ตึกเก่า กับ ย่านพระนคร ถือเป็นของคู่กันฉันใด ดอกไม้ กับ ปากคลองตลาด ก็เป็นของคู่กันฉันนั้น แต่การมาเยือนสี่แยกบ้านหม้อ จุดยุทธศาสตร์แห่งเขตพระนครคราวนี้ดูมีสีสันและประทับความทรงจำที่ยากจะลืมไว้มากกว่าครั้งก่อนๆ เพราะเรามีหมุดหมายอยู่ที่ ‘มาลี’ หรือ ‘MALEE BREW & BLOOM’ คาเฟ่สไตล์ Thai Minimalist ที่จับเอาตึกเก่า ร้านดอกไม้ไทย ลานแสดงนิทรรศการ และอาหารรูปรสยวนใจมาไว้ ณ ที่แห่งเดียว

ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาด อาจทำให้ธุรกิจคาเฟ่และร้านอาหารซบเซาลงไป แต่ใครจะรู้ว่าจู่ๆ จะมีคาเฟ่กึ่งแกลเลอรี่ผุดขึ้นมาใต้ร่มหลังคาตึกเก่าอายุกว่า 100 ปี ด้วยความกล้าบ้าบิ่นของ บอส-ภาคภูมิ แก้วดวงดี เด็กหนุ่มจากชัยภูมิผู้หอบเสื้อผ้าและความฝัน แพ็กใส่กระเป๋าเข้าเมือง เริ่มต้นจากงานประดิษฐ์ดอกไม้ไทยในอินสตาแกรมส่วนตัว จนขยับขยายมาเป็นคาเฟ่รีโนเวตจากตึกเก่าที่ทั้งเท่และเก๋ไม่ซ้ำ 

มาลี คาเฟ่แกลเลอรี่ ณ สี่แยกบ้านหม้อ ที่เสิร์ฟดอกไม้ไทย อาหาร และงานศิลปะในคราวเดียว

พ้นเขตประตูกระจกใส สายตาเราจับจดอยู่ที่กลุ่มแถวของดอกไม้น้อยใหญ่ละลานตา ถึงแม้บางชนิดจะคุ้นหน้าอยู่บ้าง แต่เพราะถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องจนมาดโก้ ทำให้ดอกไม้ไทยธรรมดา ดูหรูหราแปลกตาไปมากทีเดียว กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ คละเคล้าด้วยกลิ่นกรุ่นกาแฟ รัญจวนใจจนลืมไม่ลง

แม้จะเก็บกลิ่นหอมตลบและรสชาติอาหารจานตรงหน้ามาฝากไม่ได้ แต่เราขอจรุงจิตจรุงใจผู้อ่านทุกท่านด้วยบทสนทนาของเรากับบอส บอกเล่าถึงการผลิบานของสถานที่แห่งนี้ และการผลิบานในชีวิตของเขาเองด้วยเช่นกัน

มาลี คาเฟ่แกลเลอรี่ ณ สี่แยกบ้านหม้อ ที่เสิร์ฟดอกไม้ไทย อาหาร และงานศิลปะในคราวเดียว

มาลัย

“มันเริ่มจากตอนที่เราช่วยคุณยายร้อยมาลัย” 

บอสเล่าจุดเริ่มต้นของร้านมาลี และเรื่องราวที่จับพลัดจับผลูให้เขาผูกพันกับงานประดิษฐ์ดอกไม้ไทย ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปและอาศัยเวลาบ่มเพาะ ราวกับเขากำลังสนเข็มสาธิตวิธีการร้อยมาลัยที่แสนละเมียดละไมและประณีตเป็นที่สุด

“บอสมาจากชัยภูมิครับ ในต่างจังหวัด ถ้ามีงานบุญ คนสูงอายุเขาจะมารวมตัวเพื่อช่วยกันเตรียมงาน ร้อยพวงมาลัยบ้าง เย็บถาดขนมบ้าง ทำพานบายศรีบ้าง ยายเราก็จะไปช่วยทำ ซึ่งบอสติดยายมาก ยายไปไหนเราก็ตามไปด้วย

“เราเลยได้ลองจับลองทำ ซึบซับไปเรื่อยๆ จนรู้ว่าเราชอบสิ่งนี้ สมัยเรียนมัธยม เราก็รับจ้างทำงานฝีมือจากดอกไม้เป็นรายได้เสริม นั่นยิ่งทำให้เราชอบเข้าไปใหญ่ เพราะจากงานอดิเรก มันกลายเป็นว่าทำเงินให้เราได้ด้วย”

แม้จะมีทักษะทางด้านงานดอกไม้เป็นอย่างดี แต่ผิดโผ เด็กหนุ่มจากชัยภูมิเลือกศึกษาต่อด้านสถาปัตยกรรมภายใน และเดินหน้าทำงานในสายอาชีพนี้มายาวนานกว่า 7 ปี

“ก็เราทำเป็นแล้ว เราไม่ต้องเรียนต่อในสาขานี้ก็ได้ มันเรียนนอกเวลาได้ เรียนอะไรที่เราไม่เคยเรียนดีกว่า” ใต้น้ำเสียงนุ่มนวล เรากลับสัมผัสได้ถึงความมั่นใจและแข็งแกร่งของเขาเช่นกัน

ชีวิตในเมืองหลวงอาจถูกใจและสะดวกสบายต่อใครหลายๆ คน แต่นั่นไม่ง่ายเลยสำหรับบอส เมื่อภาระหน้าที่และความไม่คุ้นชินในช่วงจังหวะชีวิตที่ต้องพลัดถิ่นฐานมาไกล บอสจึงหันหน้าใช้ศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยว

“ถ้าอยู่ต่างจังหวัดแล้วเข้ามาเรียนหรือทำงานในกรุงเทพฯ จะรู้เลยว่าใช้ชีวิตลำบากมาก บอสเลยไปขอพรกับพระแก้วมรกต ให้หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง ให้เราอยู่ที่นี่ได้ หลังจากนั้นก็ดีขึ้นจริงๆ บอสเลยทำดอกไม้ไปถวายท่าน คิดใหม่ ทำใหม่ ตามสไตล์ที่เราชอบเลย

มาลี คาเฟ่แกลเลอรี่ ณ สี่แยกบ้านหม้อ ที่เสิร์ฟดอกไม้ไทย อาหาร และงานศิลปะในคราวเดียว

“จากนั้นมาเราก็ทำงานดอกไม้บ่อยขึ้น กลับจากที่ทำงานมา ก็คลายเครียดด้วยการร้อยดอกไม้ คนอื่นทำแบบไหนเราไม่รู้ แต่เราทำดอกไม้แล้วมีความสุข เราสบายใจ ทำเสร็จก็ถ่ายรูปลงอินสตาแกรม พอเริ่มมีคนให้ความสนใจมากขึ้น เลยเปิดอินสตาแกรมสำหรับลงรูปงานดอกไม้และรับทำงานดอกไม้โดยเฉพาะ”

บอสหมายถึงร้านดอกไม้ในอินสตาแกรมที่ใช้ชื่อว่า thelegendbouquet ก่อนพบกัน เราเปิดดูผลงานบางส่วนของบอสมาเป็นที่เรียบร้อย ยิ่งได้มาเห็นของจริงก็ยิ่งตอกย้ำว่า ลายเซ็นของงานดอกไม้ไทยโมเดิร์นจากที่นี่ แข็งแรงและโดดเด่นสมคำร่ำลือ

เสียงหัวเราะแกมเขินของบอสดังขึ้น เมื่อเล่าถึงเมื่อครั้งเคยจัดดอกไม้เป็นช่อ แล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะของหัวหน้าที่ทำงาน นั่นยิ่งทำให้เราเห็นวัฏจักรการเติบโตของดอกไม้ในชีวิตบอสได้ชัดเจนขึ้น แม้ในขณะนั้นดอกไม้อาจยังไม่ได้มีบทบาทหลักในชีวิต แต่มันไม่เคยจางหายไปจากตัวตนของเขาเลย ตั้งแต่วันที่ได้ลองทำเป็นครั้งแรก 

“เราเริ่มมีงานดอกไม้เข้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่งานสเกลเล็กๆ อย่างร้อยมาลัย พานพุ่ม พานบายศรี พวงหรีด ไปจนถึงสเกลใหญ่อย่างการตกแต่งงานทั้งงานด้วยดอกไม้ 

“พอมาถึงจุดหนึ่ง เรารู้สึกว่างานดอกไม้ก็สามารถสร้างอาชีพให้เราได้นี่ เราเลยอยากมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วย ถ้าเรายังเป็นออนไลน์อยู่ ก็อาจจะสู้กับเจ้าอื่นไม่ได้”

มาลี คาเฟ่แกลเลอรี่ ณ สี่แยกบ้านหม้อ ที่เสิร์ฟดอกไม้ไทย อาหาร และงานศิลปะในคราวเดียว

มาไกล

จากกิจกรรมที่หัดทำตามคุณยาย สู่การหารายได้เสริมในวัยเด็ก เคล็ดบำบัดจิตใจ และภาพฝันที่จะใช้ดอกไม้เป็นอาชีพหลักในอนาคต จนเมื่อได้พบกับทำเลที่ถูกใจ ความฝันจึงเดินทางเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น บอสตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะหันมาเอาดีทางด้านงานดอกไม้ และวางมือจากงานประจำด้านออกแบบตกแต่งภายใน

บอสเล่าให้เราฟังว่า ความน่าแปลกใจอย่างหนึ่ง คือการที่เขามาปากคลองตลาดจนนับครั้งไม่ถ้วน เที่ยวเดินเสาะหาตึกเก่าที่ตรงสเปกมาแล้วร่วมปี แต่ก็ไม่มีวี่แวว จนกระทั่งวันหนึ่ง ที่บอสเชื่อว่าเขาไม่ได้พกอะไรใส่ในกระเป๋าต่างจากวันอื่นๆ ยกเว้นโชคชะตา

มาลี คาเฟ่แกลเลอรี่ ณ สี่แยกบ้านหม้อ ที่เสิร์ฟดอกไม้ไทย อาหาร และงานศิลปะในคราวเดียว

“บอสกลับจากปากคลองตลาด เห็นแล้วก็แปลกใจว่ามีตึกนี้ด้วยหรือ ผู้เช่าเดิมคือ อมร อีเล็คโทรนิคส์ ซึ่งเขากำลังจะหมดสัญญาเช่า คืนนั้นเรานอนไม่หลับเลย ตื่นเช้ามาเราก็รีบมาที่ตึก เดินหาป้ายประกาศว่าจะติดต่อได้จากที่ไหน บอสคิดว่าเขาประทับใจในสิ่งที่เราจะทำนะ เขาเลยยอมปล่อยตึกนี้ให้กับเรา

“พอได้ตึก ก็ปรึกษาเงินในกระเป๋าก่อน (หัวเราะ) ตอนนั้นเราทำงานเก็บเงินมาได้สักก้อนหนึ่งแล้ว ก็โทรบอกแม่ว่าจะทำร้านนะ แต่ถ้ามันไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าบอสกลับบ้านพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียวเหมือนตอนที่บอสเข้ามากรุงเทพฯ แม่จะโอเคไหม”

แม้ในต้น พ.ศ. 2564 สถานการณ์โรคระบาดและสภาพเศรษฐกิจยังระส่ำระสาย บอสกลับลาออกจากงานประจำ ทุบหม้อข้าวในวันที่หลายคนหยอดเหรียญลงประปุก โดยเขาย้ำกับเราว่า โอกาสและความฝัน เป็น 2 สิ่งในชีวิตที่ไม่เคยรอเวลา 

บอสตั้งใจไว้แต่แรกว่าไม่อยากใช้พื้นที่ทั้งหมดไปกับร้านกาแฟและร้านขนม แต่อยากยกเคาน์เตอร์จัดดอกไม้ของตนมาไว้ในร้าน และอุทิศพื้นที่กว่า 2 ใน 3 ให้เป็นลานจัดนิทรรศการและเวิร์กชอปงานศิลปะหลายแขนง เมื่อได้ตึกเก่าหัวมุมสี่แยกบ้านหม้อมาเติมเต็ม ทุกอย่างก็ดูเหมาะเจาะเข้าทางเหมือนถูกจับวางไม่มีผิด

มาลี คาเฟ่แกลเลอรี่ ณ สี่แยกบ้านหม้อ ที่เสิร์ฟดอกไม้ไทย อาหาร และงานศิลปะในคราวเดียว
มาลี คาเฟ่แกลเลอรี่ ณ สี่แยกบ้านหม้อ ที่เสิร์ฟดอกไม้ไทย อาหาร และงานศิลปะในคราวเดียว

การผลิบานครั้งใหม่ของคาเฟ่มาลี เรียงกลีบผลิช่อได้อย่างราบรื่นและมีผลตอบรับที่ดีเกิดคาด แม้จะมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด มาระงับการให้บริการส่วนของร้านกาแฟไปบางช่วง แต่ก็ไม่กระทบกับธุรกิจงานจัดดอกไม้ ซึ่งเป็นรายได้หลักของร้านมากเท่าใดนัก

“ความต้องการใช้ดอกไม้ยังมีอยู่ตลอดนะครับ ทั้งก่อนและหลังโควิด-19 ระบาด แต่จะมีกระทบอยู่บ้างช่วงที่มีคลัสเตอร์ที่ปากคลองตลาด ซึ่งเรารับดอกไม้มาจากที่นั่น ลูกค้าบางคนเขาก็จะยังไม่กล้าสั่ง ยิ่งถ้าหากวัดปิด ความต้องการใช้ดอกไม้ก็จะลดลงตามไปด้วย อันนั้นแหละที่ทำให้เราได้รับผลกระทบจริงๆ”

มาลี คาเฟ่แกลเลอรี่ ณ สี่แยกบ้านหม้อ ที่เสิร์ฟดอกไม้ไทย อาหาร และงานศิลปะในคราวเดียว

มาลี

บอสตั้งชื่อเล่นให้คาเฟ่แห่งนี้ว่า ‘มาลี’ เมื่อมีชื่อเล่นก็ต้องมีชื่อจริงตามสไตล์คนไทย ชื่อ ‘MALEE BREW & BLOOM’ จึงถือกำเนิดขึ้น โครงสร้างภายนอกคือตึกเก่า 3 ชั้น อายุกว่า 100 ปีที่ตั้งเด่นเป็นสง่าท้าทายกาลเวลาและวันวาน บอสกระซิบบอกกับเราว่า เขาไม่ได้แตะต้องโครงสร้างภายนอกเลยแม้แต่น้อย

“เราชอบแล้ว คิดว่าไม่มีอะไรทำให้นางสวยได้นอกจากเวลา” เจ้าของร้านเอ่ย 

เมื่อเดินเข้ามาที่ชั้นหนึ่ง คุณจะได้พบสวนดอกไม้ตระการตาขนาดย่อม ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาลและการจัดธีมของร้าน ถัดไปเป็นเคาน์เตอร์สีขาวสะอาดตา ที่ตั้งของครัวเล็กๆ สำหรับผลิตกาแฟและขนมอบสดใหม่หลากหลายชนิด ส่วนอีกฟากคือโซนจัดดอกไม้ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของร้าน แทนที่จะมีพื้นที่ว่างวางโต๊ะเก้าอี้มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเข้ามานั่งจิบกาแฟได้มากที่สุด เขากลับเนรมิตเป็นลานจัดแสดงนิทรรศการศิลปะหมุนเวียนจากดอกไม้ ให้แวะมาเยี่ยมชมได้ไม่มีเบื่อ ที่สำคัญ บอสยังเชิญชวนเพื่อนๆ จากแวดวงงานศิลปะหลายแขนง มาร่วมรังสรรค์ผลิบานความสดใหม่ในนิทรรศการทุกครั้งเมื่อมีโอกาสอีกด้วย

มาลี คาเฟ่แกลเลอรี่ ณ สี่แยกบ้านหม้อ ที่เสิร์ฟดอกไม้ไทย อาหาร และงานศิลปะในคราวเดียว

ชั้นสองเป็นพื้นที่สำหรับนั่งทานขนมและกาแฟ ประดับประดาด้วยหมู่มวลดอกไม้และเครื่องแขวนวิจิตรบรรจงนานาชนิด ตั้งแต่ราวบันไดจนสุดปลายเพดาน ทั้งกระเช้ามาลี วิมานพระอินทร์ และโคมระย้าอีกน้อยใหญ่ ทุกชนิดขึ้นรูปร้อยร่างจากดอกไม้ไทยสดใหม่ พับกลีบซ่อนมุมไว้อย่างประณีต ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย ช่วยให้เจริญอาหารได้หลายทบทวี

ส่วนชั้นสาม บอสมีโครงการ Glasshouse Workshop ทดไว้ในใจ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ตัวเขาและศิลปินรับเชิญที่มาร่วมจัดนิทรรศการแต่ละครั้ง ได้มาแบ่งปันแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดมิติความรู้ด้านงานศิลปะแขนงที่ตนเองช่ำชองให้แก่ผู้สนใจ แวะเวียนมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ไปพร้อมกับการเยี่ยมชมงานดอกไม้ และลิ้มรสจานอาหารแสนสนุกในคราวเดียว

“สมมติว่ามีศิลปินงานผ้ามาคอลแลบกับบอส ก็จะเกิดงานดอกไม้ผสมกับงานผ้า กลายเป็น Exhibition ที่จัดอยู่ชั้นหนึ่ง แล้วก็จะมีกิมมิกเหล่านั้นลามมาที่การตกแต่งดอกไม้บนชั้นสองด้วย ส่วนชั้นสามก็จะเป็นเวิร์กชอปของศิลปินท่านนั้น เราคิดมาแล้วว่าอยากให้ทุกอย่างมันล้อไปด้วยกันทั้งหมด

“ในอนาคต บอสอยากจัดดินเนอร์ให้คนที่มาเวิร์กชอปได้ร่วมทานมื้อเย็นกับเรานะครับ เพราะแสงตอนเย็นของที่นี่สวยมาก ซึ่งคิดว่ายังไม่ค่อยมีใครเคยเห็น”

มาชิม

มาเยือนถิ่น MALEE BREW & BLOOM ทั้งที ใช่ว่าจะมีแต่ดอกไม้ให้ชม หากไม่ได้ชิมสารพัดเครื่องดื่มและขนมจากที่นี่ ก็จะถูกซุบซิบว่าเสียเที่ยวได้

ผู้อยู่เบื้องหลังเมนูสุดครีเอตที่ทั้งรวยรูปและอร่อยรสทั้งหลาย ต้องยกความดีความชอบให้ ปาล์ม-ณัทพงษ์ ลีละวัฒนพันธ์ หุ้นส่วนของบอส ผู้ทดลองคิดค้นสูตรและดูแลเคาน์เตอร์อาหารที่เสิร์ฟภายในร้าน โดยมีการใช้ดอกไม้คอยเชื่อมโยงทุกเมนูให้เข้ากับตัวตนของมาลีได้อย่างกลมกล่อม ความน่ารักมากของที่นี่ คือการตกแต่งอาหารด้วยดอกไม้ออร์แกนิกทานได้ ให้คุณได้ละเลียดรสชาติแบบคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์

เมนูแนะนำที่ถึงเชลล์ไม่ชวนก็ควรชิม คือเครื่องดื่มซิกเนเจอร์อย่าง Siam Rose สัมผัสหอมเบาจากกาแฟสกัดเย็นผสมกับกุหลาบและลิ้นจี่ แม้ไม่ใส่น้ำแข็งก็ดื่มคล่องคอเย็นชื่นใจ อีกแก้วที่มาแล้วไม่สั่งไม่ได้คือ Into the Woods แก้วนี้ผสมผสานระหว่างเมล็ดกาแฟ 2 สัญชาติกับชาสูตรพิเศษของทางร้าน เบลนด์พร้อมกลีบกุหลาบ มะม่วง และราสเบอร์รี่ ให้ความหอมหวานโดดเด่นเฉพาะตัว

ส่วนจานขนมโฮมเมด ก็เสริมทัพจัดขบวนมาไม่น้อยหน้า ทั้ง Lemon Tart เมนูท็อปฮิตยอดนิยม ตัวไส้ทำจากเลม่อนแท้ รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี หรือจะเป็น Coconut Tart ก็เข้าที เพราะเห็นแค่หน้าตาก็รู้ทันทีว่าต้องชิม ทางร้านคัดส่วนผสมจากมะพร้าวน้ำหอมแท้ นุ่มละมุนละลายในปาก ถูกใจสายหวานน้อยแน่นอน

มาชม

ร้านกาแฟบนตึกเก่าในย่านพระนครหาได้ง่ายพอๆ กับร้านสะดวกซื้อ ชนิดที่ว่าหลบไปมุมไหนก็หาร้านกาแฟซุกตัวได้อยู่ไม่ขาด แต่สิ่งที่ทำให้มาลีเป็นที่รู้จักในบรรดาสายคาเฟ่และนักเสพงานศิลป์จากทั่วฟ้าเมืองกรุงภายในระยะเวลาไม่ถึงขวบปี บอสมองว่าเป็นเรื่องของตัวตนและจุดยืนที่มาลีหนักแน่นมาเสมอ

“ลูกค้าจำเราได้ตั้งแต่เราขายดอกไม้อยู่ในไอจี พอเรามาทำร้าน เราก็ถ่ายทอดความเป็นตัวตนของเราออกมา บอสมองว่าความเป็นตัวตนมันยั่งยืนกว่าการทำไปตามกระแสนะครับ มันดีกว่าทำการตลาดไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นว่าช้ำหมด แล้วก็เงียบไป

“ถ้าเรามีตัวตน เราจะทำอะไร อยู่ที่ไหน คนก็จำเราได้”

อีกหนึ่งประการที่ทำให้ลูกค้าหน้าใหม่แวะเวียนเข้ามาที่คาเฟ่แห่งนี้จนหัวกระไดไม่แห้ง และเชื้อเชิญให้ขาประจำแวะมาซ้ำเป็นครั้งที่สองสามเรื่อยไป คือการหมุนเวียนเปลี่ยนโฉมการตกแต่งร้านอยู่เสมอ ก้าวขาเข้ามาแต่ละครั้ง ก็พบความตื่นเต้นหรรษากับบรรยากาศใหม่ ณ ขณะก็เหมือนว่าเป็นบรรยากาศเดิมที่คุ้นเคยเมื่อคราวก่อน

“บอสมองว่า Exhibition มันดีตรงที่เขาเข้ามาที่เดิม แต่เขาไม่ได้รูปเดิม

“เราเน้นไปที่ดอกไม้ไทย ดอกไม้ตามฤดูกาล และดอกไม้ที่คนไม่ค่อยนึกถึง ให้เห็นว่ามันเอามาทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย เทคนิคต่างๆ ที่บอสใช้ก็มาจากการดูจากภาพจิตรกรรมหรืองานจิวเวลรี่ต่างๆ ถ้าเราทำงานดอกไม้ แล้วเราไปดูงานดอกไม้ของคนอื่น มันก็จะออกมาเหมือนกัน เราต้องดูจากศาสตร์อื่นๆ แล้วค่อยมาแปลงให้เป็นงานดอกไม้”

เมื่อเราถามถึงความถี่ของแบบสเก็ตช์ใหม่ๆ ที่บอสจะนำมาใช้จัดนิทรรศการ คำตอบของบอสทำให้เราทุกคน ณ ที่นั้นหัวเราะออกมาพร้อมกันด้วยความคาดไม่ถึง

“คิดทุกวันครับ (หัวเราะ) ​​เพราะร้านเราอยู่ปากคลอง เราอยู่ใกล้วัตถุดิบ แบบที่อยากจะทำมันมาทุกวันอยู่แล้ว”

ดอกไม้อาจเป็นเม็ดเงินและธุรกิจที่หล่อเลี้ยงปากท้อง แต่นั่นคือชีวิตและจิตวิญญาณของบอสเช่นกัน ด้วยพรสวรรค์ในการช่างคิดช่างทำ บอสจึงชอบเนรมิตแบบสเก็ตช์ที่เก็บซ่อนไว้บนแผ่นกระดาษ ให้ได้วาดลวดลายอยู่บนลานนิทรรศการในร้านอยู่เสมอ ทำให้ร้านมาลีทำหน้าที่เป็นพอร์ตเก็บผลงาน และลานปล่อยของของเขาไปด้วยในตัว 

หากลูกค้าเดินเข้ามาเลือกแบบดอกไม้ บอสก็พร้อมกางพอร์ตเล่มโตให้คุณได้เลือกสรรตามใจ หากผูกสมัครรักชอบผลงานชิ้นไหน บอสก็พร้อมเนรมิตทั้งหมดให้ได้อย่างไม่รีรอ

แม้สถาปนิกออกแบบตกแต่งภายในกับนักจัดดอกไม้จะแตกต่างกัน แต่บอสคิดว่าวิชาความรู้ด้านการออกแบบที่ติดตัวอยู่ ช่วยให้เขาเข้าใจองค์ประกอบ สัดส่วน โทนสี และฟังก์ชัน ของงานดอกไม้แต่ละชิ้นได้อย่างรู้จักมักคุ้น ผลงานที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นเครื่องการันตีว่างานดอกไม้ทุกชิ้นจากที่นี่ ผสมความทันสมัย ความแปลกใหม่ และคุณค่าของวัฒนธรรมประเพณีไทย มาแขวนเข้าคู่กันไว้ได้อย่างลงตัว

“เวลาเรารักอะไร เราจะทำออกมาได้ดีเสมอ ซึ่งบอสคิดว่า ทุกอย่างที่บอสทำในวันนี้ เป็นเพราะความรักล้วนๆ เลย” 

เรื่องราวการผลิบานของร้านมาลี และช่วงชีวิตที่เผชิญกับความกล้าบ้าบิ่นของบอส ช่วยเสกสรรค์ให้ขนมและเครื่องดื่มบนโต๊ะหวานละมุนกลมกล่อมยิ่งกว่าเก่า กลิ่นรัญจวนจิตของพรรณไม้ที่ฟุ้งไปทั่วร้าน ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกไม่จาง เมื่อได้รู้ว่านอกจากกลิ่นดอกไม้และขนม ที่แห่งนี้ยังตลบอบอวลไปด้วยความฝันและความทะเยอทะยานของเด็กหนุ่มไกลบ้าน ผู้หอบเอาร่องรอยความทรงจำแห่งวัยเยาว์ มาลงหลักปักฐานไว้ ณ ร้านดอกไม้ที่เสิร์ฟอาหารและนิทรรศการศิลปะเป็นเครื่องเคียง

จานขนม เครื่องดื่ม และบทสนทนาของเราดำเนินมาจนถึงปลายทาง ประหนึ่งว่าพวงมาลัยที่เขาบรรจงจัดร้อยให้เราเห็นเป็นขวัญตาเมื่อแรกเอ่ยคำทักทาย ได้ม้วนปมตัดปลายด้ายเป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมทำหน้าที่เป็นพวงมาลัยคล้องใจให้เราอยากกลับมาเยี่ยมเยียน ณ ที่แห่งนี้อีกเป็นครั้งที่สาม สี่ ห้า และอาจมีครั้งที่อนันต์ตามมาในที่สุด

มาลี / MALEE BREW & BLOOM

ที่ตั้ง : 180 ถนนบ้านหม้อ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ (แผนที่)

วัน-เวลาทำการ : อังคาร-ศุกร์ 11.00 – 19.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 10.00 – 19.00 น.

Facebook : MALEE BREW & BLOOM.

Instagram : malee.brewandbloom

Writer

Avatar

ณัฐชา เกิดพงษ์

นักฝึกเขียน ผู้มีกาแฟและหมาปั๊กเป็นปัจจัยที่ 5 และเพิ่งค้นพบว่าการอยู่เฉยๆ ยากพอๆ กับการนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง

Photographer

Avatar

เธียรสิน สุวรรณรังสิกุล

ปัจจุบันกำลังหัดนอนก่อนเที่ยงคืน