ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่าทุกวันนี้ผู้คนก็เริ่มพูดถึงคุณภาพชีวิตมากขึ้น จนอาจเรียกได้ว่านี่เป็นยุคของ ‘บาลานซ์’ ก็ว่าได้ คนอยากกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อยากนอนหลับเพียงพอ นั่งเก้าอี้ Ergonomic รองรับสรีระ เดินออกกำลังกายได้ครบก้าวที่กำหนดไว้ในทุกวัน มีพื้นที่ไว้ทำกิจกรรมตามความสนใจอย่างเหมาะสม
ใคร ๆ ก็พูดถึง ‘Well-being’ ต่างคนก็ต่างอยากมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี แต่จะดีแบบไหน ดีได้อย่างไร ก็แล้วแต่ใครจะเลือกและหาทางให้เข้าใกล้ชีวิตดี ๆ นั้นที่สุด
‘Malton Gates’ เป็นหมู่บ้านแห่งใหม่ย่านพระราม 9 กรุงเทพกรีฑา ในเครือ Major Development ที่อยากให้ลูกบ้านมี Well-living ตามนิยามของตัวเองเหมือนกัน จึงคิดออกแบบระบบการอยู่อาศัยในทุก ๆ ด้าน ให้ลูกบ้านมีความสะดวกสบาย มีสุขภาพกายและใจที่ดี เท่าที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งจะทำได้
วันนี้เราชาว The Cloud มีโอกาสได้ไปเดินดูหมู่บ้านที่กำลังก่อสร้าง เลยขอนำมาแบ่งปันกันหน่อย เผื่อใครถูกใจและเก็บ Malton Gates ไว้เป็นตัวเลือกในการอยู่อาศัยอีกสักที่


อยู่ดี มีสุข
ในเครือ Major บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์มากว่า 23 ปีนั้น แบรนด์ Malton มีมาแล้ว 3 โครงการ ที่แรกคือสุขุมวิท 31 ที่ถัดมาคือที่อารีย์หรือซอยพหลโยธิน 8 และที่ล่าสุด คือ Malton Gates ที่เรามาเยี่ยมกันในวันนี้ ตั้งอยู่ในละแวกพระราม 9 กรุงเทพกรีฑา 2 โครงการแรกเป็นบ้านแฝด แต่ Malton Gates เป็นที่แรกที่ทำเป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 49 หลัง ในพื้นที่ 21 ไร่
ข้อดีของละแวกนี้คือมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดว่าครบครัน ใกล้โรงพยาบาลหลายแห่ง และมีโรงเรียนนานาชาติในย่านนั้น ทั้ง Ascot, Brighton College และ Wellington College แม้จะยังไม่มีห้างใหญ่ ๆ มาตั้ง (ซึ่งเดาว่าอนาคตคงมีแน่ ๆ) แต่หากอยากกินของอร่อย The Park หรือ Market Place ก็อยู่ไม่ไกล
ความประทับใจแรกของเราเมื่อเข้ามาสัมผัสที่นี่ คือหมู่บ้านถอยออกมาจากถนนใหญ่ 300 เมตร ต้องขับเข้าซอยไป ทำให้ด้านในหมู่บ้านเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว ช่วยกรองมลพิษไปได้มาก และให้ความรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอีกโลกที่เป็นโลกแห่งการพักผ่อนกายใจ


อย่างที่เล่าไปตอนต้น คอนเซปต์หลักของ Malton Gates คือ Well-being ของลูกบ้าน เมื่อถามว่า Well อย่างไรบ้าง คนที่นี่ตอบเรามา 6 Well ด้วยกัน
Well Design – ดีไซน์บ้านและพื้นที่ในโครงการได้น่าอยู่ ใส่ใจทุกรายละเอียด
Well Community – จำนวนยูนิตน้อย มีความเป็นส่วนตัว แต่ก็มีพื้นที่ส่วนกลางรองรับการพบปะ
Well Rest – มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการพักผ่อน
Well Health – มีพื้นที่ออกกำลังกายหลายรูปแบบและการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลสมิติเวช
Well Essence – สร้างความผ่อนคลายด้วยสวนสีเขียวและบรรยากาศหอมฟุ้ง โดย PAÑPURI
Well Service – บริการสุด Exclusive จาก Major Concierge ที่จะคอยช่วยอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง


ส่วนชื่อ Malton นั้น เราแอบถามที่มาจากทีมงานจนได้ความว่า เป็นชื่อเมืองในอังกฤษ ที่ทาง Major Development หยิบความเป็นเมืองเงียบสงบมาเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาโครงการ รวมถึงหยิบสไตล์สถาปัตยกรรมแบบยุโรปมาใช้และนำมาปรุงรส ใส่ความโมเดิร์นเข้าไปให้กลมกล่อม ดูเป็น Timeless Design จะดูตอนไหนก็ไม่เบื่อ
ตอนนี้มีคนมาจับจองบ้านไว้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ราว ๆ กลางปีถึงปลายปีนี้ เมื่อหมู่บ้านเสร็จสมบูรณ์ ชาว Malton Gates ก็จะทยอยลากกระเป๋าเข้าอยู่ ส่วนตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่ในขั้นตอนการเสกหมู่บ้านในฝันขึ้นมา ซึ่ง ‘The Cloud’ ระบบฟอกอากาศของ Major Development (ชื่อเดียวกับพวกเราเฉยเลย!) ก็จะทำหน้าที่ช่วยบรรเทามลภาวะจากไซต์ก่อสร้าง เพื่อให้ชาวบ้านโดยรอบที่อยู่มาก่อนไม่เดือดร้อนมากนัก


ลัดเลาะรอบบ้าน
ด้วยความที่ทั้งหมู่บ้านมีแค่ 49 ยูนิต การจัดวางให้ทุกหลังให้มีประสิทธิภาพก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ ที่ Malton Gates แบ่งบ้านออกเป็นคลัสเตอร์ ใน 1 กลุ่มมีไม่เกิน 4 หลัง และบางกลุ่มก็มีเพียง 2 หลัง ทุกบ้านจึงเปรียบเสมือนเป็นแปลงมุมที่มีพื้นที่รอบบ้านเป็นของตัวเอง
การจะเข้าไปถึงแต่ละบ้านก็ต้องเข้าซอยย่อยไปก่อน ทำให้ลูกบ้านมีความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย คนที่มีลูกเล็กก็ไม่ต้องกังวลว่าลูกเดินออกจากบ้านแล้วจะเจอกับถนนใหญ่เลย
หมู่บ้านนี้แบ่งบ้านเป็น 3 ไทป์ด้วยกัน ไทป์แรกที่เราได้ไปเยี่ยมชมคือ LIVINGSTON หรือไทป์ใหญ่ จัดเต็ม 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 5 ที่จอดรถ และ 2 ห้องเมด รวมทั้งหมดมีพื้นที่ใช้สอย 544 ตารางเมตร เหมาะกับครอบครัวขนาดปานกลาง-ใหญ่ มีลูก 1 – 2 คน


เมื่อเข้าประตูไป เราก็ได้พบกับห้องนั่งเล่น-รับแขก Double Height ที่มีกระจกใสสูง รับแสงธรรมชาติอุ่น ๆ จากข้างนอกได้เต็มที่ และมองออกไปที่คอร์ตข้างนอกได้ (บ้านทุกหลังที่นี่เป็นลักษณะรูปตัว U มีคอร์ตเอาต์ดอร์ตรงกลางที่หันไปทางข้างบ้าน ทำให้มีพื้นที่สีเขียวที่มีความเป็นส่วนตัวมาก ๆ) หากถามว่าส่วนไหนของบ้านโอ่อ่าที่สุด เราจะพูดถึงห้องนั่งเล่นอย่างไม่ลังเล
ถัดจากโซนนั่งเล่นก็ขยับไปเป็นโซนรับประทานอาหาร มีครัวฝรั่งในบ้านและครัวไทยด้านนอก ซึ่งต่อกับโซนเซอร์วิสข้างบ้านที่คุณเมดใช้ได้อย่างสะดวก พร้อมพื้นที่อาบน้ำน้องหมาที่เป็นกิจจะลักษณะ

ชั้นล่างมีห้องนอนห้องเดียวคือห้องนอนผู้สูงอายุ ซึ่งออกแบบตามหลัก Universal Design มีพื้นที่ปูด้วยวัสดุดูดซับแรงกระแทกได้ดี และมีห้องน้ำในตัวที่เหมาะกับคุณตา-คุณยาย ทั้งเป็นประตูเลื่อน ไม่มีสเตปให้ต้องระวัง จัดแปลนถูกหลักการ มีอุปกรณ์ช่วยจับช่วยลุกนั่ง และติดตั้งปุ่มขอความช่วยเหลือเอาไว้ด้วย
หากบ้านไหนไม่มีผู้สูงอายุ จะปรับห้องนอนด้านล่างเป็นฟังก์ชันอื่นก่อนก็ดีเหมือนกัน ห้องนี้ติดวิวสวน จะปรับเป็นห้องออกกำลังกายก็ดี เป็นห้องอ่านหนังสือก็เลิศ แล้วอายุมากขึ้นเมื่อไหร่ จะปรับเป็นห้องนอนทีหลังก็ยังไม่สาย
ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 2 เป็นส่วนของลูก ๆ มีห้องนอน 2 ห้อง พร้อมห้องน้ำในตัวและส่วนนั่งเล่น หากใครไม่มีลูก จะเปลี่ยนเป็นห้องน้องหมาก็ย่อมได้ ส่วนชั้นบนสุดเป็น Penthouse ที่เป็น Master Bedroom สำหรับคู่รักทั้งชั้น โดยทั้งสองคนจะมีพื้นที่แต่งตัวและเก็บของเป็นของตัวเอง
ซึ่งความพิเศษอย่างหนึ่ง คือสถาปนิกออกแบบให้ห้องนอนทุกห้องเป็นห้องมุม ทำให้มีหน้าต่างถึง 2 – 3 ด้าน ถ้าไม่อยากเปิดแอร์ ก็เปิดกระจกรับลมเย็น ๆ ให้อากาศถ่ายเทได้ แค่หายใจคล่องก็นับว่าเป็น Well-being อย่างหนึ่งแล้ว


ส่วนสวนข้างบ้าน ทางหมู่บ้านจะให้สนามหญ้าและต้นกันเกรา ไม้มงคลปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายมาให้ 1 ต้น แต่หลังจากนั้นลูกบ้านอยากปรับพื้นที่เป็นแบบไหนก็ตามแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน จะปูกระเบื้อง สร้างศาลาก็ได้ หรือจะทำเป็นสระว่ายน้ำก็ได้เหมือนกัน ทั้งหมดนี้อยู่ข้างบ้านและแยกส่วนกับที่จอดรถหน้าบ้านชัดเจน แขกไปใครมาก็ไม่รบกวนคนที่ใช้เวลาอยู่ในสวน
ด้าน MIDDLETON และ SMITHSON เป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอย 448 และ 403 ตารางเมตรตามลำดับ ทั้งคู่มี 4 ห้องนอนเท่ากัน แต่ไซซ์ห้องโดยรวมของ SMITHSON จะเล็กกว่า มีพื้นที่จอดรถน้อยกว่า และไม่มีลิฟต์ติดตั้งมาแต่ต้น (แต่หากจะเพิ่มลิฟต์ก็ได้เช่นกัน)

เราลองนึกภาพครอบครัวขยาย มีคนเยอะ ๆ ดู แล้วก็คิดว่าหากเลือก LIVINGSTON สมาชิกแต่ละคนคงอยู่ได้อย่างสบาย มีพื้นที่เป็นของตัวเอง แต่ถ้ามีสมาชิกน้อยลงมา บ้านอีก 2 ไทป์ก็เหมาะมาก ๆ แม้จะโอ่อ่าน้อยลง แต่ด้วยสเกลของสเปซที่กะทัดรัด ก็ทำให้บ้านดู Homey น่าอยู่ไปอีกแบบ
นอกจากการออกแบบทางสถาปัตยกรรมโดยรวม ๆ แล้ว บ้านที่นี่ยังมีนวัตกรรมที่น่าสนใจหลากหลายอย่างซึ่งช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุปิดผิวลดการสะสมเชื้อโรค การติดตั้งระบบบ้านปลอดฝุ่น พัดลมพลังงานแสงอาทิตย์ หรือการฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV ซึ่งเมื่อเราได้มาเห็นที่หมู่บ้านนี้แล้วก็ว้าวอยู่เหมือนกัน เทคโนโลยีมีประโยชน์กับชีวิตประจำวันได้ขนาดนั้นเลย

ดินแดนน่าอยู่
ยุคโรคระบาดสอนเราว่า มนุษย์ติดต่อสื่อสารกันทางไกลได้ เพื่อน ๆ ลดระยะห่างกัน ติดต่อทางโซเชียลมีเดีย การทำงานสมัยนี้จึงลดการเข้าออฟฟิศลง คลาสเรียนก็เปิดสอนออนไลน์มากขึ้น แต่ในที่สุดแล้ว มนุษย์ยังเป็นสัตว์สังคมที่ชอบการพบปะตัวต่อตัวอยู่ดี การนัดเจอผู้คนที่เรารักตัวเป็น ๆ ยังสร้างความกระชุ่มกระชวยได้ทุกครั้ง นอกเหนือจากพื้นที่ในบ้านแล้ว Malton Gates จึงสร้างพื้นที่ส่วนกลางอย่างดี เพื่อให้ลูกบ้านมีทางเลือกในการพักผ่อน เป็นอีกหนึ่ง Well-being ที่หมู่บ้านตั้งใจมอบให้
พื้นที่ส่วนกลางจะตั้งอยู่หน้าโครงการ มีสระว่ายน้ำความยาวมาตรฐานที่ว่ายแบบจริงจังได้ มีเทรลสำหรับจ็อกกิง มีสวนสีเขียวขนาดใหญ่ มีต้นไม้หลากหลายชนิด มี Gate Pavillion เป็นเหมือนศาลาหย่อนใจของทั้งคนและน้องหมา
ที่พูดเน้นถึงน้องหมาบ่อย ๆ เพราะว่าที่นี่เป็นหมู่บ้าน Pet Friendly ในบ้านมีที่อาบน้ำให้น้อง มีแนวกั้นสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก ด้านนอกก็มี Pet Bin สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ไม่ใช่แค่เลี้ยงสัตว์ได้เท่านั้น แต่สิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่ก็ทำให้เลี้ยงได้ดีเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวอีก 1 คน


Clubhouse ก็มีถึง 2 อาคาร อาคาร A เป็นล็อบบี้หลักดีไซน์หรูหรา มีห้อง Study Room ที่พาลูกมานั่งทำการบ้านได้ รองรับ 3 – 4 ที่นั่ง หากอยากประชุมก็มีห้องให้ทั้งขนาด 6 และ 12 ที่นั่ง
ด้านบนเป็นฟิตเนสพร้อมด้วย Private Gym ซึ่งเป็นห้องว่าง ๆ มีกระจก จะหาครูมาสอนเต้นก็ได้ เล่นโยคะก็ดี และยังมี Private Spa บรรยากาศผ่อนคลาย ที่ลูกบ้านนัดมือนวดส่วนตัวมาใช้พื้นที่ได้เช่นกัน
ส่วนอาคาร B ที่เดินถึงกันได้เป็นโซน Co-working สำหรับหยิบแล็ปท็อปมานั่งทำงาน และ Co-kitchen ซึ่งเป็นครัวกลางพร้อมที่นั่งทานข้าว เผื่อว่าลูกบ้านอยากสังสรรค์กับเพื่อนหลาย ๆ คนที่นี่ก็มีพร้อม ทั้งสเปซ อุปกรณ์ครัว เตาปิ้งย่าง ไม่ต้องออกแรงเตรียมเองให้เหนื่อย


สำหรับสวัสดิการต่าง ๆ หลังการขาย MDPC ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Major Development จะช่วยดูแลให้
ที่รู้สึกว้าวที่สุดเลย (เรียกว่าตกใจก็ยังได้) คือบริการที่เรียกว่า Concierge Service ช่วยเรื่องไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย อาจจะฟังดูกว้าง ๆ แต่เขาหมายถึงการดูแลครอบคลุมแทบทุกมิติของชีวิต ตั้งแต่รถเสีย จองตั๋วหนัง หรือแม้แต่ตั๋วคอนเสิร์ตที่จองยาก ๆ ก็ใช้บริการ Concierge Service ได้ น่าประทับใจมาก ๆ

ถึงสุดท้ายจะไม่ได้ซื้อบ้าน LIVINGSTON มาอยู่สักหลัง แต่เมื่อกลับมาจาก Malton Gates วันนั้น เราก็ได้นั่งทบทวนนิยามส่วนตัวของคำว่า Well-living อีกครั้งหนึ่ง แล้วครุ่นคิดถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเองในด้านที่คิดไม่ถึงมาก่อน ถ้าทำได้บ้างก็คงจะดีไม่น้อย
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่นี่เลย :
มอลตัน เกทส์ – กรุงเทพกรีฑา | New Luxury Gated Community | Major Development