด้วยซ้ำ หลายหมื่นชิ้น ถามพี่โช (ผู้จัดการส่วนตัว) ได้เลย
เคยไปสะพานเหล็กแล้วเสียเงินมากสุดกี่บาทใน 1 วัน
ผมซื้อจนคนในสะพานเหล็กบอกว่า พี่โอ้ พี่จะเหมาสะพานเหล็กหรือไง พี่กลัวสะพานเหล็กปิดหรือไง (หัวเราะ) ผมบอกว่า เปล่า วันนี้ของมันถูกใจเว้ย ก็เลยซื้อเยอะ เคยซื้อวันหนึ่ง 30,000 – 40,000 บาท แต่ไม่เท่ากันทุกที่นะ ถ้าไปซื้อตึกแดงอาจได้ของมาหลายถุง แต่ถ้าไปตึกของเล่นอาจจะได้มาแค่ 3 – 4 ชิ้นเอง
ผมชอบร้านที่เป็นของเก่ามากกว่า เพราะว่าถ้าเดินไปซื้อของใหม่มันง่าย มันซื้อได้เลย แต่เวลาได้หาของเก่าพวกที่เขาขนมาขายแบบแบกะดิน มันสนุกที่เราได้หาของ อย่างล่าสุดผมไปตึกแดงก็ไม่คิดว่าจะได้อะไร จนค้นเจอหนังสือรถแข่ง F1 ของพระองค์เจ้าพีระฯ ที่มีแค่ 500 เล่มในโลก อายุประมาณ 50 ปี ผมซื้อมาในราคา 800 บาท มันไม่มีปกแล้วนะ แต่ภูมิใจมาก นอนดูทั้งคืน
บางคนเขาเลือกสะสมแค่ของอย่างใดอย่างหนึ่งไปเลย ทำไมคุณถึงเก็บทุกอย่าง
ถ้าไปเห็นบ้านโอ้ จะรู้ว่าต่อให้เราเก็บหลายอย่าง แต่ทุกอย่างเราเก็บเป็นคอลเลกชัน
คุณเคยสัมภาษณ์ไว้ที่หนึ่งว่า อยากสะสมของจนเปิดพิพิธภัณฑ์เป็นของตัวเองได้ ตอนนี้ยังคิดอยู่ไหม
คิดอยู่ ทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ครับ
เราทุกคนจะเข้าไปดูได้ไหม
ได้ แต่อาจจะเก็บตังค์ ตอนนี้ผมเริ่มคิดเรื่องเงินแล้ว แหม มันก็ต้องมีค่าฟงค่าไฟกันบ้าง (หัวเราะ)
ของอะไรที่ตอนแรกไม่ชอบเลย พอรู้ตัวอีกทีกลับมีเต็มบ้าน
หมี Bearbrick เป็นตุ๊กตาพลาสติกหน้าตาเหมือนหมี ผมเคยคิดว่าซื้อไปทำไมวะ หมีหน้ามันก็เหมือนกันหมด แต่ไม่เคยคิดเลยว่าของทุกอย่างที่เราเก็บมาก็หน้าเหมือนกันหมด (หัวเราะ) พอเริ่มซื้อมาหนึ่งตัว ทีนี้ล่ะก็ซื้อไม่หยุดเลย กลายเป็นมี 20 – 30 ตัว จากที่บอกว่า หมีอะไรเนี่ย เก็บทำไมหมี ตอนนี้มีหมีเต็มบ้าน
ถ้าสมมติ Guinness World Records ระบุว่านายมาริโอ้ เมาเร่อ เป็นผู้สะสม… เยอะที่สุดในโลก ของสิ่งนั้นจะเป็นอะไร
ที่สุดในโลกเลยเหรอครับ (เขาทิ้งช่วงใช้ความคิด)
ถ้าอยากมีเยอะที่สุด คือกล่องเก็บอะไหล่ที่อยู่ในรถโฟล์ค เป็นกล่องเหล็กกลม ๆ ดูไม่มีอะไร ข้างในจะมีประแจ ไขควง แม่แรงเต็มไปหมด ปกติกล่องละหมื่น ทุกวันนี้ขายกล่องละ 100,000 บางคนเก็บไว้ 200 กว่าอัน
แล้วตอนนี้มีเท่าไหร่
2 อันครับ (หัวเราะ) แล้วก็ของไม่ค่อยครบด้วย
ที่ผ่านมาเราจะเห็นแต่คุณเก็บของ เอาของเข้าบ้าน มีของอะไรที่ทิ้งบ้างไหม
กล่องที่ใส่พวกมันนี่แหละ เยอะชิบเป๋ง เกะกะบ้านมาก ไอ้หมีที่ผมบอกนะ ใครไม่รู้เป็นคนต้นคิดว่าต้องเก็บกล่องมัน แค่ 10 อันก็เต็มห้องแล้ว ผมคิดว่าจะตัดมันก็วันนี้แหละ (หัวเราะ)
(จากนั้นทุกคนก็เริ่มถกเถียงกันว่าจะเก็บกล่องด้วยวิธีไหนดี พี่โชเสนอว่าพับกล่องได้ไหม ส่วนช่างภาพของเราถามว่า แล้วคุณจะทิ้งได้ยังไงถ้ามันมีผลต่อราคา เกิดเป็นความโกลาหลขนาดย่อมกลางห้อง)
แต่ก็จริงนะ ผมเป็นคนไม่เคยทิ้งอะไรเลย ผมนั่งเก็บของเล่น เฮ้ย ของเล่นกูก็ไม่เยอะนะแต่ถุงเยอะมาก นั่งพับอยู่ 2 – 3 ชั่วโมง แค่ถุงอย่างเดียว แล้วผมก็พับอย่างดีด้วย เป็นกรรมเหมือนกันนะที่เราหาเงินได้ ซื้อของได้ แต่เราเก็บไม่ได้
มีช่วงที่เคลียร์ของออกจากบ้านบ้างไหม
ตอนนี้ทำอยู่ครับ ของเล่นแต่ละอย่างจะอยู่ในตู้ หลายตู้มาก เพราะว่าอยากทำพิพิธภัณฑ์ก็เลยทำเป็นห้องเพื่อแยกชนิดของเล่น เพิ่งทำสำเร็จไป 1 ห้องครับ เพราะของมันเยอะมาก อยู่หลายบ้าน โอ้ขนเองคนเดียวทีละร้อย ๆ ตัว แต่กว่าจะจัดของ กว่าจะแกะ ใช้เวลาเกือบ 2 ปี
คิดว่าคนเราควรจะสะสมอะไรสักอย่างรึเปล่า
ควร ผมว่าบางทีการสะสมของอาจจะดูไร้สาระ เปลืองเงิน แต่มันทำให้เราคิดถึงช่วงเวลาเก่า ๆ ใครซื้อของให้ผม ผมก็เก็บไว้หมด ผมจำได้แทบทุกชิ้นเลยว่าได้มันมาช่วงไหน งานอะไร มีความรู้สึกยังไงกับของชิ้นนี้ ของผมผมรู้ แล้วพอมันมารวม ๆ กัน ผมรู้สึกว่า เออ ชีวิตเราก็แก่ลงไปเยอะ
ตั้งแต่พวกของแถมจาก McDonald’s, Burger King ทุกวันนี้หลานผมโตแล้ว มันยังบอกเลยว่า ตอนเด็ก ๆ อยากไปกินก๋วยเตี๋ยว เฮียไม่พาไปกินเลย เพราะว่าเฮียจะกินแต่เบอร์เกอร์ ผมไม่พามันไปกินอย่างอื่นเลยจริง ๆ ทุกวันนี้มันก็อ้วนเพราะผมนี่แหละ ภูมิใจมาก (หัวเราะ)
ถ้าไม่ใช่สิ่งของ มาริโอ้อยากสะสมอะไรมากที่สุด
อยากสะสมเพื่อนดี ๆ เพื่อนที่โตมาด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเติบโตยังไงมันก็ยังเป็นคนเดิมในความรู้สึกของผม เพราะว่ามันเป็นของหายากที่หาไม่ได้แล้ว
การที่คุณเป็นนักสะสม ทำให้คุณเห็นคุณค่าของความรักมากขึ้นไหม
มันทำให้เราเห็นคุณค่าของของ แล้วก็ทำให้เราเห็นคุณค่าของคน เพราะกว่าจะได้มา เราต้องทุ่มเท ทำงาน หาเงินไปซื้อ แล้วก็ต้องดูแลมันอย่างดี คล้าย ๆ กับคนรักที่เรามีแล้วก็ต้องดูแลเขาครับ
มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท คนรัก
มาริโอ้เป็นคนรักแบบไหน
เอาแต่ใจ
ผมเป็นคนไม่ค่อยดูแลนะ คือดูแล แต่ว่าไม่ได้โอเวอร์ ผมไม่ได้เป็นคนที่ต้องทำให้ตลอด ๆ เราทำให้ด้วยความจริงใจมากกว่า แล้วก็เป็นคนไม่ได้หวานอะไรมาก
ในมุมของผู้ชายที่บอกว่าตัวเองไม่หวาน การแสดงความรักของมาริโอ้เป็นยังไง
ผมให้เวลาเขา พาไปกินข้าว เขาอยากทำอะไรก็ไปด้วย อาจจะน้อยหน่อยเพราะว่าโอ้งานเยอะมาก แล้วก็ต้องจัดของด้วยครับ ของเยอะมาก (หัวเราะ) แต่ว่าข้อดีอย่างหนึ่งของผมคือ ถ้าผมรักใคร ผมจะมีเวลาให้เขา
เกี่ยวไหมที่คุณได้รับบทเป็นพระเอกหนังรักโรแมนติกคอเมดี้มากมาย…
ติดนิสัยมาใช้ในชีวิตจริงบ้างไหม
ใช่
ผมว่าไม่เกี่ยว บทก็คือบท ส่วนใหญ่บทที่ได้จะเป็นพระเอกเข้ม ๆ หยิ่ง ๆ ถ้าไม่เข้มหยิ่งก็เป็นคนกวนตีน แต่การเป็นพระเอกมันได้หลายอย่าง ทำให้รู้ว่าเราต้องเทกแคร์คนยังไง ตัวละครบางตัวเป็นตัวหวาน ๆ ทำให้รู้ว่าเวลาทำตัวหวานมันก็ได้อีกแบบหนึ่ง
ถ้ามองตัวเองในวัยเลข 4 ภาพที่เห็นจะเป็นคุณนั่งทำงานอยู่หรือมีครอบครัวแล้ว
ผมอยากมีครอบครัวแล้ว ผมอยากมีเร็ว ๆ เพราะพ่อผมอายุเยอะตอนที่ผมเกิด แล้วเขาก็จากผมไปเร็วมาก เลยคิดว่าถ้าวันหนึ่งมีลูกก็อยากมีเร็ว ๆ เราจะได้อยู่กับเขานาน ๆ
น่าสนใจว่าคุณจะเป็นพ่อแบบไหน
โห ลูกผมต้องเฟี้ยวกว่าใครเขานะ ต้องซิ่ง ต้องซ่า ต้องเป็นตัวท็อป ถ้าเป็นนักเลงก็ต้องเป็นตัวบวก ถ้าเป็นเพื่อนก็ต้องเป็นหัวโจก ผมจะสอนให้เขาเป็นแบบนั้นเลย
ในอาณาจักรของเล่นของคุณจะให้ลูกเล่นอะไรบ้าง
ผมให้ลูกเล่นทุกอย่างเลย แต่ไอ้พวกที่ละเอียดมาก ๆ จะไม่ให้เล่น พ่อเคยให้ผมเล่นโมเดลสวย ๆ ผมก็ทำของเขาพัง พอแก่มาผมรู้สึกเสียใจว่าผมทำอะไรลงไป ผมก็จะเลือกของให้มันตรงกับอายุของเด็ก เขาอาจจะยังไม่รู้ค่าของมัน
ว่าแพงแค่ไหนใช่ไหม
ใช่ ง่าย ๆ คือเราหวงของนั่นแหละ (หัวเราะ)
มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท ยูทูบเบอร์
รายการ Oh Lunla เริ่มมาจากพี่โชอยากให้มี แฟนคลับจะได้ไม่ลืมโอ้ หายคิดถึง บางทีเราไปถ่ายละคร ถ่ายหนัง ก็หายไปเกือบครึ่งปีที่เขาไม่เจอหน้าเราเลย
กลายเป็นข้อดี เพราะในยุคที่พี่โชเขาคิดรายการนี้ขึ้นมา มันเป็นยุคที่ดาราเริ่มทำยูทูบ เป็นช่องทางที่ทำให้แฟนคลับ คนที่รู้จักโอ้ หรือคนที่ไม่รู้จัก ก็กลายเป็นชื่นชอบผมไปเลย จากไลฟ์สไตล์ จากสิ่งที่เราชอบ จากวิดีโอที่เราถ่าย ซึ่งสั้นมากนะแค่ 10 นาที
ตอนแรกคิดว่าคนที่ดูเราคงจะเป็นเด็ก กลายเป็นผู้ใหญ่เป็นวัยกลางคนเยอะมาก ของที่เราสนใจก็กลายเป็นเขาสนใจตามไปด้วย โอ้ชอบไปเที่ยว ชอบไปทำนู่นทำนี่
เวลาว่างผมก็จะขับรถโบราณไปตึกแดง ไปดูของ แล้วก็จะอยู่ที่อู่รถของเพื่อน นั่งรถ ขับรถ ตระเวนอู่ประมาณ 3 – 4 อู่ ไปซื้ออะไหล่ ไปซื้อของมาแต่งรถ ผมก็จะวนเวียนอยู่กับรถยนต์ของผมนี่แหละ อยู่กับเรื่องล้อ ๆ ยาง ๆ แต่ผมยังอยากไปแคมป์ปิ้ง ในเมืองไทยมีที่ให้แคมป์เยอะมาก อยากไปเที่ยวตามอ่างเก็บน้ำ เที่ยวต่างประเทศก็ยังไม่ได้ไปเลย เพราะว่าติดเรื่องโควิด
เพราะแฟนคลับอยากให้เราทำอีก เขาอยากจะได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ จากเรา เหมือนเขาได้เปิดโลก โอ้ไม่เคยคิดว่ารายการที่ทำเล่น ๆ กับผู้จัดการคนดูจะชอบมากขนาดนี้
บทบาทสุดท้าย เราอยากให้ มาริโอ้ เมาเร่อ นิยามตัวเอง
ผมมองตัวเองเป็นอะไรเหรอ
ผมยังเป็นลูกแม่ แล้วก็เป็นบ้าด้วยครับ